ASTVผู้จัดการรายวัน - อ.จุฬาฯ โวยส่งลูกศิษย์ไปช่วยรัฐบาลช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม แต่ถูกบังคับให้ใส่เสื้อแดง ชี้ทำคนกรุงเทพฯ ที่ต้องการจะช่วยถอยหมดแล้ว ด้านนายอำเภอปากเกร็ดสุดทน แฉ “เก่ง การุณ” ตระบัดสัตย์ ตกลงจะทำคันกั้นน้ำคลองประปาทั้งสองฝั่ง แต่กลับพาพวกพังคันกั้นฝั่งปากเกร็ดทำให้น้ำท่วมฝั่งถนนศรีสมาน
วานนี้ (20 ต.ค.) รศ.ดร.ทวีวงศ์ ศรีบุรี กรรมการผู้อำนวยการศูนย์บริการวิชาการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวในรายการคมชัดลึก ทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเนชั่นแชนแนล โดยในตอนหนึ่งกล่าวถึงแนวทางในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมระหว่างรัฐบาลและกรุงเทพมหานครว่า ต้องคุยกันให้ชัดว่าจะทำอย่างไร วิธีปฏิบัติจะเป็นอย่างไร เพราะเหนือรังสิตขึ้นไปไม่ได้อยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครสามารถคุยกันได้หรือไม่ และรัฐบาลควรที่จะเป็นคนเข้าไปประสาน คุยกันว่าอย่างไรเสียน้ำก็จะเข้ามาทางนี้ ก็ต้องยอมรับ แต่ว่าการตัดสินใจแต่ละครั้งเรารู้อยู่แล้วว่าจะเกิดความเสียหาย ก็อาจจะต้องมีการสัญญาว่าจะชดเชยอย่างไร แต่ในขณะนี้ประชาชนไม่ค่อยจะเชื่อเรื่องข้อมูลน้ำที่จะเข้าท่วม ตรงนี้ทำอย่างไรที่จะให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นได้จริง อย่างไรก็ตาม คนกรุงเทพฯ เองตอนนี้จะสังเกตได้ว่าในเมื่อคนอื่นเดือดร้อน แล้วคนกรุงเทพฯ ก็จะเข้าไปช่วยกัน แต่คนที่ไปช่วยก็เจอปัญหาแล้ว
“พอเราจะส่งเด็กเราเข้าไปทำงาน เขาบอกว่า ให้ใส่เสื้อสีแดงเข้ามา แค่นี้ก็ต้องเรียกเด็กกลับแล้ว อันนี้คือเหตุการณ์ที่เราเจอวันนี้นะครับ นี่คือคำถามที่ถามว่า เราต้องการจะไปช่วยเขา เวลาเขาเดือดร้อน แต่พอเจอเวลาถ้าจะเข้ามาก็ต้องใส่เสื้อสีแดงมาด้วย มันหมายความว่าไง มันเป็นวิกฤตซึ่งเรากำลังจะเข้าไปช่วย แต่เขาพูดแค่คำนี้ออกมาเราก็บอกไม่รู้จะช่วยยังไงแล้ว มันเหมือนถูกแบ่งชั้นวรรณะ แล้วพวกเราจะทำยังไงกันล่ะ ในเมื่อคนเรายังไม่ยอมรับซึ่งกันและกันเลย เป็นอุปสรรคซึ่งรัฐบาลจะต้องมองตรงนี้ แล้วเข้าไปเคลียร์ตรงนี้ให้ได้ มีนโยบายจะเอาอย่างไร ความช่วยเหลือจะเข้ามาอย่างไร จะเอาใครมาช่วย แล้วจะช่วยได้แค่ไหน ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่มาก บอกได้เลยว่าคนที่ตั้งใจจะช่วยเขาถอยมาหมดแล้วตรงนี้ ซึ่งมันไม่น่าจะเกิดอันนี้” รศ.ดร.ทวีวงศ์ กล่าว
**“เก่ง” พาพวกบุกพังคันกั้นน้ำคลองประปา
ขณะเดียวกัน วานนี้ (21 ต.ค.) นายวิสิษฐ์ พวงเพชร นายอำเภอปากเกร็ด จ.นนทบุรี กล่าวในรายการเก็บตกจากเนชั่น ทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเนชั่นแชนแนล ถึงกรณีที่มีการพังคันดินกั้นน้ำบริเวณ กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ฯ บริเวณหัวมุมถนนแจ้งวัฒนะ และถนนเลียบคลองประปา อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ระบุว่าขณะนี้คันดินยังคงอยู่ แต่ถูกพังทลายไปแล้วเป็นระยะทางยาวกว่า 1 กิโลเมตร ทั้งนี้ ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมาอำเภอปากเกร็ดได้มีการทำคันดินบริเวณดังกล่าวจนแล้วเสร็จ แต่ชาวบ้านเขตดอนเมือง กรุงเทพฯ ไม่พอใจ จึงเข้ามาประท้วงให้รถแบ็กโฮหยุดทำงาน โดยอ้างว่าน้ำได้ท่วมเขตดอนเมืองด้วย ก็เลยหยุดการทำคันดินและเจรจา โดยมี นายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม.เขตดอนเมือง พรรคเพื่อไทย และ นายมนตรี ตั้งเจริญถาวร ส.ส.นนทบุรี เขต 4 พรรคเพื่อไทย เดินทางมาด้วย
