ศูนย์ข่าวภูมิภาค -ผู้ว่าฯ กรุงเก่า เผยพระนครศรีอยุธยาจมทั้งจังหวัดแล้ว เตือนรับมือน้ำเหนือทะลักซ้ำเติมอีกระรอก 2-3 วันนี้ ส่วนโคราชระทึก ดินหลังประตูระบายน้ำเขื่อนพิมายทรุดตัว หลังน้ำทะลักหนัก เร่งระดมเจ้าหน้าที่อุดโพรง พร้อมเฝ้าจับตาใกล้ชิด ด้านถนนสายหลัก “ศรีสะเกษ-เขาพระวิหาร”จมแล้ว ลพบุรี-พิจิตร ยังหนัก นครปฐมน้ำทะลัก ชาวแปดริ้วตื่นข่าวพนังกั้นน้ำแตก เขื่อนภูมิพลยันไม่ปล่อยน้ำเพิ่ม
นายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำว่า ขณะนี้น้ำได้ท่วมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จนครบหมดทุกอำเภอแล้ว ทางจังหวัดจำเป็นต้องให้ชาวบ้านอพยพย้ายออกมาอยู่ข้างนอก เพื่อความสะดวกในการช่วยเหลือ หากชาวบ้านยังอยู่ภายในบ้านเกรงว่า จะช่วยเหลือลำบากไม่ทั่วถึง โดยน้ำยังคงทรงตัวอยู่ แต่ได้แจ้งเตือนชาวบ้านแล้วว่าจะมีมวลน้ำที่แตกมาจากมโนรมณ์ จังหวัดชัยนาท ที่จะมาถึงจังหวัดพระนครศรีอยุธยาอีกภายใน 2-3 วันนี้ ซึ่งจะทำให้ปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้นอีก 3-5 ซม.จึงอยากให้ชาวบ้านหาวิธีป้องกันและยกข้าวของขึ้นให้พ้นระดับน้ำที่จะมาอีกระรอกหนึ่ง
**แฉการช่วยเหลือกลายเป็นการเมือง
รายงานข่าวแจ้งว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ทั้ง 16 อำเภอมานานกว่า 3 เดือน ทำให้วิถีชีวิตของชาวบ้านต้องปรับสภาพตัวเองเพื่อความอยู่รอด หลายคนไร้ที่อยู่อาศัยต้องนอนข้างถนน ข้าวของถุงยังชีพที่ผู้มีจิตใจเมตตานำมาให้ก็ได้รับไม่ทั่วถึง สำหรับชาวบ้านที่อยู่ห่างไกลจากการที่จะนำถุงยังชีพไปมอบให้ก็ต้องอดอยาก เพราะไม่มีเรือและรถเข้าไปช่วยเหลือถึงบ้านได้ และยังมีปัญหาเรื่องการให้ความช่วยเหลือที่ไม่ทั่วถึง โดยการช่วยเหลือจะเข้าไปถึงเฉพาะกลุ่มที่สนับสนุนทางการเมืองก่อนเป็นอันดับแรก หากใครเป็นฝ่ายตรงข้าม ก็ให้รอไปก่อน ส่วนของที่ได้ก็เป็นของปลายแถวหรือของเสีย
โดยเฉพาะชาวบ้านในพื้นที่ตำบลบ้านเกาะ อ.พระนครศรีอยุธยา ที่ถูกน้ำท่วมทั้ง 7 หมู่ที่ต้องอพยพมาอาศัยอยู่ริมถนนสายเอเชีย ต้องใช้วิธีตกปลาและเหวี่ยงแหเพื่อหาปลามาดำรงชีวิตไปวันๆ เพราะนอกจากจะไม่ได้ทำงาน ไม่มีที่อยู่ ไม่มีเงินทองใช้แล้วต้องหาปลาในน้ำทื่ท่วมเลี้ยงชีวิตครอบครัวไปก่อน
**ดินหลังประตูระบายน้ำเขื่อนพิมายทรุด
ด้านศูนย์เตือนภัยพิบัติจังหวัดนครราชสีมา สรุปสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.นครราชสีมา จนถึงขณะนี้มีพื้นที่ถูกน้ำท่วมแล้วทั้งหมด 13 อำเภอ 47 ตำบล 179 หมู่บ้าน 578 หลังคาเรือน พื้นที่ทางการเกษตรเสียหาย 61,842 ไร่
