อ.จุฬาฯ โวยส่งลูกศิษย์ไปช่วยรัฐบาลช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม แต่ถูกบังคับให้ใส่เสื้อแดง ชี้ เหมือนถูกแบ่งชั้นวรรณะ ทำคนกรุงเทพฯ ที่ต้องการจะช่วยถอยหมดแล้ว นายอำเภอปากเกร็ด เจอ “เก่ง การุณ” ตระบัดสัตย์ หลังตกลงกันแล้วว่าจะทำคันกั้นน้ำคลองประปาทั้งสองฝั่ง แต่กลับนำชาวบ้านพังคันกั้นฝั่งปากเกร็ด ทำน้ำท่วมทะลักถนนศรีสมาน
วานนี้ (20 ต.ค.) รศ.ดร.ทวีวงศ์ ศรีบุรี กรรมการผู้อำนวยการศูนย์บริการวิชาการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวในรายการคมชัดลึก ทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเนชั่นแชนแนล โดยในตอนหนึ่งกล่าวถึงแนวทางในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมระหว่างรัฐบาลและกรุงเทพมหานครว่า ต้องคุยกันให้ชัดว่าจะทำอย่างไร วิธีปฏิบัติจะเป็นอย่างไร เพราะเหนือรังสิตขึ้นไปไม่ได้อยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครสามารถคุยกันได้หรือไม่ และรัฐบาลควรที่จะเป็นคนเข้าไปประสาน คุยกันว่าอย่างไรเสียน้ำก็จะเข้ามาทางนี้ ก็ต้องยอมรับ แต่ว่าการตัดสินใจแต่ละครั้งเรารู้อยู่แล้วว่าจะเกิดความเสียหาย ก็อาจจะต้องมีการสัญญาว่าจะชดเชยอย่างไร แต่ในขณะนี้ประชาชนไม่ค่อยจะเชื่อเรื่องข้อมูลน้ำที่จะเข้าท่วม ตรงนี้ทำอย่างไรที่จะให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นได้จริง อย่างไรก็ตาม คนกรุงเทพฯ เองตอนนี้จะสังเกตได้ว่าในเมื่อคนอื่นเดือดร้อน แล้วคนกรุงเทพฯ ก็จะเข้าไปช่วยกัน แต่คนที่ไปช่วยก็เจอปัญหาแล้ว
“พอเราจะส่งเด็กเราเข้าไปทำงาน เขาบอกว่า ให้ใส่เสื้อสีแดงเข้ามา แค่นี้ก็ต้องเรียกเด็กกลับแล้ว อันนี้คือเหตุการณ์ที่เราเจอวันนี้นะครับ นี่คือคำถามที่ถามว่า เราต้องการจะไปช่วยเขา เวลาเขาเดือดร้อน แต่พอเจอเวลาถ้าจะเข้ามาก็ต้องใส่เสื้อสีแดงมาด้วย มันหมายความว่าไง มันเป็นวิกฤตซึ่งเรากำลังจะเข้าไปช่วย แต่เขาพูดแค่คำนี้ออกมาเราก็บอกไม่รู้จะช่วยยังไงแล้ว มันเหมือนถูกแบ่งชั้นวรรณะ แล้วพวกเราจะทำยังไงกันล่ะ ในเมื่อคนเรายังไม่ยอมรับซึ่งกันและกันเลย เป็นอุปสรรคซึ่งรัฐบาลจะต้องมองตรงนี้ แล้วเข้าไปเคลียร์ตรงนี้ให้ได้ มีนโยบายจะเอาอย่างไร ความช่วยเหลือจะเข้ามาอย่างไร จะเอาใครมาช่วย แล้วจะช่วยได้แค่ไหน ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่มาก บอกได้เลยว่าคนที่ตั้งใจจะช่วยเขาถอยมาหมดแล้วตรงนี้ ซึ่งมันไม่น่าจะเกิดอันนี้” รศ.ดร.ทวีวงศ์ กล่าว
แฉ “เก่ง การุณ” ยกพวกบุกพังคันกั้นน้ำคลองประปา