ทั้งนี้ ผลการเจรจาได้ข้อยุติว่า ให้รถแบ็กโฮของอำเภอปากเกร็ดกว่า 10 คันแบ่งไปช่วยกันทำคันดินให้เขตดอนเมือง 5 คัน และทำในเขต อ.ปากเกร็ด 5 คัน แต่เนื่องจากเขตดอนเมืองไม่สะดวกที่จะทำคันดิน เนื่องจากต้องเอาแบ็กโฮลอยน้ำเข้าไปในคลองประปา ถึงจะทำคันดินได้ นายมนตรีจึงจัดหารถแบ็กโฮและรถเครนยักษ์มาให้เพื่อยกรถแบ็กโฮ ทั้งนี้ มีนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ รมว.มหาดไทย และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ได้เข้าร่วมเจรจาและแถลงข่าวเรียบร้อย จนชาวบ้านเขตดอนเมืองพอใจ แยกย้ายกันกลับบ้าน และนำรถแบ็กโฮข้ามฝั่งไปทำคันดินที่เขตดอนเมือง ซึ่งตนได้แยกย้ายกลับบ้านประมาณ 1 ทุ่ม
นายวิสิษฐ์ กล่าวต่อว่า กระทั่งเวลา 02.00 น. ได้รับแจ้งว่าได้มีการพังคันดินหมดแล้ว จึงรุดไปตรวจสอบ ปรากฏว่าทางฝั่งดอนเมืองเอารถแบ็กโฮซึ่งไม่ทราบที่มารื้อคันดินทั้งหมด โดยมีนายการุณเป็นคนนำรถแบ็กโฮพังคันกั้นน้ำเอง โดยอ้างว่าบ้านเขาเดือดร้อน จึงเข้ามาทำลายคันดิน โดยนายการุณได้ดำเนินการนำรถแบ็กโฮพังคันดินประมาณเที่ยงคืนเศษ กระทั่งเวลา 02.00 น.คันดินได้พังหมดแล้ว ซึ่งคันดินดังกล่าวมีจุดเริ่มต้นตั้งแต่ประตูไซฟ่อน ต.คลองเกลือ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ตามแนวเขตคลองประปาไปเรื่อยๆ โดยคิดว่าจะทำคันดินให้ถึงเขตบางซื่อ กรุงเทพฯ เพราะว่าจะต้องไปสูบน้ำออกที่นั่น แต่จุดที่นายการุณได้นำรถแบ็กโฮพังคันดินเริ่มตั้งแต่ถนนศรีสมานที่จะขึ้นทางด่วนอุดรรัถยา น้ำได้ลงไปด้านล่างซึ่งเป็นพื้นที่ต่ำ มีความยาวกว่า 1 กิโลเมตร
“นายการุณ มาช่วยเจรจาให้เรียบร้อย แถลงข่าวเรียบร้อย ออกทีวีทุกช่อง ว่าจะทำคันดินสูงประมาณเมตรหนึ่งคู่ขนานกันไปเลย โดยทางนายมนตรีออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด ซึ่งนายการุณได้แถลงด้วย และมีรัฐมนตรีมหาดไทยก็อยู่ด้วย ซึ่งเวลา ส.ส.แถลงผมอยู่ในนั้นก็รับรู้กันหมด เสร็จแล้วแยกย้ายลงมือทำ ชาวบ้านก็กลับบ้านกันไป แต่พอมาเที่ยงคืนก็มีมวลชนมาใหม่ นายการุณก็นำมวลชนเข้ามาใหม่ แล้วก็บอกว่าต้องทลายคันดินไปเพราะว่าชาวบ้านเขาเดือดร้อน แต่ไม่ได้เจรจาอะไรเลย พอผมมาถึงมันพังหมดแล้ว ไม่รู้จะพูดกันยังไง” นายวิสิษฐ์ กล่าว