ขณะที่สถานการณ์น้ำท่วมในเขตพื้นที่ อ.พิมาย จ.นครราชสีมา ยังขยายวงกว้างต่อเนื่องและเพิ่มระดับสูงขึ้นโดยระดับน้ำที่ท่วม สภ.พิมาย และสถานที่ราชการต่างๆ สูงประมาณ 50 ซม.นอกจากนี้ น้ำในเขื่อนพิมาย อ.พิมาย ซึ่งลำแม่น้ำมูลมีปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องเช่นกัน สาเหตุเกิดจากฝนตกในพื้นที่เหนือเขื่อนและการระบายน้ำของเขื่อนขนาดใหญ่ใน จ.นครราชสีมา ลงมาตามลำตะคอง, ลำบริบูรณ์ และลำน้ำมูล ไหลลงสู่ อ.พิมาย เจ้าหน้าที่ศูนย์ส่งน้ำและบำรุงรักษาทุ่งสัมฤทธิ์อำเภอพิมาย ต้องระดมนำเครื่องผลักดันน้ำเร่งระบายน้ำลงสู่ด้านล่างให้เร็วที่สุด
ล่าสุดได้เกิดเหตุดินด้านข้างหลังประตูระบายน้ำเขื่อนพิมายทรุดตัวลง ทำให้เกิดเป็นโพรงขนาดใหญ่ลึกกว่า 3 เมตร กว้าง 2 เมตร ทางเขื่อนฯ ต้องระดมเจ้าหน้าที่นำดิน หินและปูนซีเมนต์จำนวนมากมาเทอุดจุดที่ดินทรุดตัว เพื่อป้องกันไม่ให้ดินทรุดตัวขยายวงกว้างออกไปอีก ซึ่งคาดว่าสาเหตุอาจเกิดจากปริมาณน้ำในเขื่อนมีมากและกัดเซาะดิน ทำให้เกิดการทรุดตัวดังกล่าว
นายกิติกุล เสภาศีราภรณ์ ผอ.โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาทุ่งสัมฤทธิ์ อ.พิมาย กล่าวว่า การทรุดตัวของดินด้านหลังประตูระบายน้ำเขื่อนพิมายนั้น ไม่มีผลต่อความแข็งแรงมั่นคงของเขื่อนแต่อย่างใด ยืนยันว่า เขื่อนพิมายยังแข็งแรงดี ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้นำปูนซีเมนต์และหิน มาอุดโพรงดินดังกล่าวและเพื่อป้องกันไม่ให้ น้ำในเขื่อนกัดเซาะเพิ่มเติมอีก อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนได้เฝ้าติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด
ขณะที่สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำหรือเขื่อนทั้งขนาดใหญ่และขนาดกลางของ จ.นครราชสีมา รวม 22 โครงการนั้นยังคงล้นเกินความจุเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
**น้ำท่วมถนนสาย“เขาพระวิหาร”
ที่จ.ศรีสะเกษ จากการที่ขณะนี้ได้เกิดฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องนานติดต่อกัน 5 วัน ได้ทำให้ระดับน้ำตามแหล่งน้ำต่างๆ เพิ่มสูงมากขึ้นและได้ไหลล้นตลิ่งทะลักเข้าท่วมไร่นาบ้านเรือนของชาวบ้าน โดยที่บริเวณหลัก กม.ที่ 55 ถนนสายศรีสะเกษ-เขาพระวิหาร บ้านกระบี่ ต.หนองหญ้าลาด อ.กันทรลักษ์ น้ำจากแหล่งน้ำต่างๆ ที่ไหลทะลักลงมาสู่เบื้องล่างได้ท่วมถนนเป็นระยะทางยาวกว่า 500 เมตร สูงประมาณ 30 ซม.ทำให้รถทุกชนิดสัญจรไปมาด้วยความยากลำบาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถเล็กและจักรยานยนต์
