ASTVผู้จัดการรายวัน/ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ส.ว.ใต้จวกเจ้าหน้าที่รัฐบ้าอำนาจ ใช้ พ.ร.ก.ฉุนเฉินสร้างความเกลียดชังในพื้นที่ 3 จังหวัดใต้ แนะทบทวนใช้พ.ร.บ.มั่นคงฯแทน ชี้ใช้ยาแรงเกินไม่เป็นผลดี อาจดื้อยา-ปัญหาบานปลาย ด้าน"โกวิท" ยอมรับปัญหาภาคใต้รุนแรงขึ้น อ้างเพิ่งมาทำงานเดือนเดียว ขอเวลาอีกหน่อย เตรียมลงพื้นที่หาข้อมูลเอง ขณะที่คนร้ายซุ่มยิง M79 ใส่ฐานปฎิบัติการทหารเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 3 เดือน แต่ยังไม่เข้าเป้า วันเดียวลอบวางระเบิดกูโบร์ (สุสานมุสลิม) เมืองปัตตานีอีกลูก โชคดีไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ
ในการประชุมวุฒิสภาเมื่อวานนี้ ( 3 ต.ค. ) ที่ประชุมได้มีการพิจารณากระทู้ถามด่วนของ นายสุริยา ปันจอร์ ส.ว.สตูล ได้ตั้งกระทู้ถามนายกรัฐมนตรี ถึงเรื่องผลกระทบจากการประกาศใช้พ.ร.ก. การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า ความพยายามการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของรัฐบาล ขณะนี้เหมือนกับเป็นการใช้ยาหลายขนาน และยิ่งการใช้อาวุธเข้าไปในพื้นที่ เท่ากับเป็นการใช้ยาแรง ทำให้อาการของโรคได้พัฒนาไปอีกหลายรูปแบบ อาทิ มีปัญหายาเสพติด การค้าของเถื่อน ผลสุดท้ายทำให้เกิดอาการดื้อยา และไม่สามารถแก้ไขได้
ส่วนประเด็นการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินในพื้นที่นั้น ข้อมูลที่ตนทราบคือ มีอำนาจในการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยไว้เป็นเวลา 30 วัน ทำให้มีผู้ถูกจับกุมตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมีการดำเนินคดีในชั้นศาล ศาลได้ยกฟ้อง เพราะหลักฐานไม่เพียงพอ ซึ่งมีจำนวนที่ใกล้เคียงกับจำนวนผู้ที่ถูกจับ นอกจากนั้นแล้วการทำงานในพื้นที่ที่มีการซักถามประชาชน เป็นเพียงเพื่อให้เกิดการซัดทอดเท่านั้น
" มีคนจำนวนไม่น้อยที่ถูกคุมขัง เพราะเจ้าหน้าที่ของรัฐไม่ชอบหน้า และได้รับการปล่อยตัวเมื่อครบกำหนด 30 วัน ตามที่กฎหมายให้อำนาจไว้ จนก่อให้เกิดความรู้สึกที่มีอคติ ความเกลียดชังต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งประเด็นนี้รัฐบาลจะแก้ไขอย่างไร หรือมีการทบทวนการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หรือไม่ เพื่อไม่ให้ผู้บริสุทธิ์ต้องถูกจับกุม" นายสุริยา กล่าว
ทั้งนี้ นายสุริยา ได้เสนอแนะแนวทางแก้ไขปัญหาว่า จากการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทำให้มีประชาชนหวาดผวาเมื่อเห็นทหาร เพราะไม่แน่ใจว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น หากภาครัฐยังกังวลในเรื่องของความปลอดภัย ควรพิจารณานำกฎหมายพิเศษฉบับอื่นมาบังคับใช้แทน เช่น พ.ร.บ.ความมั่นคงในราชอาณาจักร เป็นต้น
ด้านพล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลด้านความมั่นคง เป็นผู้ตอบกระทู้แทนนายกฯ ได้ชี้แจงว่าจะรับเรื่องดังกล่าวไปพิจารณา และทบทวน
