ศปภ.ยันน้ำ “นวนคร” ไม่ทะลักเข้า มธ.-เร่งทหารซ่อมพนังคลองระพีพัฒน์

“ศปภ.” ยัน น้ำจาก “นวนคร” ไม่เข้า มธ.รังสิต ประสานกองทัพเร่งเสริมพนังกั้นน้ำริมคลองระพีพัฒน์ หลังคลองแตก พร้อมเปิดประตูระบายน้ำคลอง 2 ถึง 9 นำน้ำออกทางตะวันออก วอนสถานประกอบการในนิคมฯ เห็นแก่ชีวิตคนงาน หยุดเดินเครื่อง บขส.พร้อมส่งถึงบ้านฟรี ด้าน อธิบดีกรมการปกครองสั่งทุกอำเภอเปิดศูนย์พักพิงผู้อพยพ


 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย แถลงการณ์  

วันที่ 18 ต.ค.ที่ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) นายวิม รุ่งวัฒนจินดา โฆษก ศปภ.แถลงว่า กรณีมีน้ำทะลักเข้าไปในนิคมอุตสาหกรรมนวนคร ปัจจุบันมวลน้ำในนิคมสูงเฉลี่ยประมาณ 60 เซนติเมตร เป็นที่ชัดเจนว่าท่วมกว่า 80-90 เปอร์เซ็นต์ แต่ยืนยันว่า น้ำจากนวนครยังไม่ไหลเข้าสู่พื้นที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ยังไม่มีผลถึงพื้นที่อาศัยของประชาชน ส่วนสถานการณ์น้ำคลองระพีพัฒน์แยกตก ทาง ศปภ.ได้คุยกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกองทัพให้เร่งดำเนินการเสริมพนังกั้นน้ำ เพื่อให้สามารถรับปริมาณน้ำที่จะเข้ามา ขณะที่ประตูบริเวณคันคลองต่างๆ ตั้งแต่คลอง 2-9 ได้ประสานเปิดประตูระบายน้ำ เพื่อให้น้ำไหลไปสู่บริเวณภาคตะวันออกของ กทม.เพื่อลดแรงน้ำฝั่งนวนคร หรือฟากตะวันตก เพราะตอนนี้มีน้ำใน จ.ปทุมธานี เพิ่มมากขึ้น

พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ที่ปรึกษา สบ10 ในฐานะโฆษกด้านตำรวจของ ศปภ.กล่าวว่า สำหรับสถานที่พักพิงต่างๆ มีประชาชนในพื้นที่รอบ กทม.ได้เดินทางมายังศูนย์อพยพ ที่ราชการเตรียมไว้ต่อเนื่อง จึงขอขอบคุณประชาชนที่ปฏิบัติตามประกาศ ศปภ.โดยเฉพาะกรณีนิคมฯนวนคร ทำให้ไม่มีผู้สูญเสีย ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องประกาศให้ประชาชนในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งต้องใช้ความระมัดระวัง หรือเคลื่อนย้ายนั้น เราจะแจ้งในทันที ซึ่งการประชุม ศปภ. เมื่อเช้านี้ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม และ ผอ.ศปภ.ได้ย้ำให้ทุกหน่วยงานดูแลชีวิตทรัพย์สิน ประชาชน นอกจากนี้ ขอฝากไปถึงเจ้าของกิจการ สถานประกอบการ ที่มีประชาชนทำงานอยู่ ขอให้คำนึงถึงความปลอดภัยของชีวิตเป็นสำคัญ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นคนงาน หากไม่มีความจำเป็นขอให้หยุดกิจการชั่วคราว เพราะรัฐบาลมีความพร้อมในการเยียวยาชดเชยเสียหายที่เกิดขึ้น สำหรับประชาชนที่ต้องการกลับภูมิลำเนา ทางรัฐบาลจัดเตรียมรถ บขส.โดยไม่เสียค่าโดยสาร ซึ่งจะดูแลอย่างดีที่สุดและส่งถึงบ้านด้วยความปลอดภัย

พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวต่อว่า นายกฯ ได้มอบนโยบายทำศูนย์พักพิงรองรับผู้ประสบภัย โดยต้องจัดสถานที่ดูแลประชาชนให้ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นที่หลับนอน รับประทานอาหาร โดยจะมีหน่วยงานต่างๆ เข้าไปดูแล ส่วนศูนย์พักพิงที่อยู่รอบ กทม.ประชาชนสามารถไปอาศัยได้ โดยมีทั้งหมด 10 แห่ง อาทิ เทคโนโลยีราชมงคล รับได้ 1,000 คน อาคาร 2 ท่าอากาศยานดอนเมือง รับได้ 2,000 คน ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ถ.แจ้งวัฒนะ รับได้ 5,000 คน เป็นต้น

นายสุกิจ เจริญรัตนกุล อธิบดีกรมการปกครอง กล่าวว่า กรมการปกครองได้แจ้งทุกอำเภอให้จัดเตรียมศูนย์พักพิงชั่วคราวให้ผู้ประสบอุทกภัยชั่วคราว ซึ่งทุกหน่วยงานสามารถเปิดเว็บไซต์ของกรมการปกครอง www.dopa.go.th ซึ่งมีข้อมูลศูนย์พักพิงของราษฎรในท้องที่ และมีจุดที่ส่งสิ่งของไปช่วยทุกอำเภอ รวมทั้งรายชื่อคณะทำงานประสานงานที่ส่งไปทุกอำเภอในท้องที่ ซึ่งจะทำให้ทำงานร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ ได้สะดวกขึ้น นอกจากนี้ สำหรับราษฎรที่ไม่ได้อพยพศูนย์พักพิงชั่วคราว กรมการปกครองให้อำเภอแจ้งสถานที่ที่จะลำเลียงถุงยังชีพไปส่งที่อำเภอ จากนั้นอำเภอจะจัดไปให้คณะกรรมการหมู่บ้าน หรือหมู่บ้านใดสามารถจะมารับสิ่งของด้วยตนเองก็มารับที่อำเภอก็ทำได้