ขณะที่ชาวบ้านได้พากันนำเอาแหมาทอดหาปลาบนท้องถนน ท่ามกลางรถยนต์วิ่งฝ่าสายน้ำบนถนนสวนไปมา และชาวบ้านส่วนหนึ่งมาเฝ้าติดตามระดับน้ำที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความห่วงใยว่าน้ำจะไหลเข้าท่วมบ้านเรือนของตัวเองที่อยู่สองข้างถนน
นายเพิ่มศักดิ์ ฉวีรักษ์ นายอำเภอกันทรลักษ์ กล่าวว่า ขณะนี้พบว่ามีบ้านเรือนไร่นาของประชาชนถูกน้ำท่วมทั้งสิ้น 88 หมู่บ้าน โดยเฉพาะที่บ้านละลาย ต.ละลาย อ.กันทรลักษ์ น้ำได้ไหลทะลักเข้าไปท่วมถนนกลางหมู่บ้าน ซึ่งตนได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่รับผิดชอบนำเรือท้องแบนเข้าไปช่วยเหลือชาวบ้านขนของหนีน้ำท่วมแล้ว โดยให้ไปพักที่หอประชุมที่ว่าการอำเภอกันทรลักษ์ ที่ทางอำเภอได้จัดสถานที่รองรับไว้ให้แล้ว 2 แห่งและมีชาวบ้านจำนวนหนึ่งพากันเข้ามาพักอาศัยเป็นการชั่วคราวบ้างแล้ว
**ลพบุรี-พิจิตรยังวิกฤตน้ำท่วมสูงไม่หยุด
ด้านสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ ต.บางลี่ อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี ขณะนี้ระดับน้ำที่ท่วมขังเพิ่มสูงขึ้นอีก 50 ซม.ทำให้บางจุดท่วมสูงแล้ว 7 เมตร นอกจากนี้ น้ำยังไหลหลากข้ามถนนสายลพบุรี-สิงห์บุรีไปยัง ต.โพตลาดแก้ว และด้วยกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยว ยังทำให้ที่พักชั่วคราวของชาวบ้านที่อพยพมาอยู่บนถนนหลายแห่ง เริ่มพังเสียหาย
ส่วนที่ จ.พิจิตร สถานการณ์น้ำท่วมกลับมาวิกฤตอีกครั้ง เนื่องจากน้ำป่าจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ ได้ไหลหลากลงแม่น้ำน่านอีกระลอก และเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ 6 หมู่บ้านใน ต.ไผ่หลวง อ.ตะพานหิน ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ บ้านเรือนกว่า 700 หลังถูกน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตร
**ร.ร.นครสวรรค์ปิดรับผู้ประสบภัยแล้ว
นายสุธน บัววัตร หัวหน้าศูนย์อพยพผู้ได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วมโรงเรียนนครสวรรค์ อ.เมือง จ.นครสวรรค์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ศูนย์อพยพโรงเรียนนครสวรรค์ ได้ปิดรับผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนแล้ว เนื่องจากสถานที่ไม่เพียงพอ โดยตั้งแต่เปิดศูนย์เมื่อวันที่ 10 ต.ค.ที่ผ่านมา มีผู้อพยพแล้วทั้งสิ้น 608 คน ทั้งนี้ มีเด็กเล็กและคนชรา รวมถึงผู้ป่วยเป็นจำนวนมาก ซึ่งได้มีการประสานกับแพทย์และหน่วยแพทย์ต่างๆ ให้เข้ามาดูแลอย่างต่อเนื่อง