นายอำเภอปากเกร็ด กล่าวต่อว่า จากนี้ไปต้องรายงานให้ นายวิเชียร พุฒิวิญญู ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี เพื่อให้นำไปรายงานเข้าศูนย์ ศปภ.ต่างหาก ซึ่งนายวิเชียรกล่าวว่าจะเรียกประชุมโดยเชิญนายกเทศมนตรีนครปากเกร็ด และเชิญตัวแทนจากศูนย์แสดงสินค้าอิมแพ็ค เมืองทองธานี และการประปานครหลวงไปคุยกันที่นั่น เพราะเห็นว่าจะต้องหาแนวคันดินใหม่ ถ้าหากจะขัดแย้งกันตลอด จะต้องทะเลาะกันตลอดอย่างนี้คันดินที่มีอยู่เดิมคงทำลำบาก ซึ่งก่อนหน้านี้คันดินฝั่ง อ.ปากเกร็ดเราได้ทำก่อนแล้ว และแล้วเสร็จก่อน ซึ่งน้ำในคลองประปานั้น หากใช้เครื่องสูบน้ำจากกรุงเทพมหานคร อำเภอปากเกร็ด และการประปานครหลวงก็สามารถสูบน้ำได้ทัน เพราะมีปริมาณน้ำไม่มาก แต่ถ้าน้ำล้นเข้ามาฝั่ง อ.ปากเกร็ดแล้ว มันจะไปเซาะคันดินที่กั้นแม่น้ำเจ้าพระยาเอาไว้ หากคันดินพัง ทั้งเขตดอนเมืองและเขตหลักสี่ รวมทั้ง อ.ปากเกร็ด น้ำจะท่วมสูงไม่ต่ำกว่า 2 เมตร เพราะน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยามีปริมาณน้ำมากกว่าหลายเท่า
อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจากการพังคันดินน้ำได้ไหลเข้าท่วมทั้งสองฝั่งเหมือนเดิม แต่ในส่วนของ อ.ปากเกร็ดน้ำจากคลองประปาได้ไหลเข้าไปที่ถนนศรีสมาน ซึ่งตนเข้าไปแก้ปัญหาไม่ได้ เพราะถูกขู่ว่าจะถอนรถแบ็กโฮ ขณะนี้น้ำยังไหลไม่ถึงถนนติวานนท์ แต่ระดับน้ำขณะนี้รถเล็กไม่สามารถสัญจรไปมาได้ เข้าได้เฉพาะรถใหญ่ ซึ่งโดยส่วนตัวถ้าน้ำท่วม อ.ปากเกร็ด ก็คงต้องท่วม แต่ถ้าท่วมไปถึงคันดินกั้นแม่น้ำเจ้าพระยาที่ทำเอาไว้ กรุงเทพมหานครโดยเฉพาะเขตดอนเมืองและเขตหลักสี่ก็จะไม่เหลือ เพราะน้ำจะเข้าท่วมประมาณ 2 เมตร ซึ่งปริมาณน้ำในคลองประปาขณะนี้สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยระดับน้ำยังปริ่มถนนศรีสมาน แต่ในส่วนของการเจรจาต้องให้นายวิเชียรตัดสินใจ
**ปากเกร็ด,ดอนเมืองต่างทำคันกั้นคลองประปา
สำหรับความเคลื่อนไหวล่าสุดรถแบคโฮ ที่ นนทบุรี ทำคันกั้นน้ำริมคลองประปา ในขณะที่ดอนเมืองก็ทำเช่นกัน หลังมีกรณีพิพาทขึ้น
ที่คลองประปา วัดศรีสมาน อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ล่าสุด รถแบคโฮของเทศบาลเมืองนนทบุรี จำนวน 10 คัน ได้เข้าทำการขุดดิน เพื่อทำแนวคันกั้นน้ำริมฝั่งคลองประปา ศรีสมาน ทั้งฝั่งของ อ.ปากเกร็ด และฝั่งดอนเมือง หลังชาวบ้านทั้ง 2 พื้นที่ ที่พิพาทกัน ได้ทำข้อตกลงว่า จะทำแนวคันกั้นน้ำไปพร้อมๆ กันทั้ง 2 ฝั่ง ซึ่งในส่วนของฝั่งดอนเมือง ได้ใช้โป๊ะรถยกแบคโฮลอยน้ำเข้าไปขุดดินริมคลอง ซึ่งขณะนี้ในส่วนของคันกั้นน้ำของฝั่งปากเกร็ด ที่ถูกรื้อเมื่อเมื่อคืนที่ผ่านมา จนส่งผลให้น้ำไหลเข้าท่วมพื้นที่ปากเกร็ด ล่าสุด ได้ทำแนวคันกั้นน้ำขึ้นมาใหม่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ปริมาณน้ำที่เอ่อขึ้นมาจากคลองประปา ศรีสมาน ได้ไหลเข้าท่วมพื้นที่หมู่บ้านปิ่นเจริญ 4 ย่านดอนเมือง และชุมชนบูรพาหลังวัดไผ่เขียว ซึ่งระดับน้ำในพื้นที่เริ่มเพิ่มปริมาณสูงขึ้นแล้ว
** คุมเข้มทำคันดินแยกศรีสมาน หวั่นปะทะ
สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นบริเวณ แยกศรีสมาน ถ.สรงประภา เขตดอนเมือง กรมชลประทานได้นำรถแบคโฮบนทุ่นลอยน้ำจำนวน 2 คัน มาขุดดินจากคลองประปาเพื่อทำคันกั้นน้ำทั้งฝั่งถ.เลียบคลองประปา ที่จะไปถ.แจ้งวัฒนะ อ.ปากเกร็ด จ.นนบุรี และขุดฝั่งเขตดอนเมือง ที่เป็นพื้นที่ของหมู่บ้านจัดสรร เพื่อให้น้ำไหลผ่านได้เฉพาะในคลองประปาไม่เอ่อล้นขึ้นบนถนน หลังจากที่วานนี้ (20 ต.ค.)
