“เฮียตือ” โต้ “พายัพ” ยัน อ่างทอง สุพรรณ ก็น้ำท่วม รับสามชุก สองพี่น้อง ศรีประจันต์ เดือดร้อนมาก ซ้ำรับน้ำจากเมืองสิงห์เพียบ ปัด “ปลาไหลตัวพ่อ” สั่งกักน้ำท่วมเมือง อ้างวางแผนเมืองกันน้ำท่วมตั้งแต่ปี 49 ชม “ยิ่งลักษณ์” ช่วยเหลือชาวบ้านเร็ว ซัดพวกไม่เกี่ยวให้ข่าวสร้างความเกลียดชัง สับนักการเมืองใจวิบัติอันตราย “วัชระ” จี้บิ๊ก พท.ปราม
วันนี้ (3 ต.ค.) ที่พรรคชาติไทยพัฒนา นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล กรรมการที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ในฐานะที่ปรึกษา รมว.เกษตรและสหกรณ์ ออกมาแถลงข่าวตอบโต้กรณีที่ นายพายัพ ปั้นเกตุ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย โจมตีกรมชลประทานไม่สนใจปัญหาของชาวบ้าน ดูแลเฉพาะ จ.สุพรรณบุรี ทำให้พื้นที่ จ.ชัยนาท สิงห์บุรี พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี และ สระบุรี มีความเดือดร้อน ว่า ในความเป็นจริง จ.สุพรรณบุรี และ จ.อ่างทอง ก็ประสบปัญหาน้ำท่วมเช่นเดียวกับหลายจังหวัด โดยเฉพาะที่พื้นที่ จ.สุพรรณบุรี ตั้งแต่ อ.สามชุก อ.สองพี่น้อง และ อ.ศรีประจันต์ ต่างได้รับความเดือดร้อนมาก พื้นที่ทางการเกษตรเสียหายจำนวนมาก และขณะนี้ประตูน้ำพลเทพ ซึ่งเป็นประตูน้ำของแม่น้ำท่าจีนที่ไหลผ่าน จ.สุพรรณบุรี ก็เปิดแบบยกบาน รับน้ำมาจาก อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท มากขึ้นจากเดิม 185 ล้าน ลบ.ม.ต่อวินาที มาเป็น 320 ล้าน ลบ.ม.ต่อวินาที เช่นเดียวกับด้านคลองมะขามเฒ่า ก็มีการรับน้ำมามากขึ้นเช่นกัน
นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ขอชี้แจงว่า นายบรรหาร ศิลปาอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกักน้ำไม่ให้เข้ามาท่วม จ.สุพรรณบุรี และ อ่างทอง เพราะสถานการณ์ที่ผ่านมาทั้ง 2 จังหวัดต่างประสบปัญหาเช่นกัน โดยเฉพาะพื้นที่รอบนอกที่ไม่ใช่เทศบาลเมือง เพราะส่วนของเทศบาลเขตเศรษฐกิจนั้น ได้มีการเตรียมความพร้อม หลังจากเกิดอุทกภัยครั้งใหญ่เมื่อปี 2549 ซึ่ง นายบรรหาร เล็งเห็นว่า ปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่เกิดจากน้ำที่ล้นตลิ่ง จึงประสานของบประมาณจากกรมโยธาธิการ กระทรวงมหาดไทย เพื่อดำเนินการสร้างคันกั้นน้ำตลอดฝั่งแม่น้ำท่าจีน ไม่ให้น้ำท่วมเขตเทศบาล ซึ่งเป็นเขตเศรษฐกิจของจังหวัด ทำให้ในปีนี้เขตเศรษฐกิจของจังหวัดจึงไม่เกิดปัญหาน้ำท่วม
“ที่ผ่านมา จ.สุพรรณบุรี และ จ.อ่างทอง โดยเฉพาะนายบรรหาร ต้องตกเป็นจำเลยของสังคมมาตลอด เวลาที่เกิดปัญหาลักษณะนี้ จึงอยากขอความเป็นธรรมด้วย เพราะทั้ง 2 จังหวัดก็ประสบปัญหาเช่นกัน เพราะเหตุที่เขตเทศบาลเมืองของทั้ง 2 จังหวัดไม่ประสบปัญหา เนื่องจากได้มีการวางมาตรการรองรับเอาไว้เป็นเวลานาน ตั้งแต่มีบทเรียนเมื่อปี 2549” นายสมศักดิ์ กล่าว