**ชาวแปดริ้วระส่ำหลังพนังกั้นน้ำแตก
นายกลยุทธ ฉายแสง นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา กล่าวถึงสถานการณ์ความวิตกกังวลและแตกตื่นของชาวจังหวัดฉะเชิงเทราว่า หลังจากประชาชนทราบข่าวจากทางสื่อต่างๆ ว่าพนังกั้นน้ำหลายแห่งทางตอนบนเหนือจาก จ.ฉะเชิงเทรา ขึ้นไปทั้งคันกั้นน้ำคลอง 6 วา ทั้งคันกั้นน้ำ คลองระพีพัฒน์ รวมถึงพนังกั้นน้ำในเขตนิคมอุตสาหกรรมนวนครแตกพร้อมกันจึงทำให้ชาวบ้านในเขตเทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา ต่างพากันหวาดผวาหวั่นวิตกและเกรงว่าน้ำจะไหลเข้ามาท่วมเมือง ซึ่งได้ขอให้ประชาชนอย่าวิตกกังวลหรือหวั่นวิตกต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยยืนยันว่าน้ำจะไม่ไหลท่วมตัวเมืองฉะเชิงเทราแน่นอน
**น้ำท่วมชุมชนท่าตำหนักนครปฐมแล้ว
สถานการณ์น้ำท่วมที่ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ขณะนี้ยังมีความตรึงเครียด โดยน้ำจากคลองบางแก้ว ที่ไหลลงแม่น้ำท่าจีน ได้ไหลเอ่อล้นท่วมบ้านเรือนประชาชนบริเวณริมสองฝั่งคลอง ต.ท่าตำหนัก รวมทั้งวัดท่าตำหนักสูงเกือบ 1 เมตร ส่งผลให้ประชาชนสองฝั่งคลอง รวมทั้งพระที่จำวัดได้รับความเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก แม้ว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากกรมการสัตว์ทหารบก ค่ายทองฑีฆายุ จ.นครปฐม นำกระสอบทรายมาวางแล้วก็ตาม แต่ไม่สามารถกั้นปริมาณน้ำที่สูงขึ้นได้
นายอำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม ให้เจ้าหน้าที่แจ้งไปยังผู้ใหญ่บ้านและผู้นำชุมชนว่าให้แจ้งประชาชนว่า น้ำอาจจะขึ้นอีก 1 เมตร ภายใน 24 ชม.จึงขอให้ประชาชนให้ขนย้ายสิ่งของและเร่งทำแนวป้องกัน หากใครไม่สามารถอยู่ได้ให้อพยพไปยังศูนย์ที่เตรียมไว้
สำหรับจุดอพยพของ อ.พุทธมณฑล 1.รร.กาญจนาภิเษกวิทยาลัย ต.ศาลายา ติดต่อ รองผอ. 084-6626298 รับคนได้ 1,000 คน รถ 400 คัน 2.มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ต.ศาลายา ติดต่อนายธนากร 086-8807238 รับได้ 500 คน รถ 400 คัน
**เขื่อนภูมิพลยันไม่ปล่อยน้ำเพิ่ม
นายบุญอินทร์ ชื่นชวลิต ผู้อำนวยการเขื่อนภูมิพล อ.สามเงา จ.ตาก ออกมาปฏิเสธข่าวลือหลังมีข่าวว่าเขื่อนภูมิพลระบายน้ำเพิ่ม เนื่องจากภาคเหนือฝนตกหนัก และมีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพลมาก จนรับไม่ไหว โดยยืนยันว่า เขื่อนภูมิพลขณะนี้ยังระบายน้ำปกติ เพราะพื้นที่ส่วนมากทางภาคเหนือตอนบนไม่มีฝน ยกเว้นจังหวัดลำปาง ลำพูน และเชียงใหม่ อาจมีฝนเล็กน้อยเป็นครั้งคราว ไม่มีผลต่อสภาวะน้ำที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ส่วนภาคเหนือตอนล่าง ท้องฟ้าครึ้มฝนแต่ยังไม่มีฝนตก