มีประชาชนในพื้นที่เขตดอนเมืองได้ทำลายคันดินกั้นน้ำที่มีการทำไว้ก่อนหน้านี้จนส่งผลให้น้ำในคลองประปาเอ่อล้นเข้าไปยังพื้นที่อ.ปากเกร็ด และมีการทะเลาะวิวาทกับประชาชนที่เดือดร้อนพื้นที่หลังเมืองทองธานีและอ.ปากเกร็ด ขณะเดียวกันในเทศบาลนครปากเกร็ด ก็ได้นำรถแบคโฮ มาช่วยขุดดินทำคันกั้นน้ำโดยอยู่บนถนนเลียบคลองประปาด้วย ซึ่งวิศวกรของกรมชลประทาน ระบุว่าขณะนี้น้ำไหลผ่านคลองประปาอย่าวรวดเร็ว แสดงให้เห็นว่ากรุงเทพมหานครระบายน้ำได้มากขึ้น ซึ่งจะทำให้ลดความเดือดร้อนของประชาชนในบริเวณนี้ได้
ส่วนถ.เลียบคลองประปา ตั้งแต่แยกศรีสมาน -ถ.แจ้งวัฒนะ เจ้าหน้าที่ได้ปิดการจราจรแล้ว เนื่องจากน้ำมีระดับสูงและไหลเชี่ยวกราก โดยมีเพียงรถขนาดใหญ่ ของกองทัพและหน่วยงานต่างๆ เข้าไปภายใน เพื่ออพยพประชาชนที่ยังติดอยู่ในบ้านพัก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหมู่บ้านจัดสรร หลังเมืองทองธานี ออกมาภายนอก เพราะน้ำท่วมสูงระดับเอว
ทั้งนี้มีประชาชนในเขตดอนเมืองและในพื้นที่อ.ปากเกร็ด ได้มายืนดูการทำคันดินด้วยประมาณ 200 คน โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ยืนควบคุมสถานการณ์ป้องกันไม่ให้เกิดเหตุทะเลาะวิวาท ส่วนสะพานทางไปถ.ติวานนที่อยู่ติดกับสะพานแยกศรีสมาน มีประชาชนได้หาปลาด้วยการทอดแห ตกเบ็ด และใช้สวิงช้อนปลา ท่ามกลางกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวกราก โดยมีเจ้าหน้าที่ของกรมชลประทานได้เดินทางมาวัดระดับน้ำและการไหลผ่านของน้ำในคลองประปา ซึ่งใน 1 วัน จะวัด 3 ครั้ง โดยช่วงเช้าของวันนี้พบว่ามีน้ำไหลผ่าน 127.844 ลูกบาศเมตรต่อวินาที มีความเร็วเฉลี่ย 1.24 เมตรต่อวินาที เช่นเดียวกันกับการประปานครหลวงที่นำอุปกรณ์การเพิ่มระดับออกซิเจนในน้ำ มาติดตั้งที่สะพานนี้ด้วย แต่ในช่วงเช้าของวันนี้พบว่าเจ้าหน้าที่ได้เครื่องเพิ่มออกซิเจนในน้ำกลับไปแล้ว จึงเหลือเพียงอุปกรณ์บางชิ้นอยู่เท่านั้น
สำหรับถนนบริเวณดังกล่าวที่ได้รับผลกระทบ คือถ.สรงประภา ช่วงหน้าวัดสีกันและหน้ากรมทหารสื่อสาร มีน้ำท่วมขังถึงฟุตบาทและบริเวณใต้ทางด่วนศรีสมานที่มีน้ำถึงฟุตบาท แต่รถเล็กยังสามารถผ่านไปได้ โดยยากลำบาก แต่ถ.เลียบคลองประปา ที่เลี้ยวขวาจากแยกศรีสมาน ไปถ.ติวานนท์ น้ำในคลองประปามีระดับสูงเท่ากับเหล็กกั้นข้างถนน แต่น้ำก็ไม่ได้ทะลักท่วมไปยังฝั่งตรงข้าม เนื่องจากมีการทำคันดินป้องกันไว้แล้วตลอดแนวของถนน.