อย่างไรก็ตามรัฐบาลนี้ เพิ่งเข้ามาทำหน้าที่ได้เพียง 1 เดือน ดังนั้นจึงขอรับไปดำเนินการ หากพื้นที่ใดที่มีความสงบ จะทยอยพิจารณายกเลิกไปทีละอำเภอ โดยภายในสัปดาห์นี้ ตนจะลงพื้นที่เพื่อหารือกับเจ้าหน้าที่ระดับพลเรือน และทหาร เพื่อรับฟังแนวทางและมาตรการต่างๆ
** จี้รัฐหามาตรการเยียวยา
ขณะที่นายเจริญ ภักดีวานิช ส.ว.สรรหา ที่ได้ตั้งกระทู้ถามนายกรัฐมนตรี ถึงประเด็นเรื่องการลดความสูญเสีย และช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดย นายเจริญ กล่าวว่า ตนมีข้อสังเกต เผื่อว่ารัฐบาลจะสามารถใช้เป็นข้อมูลในการไปดูงานในพื้นที่ที่เกิดเหตุการณ์ฆาตกรรมรายวัน ทั้งนี้ ตนเชื่อว่ารองนายกฯ น่าจะมีข้อมูลมากพอสมควร
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 4 ม.ค.47 จนถึงปัจจุบัน มีผู้เสียชีวิตประมาณ 4,800 คน มีผู้บาดเจ็บ 7,000 - 8,000 คน เป็นเด็กกำพร้า 4,500 คน หญิงหม้าย 2,300 คน ถึงแม้ว่ารัฐบาลจะช่วยให้การศึกษาถึงปริญญาตรี แต่การที่เด็กกำพร้าเหล่านั้นต้องขาดพ่อ แม่ เป็นความเจ็บปวดที่ไม่สามารถทดแทนได้ นอกจากนี้ ยังมีเจ้าหน้าที่ทหาร และตำรวจ เสียชีวิตเป็นรายวัน ซึ่งล้วนแต่เป็นผู้บริสุทธิ์ทั้งสิ้นที่เสียชีวิต
นอกจากนี้ นิด้าโพลได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชน ถึงสาเหตุที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ โดยผลสำรวจระบุว่า สาเหตุมาจาก
1. การทุจริต คอร์รัปชันในการแก้ไขปัญหา 2. รัฐบาลแก้ไขปัญหาไม่ถูกวิธี 3. มีกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดเข้าไปในพื้นที่ แต่ก็น่าเสียดายที่รัฐบาลไม่ใช้มาตรการเชิงรุกในการปราบปรามยาเสพติด
จึงอยากทราบว่ารัฐบาลมีแนวทางในการลดความขัดแย้งอย่างไร และอยากถามไปยัง นายกรัฐมนตรีว่า รัฐบาลมีแนวทางหรือมาตรการในการลดความสูญเสียรายวันต่อประชาชนในพื้นที่ในจังหวัดชายแดนใต้อย่างไร และรัฐบาลมีแนวทางในการตั้งกองทุนชั่วคราว สำหรับการเยียวยาประชาชนหรือไม่ อย่างไร
ด้านพล.ต.อ.โกวิท กล่าวว่า ยอมรับว่า 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เกิดความรุนแรงขึ้นทุกวัน ซึ่งรัฐบาลได้ดำเนินการที่จะช่วยลดการสูญเสียของเจ้าหน้าที่ พลเรือน ทหาร และตำรวจ ที่คุ้มครองหมู่บ้าน
ตั้งแต่ตนเข้ามารับผิดชอบงานในส่วนนี้ได้มีการพูดคุยกับ แม่ทัพ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ( ศอ.บต. ) และฝ่ายปกครอง พบว่า มีปัญหาอยู่หลายประการ เนื่องจากในพื้นที่ต้องการกำลังรักษาความปลอดภัยทั้งในโรงเรียน วัด และมัสยิด สิ่งต่างๆ เหล่านี้ เป็นปัญหาในการบริหารกำลังคน ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆ กำลังเร่งดำเนินการอยู่ จากที่ได้พูดคุยกันก็ได้มีการใช้มาตรการในพื้นที่ต่างๆ เพื่อช่วยลดความรุนแรง โดยภาพรวมถือว่ายังไม่ประสบความสำเร็จ แต่ก็ยอมรับว่าจะแก้ไขปัญหาด้วยวิธีต่างๆ อย่างเต็มที่
ทั้งนี้ ทางคณะรัฐมนตรี จะจัดตั้งศูนย์อำนวยการแก้ไขปัญหาภาคใต้แบบบูรณาการ ทั้งทหาร ตำรวจ และพลเรือน เพื่อลดข้อครหาต่างๆ
