วานนี้ (19 ต.ค.) นายชวนนท์ อินทรโกมาลสุตย์. โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ความจำเป็นที่รัฐบาลต้องตัดสินใจใช้กฎหมายพิเศษในบางพื้นที่เพื่อให้การบริหารสถานการณ์มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยยืนยันว่า พรก.ฉุกเฉินสามารถยกระดับการให้ความช่วยเหลือจากหน่วยงานภาครัฐให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งระบุไว้ชัดเจนในมาตรา 4 ของ พรก.ฉุกเฉิน ว่า เกี่ยวกับคำจำกัดความของสถานการณ์ฉุกเฉินวรรคท้ายว่า "คือการป้องปัดหรือแก้ไขเยียวยาความเสียหายจากภัยพิบัติ สาธารณะอันมีอย่างฉุกเฉินและร้ายแรง"
นอกจากนี้ในมาตรา 9 ยังให้อำนาจนายกรัฐมนตรีในการออกข้อกำหนดเพื่อบริหารสถานการณ์ฉุกเฉินทำให้เกิดความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพมากขึ้นในการจัดการปัญหา เช่น การอพยพ การห้ามใช้เส้นทางคมนาคมหรือยานพาหนะ หรือกำหนดเงื่อนไขการใช้เส้นทางคมนาคม หรือยานพาหนะ ห้ามใช้หรือเข้าไปอยู่ในสถานที่ใดสถานที่หนึ่ง เป็นต้น
ทั้งนี้ นอกจากจะพิจารณาเรื่องมาตรการฟื้นฟูหลังน้ำลด ที่ทีมเศรษฐกิจของพรรคได้ประเมินเบื้องต้นคิดว่าหากนวนครเสียหายทั้งหมดจะมีผู้ใช้แรงงานถูกเลิกจ้างถึง 6 แสนคน และตัวเลขจริงของผู้ตกงานจากปลกระทบครั้งนี้ในภาพรวมอาจสูงถึง 1 ล้านคน แต่รัฐบาลยังไม่มีมาตรการช่วยเหลือที่ชัดเจนออกมา และ ครม.เงาจะพิจารณากรณีรัฐบาลเตรียมกู้เงินเพื่อฟื้นฟูประเทศ เพื่อเสนอแนะให้รัฐใช้กู้ให้
ด้าน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรครปชะาธิปัตย์ ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวว่า ในการประชุมครม.เงา วันที่ 20 ต.ค.นี้จะพิจารณามาตรการรองรับผู้ที่จะได้รับผลกระทบจากภาคอุตสาหกรรมที่ประมาณการว่าทั้งผู้ใช้แรงงานและครอบครัวน่าจะทะลุหลักล้าน ขณะเดียวกันอยากให้ทบทวนนโยบายประชานิยมก่อนกำหนดวงเงินกู้เช่นยกเลิกการให้สิทธิด้านคืนภาษีรถยนต์คันแรก และบ้านหลังแรกในวงเงินที่สูง รวมถึงการลดอัตรภาษีนิติบุคคลที่จะเริ่มในปีหน้าเพราะไม่สอดคล้องกับสถานการณ์เนื่องจากผู้ประกอบการไม่ได้ผลกระทบทุกราย จำเป็นที่รัฐบาลต้องเก็บรายได้ส่วนนี้มาดูแลผู้ได้รับรายผลกระทบแทนที่จะกู้เงินมหาศาลที่จะเป็นภาระหนี้ที่ไม่เป็นธรรมกับประชาชนและจะกระทบต่อเศรษฐกิจระยะยาว เช่นเดียวกับที่มีข่าวว่ารัฐบาลอาจจะกู้เงิน5 แสนล้านบาท เพื่อจัดการน้ำทั้งระบบ หากจะกู้เงินจริงต้องชัดเจนแต่ละโครงการว่าดำเนินการอย่างไร มีประสิทธิภาพมากน้อยแค่ไหน โดยพรรคจะตรวจสอบเรื่องนี้
นายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา ในฐานะรองหัวหน้าดูแลภาคใต้ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการระดมเงินบริจาคจาก ส.ส.ปชป. ว่าพรรคมีมติว่าจะบริจาคให้ 5 ล้านบาท โดยล่าสุดให้หักจากเงินเดือน อย่างน้อย 1 เดือน หรืออาจจะแบ่งเป็นสองงวดหรือสามงวดก็ได้ ตามสะดวกของแต่ละคน เพราะเวลาน้อยต้องระดมสรรพกำลังทุกอย่างที่มีไว้ช่วยเหลือชาวบ้าน เพราะคาดว่าน้ำจะท่วมอีกนานในบางพื้นที่ ขณะที่เมื่อกระแสข่าวเรื่องน้ำลดน้อยลง ผู้คนอาจจะไม่ค่อยบริจาคแล้ว แต่การช่วยเหลือต้องมีต่อไป จะได้ใช้เงินที่ได้รับนี้ทำการช่วยเหลือคนที่เดือดร้อนในระยะยาวได้ต่อไป