ส่วนการจะลดหรือเพิ่มการระบายน้ำ เขื่อนภูมิพลจะต้องรับคำสั่งจากคณะอนุกรรมการติดตามวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ ซึ่งมีอธิบดีกรมชลประทานเป็นประธาน ซึ่งในช่วงนี้ยังระบายอยู่ที่ 50 ล้าน ลบ.ม.เพื่อลดปริมาณน้ำที่ไหลไปสู่ลุ่มเจ้าพระยา และในพื้นที่ภาคกลาง ที่กำลังประสบปัญหาน้ำท่วมอยู่ในขณะนี้
นายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำว่า ขณะนี้น้ำได้ท่วมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จนครบหมดทุกอำเภอแล้ว ทางจังหวัดจำเป็นต้องให้ชาวบ้านอพยพย้ายออกมาอยู่ข้างนอก เพื่อความสะดวกในการช่วยเหลือ หากชาวบ้านยังอยู่ภายในบ้านเกรงว่า จะช่วยเหลือลำบากไม่ทั่วถึง โดยน้ำยังคงทรงตัวอยู่ แต่ได้แจ้งเตือนชาวบ้านแล้วว่าจะมีมวลน้ำที่แตกมาจากมโนรมณ์ จังหวัดชัยนาท ที่จะมาถึงจังหวัดพระนครศรีอยุธยาอีกภายใน 2-3 วันนี้ ซึ่งจะทำให้ปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้นอีก 3-5 ซม.จึงอยากให้ชาวบ้านหาวิธีป้องกันและยกข้าวของขึ้นให้พ้นระดับน้ำที่จะมาอีกระรอกหนึ่ง
**แฉการช่วยเหลือกลายเป็นการเมือง
รายงานข่าวแจ้งว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ทั้ง 16 อำเภอมานานกว่า 3 เดือน ทำให้วิถีชีวิตของชาวบ้านต้องปรับสภาพตัวเองเพื่อความอยู่รอด หลายคนไร้ที่อยู่อาศัยต้องนอนข้างถนน ข้าวของถุงยังชีพที่ผู้มีจิตใจเมตตานำมาให้ก็ได้รับไม่ทั่วถึง สำหรับชาวบ้านที่อยู่ห่างไกลจากการที่จะนำถุงยังชีพไปมอบให้ก็ต้องอดอยาก เพราะไม่มีเรือและรถเข้าไปช่วยเหลือถึงบ้านได้ และยังมีปัญหาเรื่องการให้ความช่วยเหลือที่ไม่ทั่วถึง โดยการช่วยเหลือจะเข้าไปถึงเฉพาะกลุ่มที่สนับสนุนทางการเมืองก่อนเป็นอันดับแรก หากใครเป็นฝ่ายตรงข้าม ก็ให้รอไปก่อน ส่วนของที่ได้ก็เป็นของปลายแถวหรือของเสีย
โดยเฉพาะชาวบ้านในพื้นที่ตำบลบ้านเกาะ อ.พระนครศรีอยุธยา ที่ถูกน้ำท่วมทั้ง 7 หมู่ที่ต้องอพยพมาอาศัยอยู่ริมถนนสายเอเชีย ต้องใช้วิธีตกปลาและเหวี่ยงแหเพื่อหาปลามาดำรงชีวิตไปวันๆ เพราะนอกจากจะไม่ได้ทำงาน ไม่มีที่อยู่ ไม่มีเงินทองใช้แล้วต้องหาปลาในน้ำทื่ท่วมเลี้ยงชีวิตครอบครัวไปก่อน
**ดินหลังประตูระบายน้ำเขื่อนพิมายทรุด
ด้านศูนย์เตือนภัยพิบัติจังหวัดนครราชสีมา สรุปสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.นครราชสีมา จนถึงขณะนี้มีพื้นที่ถูกน้ำท่วมแล้วทั้งหมด 13 อำเภอ 47 ตำบล 179 หมู่บ้าน 578 หลังคาเรือน พื้นที่ทางการเกษตรเสียหาย 61,842 ไร่