วานนี้ (20 ต.ค.) รศ.ดร.ทวีวงศ์ ศรีบุรี กรรมการผู้อำนวยการศูนย์บริการวิชาการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวในรายการคมชัดลึก ทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเนชั่นแชนแนล โดยในตอนหนึ่งกล่าวถึงแนวทางในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมระหว่างรัฐบาลและกรุงเทพมหานครว่า ต้องคุยกันให้ชัดว่าจะทำอย่างไร วิธีปฏิบัติจะเป็นอย่างไร เพราะเหนือรังสิตขึ้นไปไม่ได้อยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครสามารถคุยกันได้หรือไม่ และรัฐบาลควรที่จะเป็นคนเข้าไปประสาน คุยกันว่าอย่างไรเสียน้ำก็จะเข้ามาทางนี้ ก็ต้องยอมรับ แต่ว่าการตัดสินใจแต่ละครั้งเรารู้อยู่แล้วว่าจะเกิดความเสียหาย ก็อาจจะต้องมีการสัญญาว่าจะชดเชยอย่างไร แต่ในขณะนี้ประชาชนไม่ค่อยจะเชื่อเรื่องข้อมูลน้ำที่จะเข้าท่วม ตรงนี้ทำอย่างไรที่จะให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นได้จริง อย่างไรก็ตาม คนกรุงเทพฯ เองตอนนี้จะสังเกตได้ว่าในเมื่อคนอื่นเดือดร้อน แล้วคนกรุงเทพฯ ก็จะเข้าไปช่วยกัน แต่คนที่ไปช่วยก็เจอปัญหาแล้ว
“พอเราจะส่งเด็กเราเข้าไปทำงาน เขาบอกว่า ให้ใส่เสื้อสีแดงเข้ามา แค่นี้ก็ต้องเรียกเด็กกลับแล้ว อันนี้คือเหตุการณ์ที่เราเจอวันนี้นะครับ นี่คือคำถามที่ถามว่า เราต้องการจะไปช่วยเขา เวลาเขาเดือดร้อน แต่พอเจอเวลาถ้าจะเข้ามาก็ต้องใส่เสื้อสีแดงมาด้วย มันหมายความว่าไง มันเป็นวิกฤตซึ่งเรากำลังจะเข้าไปช่วย แต่เขาพูดแค่คำนี้ออกมาเราก็บอกไม่รู้จะช่วยยังไงแล้ว มันเหมือนถูกแบ่งชั้นวรรณะ แล้วพวกเราจะทำยังไงกันล่ะ ในเมื่อคนเรายังไม่ยอมรับซึ่งกันและกันเลย เป็นอุปสรรคซึ่งรัฐบาลจะต้องมองตรงนี้ แล้วเข้าไปเคลียร์ตรงนี้ให้ได้ มีนโยบายจะเอาอย่างไร ความช่วยเหลือจะเข้ามาอย่างไร จะเอาใครมาช่วย แล้วจะช่วยได้แค่ไหน ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่มาก บอกได้เลยว่าคนที่ตั้งใจจะช่วยเขาถอยมาหมดแล้วตรงนี้ ซึ่งมันไม่น่าจะเกิดอันนี้” รศ.ดร.ทวีวงศ์ กล่าว
**“เก่ง” พาพวกบุกพังคันกั้นน้ำคลองประปา
ขณะเดียวกัน วานนี้ (21 ต.ค.) นายวิสิษฐ์ พวงเพชร นายอำเภอปากเกร็ด จ.นนทบุรี กล่าวในรายการเก็บตกจากเนชั่น ทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเนชั่นแชนแนล ถึงกรณีที่มีการพังคันดินกั้นน้ำบริเวณ กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ฯ บริเวณหัวมุมถนนแจ้งวัฒนะ และถนนเลียบคลองประปา อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ระบุว่าขณะนี้คันดินยังคงอยู่ แต่ถูกพังทลายไปแล้วเป็นระยะทางยาวกว่า 1 กิโลเมตร ทั้งนี้ ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมาอำเภอปากเกร็ดได้มีการทำคันดินบริเวณดังกล่าวจนแล้วเสร็จ แต่ชาวบ้านเขตดอนเมือง กรุงเทพฯ ไม่พอใจ จึงเข้ามาประท้วงให้รถแบ็กโฮหยุดทำงาน โดยอ้างว่าน้ำได้ท่วมเขตดอนเมืองด้วย ก็เลยหยุดการทำคันดินและเจรจา โดยมี นายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม.เขตดอนเมือง พรรคเพื่อไทย และ นายมนตรี ตั้งเจริญถาวร ส.ส.นนทบุรี เขต 4 พรรคเพื่อไทย เดินทางมาด้วย