นอกจากนี้ในมาตรา 9 ยังให้อำนาจนายกรัฐมนตรีในการออกข้อกำหนดเพื่อบริหารสถานการณ์ฉุกเฉินทำให้เกิดความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพมากขึ้นในการจัดการปัญหา เช่น การอพยพ การห้ามใช้เส้นทางคมนาคมหรือยานพาหนะ หรือกำหนดเงื่อนไขการใช้เส้นทางคมนาคม หรือยานพาหนะ ห้ามใช้หรือเข้าไปอยู่ในสถานที่ใดสถานที่หนึ่ง เป็นต้น
ทั้งนี้ นอกจากจะพิจารณาเรื่องมาตรการฟื้นฟูหลังน้ำลด ที่ทีมเศรษฐกิจของพรรคได้ประเมินเบื้องต้นคิดว่าหากนวนครเสียหายทั้งหมดจะมีผู้ใช้แรงงานถูกเลิกจ้างถึง 6 แสนคน และตัวเลขจริงของผู้ตกงานจากปลกระทบครั้งนี้ในภาพรวมอาจสูงถึง 1 ล้านคน แต่รัฐบาลยังไม่มีมาตรการช่วยเหลือที่ชัดเจนออกมา และ ครม.เงาจะพิจารณากรณีรัฐบาลเตรียมกู้เงินเพื่อฟื้นฟูประเทศ เพื่อเสนอแนะให้รัฐใช้กู้ให้
ด้าน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรครปชะาธิปัตย์ ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวว่า ในการประชุมครม.เงา วันที่ 20 ต.ค.นี้จะพิจารณามาตรการรองรับผู้ที่จะได้รับผลกระทบจากภาคอุตสาหกรรมที่ประมาณการว่าทั้งผู้ใช้แรงงานและครอบครัวน่าจะทะลุหลักล้าน ขณะเดียวกันอยากให้ทบทวนนโยบายประชานิยมก่อนกำหนดวงเงินกู้เช่นยกเลิกการให้สิทธิด้านคืนภาษีรถยนต์คันแรก และบ้านหลังแรกในวงเงินที่สูง รวมถึงการลดอัตรภาษีนิติบุคคลที่จะเริ่มในปีหน้าเพราะไม่สอดคล้องกับสถานการณ์เนื่องจากผู้ประกอบการไม่ได้ผลกระทบทุกราย จำเป็นที่รัฐบาลต้องเก็บรายได้ส่วนนี้มาดูแลผู้ได้รับรายผลกระทบแทนที่จะกู้เงินมหาศาลที่จะเป็นภาระหนี้ที่ไม่เป็นธรรมกับประชาชนและจะกระทบต่อเศรษฐกิจระยะยาว เช่นเดียวกับที่มีข่าวว่ารัฐบาลอาจจะกู้เงิน5 แสนล้านบาท เพื่อจัดการน้ำทั้งระบบ หากจะกู้เงินจริงต้องชัดเจนแต่ละโครงการว่าดำเนินการอย่างไร มีประสิทธิภาพมากน้อยแค่ไหน โดยพรรคจะตรวจสอบเรื่องนี้
นายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา ในฐานะรองหัวหน้าดูแลภาคใต้ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการระดมเงินบริจาคจาก ส.ส.ปชป. ว่าพรรคมีมติว่าจะบริจาคให้ 5 ล้านบาท โดยล่าสุดให้หักจากเงินเดือน อย่างน้อย 1 เดือน หรืออาจจะแบ่งเป็นสองงวดหรือสามงวดก็ได้ ตามสะดวกของแต่ละคน เพราะเวลาน้อยต้องระดมสรรพกำลังทุกอย่างที่มีไว้ช่วยเหลือชาวบ้าน เพราะคาดว่าน้ำจะท่วมอีกนานในบางพื้นที่ ขณะที่เมื่อกระแสข่าวเรื่องน้ำลดน้อยลง ผู้คนอาจจะไม่ค่อยบริจาคแล้ว แต่การช่วยเหลือต้องมีต่อไป จะได้ใช้เงินที่ได้รับนี้ทำการช่วยเหลือคนที่เดือดร้อนในระยะยาวได้ต่อไป