สถานการณ์น้ำท่วม นับวันยิ่งรุนแรง ยิ่งแก้ยาก โดยเฉพาะความรู้สึกของประชาชน หลายคนท้อแท้หมดหวัง น้อยใจในโชคชะตา ร้อยวันพันปีไม่เคยเจอะเจอเหตุการณ์ที่รุนแรง จนต้องบ้านแตกสาแหรกขาดขนาดนี้
สุดท้ายหนีไม่พ้นต้องเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะเข้ามาเยียวยาแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าให้ลุล่วงไป นับเป็นสถานการณ์ที่ยากลำบาก และท้าทายยิ่งนักของรัฐบาล ภาวะน้ำท่วมไม่เคยมีครั้งไหนจะสาหัสเท่าครั้งนี้
วันนี้ต้องแก้ไขเหตุการณ์เฉพาะหน้าให้ดี และรวดเร็วที่สุด
อารมณ์ของชาวบ้านแต่ละพื้นที่นั้นไม่เหมือนกัน หมู่บ้านไหน อำเภอไหน ต้องอยู่ท่ามกลางน้ำท่วมขังยาวนาน เมื่อเหลือบไปเห็นอีกพื้นที่ไม่มีน้ำท่วม แถมยังทำนาเกี่ยวข้าวกันสบายใจ มันก็เกิดปมในใจอย่างแน่นอน
ความไม่เท่าเทียม ความไม่เสมอภาค ทำให้ตั้งคำถามกับตัวเองว่ามันเกิดอะไรขึ้น
หลายพื้นที่ หลายหมู่บ้าน เกิดกรณีพิพาท ทะเลาะวิวาทกันเพราะเรื่องเหล่านี้ โดยเฉพาะกรณีล่าสุดที่เกิดภาวะน้ำท่วมใหญ่ฝังจังหวัดลพบุรี ความเดือดแค้นใจถูกบีบคั้นมาถึงภาคการเมือง โดยสมาชิกพรรคเพื่อไทยบางคน ออกมาเหน็บนักการเมืองขาใหญ่ในจังหวัดสุพรรณบุรี ที่อุ้มชูดูแลสุพรรณบุรีไม่ให้น้ำท่วมเหมือนเช่นจังหวัดลพบุรี หรือจังหวัดอื่นๆ ละแวกใกล้เคียง
ตั้งข้อสังเกตต่างๆ นานา นักการเมืองใหญ่จังหวัดสุพรรณบุรี มีอิทธิพลคับประเทศ ถือกุญแจประตูระบายน้ำเอาไว้ไม่ยอมไขให้ท่วมจังหวัดสุพรรณบุรี
“พายัพ ปั้นเกตุ” กระทบกระแทกแดกดันผ่านผู้บริหารของกรมชลประทานว่า ทำงานเอาใจนักการเมือง ไม่ยอมปล่อยน้ำไปทางประตูน้ำพลเทพ แต่กลับปล่อยเข้าแม่น้ำน้อยแทน พร้อมทั้งพูดเป็นนัยให้นำเรื่องไปแจ้งผู้บริหารก่อนมาแจ้งให้ประชาชนทราบภาย โดยขู่ว่าถ้าไม่ได้รับคำตอบจะพาประชาชนไปปิดสำนักงานชลประทาน นอกจากนั้นยังเลียบๆ เคียงๆ จี้จุดอีกหลายดอก
ร้อนถึงลิ่วล้อสมาชิกพรรคชาติไทยพัฒนา เต้นผางออกมาชี้แจงตอบโต้ บอกที่สุพรรณบุรีก็มีน้ำท่วมเหมือนกัน ส่วนบางพื้นที่ที่น้ำไม่ท่วมเพราะนาย บรรหาร ศิลปอาชา ได้วางระบบบริหารจัดการไว้ได้ดี ก่อนเบิ้ลกลับไปว่าไม่ควรออกมาพูดจุดชนวนให้ประชาชนทะเลาะกัน
ที่หนักหนากว่านั้น “สุชาติ ลายน้ำเงิน” รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี อดีต ส.ส.ลพบุรี ออกมาทิ้งหมัดตรง จ้วงแสกหน้ากันจะๆ “สงสัยว่าทำไมกรมชลประทานถึงบอกว่าการซ่อมประตูน้ำบางโฉมศรี ต้องใช้เวลานานถึง 15 วัน เพราะประตูน้ำนี้มีส่วนสำคัญมากต่อการป้องกันไม่ให้น้ำท่วมลพบุรีมาตลอด และจะทำให้น้ำบางส่วนผันเข้าไปยังแม่น้ำสุพรรณบุรีเพื่อบรรเทาปัญหา แต่พอประตูน้ำแห่งนี้เสียหาย น้ำจึงทะลักเข้าลพบุรีทำให้สุพรรณบุรีไม่ต้องประสบปัญหา เรื่องนี้ไม่อยากมองเป็นเรื่องการเมือง แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นมันเหลืออดจริงๆ เพราะนาข้าวพื้นที่หนึ่งต้องจมน้ำ ขณะที่อีกพื้นที่หนึ่งกำลังเตรียมดินทำนาปลูกข้าว”
สะท้อนความรู้สึกแทนประชาชน โดยไม่สนใจเรื่องการเมือง ความเป็นมิตร มองเหมือนพรรคชาติไทยพัฒนาเป็นเพียงแค่อะไหล่มาเติมเต็มให้รัฐบาลเท่านั้น หากขาดไปคงไม่มีผลกระทบอะไร เหมือนตัดไส้ติ่งทิ้งไปแค่นั้น