ทั้งนี้ ผลการเจรจาได้ข้อยุติว่า ให้รถแบ็กโฮของอำเภอปากเกร็ดกว่า 10 คันแบ่งไปช่วยกันทำคันดินให้เขตดอนเมือง 5 คัน และทำในเขต อ.ปากเกร็ด 5 คัน แต่เนื่องจากเขตดอนเมืองไม่สะดวกที่จะทำคันดิน เนื่องจากต้องเอาแบ็กโฮลอยน้ำเข้าไปในคลองประปา ถึงจะทำคันดินได้ นายมนตรีจึงจัดหารถแบ็กโฮและรถเครนยักษ์มาให้เพื่อยกรถแบ็กโฮ ทั้งนี้ มีนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ รมว.มหาดไทย และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ได้เข้าร่วมเจรจาและแถลงข่าวเรียบร้อย จนชาวบ้านเขตดอนเมืองพอใจ แยกย้ายกันกลับบ้าน และนำรถแบ็กโฮข้ามฝั่งไปทำคันดินที่เขตดอนเมือง ซึ่งตนได้แยกย้ายกลับบ้านประมาณ 1 ทุ่ม
นายวิสิษฐ์ กล่าวต่อว่า กระทั่งเวลา 02.00 น. ได้รับแจ้งว่าได้มีการพังคันดินหมดแล้ว จึงรุดไปตรวจสอบ ปรากฏว่าทางฝั่งดอนเมืองเอารถแบ็กโฮซึ่งไม่ทราบที่มารื้อคันดินทั้งหมด โดยมีนายการุณเป็นคนนำรถแบ็กโฮพังคันกั้นน้ำเอง โดยอ้างว่าบ้านเขาเดือดร้อน จึงเข้ามาทำลายคันดิน โดยนายการุณได้ดำเนินการนำรถแบ็กโฮพังคันดินประมาณเที่ยงคืนเศษ กระทั่งเวลา 02.00 น.คันดินได้พังหมดแล้ว ซึ่งคันดินดังกล่าวมีจุดเริ่มต้นตั้งแต่ประตูไซฟ่อน ต.คลองเกลือ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ตามแนวเขตคลองประปาไปเรื่อยๆ โดยคิดว่าจะทำคันดินให้ถึงเขตบางซื่อ กรุงเทพฯ เพราะว่าจะต้องไปสูบน้ำออกที่นั่น แต่จุดที่นายการุณได้นำรถแบ็กโฮพังคันดินเริ่มตั้งแต่ถนนศรีสมานที่จะขึ้นทางด่วนอุดรรัถยา น้ำได้ลงไปด้านล่างซึ่งเป็นพื้นที่ต่ำ มีความยาวกว่า 1 กิโลเมตร
“นายการุณ มาช่วยเจรจาให้เรียบร้อย แถลงข่าวเรียบร้อย ออกทีวีทุกช่อง ว่าจะทำคันดินสูงประมาณเมตรหนึ่งคู่ขนานกันไปเลย โดยทางนายมนตรีออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด ซึ่งนายการุณได้แถลงด้วย และมีรัฐมนตรีมหาดไทยก็อยู่ด้วย ซึ่งเวลา ส.ส.แถลงผมอยู่ในนั้นก็รับรู้กันหมด เสร็จแล้วแยกย้ายลงมือทำ ชาวบ้านก็กลับบ้านกันไป แต่พอมาเที่ยงคืนก็มีมวลชนมาใหม่ นายการุณก็นำมวลชนเข้ามาใหม่ แล้วก็บอกว่าต้องทลายคันดินไปเพราะว่าชาวบ้านเขาเดือดร้อน แต่ไม่ได้เจรจาอะไรเลย พอผมมาถึงมันพังหมดแล้ว ไม่รู้จะพูดกันยังไง” นายวิสิษฐ์ กล่าว
นายอำเภอปากเกร็ด กล่าวต่อว่า จากนี้ไปต้องรายงานให้ นายวิเชียร พุฒิวิญญู ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี เพื่อให้นำไปรายงานเข้าศูนย์ ศปภ.ต่างหาก ซึ่งนายวิเชียรกล่าวว่าจะเรียกประชุมโดยเชิญนายกเทศมนตรีนครปากเกร็ด และเชิญตัวแทนจากศูนย์แสดงสินค้าอิมแพ็ค เมืองทองธานี และการประปานครหลวงไปคุยกันที่นั่น เพราะเห็นว่าจะต้องหาแนวคันดินใหม่ ถ้าหากจะขัดแย้งกันตลอด จะต้องทะเลาะกันตลอดอย่างนี้คันดินที่มีอยู่เดิมคงทำลำบาก ซึ่งก่อนหน้านี้คันดินฝั่ง อ.