ขณะที่สถานการณ์น้ำท่วมในเขตพื้นที่ อ.พิมาย จ.นครราชสีมา ยังขยายวงกว้างต่อเนื่องและเพิ่มระดับสูงขึ้นโดยระดับน้ำที่ท่วม สภ.พิมาย และสถานที่ราชการต่างๆ สูงประมาณ 50 ซม.นอกจากนี้ น้ำในเขื่อนพิมาย อ.พิมาย ซึ่งลำแม่น้ำมูลมีปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องเช่นกัน สาเหตุเกิดจากฝนตกในพื้นที่เหนือเขื่อนและการระบายน้ำของเขื่อนขนาดใหญ่ใน จ.นครราชสีมา ลงมาตามลำตะคอง, ลำบริบูรณ์ และลำน้ำมูล ไหลลงสู่ อ.พิมาย เจ้าหน้าที่ศูนย์ส่งน้ำและบำรุงรักษาทุ่งสัมฤทธิ์อำเภอพิมาย ต้องระดมนำเครื่องผลักดันน้ำเร่งระบายน้ำลงสู่ด้านล่างให้เร็วที่สุด
ล่าสุดได้เกิดเหตุดินด้านข้างหลังประตูระบายน้ำเขื่อนพิมายทรุดตัวลง ทำให้เกิดเป็นโพรงขนาดใหญ่ลึกกว่า 3 เมตร กว้าง 2 เมตร ทางเขื่อนฯ ต้องระดมเจ้าหน้าที่นำดิน หินและปูนซีเมนต์จำนวนมากมาเทอุดจุดที่ดินทรุดตัว เพื่อป้องกันไม่ให้ดินทรุดตัวขยายวงกว้างออกไปอีก ซึ่งคาดว่าสาเหตุอาจเกิดจากปริมาณน้ำในเขื่อนมีมากและกัดเซาะดิน ทำให้เกิดการทรุดตัวดังกล่าว
นายกิติกุล เสภาศีราภรณ์ ผอ.โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาทุ่งสัมฤทธิ์ อ.พิมาย กล่าวว่า การทรุดตัวของดินด้านหลังประตูระบายน้ำเขื่อนพิมายนั้น ไม่มีผลต่อความแข็งแรงมั่นคงของเขื่อนแต่อย่างใด ยืนยันว่า เขื่อนพิมายยังแข็งแรงดี ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้นำปูนซีเมนต์และหิน มาอุดโพรงดินดังกล่าวและเพื่อป้องกันไม่ให้ น้ำในเขื่อนกัดเซาะเพิ่มเติมอีก อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนได้เฝ้าติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด
ขณะที่สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำหรือเขื่อนทั้งขนาดใหญ่และขนาดกลางของ จ.นครราชสีมา รวม 22 โครงการนั้นยังคงล้นเกินความจุเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
**น้ำท่วมถนนสาย“เขาพระวิหาร”
ที่จ.ศรีสะเกษ จากการที่ขณะนี้ได้เกิดฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องนานติดต่อกัน 5 วัน ได้ทำให้ระดับน้ำตามแหล่งน้ำต่างๆ เพิ่มสูงมากขึ้นและได้ไหลล้นตลิ่งทะลักเข้าท่วมไร่นาบ้านเรือนของชาวบ้าน โดยที่บริเวณหลัก กม.ที่ 55 ถนนสายศรีสะเกษ-เขาพระวิหาร บ้านกระบี่ ต.หนองหญ้าลาด อ.กันทรลักษ์ น้ำจากแหล่งน้ำต่างๆ ที่ไหลทะลักลงมาสู่เบื้องล่างได้ท่วมถนนเป็นระยะทางยาวกว่า 500 เมตร สูงประมาณ 30 ซม.ทำให้รถทุกชนิดสัญจรไปมาด้วยความยากลำบาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถเล็กและจักรยานยนต์
ขณะที่ชาวบ้านได้พากันนำเอาแหมาทอดหาปลาบนท้องถนน ท่ามกลางรถยนต์วิ่งฝ่าสายน้ำบนถนนสวนไปมา และชาวบ้านส่วนหนึ่งมาเฝ้าติดตามระดับน้ำที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความห่วงใยว่าน้ำจะไหลเข้าท่วมบ้านเรือนของตัวเองที่อยู่สองข้างถนน