"ผมจะพยายามทำทุกอย่างในการแก้ไขปัญหา ซึ่งหากใครมีข้อมูลอะไรเพิ่มเติมสามารถนำมาบอกได้ ส่วนเรื่องกองทุนเยียวยาประชาชนนั้น มีผู้มาร้องเรียนแล้ว แต่ยังไม่มีงบประมาณในการดำเนินการอย่างเป็นเรื่องเป็นราว แต่ผมก็จะรับเรื่องนี้ไว้พิจารณา" พล.ต.อ.โกวิท กล่าว
**ป่วนรายวัน!กดบึ้มหน้าสุสานมุสลิม
วานนี้(3 ต.ค.) เวลา 08.30 น.พ.ต.อ.ชนวีร์ ชมาฤกษ์ ผกก.สภ.หนองจิก จ.ปัตตานี พ.อ.ศานติ ศกุนตนาค ผบ.ทพ.43 พร้อมด้วยชุดพิสูจน์หลักฐานและชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด เข้าทำการตรวจสอบเหตุคนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนเครื่องยิงลูกระเบิดชนิดเอ็ม 79 ยิงใส่ฐานปฏิบัติการร้อย ทหารพรานที่ 4304 ตั้งอยู่ริมคลองหนองจิก บ้านดอนยาง ม.4 ต.บางเขา
จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุพบความเสียหายบริเวณด้านหลังฐาน แรงระเบิดทำให้เกิดหลุมกว้าง 30 ซม.โชคดีที่สะเก็ดระเบิดกระเด็นไปถูกต้นไม้ จึงไม่มีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ นอกจากนี้ยังพบหัวระเบิดที่ไม่ทำงานตกอยู่ในพงหญ้าจำนวน 1 ลูก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
สอบสวนก่อนเกิดเหตุทราบว่า ขณะที่เจ้าหน้าที่ภายในฐานปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ ปรากฏว่า มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนลอบเข้ามาในที่มืดแล้วใช้อาวุธปืน M79 ยิงใส่ฐานจำนวน 2 ลูก แต่ไปตกด้านหลังฐานและเกิดระเบิดเพียง 1 ลูก ทำให้เจ้าหน้าที่ได้ยิงตอบโต้คนร้ายเพื่อป้องกันการโจมตี ก่อนที่คนร้ายอาศัยความมืดหลบหนีไป
อย่างไรก็ตาม ฐานดังกล่าวเคยถูกลอบโจมตีมาแล้วเมื่อ 3 เดือนก่อน แต่ไม่มีใครได้รับอันตราย เจ้าหน้าที่เชื่อเป็นฝีมือแนวร่วมร่วมกับขบวนการยาเสพติดตอบโต้ หลังมีการจับกุมและกดดันทั้งกลุ่มก่อความไม่สงบและขบวนการค้ายาเสพติดจนสามารถจับกุมตรวจยึดได้จำนวนมาก
ต่อมาเวลา 10.00 น.พ.ต.อ.สมพร มีสุข ผกก.สภ.เมืองปัตตานี ได้รับแจ้งมีเหตุระเบิดบริเวณกำแพงกูโบร์โต๊ะอาเยาะห์ ถ.ยะรัง ซอย 5 ต.จะบังติกอ จึงนำกำลัง พร้อมด้วยชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดและชุดพิสูจน์หลักฐานไปยังที่เกิดเหตุ เมื่อไปถึงพบว่ากำแพงกุโบร์ (สุสานมุสลิม) พังทลายได้รับความเสียหายจากแรงระเบิดเป็นทางยาวถึง 10 เมตร นอกจากนี้ยังพบสะเก็ดชิ้นส่วนและระเบิดตกกระจายอยู่ทั่วบริเวณ เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน โชคดีไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บจากเหตุระเบิดดังกล่าว
จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารชุดลาดตระเวน หน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 23 จำนวน 5 นายใช้รถยนต์ทหารตรากงจักร หมายเลข 89393 ลาดตระเวนเพื่อดูแลความปลอดภัยในพื้นที่รับผิดชอบ ปรากฏว่าเมื่อขับมาถึงเส้นทางดังกล่าวได้มีคนร้ายไม่ทราบจำนวน กดชนวนระเบิดแสวงเครื่องน้ำหนักประมาณ 5 กิโลกรัม จุดชนวนด้วยวิทยุสื่อสารลอบฝังไว้ริมกำแพงด้านในกุโบร์ แรงระเบิดทำให้เกิดเสียงดังสนั่นกำแพงแตกกระจายได้รับความเสียหาย แต่โชคดีที่ทหารขับรถผ่านจุดระเบิดได้เพียง 5 เมตร จึงไม่มีใครได้รับอันตราย