ปากเกร็ดเราได้ทำก่อนแล้ว และแล้วเสร็จก่อน ซึ่งน้ำในคลองประปานั้น หากใช้เครื่องสูบน้ำจากกรุงเทพมหานคร อำเภอปากเกร็ด และการประปานครหลวงก็สามารถสูบน้ำได้ทัน เพราะมีปริมาณน้ำไม่มาก แต่ถ้าน้ำล้นเข้ามาฝั่ง อ.ปากเกร็ดแล้ว มันจะไปเซาะคันดินที่กั้นแม่น้ำเจ้าพระยาเอาไว้ หากคันดินพัง ทั้งเขตดอนเมืองและเขตหลักสี่ รวมทั้ง อ.ปากเกร็ด น้ำจะท่วมสูงไม่ต่ำกว่า 2 เมตร เพราะน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยามีปริมาณน้ำมากกว่าหลายเท่า
อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจากการพังคันดินน้ำได้ไหลเข้าท่วมทั้งสองฝั่งเหมือนเดิม แต่ในส่วนของ อ.ปากเกร็ดน้ำจากคลองประปาได้ไหลเข้าไปที่ถนนศรีสมาน ซึ่งตนเข้าไปแก้ปัญหาไม่ได้ เพราะถูกขู่ว่าจะถอนรถแบ็กโฮ ขณะนี้น้ำยังไหลไม่ถึงถนนติวานนท์ แต่ระดับน้ำขณะนี้รถเล็กไม่สามารถสัญจรไปมาได้ เข้าได้เฉพาะรถใหญ่ ซึ่งโดยส่วนตัวถ้าน้ำท่วม อ.ปากเกร็ด ก็คงต้องท่วม แต่ถ้าท่วมไปถึงคันดินกั้นแม่น้ำเจ้าพระยาที่ทำเอาไว้ กรุงเทพมหานครโดยเฉพาะเขตดอนเมืองและเขตหลักสี่ก็จะไม่เหลือ เพราะน้ำจะเข้าท่วมประมาณ 2 เมตร ซึ่งปริมาณน้ำในคลองประปาขณะนี้สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยระดับน้ำยังปริ่มถนนศรีสมาน แต่ในส่วนของการเจรจาต้องให้นายวิเชียรตัดสินใจ
**ปากเกร็ด,ดอนเมืองต่างทำคันกั้นคลองประปา
สำหรับความเคลื่อนไหวล่าสุดรถแบคโฮ ที่ นนทบุรี ทำคันกั้นน้ำริมคลองประปา ในขณะที่ดอนเมืองก็ทำเช่นกัน หลังมีกรณีพิพาทขึ้น
ที่คลองประปา วัดศรีสมาน อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ล่าสุด รถแบคโฮของเทศบาลเมืองนนทบุรี จำนวน 10 คัน ได้เข้าทำการขุดดิน เพื่อทำแนวคันกั้นน้ำริมฝั่งคลองประปา ศรีสมาน ทั้งฝั่งของ อ.ปากเกร็ด และฝั่งดอนเมือง หลังชาวบ้านทั้ง 2 พื้นที่ ที่พิพาทกัน ได้ทำข้อตกลงว่า จะทำแนวคันกั้นน้ำไปพร้อมๆ กันทั้ง 2 ฝั่ง ซึ่งในส่วนของฝั่งดอนเมือง ได้ใช้โป๊ะรถยกแบคโฮลอยน้ำเข้าไปขุดดินริมคลอง ซึ่งขณะนี้ในส่วนของคันกั้นน้ำของฝั่งปากเกร็ด ที่ถูกรื้อเมื่อเมื่อคืนที่ผ่านมา จนส่งผลให้น้ำไหลเข้าท่วมพื้นที่ปากเกร็ด ล่าสุด ได้ทำแนวคันกั้นน้ำขึ้นมาใหม่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ปริมาณน้ำที่เอ่อขึ้นมาจากคลองประปา ศรีสมาน ได้ไหลเข้าท่วมพื้นที่หมู่บ้านปิ่นเจริญ 4 ย่านดอนเมือง และชุมชนบูรพาหลังวัดไผ่เขียว ซึ่งระดับน้ำในพื้นที่เริ่มเพิ่มปริมาณสูงขึ้นแล้ว
** คุมเข้มทำคันดินแยกศรีสมาน หวั่นปะทะ
สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นบริเวณ แยกศรีสมาน ถ.สรงประภา เขตดอนเมือง กรมชลประทานได้นำรถแบคโฮบนทุ่นลอยน้ำจำนวน 2 คัน มาขุดดินจากคลองประปาเพื่อทำคันกั้นน้ำทั้งฝั่งถ.เลียบคลองประปา ที่จะไปถ.แจ้งวัฒนะ อ.ปากเกร็ด จ.นนบุรี และขุดฝั่งเขตดอนเมือง ที่เป็นพื้นที่ของหมู่บ้านจัดสรร เพื่อให้น้ำไหลผ่านได้เฉพาะในคลองประปาไม่เอ่อล้นขึ้นบนถนน หลังจากที่วานนี้ (20 ต.ค.)