นายเพิ่มศักดิ์ ฉวีรักษ์ นายอำเภอกันทรลักษ์ กล่าวว่า ขณะนี้พบว่ามีบ้านเรือนไร่นาของประชาชนถูกน้ำท่วมทั้งสิ้น 88 หมู่บ้าน โดยเฉพาะที่บ้านละลาย ต.ละลาย อ.กันทรลักษ์ น้ำได้ไหลทะลักเข้าไปท่วมถนนกลางหมู่บ้าน ซึ่งตนได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่รับผิดชอบนำเรือท้องแบนเข้าไปช่วยเหลือชาวบ้านขนของหนีน้ำท่วมแล้ว โดยให้ไปพักที่หอประชุมที่ว่าการอำเภอกันทรลักษ์ ที่ทางอำเภอได้จัดสถานที่รองรับไว้ให้แล้ว 2 แห่งและมีชาวบ้านจำนวนหนึ่งพากันเข้ามาพักอาศัยเป็นการชั่วคราวบ้างแล้ว
**ลพบุรี-พิจิตรยังวิกฤตน้ำท่วมสูงไม่หยุด
ด้านสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ ต.บางลี่ อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี ขณะนี้ระดับน้ำที่ท่วมขังเพิ่มสูงขึ้นอีก 50 ซม.ทำให้บางจุดท่วมสูงแล้ว 7 เมตร นอกจากนี้ น้ำยังไหลหลากข้ามถนนสายลพบุรี-สิงห์บุรีไปยัง ต.โพตลาดแก้ว และด้วยกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยว ยังทำให้ที่พักชั่วคราวของชาวบ้านที่อพยพมาอยู่บนถนนหลายแห่ง เริ่มพังเสียหาย
ส่วนที่ จ.พิจิตร สถานการณ์น้ำท่วมกลับมาวิกฤตอีกครั้ง เนื่องจากน้ำป่าจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ ได้ไหลหลากลงแม่น้ำน่านอีกระลอก และเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ 6 หมู่บ้านใน ต.ไผ่หลวง อ.ตะพานหิน ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ บ้านเรือนกว่า 700 หลังถูกน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตร
**ร.ร.นครสวรรค์ปิดรับผู้ประสบภัยแล้ว
นายสุธน บัววัตร หัวหน้าศูนย์อพยพผู้ได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วมโรงเรียนนครสวรรค์ อ.เมือง จ.นครสวรรค์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ศูนย์อพยพโรงเรียนนครสวรรค์ ได้ปิดรับผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนแล้ว เนื่องจากสถานที่ไม่เพียงพอ โดยตั้งแต่เปิดศูนย์เมื่อวันที่ 10 ต.ค.ที่ผ่านมา มีผู้อพยพแล้วทั้งสิ้น 608 คน ทั้งนี้ มีเด็กเล็กและคนชรา รวมถึงผู้ป่วยเป็นจำนวนมาก ซึ่งได้มีการประสานกับแพทย์และหน่วยแพทย์ต่างๆ ให้เข้ามาดูแลอย่างต่อเนื่อง
**ชาวแปดริ้วระส่ำหลังพนังกั้นน้ำแตก
นายกลยุทธ ฉายแสง นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา กล่าวถึงสถานการณ์ความวิตกกังวลและแตกตื่นของชาวจังหวัดฉะเชิงเทราว่า หลังจากประชาชนทราบข่าวจากทางสื่อต่างๆ ว่าพนังกั้นน้ำหลายแห่งทางตอนบนเหนือจาก จ.ฉะเชิงเทรา ขึ้นไปทั้งคันกั้นน้ำคลอง 6 วา ทั้งคันกั้นน้ำ คลองระพีพัฒน์ รวมถึงพนังกั้นน้ำในเขตนิคมอุตสาหกรรมนวนครแตกพร้อมกันจึงทำให้ชาวบ้านในเขตเทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา ต่างพากันหวาดผวาหวั่นวิตกและเกรงว่าน้ำจะไหลเข้ามาท่วมเมือง ซึ่งได้ขอให้ประชาชนอย่าวิตกกังวลหรือหวั่นวิตกต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยยืนยันว่าน้ำจะไม่ไหลท่วมตัวเมืองฉะเชิงเทราแน่นอน
