ผู้ว่าฯ กทม.แจ้งคนกรุงเทพฯ รับฟังข่าวสารจาก กทม.เท่านั้น ย้ำ ขอให้มั่นใจป้องกันเมืองหลวงเต็มที่ เผย ไม่คิดว่าถูกวางยา หลังรัฐบาลส่งถุงกระดาษ 8 แสนใบ ให้บรรจุทราย ลั่นหากไม่ช่วยก็ขอช่วยเหลือตัวเอง พร้อมเบาใจกองทัพอากาศส่งกำลังช่วยเสริมคันกั้นน้ำคลองหกวา ขอรัฐบอกก่อนปล่อยน้ำ ขณะที่ “อภิสิทธิ์” แนะรัฐคิดให้ดี ลดภาษีนโยบายประชานิยม หวั่นต้องกู้เงินมาเป็นภาระ
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ให้สัมภาษณ์
วันนี้ (18 ต.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมคณะได้ลงพื้นที่ที่ ร.ร.ฤทธิยะวรรณาลัย 2เขตสายไหม ซึ่งเป็นสถานที่บรรจุถุงทราย และพนังกั้นน้ำคลองหกวา จุดยุทธศาสตร์สำคัญที่ใช้กั้นน้ำไหลเข้าดอนเมือง ระหว่างเยี่ยมประชาชนที่ร่วมบรรจุถุงทรายได้รับเสียงปรบมือและการต้อนรับอย่างดี บางคนถึงกับโผเข้ากอด ขณะบางรายระบุว่าได้เห็นหน้าทำให้หายเหนื่อยแล้ว
โดย นายอภิสิทธิ์ ได้เดินตรวจคันกั้นน้ำโดยรอบ และกล่าวว่า มั่นใจว่า กทม.เตรียมการรับมือเต็มที่ อย่างไรก็ตาม การบริหารจัดการน้ำในส่วนรอยต่อพื้นที่ กทม.กับจังหวัดอื่น ไม่อยู่ในอำนาจของ กทม.ดังนั้น กทม.ต้องประสานงานกับรัฐบาลอย่างใกล้ชิด เช่น กรณีที่จะมีการเปิดประตูน้ำ 5 บาน เพื่อระบายน้ำออกจากพื้นที่นวนคร ก็ต้องประสานให้ กทม.รับทราบ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อ กทม.
นายอภิสิทธิ์ ยังฝากถึงผู้บริหารนวนคร ที่ประกาศว่า จะไม่ฟังรัฐบาลต่อไปนั้น สถานการณ์เช่นนี้แต่ละฝ่ายจะคิดถึงการลดความเสียหายเฉพาะส่วนของตนเองไม่ได้ แต่ต้องคำนึงส่วนรวมด้วย ความเสียหายด้านเศรษฐกิจ รัฐบาลต้องเยียวยาและกำหนดมาตรการให้ชัดเจน ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายในการเจรจาทำความเข้าใจ แต่เมื่อรัฐบาลจะใช้วิธีนี้แทนกฎหมายพิเศษ ก็ต้องทำให้ได้ผลอย่างมีประสิทธิภาพด้วย
อย่างไรก็ตาม นายอภิสิทธิ์ มีความกังวลว่า ยังมีน้ำฝนที่สะสมอยู่ตอนเหนืออาจไหลลงมาซ้ำเติม จึงฝากผู้ว่าฯ กทม.ติดตามสถานการณ์น้ำจากการวัดระดับน้ำของกรมชลประทาน เพราะเส้นทางน้ำแตกแขนงออกไปหลายสาย มากกว่ามาตรวัดน้ำที่กรมชลประทานมีอยู่ จึงอาจทำให้หลงผิดว่ามวลน้ำขนาดใหญ่ไหลเลย กทม.แล้ว โดยในการประชุม ครม.เงา พรุ่งนี้จะพิจารณามาตรการรองรับผู้ที่จะได้รับผลกระทบจากภาคอุตสาหกรรมที่ประมาณการว่า ทั้งผู้ใช้แรงงาน และครอบครัวน่าจะทะลุหลักล้าน ขณะเดียวกัน อยากให้ทบทวนนโยบายประชานิยมก่อนกำหนดวงเงินกู้ เช่น ยกเลิกการให้สิทธิด้านคืนภาษีรถยนต์คันแรก และบ้านหลังแรกในวงเงินที่สูง รวมถึงการลดอัตราภาษีนิติบุคคลที่จะเริ่มในปีหน้า เพราะไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ เนื่องจากผู้ประกอบการไม่ได้กระทบทุกราย จำเป็นที่รัฐบาลต้องเก็บรายได้ส่วนนี้มาดูแลผู้ได้รับรายผลกระทบแทนที่จะกู้เงินมหาศาลที่จะเป็นภาระหนี้ที่ไม่เป็นธรรมกับประชาชน และจะกระทบต่อเศรษฐกิจระยะยาว เช่นเดียวกับที่มีข่าวว่า รัฐบาลอาจจะกู้เงิน 5 แสนล้านบาท เพื่อจัดการน้ำทั้งระบบ หากจะกู้เงินจริงต้องชัดเจนแต่ละโครงการว่าดำเนินการอย่างไร มีประสิทธิภาพมากน้อยแค่ไหน โดยพรรคจะตรวจสอบเรื่องนี้