ขณะเดียวกัน วันนี้ (21 ต.ค.) นายวิสิษฐ์ พวงเพชร นายอำเภอปากเกร็ด จ.นนทบุรี กล่าวในรายการเก็บตกจากเนชั่น ทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเนชั่นแชนแนล ถึงกรณีที่มีการพังคันดินกั้นน้ำบริเวณ กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ฯ บริเวณหัวมุมถนนแจ้งวัฒนะ และถนนเลียบคลองประปา อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ระบุว่าขณะนี้คันดินยังคงอยู่ แต่ถูกพังทลายไปแล้วเป็นระยะทางยาวกว่า 1 กิโลเมตร ทั้งนี้ ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมาอำเภอปากเกร็ดได้มีการทำคันดินบริเวณดังกล่าวจนแล้วเสร็จ แต่ชาวบ้านเขตดอนเมือง กรุงเทพฯ ไม่พอใจ จึงเข้ามาประท้วงให้รถแบ็กโฮหยุดทำงาน โดยอ้างว่าน้ำได้ท่วมเขตดอนเมืองด้วย ก็เลยหยุดการทำคันดินและเจรจา โดยมี นายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม.เขตดอนเมือง พรรคเพื่อไทย และ นายมนตรี ตั้งเจริญถาวร ส.ส.นนทบุรี เขต 4 พรรคเพื่อไทย เดินทางมาด้วย
ทั้งนี้ ผลการเจรจาได้ข้อยุติว่า ให้รถแบ็กโฮของอำเภอปากเกร็ดกว่า 10 คันแบ่งไปช่วยกันทำคันดินให้เขตดอนเมือง 5 คัน และทำในเขต อ.ปากเกร็ด 5 คัน แต่เนื่องจากเขตดอนเมืองไม่สะดวกที่จะทำคันดิน เนื่องจากต้องเอาแบ็กโฮลอยน้ำเข้าไปในคลองประปา ถึงจะทำคันดินได้ นายมนตรีจึงจัดหารถแบ็กโฮและรถเครนยักษ์มาให้เพื่อยกรถแบ็กโฮ ทั้งนี้ มีนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ รมว.มหาดไทย และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ได้เข้าร่วมเจรจาและแถลงข่าวเรียบร้อย จนชาวบ้านเขตดอนเมืองพอใจ แยกย้ายกันกลับบ้าน และนำรถแบ็กโฮข้ามฝั่งไปทำคันดินที่เขตดอนเมือง ซึ่งตนได้แยกย้ายกลับบ้านประมาณ 1 ทุ่ม
นายวิสิษฐ์ กล่าวต่อว่า กระทั่งเวลา 02.00 น.วันนี้ (21 ต.ค.) ได้รับแจ้งว่าได้มีการพังคันดินหมดแล้ว จึงรุดไปตรวจสอบ ปรากฏว่าทางฝั่งดอนเมืองเอารถแบ็กโฮซึ่งไม่ทราบที่มารื้อคันดินทั้งหมด โดยมีนายการุณเป็นคนนำรถแบ็กโฮพังคันกั้นน้ำเอง โดยอ้างว่าบ้านเขาเดือดร้อน จึงเข้ามาทำลายคันดิน โดยนายการุณได้ดำเนินการนำรถแบ็กโฮพังคันดินประมาณเที่ยงคืนเศษ กระทั่งเวลา 02.00 น.คันดินได้พังหมดแล้ว ซึ่งคันดินดังกล่าวมีจุดเริ่มต้นตั้งแต่ประตูไซฟ่อน ต.คลองเกลือ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ตามแนวเขตคลองประปาไปเรื่อยๆ โดยคิดว่าจะทำคันดินให้ถึงเขตบางซื่อ กรุงเทพฯ เพราะว่าจะต้องไปสูบน้ำออกที่นั่น แต่จุดที่นายการุณได้นำรถแบ็กโฮพังคันดินเริ่มตั้งแต่ถนนศรีสมานที่จะขึ้นทางด่วนอุดรรัถยา น้ำได้ลงไปด้านล่างซึ่งเป็นพื้นที่ต่ำ มีความยาวกว่า 1 กิโลเมตร