**น้ำท่วมชุมชนท่าตำหนักนครปฐมแล้ว
สถานการณ์น้ำท่วมที่ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ขณะนี้ยังมีความตรึงเครียด โดยน้ำจากคลองบางแก้ว ที่ไหลลงแม่น้ำท่าจีน ได้ไหลเอ่อล้นท่วมบ้านเรือนประชาชนบริเวณริมสองฝั่งคลอง ต.ท่าตำหนัก รวมทั้งวัดท่าตำหนักสูงเกือบ 1 เมตร ส่งผลให้ประชาชนสองฝั่งคลอง รวมทั้งพระที่จำวัดได้รับความเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก แม้ว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากกรมการสัตว์ทหารบก ค่ายทองฑีฆายุ จ.นครปฐม นำกระสอบทรายมาวางแล้วก็ตาม แต่ไม่สามารถกั้นปริมาณน้ำที่สูงขึ้นได้
นายอำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม ให้เจ้าหน้าที่แจ้งไปยังผู้ใหญ่บ้านและผู้นำชุมชนว่าให้แจ้งประชาชนว่า น้ำอาจจะขึ้นอีก 1 เมตร ภายใน 24 ชม.จึงขอให้ประชาชนให้ขนย้ายสิ่งของและเร่งทำแนวป้องกัน หากใครไม่สามารถอยู่ได้ให้อพยพไปยังศูนย์ที่เตรียมไว้
สำหรับจุดอพยพของ อ.พุทธมณฑล 1.รร.กาญจนาภิเษกวิทยาลัย ต.ศาลายา ติดต่อ รองผอ. 084-6626298 รับคนได้ 1,000 คน รถ 400 คัน 2.มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ต.ศาลายา ติดต่อนายธนากร 086-8807238 รับได้ 500 คน รถ 400 คัน
**เขื่อนภูมิพลยันไม่ปล่อยน้ำเพิ่ม
นายบุญอินทร์ ชื่นชวลิต ผู้อำนวยการเขื่อนภูมิพล อ.สามเงา จ.ตาก ออกมาปฏิเสธข่าวลือหลังมีข่าวว่าเขื่อนภูมิพลระบายน้ำเพิ่ม เนื่องจากภาคเหนือฝนตกหนัก และมีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพลมาก จนรับไม่ไหว โดยยืนยันว่า เขื่อนภูมิพลขณะนี้ยังระบายน้ำปกติ เพราะพื้นที่ส่วนมากทางภาคเหนือตอนบนไม่มีฝน ยกเว้นจังหวัดลำปาง ลำพูน และเชียงใหม่ อาจมีฝนเล็กน้อยเป็นครั้งคราว ไม่มีผลต่อสภาวะน้ำที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ส่วนภาคเหนือตอนล่าง ท้องฟ้าครึ้มฝนแต่ยังไม่มีฝนตก
ส่วนการจะลดหรือเพิ่มการระบายน้ำ เขื่อนภูมิพลจะต้องรับคำสั่งจากคณะอนุกรรมการติดตามวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ ซึ่งมีอธิบดีกรมชลประทานเป็นประธาน ซึ่งในช่วงนี้ยังระบายอยู่ที่ 50 ล้าน ลบ.ม.เพื่อลดปริมาณน้ำที่ไหลไปสู่ลุ่มเจ้าพระยา และในพื้นที่ภาคกลาง ที่กำลังประสบปัญหาน้ำท่วมอยู่ในขณะนี้