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้มีพื้นที่ 23 จังหวัด ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยอย่างหนัก ซึ่งต้องขอชื่นชมรัฐบาล โดยเฉพาะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ลงพื้นที่ดูแลปัญหาด้วยตัวเองในหลายพื้นที่ รวมไปถึงมาตรการช่วยเหลือเยียวยาที่รวดเร็ว ที่สำคัญคือ การประกาศข่าวประชาสัมพันธ์เพื่อให้เกิดการเตรียมพร้อมในพื้นที่เสี่ยง ทำให้ความเสียหายลดลง แต่วันนี้ปัญหาที่เกิดขึ้นจากการให้ข่าวของบุคคลที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่แสดงความเห็นทั้งในส่วนที่เกี่ยวและไม่เกี่ยวกับการเมือง ซึ่งถือว่ามีความเปราะบางมาก หากไม่มีข้อมูลที่ชัดเจน หรือมีความคลาดเคลื่อนด้วยอารมณ์อคติความเกลียดชังส่วนตัว ถือว่าไม่เป็นประโยชน์ แต่จะเป็นอันตรายที่ทำให้เกิดการเผชิญหน้าระหว่างกันระหว่างคนไทยด้วยกัน ตนจึงอยากให้คนเหล่านั้นหันกลับไปดูประเทศญี่ปุ่นที่เกิดสึนามิครั้งใหญ่เมื่อต้นปีที่ผ่านมา วันนั้นมีการช่วยเหลือเกื้อกูลกันทั้งคนที่ได้รับและไม่รับผลกระทบ ถือเป็นเรื่องของจิตวิญญาณที่ดี และเป็นสิ่งที่คนไทยขาดหายไปเป็นอย่างมาก จนถึงขั้นมีการต้องมีการนำอาวุธมาเฝ้าเวรยามในบางจุด 24 ชั่วโมงเพื่อป้องกันไม่ให้มีการทำลายแนวคันกั้นน้ำ
“ถึงเวลาคนไทยต้องปลุกสติและสำนึกอย่าแก่งแย่งกัน หรือผลักความสูญเสียให้กับคนอื่นได้รับความเดือดร้อนด้วย โดยที่ตัวเองก็ไม่ได้ดีขึ้น ที่สำคัญนักการเมืองอย่ายุยงหรือให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องเพราะภัยพิบัติมันแก้ไขได้ แต่ใจวิบัติของนักการเมืองมันเป็นอันตราย” นายสมศักดิ์ กล่าว
เมื่อถามว่า กรณีที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ออกมากล่าวหา นายบรรหาร จะมีผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ไม่ส่งผลกระทบ ต้องแยกออกจากกัน เพราะเป็นเรื่องของตัวบุคคล ไม่ใช่เรื่องของพรรค และคงไม่จำเป็นต้องไปเคลียร์กับนายกรัฐมนตรี เพราะเราเอาข้อเท็จจริงมาคุยกัน ที่ผ่านมา ก็ได้มีการประสานข้อมูลรายงานต่อคณะรัฐมนตรีผ่านรัฐมนตรีของพรรคมาโดยตลอด
ขณะที่ นายวัชระ กรรณิการ์ โฆษกพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้ผู้ใหญ่ในพรรคเพื่อไทย ให้ออกมาปราม นายพายัพ ปั้นเกตุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ นายสุชาติ ลายน้ำเงิน รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ด้วย หลังจากออกมากล่าวหา นายบรรหาร ในกรณีนี้ โดยหากมีปัญหาก็ควรมาพูดจาเปิดอกคุยกันดีกว่า อย่าไปปลุกม็อบเปลี่ยนสีน้ำท่วมให้เป็นสีแดงหรือสีเลือด ขอร้องว่า อย่าเอาความทุกข์ของชาวบ้านมาเป็นประเด็นทางการเมือง เพื่อเพิ่มคะแนนนิยมในพื้นที่ และกดคู่แข่งทางการเมืองลง ที่ผ่านมา การทำงานของ นายบรรหาร จะคิดในฐานะเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่ ส.ส.เขต ที่ทำอะไรเฉพาะพื้นที่ตัวเอง แต่ทำงานเพื่อประชาชนทั้งประเทศ