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่เชื่อว่าคนร้ายน่าจะนำระเบิดมาฝังไว้ในช่วงกลางดึกที่ผ่านมา เนื่องจากรู้ว่าเส้นทางดังกล่าวมีเจ้าหน้าที่ผ่านทุกวัน จึงหมายจะสังหารเพื่อสร้างสถานการณ์
ในการประชุมวุฒิสภาเมื่อวานนี้ ( 3 ต.ค. ) ที่ประชุมได้มีการพิจารณากระทู้ถามด่วนของ นายสุริยา ปันจอร์ ส.ว.สตูล ได้ตั้งกระทู้ถามนายกรัฐมนตรี ถึงเรื่องผลกระทบจากการประกาศใช้พ.ร.ก. การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า ความพยายามการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของรัฐบาล ขณะนี้เหมือนกับเป็นการใช้ยาหลายขนาน และยิ่งการใช้อาวุธเข้าไปในพื้นที่ เท่ากับเป็นการใช้ยาแรง ทำให้อาการของโรคได้พัฒนาไปอีกหลายรูปแบบ อาทิ มีปัญหายาเสพติด การค้าของเถื่อน ผลสุดท้ายทำให้เกิดอาการดื้อยา และไม่สามารถแก้ไขได้
ส่วนประเด็นการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินในพื้นที่นั้น ข้อมูลที่ตนทราบคือ มีอำนาจในการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยไว้เป็นเวลา 30 วัน ทำให้มีผู้ถูกจับกุมตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมีการดำเนินคดีในชั้นศาล ศาลได้ยกฟ้อง เพราะหลักฐานไม่เพียงพอ ซึ่งมีจำนวนที่ใกล้เคียงกับจำนวนผู้ที่ถูกจับ นอกจากนั้นแล้วการทำงานในพื้นที่ที่มีการซักถามประชาชน เป็นเพียงเพื่อให้เกิดการซัดทอดเท่านั้น
" มีคนจำนวนไม่น้อยที่ถูกคุมขัง เพราะเจ้าหน้าที่ของรัฐไม่ชอบหน้า และได้รับการปล่อยตัวเมื่อครบกำหนด 30 วัน ตามที่กฎหมายให้อำนาจไว้ จนก่อให้เกิดความรู้สึกที่มีอคติ ความเกลียดชังต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งประเด็นนี้รัฐบาลจะแก้ไขอย่างไร หรือมีการทบทวนการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หรือไม่ เพื่อไม่ให้ผู้บริสุทธิ์ต้องถูกจับกุม" นายสุริยา กล่าว
ทั้งนี้ นายสุริยา ได้เสนอแนะแนวทางแก้ไขปัญหาว่า จากการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทำให้มีประชาชนหวาดผวาเมื่อเห็นทหาร เพราะไม่แน่ใจว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น หากภาครัฐยังกังวลในเรื่องของความปลอดภัย ควรพิจารณานำกฎหมายพิเศษฉบับอื่นมาบังคับใช้แทน เช่น พ.ร.บ.ความมั่นคงในราชอาณาจักร เป็นต้น
ด้านพล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลด้านความมั่นคง เป็นผู้ตอบกระทู้แทนนายกฯ ได้ชี้แจงว่าจะรับเรื่องดังกล่าวไปพิจารณา และทบทวน
อย่างไรก็ตามรัฐบาลนี้ เพิ่งเข้ามาทำหน้าที่ได้เพียง 1 เดือน ดังนั้นจึงขอรับไปดำเนินการ หากพื้นที่ใดที่มีความสงบ จะทยอยพิจารณายกเลิกไปทีละอำเภอ โดยภายในสัปดาห์นี้ ตนจะลงพื้นที่เพื่อหารือกับเจ้าหน้าที่ระดับพลเรือน และทหาร เพื่อรับฟังแนวทางและมาตรการต่างๆ