“นายการุณ มาช่วยเจรจาให้เรียบร้อย แถลงข่าวเรียบร้อย ออกทีวีทุกช่อง ว่าจะทำคันดินสูงประมาณเมตรหนึ่งคู่ขนานกันไปเลย โดยทางนายมนตรีออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด ซึ่งนายการุณได้แถลงด้วย และมีรัฐมนตรีมหาดไทยก็อยู่ด้วย ซึ่งเวลา ส.ส.แถลงผมอยู่ในนั้นก็รับรู้กันหมด เสร็จแล้วแยกย้ายลงมือทำ ชาวบ้านก็กลับบ้านกันไป แต่พอมาเที่ยงคืนก็มีมวลชนมาใหม่ นายการุณก็นำมวลชนเข้ามาใหม่ แล้วก็บอกว่าต้องทลายคันดินไปเพราะว่าชาวบ้านเขาเดือดร้อน แต่ไม่ได้เจรจาอะไรเลย พอผมมาถึงมันพังหมดแล้ว ไม่รู้จะพูดกันยังไง” นายวิสิษฐ์ กล่าว
นายอำเภอปากเกร็ด กล่าวต่อว่า จากนี้ไปต้องรายงานให้ นายวิเชียร พุฒิวิญญู ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี เพื่อให้นำไปรายงานเข้าศูนย์ ศปภ.ต่างหาก ซึ่งนายวิเชียรกล่าวว่าจะเรียกประชุมโดยเชิญนายกเทศมนตรีนครปากเกร็ด และเชิญตัวแทนจากศูนย์แสดงสินค้าอิมแพ็ค เมืองทองธานี และการประปานครหลวงไปคุยกันที่นั่น เพราะเห็นว่าจะต้องหาแนวคันดินใหม่ ถ้าหากจะขัดแย้งกันตลอด จะต้องทะเลาะกันตลอดอย่างนี้คันดินที่มีอยู่เดิมคงทำลำบาก ซึ่งก่อนหน้านี้คันดินฝั่ง อ.ปากเกร็ดเราได้ทำก่อนแล้ว และแล้วเสร็จก่อน ซึ่งน้ำในคลองประปานั้น หากใช้เครื่องสูบน้ำจากกรุงเทพมหานคร อำเภอปากเกร็ด และการประปานครหลวงก็สามารถสูบน้ำได้ทัน เพราะมีปริมาณน้ำไม่มาก แต่ถ้าน้ำล้นเข้ามาฝั่ง อ.ปากเกร็ดแล้ว มันจะไปเซาะคันดินที่กั้นแม่น้ำเจ้าพระยาเอาไว้ หากคันดินพัง ทั้งเขตดอนเมืองและเขตหลักสี่ รวมทั้ง อ.ปากเกร็ด น้ำจะท่วมสูงไม่ต่ำกว่า 2 เมตร เพราะน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยามีปริมาณน้ำมากกว่าหลายเท่า
อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจากการพังคันดินน้ำได้ไหลเข้าท่วมทั้งสองฝั่งเหมือนเดิม แต่ในส่วนของ อ.ปากเกร็ดน้ำจากคลองประปาได้ไหลเข้าไปที่ถนนศรีสมาน ซึ่งตนเข้าไปแก้ปัญหาไม่ได้ เพราะถูกขู่ว่าจะถอนรถแบ็กโฮ ขณะนี้น้ำยังไหลไม่ถึงถนนติวานนท์ แต่ระดับน้ำขณะนี้รถเล็กไม่สามารถสัญจรไปมาได้ เข้าได้เฉพาะรถใหญ่ ซึ่งโดยส่วนตัวถ้าน้ำท่วม อ.ปากเกร็ด ก็คงต้องท่วม แต่ถ้าท่วมไปถึงคันดินกั้นแม่น้ำเจ้าพระยาที่ทำเอาไว้ กรุงเทพมหานครโดยเฉพาะเขตดอนเมืองและเขตหลักสี่ก็จะไม่เหลือ เพราะน้ำจะเข้าท่วมประมาณ 2 เมตร ซึ่งปริมาณน้ำในคลองประปาขณะนี้สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยระดับน้ำยังปริ่มถนนศรีสมาน แต่ในส่วนของการเจรจาต้องให้นายวิเชียรตัดสินใจ