มีประชาชนในพื้นที่เขตดอนเมืองได้ทำลายคันดินกั้นน้ำที่มีการทำไว้ก่อนหน้านี้จนส่งผลให้น้ำในคลองประปาเอ่อล้นเข้าไปยังพื้นที่อ.ปากเกร็ด และมีการทะเลาะวิวาทกับประชาชนที่เดือดร้อนพื้นที่หลังเมืองทองธานีและอ.ปากเกร็ด ขณะเดียวกันในเทศบาลนครปากเกร็ด ก็ได้นำรถแบคโฮ มาช่วยขุดดินทำคันกั้นน้ำโดยอยู่บนถนนเลียบคลองประปาด้วย ซึ่งวิศวกรของกรมชลประทาน ระบุว่าขณะนี้น้ำไหลผ่านคลองประปาอย่าวรวดเร็ว แสดงให้เห็นว่ากรุงเทพมหานครระบายน้ำได้มากขึ้น ซึ่งจะทำให้ลดความเดือดร้อนของประชาชนในบริเวณนี้ได้
ส่วนถ.เลียบคลองประปา ตั้งแต่แยกศรีสมาน -ถ.แจ้งวัฒนะ เจ้าหน้าที่ได้ปิดการจราจรแล้ว เนื่องจากน้ำมีระดับสูงและไหลเชี่ยวกราก โดยมีเพียงรถขนาดใหญ่ ของกองทัพและหน่วยงานต่างๆ เข้าไปภายใน เพื่ออพยพประชาชนที่ยังติดอยู่ในบ้านพัก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหมู่บ้านจัดสรร หลังเมืองทองธานี ออกมาภายนอก เพราะน้ำท่วมสูงระดับเอว
ทั้งนี้มีประชาชนในเขตดอนเมืองและในพื้นที่อ.ปากเกร็ด ได้มายืนดูการทำคันดินด้วยประมาณ 200 คน โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ยืนควบคุมสถานการณ์ป้องกันไม่ให้เกิดเหตุทะเลาะวิวาท ส่วนสะพานทางไปถ.ติวานนที่อยู่ติดกับสะพานแยกศรีสมาน มีประชาชนได้หาปลาด้วยการทอดแห ตกเบ็ด และใช้สวิงช้อนปลา ท่ามกลางกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวกราก โดยมีเจ้าหน้าที่ของกรมชลประทานได้เดินทางมาวัดระดับน้ำและการไหลผ่านของน้ำในคลองประปา ซึ่งใน 1 วัน จะวัด 3 ครั้ง โดยช่วงเช้าของวันนี้พบว่ามีน้ำไหลผ่าน 127.844 ลูกบาศเมตรต่อวินาที มีความเร็วเฉลี่ย 1.24 เมตรต่อวินาที เช่นเดียวกันกับการประปานครหลวงที่นำอุปกรณ์การเพิ่มระดับออกซิเจนในน้ำ มาติดตั้งที่สะพานนี้ด้วย แต่ในช่วงเช้าของวันนี้พบว่าเจ้าหน้าที่ได้เครื่องเพิ่มออกซิเจนในน้ำกลับไปแล้ว จึงเหลือเพียงอุปกรณ์บางชิ้นอยู่เท่านั้น
สำหรับถนนบริเวณดังกล่าวที่ได้รับผลกระทบ คือถ.สรงประภา ช่วงหน้าวัดสีกันและหน้ากรมทหารสื่อสาร มีน้ำท่วมขังถึงฟุตบาทและบริเวณใต้ทางด่วนศรีสมานที่มีน้ำถึงฟุตบาท แต่รถเล็กยังสามารถผ่านไปได้ โดยยากลำบาก แต่ถ.เลียบคลองประปา ที่เลี้ยวขวาจากแยกศรีสมาน ไปถ.ติวานนท์ น้ำในคลองประปามีระดับสูงเท่ากับเหล็กกั้นข้างถนน แต่น้ำก็ไม่ได้ทะลักท่วมไปยังฝั่งตรงข้าม เนื่องจากมีการทำคันดินป้องกันไว้แล้วตลอดแนวของถนน.