** จี้รัฐหามาตรการเยียวยา
ขณะที่นายเจริญ ภักดีวานิช ส.ว.สรรหา ที่ได้ตั้งกระทู้ถามนายกรัฐมนตรี ถึงประเด็นเรื่องการลดความสูญเสีย และช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดย นายเจริญ กล่าวว่า ตนมีข้อสังเกต เผื่อว่ารัฐบาลจะสามารถใช้เป็นข้อมูลในการไปดูงานในพื้นที่ที่เกิดเหตุการณ์ฆาตกรรมรายวัน ทั้งนี้ ตนเชื่อว่ารองนายกฯ น่าจะมีข้อมูลมากพอสมควร
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 4 ม.ค.47 จนถึงปัจจุบัน มีผู้เสียชีวิตประมาณ 4,800 คน มีผู้บาดเจ็บ 7,000 - 8,000 คน เป็นเด็กกำพร้า 4,500 คน หญิงหม้าย 2,300 คน ถึงแม้ว่ารัฐบาลจะช่วยให้การศึกษาถึงปริญญาตรี แต่การที่เด็กกำพร้าเหล่านั้นต้องขาดพ่อ แม่ เป็นความเจ็บปวดที่ไม่สามารถทดแทนได้ นอกจากนี้ ยังมีเจ้าหน้าที่ทหาร และตำรวจ เสียชีวิตเป็นรายวัน ซึ่งล้วนแต่เป็นผู้บริสุทธิ์ทั้งสิ้นที่เสียชีวิต
นอกจากนี้ นิด้าโพลได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชน ถึงสาเหตุที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ โดยผลสำรวจระบุว่า สาเหตุมาจาก
1. การทุจริต คอร์รัปชันในการแก้ไขปัญหา 2. รัฐบาลแก้ไขปัญหาไม่ถูกวิธี 3. มีกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดเข้าไปในพื้นที่ แต่ก็น่าเสียดายที่รัฐบาลไม่ใช้มาตรการเชิงรุกในการปราบปรามยาเสพติด
จึงอยากทราบว่ารัฐบาลมีแนวทางในการลดความขัดแย้งอย่างไร และอยากถามไปยัง นายกรัฐมนตรีว่า รัฐบาลมีแนวทางหรือมาตรการในการลดความสูญเสียรายวันต่อประชาชนในพื้นที่ในจังหวัดชายแดนใต้อย่างไร และรัฐบาลมีแนวทางในการตั้งกองทุนชั่วคราว สำหรับการเยียวยาประชาชนหรือไม่ อย่างไร
ด้านพล.ต.อ.โกวิท กล่าวว่า ยอมรับว่า 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เกิดความรุนแรงขึ้นทุกวัน ซึ่งรัฐบาลได้ดำเนินการที่จะช่วยลดการสูญเสียของเจ้าหน้าที่ พลเรือน ทหาร และตำรวจ ที่คุ้มครองหมู่บ้าน
ตั้งแต่ตนเข้ามารับผิดชอบงานในส่วนนี้ได้มีการพูดคุยกับ แม่ทัพ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ( ศอ.บต. ) และฝ่ายปกครอง พบว่า มีปัญหาอยู่หลายประการ เนื่องจากในพื้นที่ต้องการกำลังรักษาความปลอดภัยทั้งในโรงเรียน วัด และมัสยิด สิ่งต่างๆ เหล่านี้ เป็นปัญหาในการบริหารกำลังคน ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆ กำลังเร่งดำเนินการอยู่ จากที่ได้พูดคุยกันก็ได้มีการใช้มาตรการในพื้นที่ต่างๆ เพื่อช่วยลดความรุนแรง โดยภาพรวมถือว่ายังไม่ประสบความสำเร็จ แต่ก็ยอมรับว่าจะแก้ไขปัญหาด้วยวิธีต่างๆ อย่างเต็มที่
ทั้งนี้ ทางคณะรัฐมนตรี จะจัดตั้งศูนย์อำนวยการแก้ไขปัญหาภาคใต้แบบบูรณาการ ทั้งทหาร ตำรวจ และพลเรือน เพื่อลดข้อครหาต่างๆ
"ผมจะพยายามทำทุกอย่างในการแก้ไขปัญหา ซึ่งหากใครมีข้อมูลอะไรเพิ่มเติมสามารถนำมาบอกได้ ส่วนเรื่องกองทุนเยียวยาประชาชนนั้น มีผู้มาร้องเรียนแล้ว แต่ยังไม่มีงบประมาณในการดำเนินการอย่างเป็นเรื่องเป็นราว แต่ผมก็จะรับเรื่องนี้ไว้พิจารณา" พล.ต.อ.โกวิท กล่าว