“ผมไม่อยากจะวิจารณ์ซ้ำเติมในความผิดพลาดที่เกิดขึ้นของรัฐบาล แต่ยืนยันว่า การทำงานของ กทม.แม้จะอยู่ภายใต้การบริหารของพรรคประชาธิปัตย์ แต่ก็ไม่เคยคิดถึงเรื่องการเมืองเพราะทุกภาคส่วนต้องร่วมกันทำเพื่อประชาชน” อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุ
ด้าน ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.ระบุว่า รัฐบาลได้จัดถุงใส่ทรายมาให้ 8 แสนใบ มาให้ แต่อาจเกิดความเข้าใจผิด เพราะที่มอบให้เป็นถุงกระดาษ ไม่สามารถบรรจุทรายกั้นน้ำได้ แต่ก็ไม่อยากคิดว่ารัฐบาลตั้งใจวางยา ขณะนี้การบรรจุทรายได้รับความร่วมมือจากประชาชนและใช้ถุงของ กทม.ซึ่งตนยืนยันมาตลอดว่า พร้อมที่จะช่วยตัวเองหากไม่มีใครช่วย ขณะนี้ได้รับความร่วมมือจากกองทัพอากาศในเรื่องกองกำลังช่วยสร้างคันกั้นน้ำในคลองหกวา ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์สำคัญ และยังเชื่อมั่นในคำสัญญาของรัฐบาล ว่า หากมีการระบายน้ำในส่วนรอยต่อที่มีผลกระทบต่อเมืองหลวงจะประสานงานมายัง กทม.เช่น กรณีที่จะเปิดประตูน้ำ 5 บาน เพื่อระบายน้ำจากนวนคร รัฐบาลก็แจ้งมาว่าจะไม่เปิดพร้อมกัน โดยจะทยอยระบาย และให้กทม.สร้างพนังกั้นน้ำให้เสร็จก่อน อีกทั้งยืนยันตลอดว่าจะรักษาพื้นที่เมืองหลวงเอาไว้ คิดว่ารัฐบาลจะรักษาสัญญานี้
“ขอย้ำว่า การรับฟังข่าวสาร ทั้งเรื่องการแจ้งเตือนภัย หรือผลกระทบในพื้นที่ ขอให้ฟังผมคนเดียว แม้จะมีหลายฝ่ายพูดเรื่องความปลอดภัยใน กทม.แต่ขอให้เชื่อผมคนเดียว โดยยังมั่นใจว่า จะสามารถแจ้งประชาชนได้ล่วงหน้า หากน้ำไหลเข้าพื้นที่และถึงวันนี้มีความมั่นใจมากขึ้น เพราะสถานการณ์ดีขึ้น จากเมื่อวานที่แจ้งว่ารัฐบาลควบคุมน้ำได้ ทำให้เรามีเวลา 48 ชม.ในการสร้างคันกั้นน้ำ แต่ขณะนี้คันกั้นน้ำหลายจุดก็ใกล้เสร็จแล้ว ไม่อยากให้รัฐบาลเซอร์ไพรส์แบบนี้บ่อยนัก ผมไม่อยากตื่นเต้นมากเกินไป” ผู้ว่าฯ กทม.ระบุ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้ง นายอภสิทธิ์ และ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ได้ร่วมกันขนถุงทรายกับประชาชนเพื่อสร้างเป็นพนังกั้นน้ำด้วย โดยมีบริษัทในเครือซิเมนต์ไทยได้ ร่วมบริจาคหินฝุ่นจำนวน 1 แสนตัน ซึ่งสามารถบรรจุในกระสอบได้ 1 ล้านกระสอบ
จากนั้นคณะของนายอภิสิทธิ์ ได้เดินทางไปตรวจประตูระบายน้ำคลองสอง พบว่า มีน้ำเอ่อขึ้นมาบนถนน แม้ว่าจะมีการยกระดับถนนขึ้นมาก่อนหน้านี้แล้ว 30 เซนติเมตรแล้วก็ตาม ขณะที่กระแสน้ำในคลองไหลยังไหลเชี่ยวกราก