**ป่วนรายวัน!กดบึ้มหน้าสุสานมุสลิม
วานนี้(3 ต.ค.) เวลา 08.30 น.พ.ต.อ.ชนวีร์ ชมาฤกษ์ ผกก.สภ.หนองจิก จ.ปัตตานี พ.อ.ศานติ ศกุนตนาค ผบ.ทพ.43 พร้อมด้วยชุดพิสูจน์หลักฐานและชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด เข้าทำการตรวจสอบเหตุคนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนเครื่องยิงลูกระเบิดชนิดเอ็ม 79 ยิงใส่ฐานปฏิบัติการร้อย ทหารพรานที่ 4304 ตั้งอยู่ริมคลองหนองจิก บ้านดอนยาง ม.4 ต.บางเขา
จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุพบความเสียหายบริเวณด้านหลังฐาน แรงระเบิดทำให้เกิดหลุมกว้าง 30 ซม.โชคดีที่สะเก็ดระเบิดกระเด็นไปถูกต้นไม้ จึงไม่มีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ นอกจากนี้ยังพบหัวระเบิดที่ไม่ทำงานตกอยู่ในพงหญ้าจำนวน 1 ลูก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
สอบสวนก่อนเกิดเหตุทราบว่า ขณะที่เจ้าหน้าที่ภายในฐานปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ ปรากฏว่า มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนลอบเข้ามาในที่มืดแล้วใช้อาวุธปืน M79 ยิงใส่ฐานจำนวน 2 ลูก แต่ไปตกด้านหลังฐานและเกิดระเบิดเพียง 1 ลูก ทำให้เจ้าหน้าที่ได้ยิงตอบโต้คนร้ายเพื่อป้องกันการโจมตี ก่อนที่คนร้ายอาศัยความมืดหลบหนีไป
อย่างไรก็ตาม ฐานดังกล่าวเคยถูกลอบโจมตีมาแล้วเมื่อ 3 เดือนก่อน แต่ไม่มีใครได้รับอันตราย เจ้าหน้าที่เชื่อเป็นฝีมือแนวร่วมร่วมกับขบวนการยาเสพติดตอบโต้ หลังมีการจับกุมและกดดันทั้งกลุ่มก่อความไม่สงบและขบวนการค้ายาเสพติดจนสามารถจับกุมตรวจยึดได้จำนวนมาก
ต่อมาเวลา 10.00 น.พ.ต.อ.สมพร มีสุข ผกก.สภ.เมืองปัตตานี ได้รับแจ้งมีเหตุระเบิดบริเวณกำแพงกูโบร์โต๊ะอาเยาะห์ ถ.ยะรัง ซอย 5 ต.จะบังติกอ จึงนำกำลัง พร้อมด้วยชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดและชุดพิสูจน์หลักฐานไปยังที่เกิดเหตุ เมื่อไปถึงพบว่ากำแพงกุโบร์ (สุสานมุสลิม) พังทลายได้รับความเสียหายจากแรงระเบิดเป็นทางยาวถึง 10 เมตร นอกจากนี้ยังพบสะเก็ดชิ้นส่วนและระเบิดตกกระจายอยู่ทั่วบริเวณ เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน โชคดีไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บจากเหตุระเบิดดังกล่าว
จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารชุดลาดตระเวน หน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 23 จำนวน 5 นายใช้รถยนต์ทหารตรากงจักร หมายเลข 89393 ลาดตระเวนเพื่อดูแลความปลอดภัยในพื้นที่รับผิดชอบ ปรากฏว่าเมื่อขับมาถึงเส้นทางดังกล่าวได้มีคนร้ายไม่ทราบจำนวน กดชนวนระเบิดแสวงเครื่องน้ำหนักประมาณ 5 กิโลกรัม จุดชนวนด้วยวิทยุสื่อสารลอบฝังไว้ริมกำแพงด้านในกุโบร์ แรงระเบิดทำให้เกิดเสียงดังสนั่นกำแพงแตกกระจายได้รับความเสียหาย แต่โชคดีที่ทหารขับรถผ่านจุดระเบิดได้เพียง 5 เมตร จึงไม่มีใครได้รับอันตราย
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่เชื่อว่าคนร้ายน่าจะนำระเบิดมาฝังไว้ในช่วงกลางดึกที่ผ่านมา เนื่องจากรู้ว่าเส้นทางดังกล่าวมีเจ้าหน้าที่ผ่านทุกวัน จึงหมายจะสังหารเพื่อสร้างสถานการณ์