ปรากฏการณ์นี้ได้สร้างความเจ็บช้ำน้ำใจให้พรรคชาติไทยพัฒนาไม่น้อย บรรดาขาใหญ่ขาเก๋าออกมาส่งเสียงสะท้อนด้วยความไม่พอใจอื้ออึง
ส่ง “วัชระ กรรณิการ์” โฆษกพรรคชาติไทยพัฒนา ออกมาแถลงเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้แก่นาย บรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ประชน จ.สุพรรณบุรี และข้าราชการกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยให้ผู้ใหญ่ในพรรคเพื่อไทยให้ปรามการออกมาให้ข่าวของสมาชิกพรรคเพื่อไทย
“สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล” ออกตัวแบบสอนเชิงว่า ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนและบิดเบือนอาจจะต้องอารมณ์ ความรู้สึก เป็นสิ่งที่เป็นอันตรายเพราะอาจนำไปสู่ความเกลียดชังและการเผชิญหน้าระหว่างคนในสังคม เรื่องนี้อยากให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกรุณาใช้วิจารณญาณของตนเอง ภัยพิบัตินั้นแก้ไขได้ หากเป็นใจวิบัติ โดยเฉพาะนักการเมือง ถือเป็นเรื่องที่อันตราย
ขณะที่นายใหญ่พรรคชาติไทยพัฒนา “บรรหาร ศิลปอาชา” ควันออกหู แสดงความไม่พอใจชัดเจน พร้อมทั้งท้าสมาชิกพรรคเพื่อไทยให้มาดูสถานการณ์ที่จังหวัดสุพรรณบุรีด้วยตัวเอง ไม่ใช่เอาแต่พูดอย่างเดียว
เกิดเป็นข้อพิพาท เป็นสนิมเนื้อในรัฐบาลเสียแล้ว อารมณ์ที่คุกรุ่นขุ่นมัวจากสถานการณ์เลวร้ายเฉพาะหน้า มันก็ง่ายต่อการเกิดเหตุการณ์ความขัดแย้งแบบนี้
ล่าสุดนายใหญ่รับรู้รับทราบ ถึงข้อขัดแย้งเรื่องนี้ จึงอยากดับไฟแต่ต้นลม เพื่อรักษากัลยาณมิตร “พายัพ” ยอมรับเองว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีตัวจริง ได้โทรศัพท์มาประสานให้ส.ส.พรรคเพื่อไทยยุติการแสดงท่าทีเกี่ยวกับปัญหาน้ำท่วม โดยเฉพาะการแสดงความคิดเห็นพาดพิงพรรคชาติไทยพัฒนา โดยจะเป็นผู้ประสานงานกับนายบรรหารเป็นการส่วนตัว
พ.ต.ท.ทักษิณรู้ดีว่า ถ้าปล่อยสถานการณ์ให้ขัดแย้งต่อเนื่องไปแบบนี้ ย่อมไม่เป็นผลดีกับรัฐบาล ที่วันนี้ดูเหมือนยังตั้งไข่ไม่ได้ ยังง่อนแง่นโอนไปเอนมาด้วยปัญหาเฉพาะหน้าน้ำท่วมเป็นสำคัญ ดังนั้นการร่วมกับมหามิตรตั้งหลักแก้ไขปัญหาย่อมดีกว่าหัวเดียวกระเทียมลีบ ผลักมิตรเป็นศัตรู แก้ไขปัญหาเพียงลำพัง
ยิ่งวันนี้ฝ่ายตรงข้าม ศัตรูรอบข้างกำลังจ้องตาเป็นมัน รอจังหวะที่รัฐบาลเพลี่ยงพล้ำ พยายามบ่อนเซาะจิ๊กซอว์ความมั่นคงของรัฐบาลทีละชิ้นๆ อยู่ด้วยแล้ว การทำอะไรบุ่มบ่ามย่ามใจย่อมไม่เป็นผลดีต่อตัวเองแน่ เครือข่ายพรรคเพื่อไทยหลายคนรู้ดีว่าขั้วอำนาจอีกฝั่งยังไม่ย่อยสลาย เพียงกบดานเลียแผลรอวันผงาดยามตัวเองพลาดพลั้ง ดังนั้นแต่ละย่างก้าวจึงประมาทไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง
กระนั้นสถานการณ์เผชิญหน้านี้ทำท่าว่าจะยังไม่จบลงโดยพลันตามที่ “นายใหญ่” ต้องการ จับสัญญาณได้ว่า “หลงจู๊” อาจเล่นเกมผ่านตัวแทน ออกแอ็กชันให้รู้พิษสงเฒ่าลายคราม เมื่อล่าสุดการประชุม ครม.ได้มีการฟาดฟันห้ำหั่นเรื่องการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ “ธีระ วงศ์สมุทร” รมว.เกษตรและสหกรณ์ ออกโรงงัดข้อกลางที่ประชุม ครม. บลัฟกับรัฐมนตรีซีกพรรคเพื่อไทย แบบไม่ลดราวาศอก โดยมี “ชุมพล ศิลปอาชา” เป็นแบ็กอัพหนุนหลัง
ว่าจะสามารถบริหารจัดการทำกำไรได้ดีกว่าสมัยที่พรรคพลังประชาชนเคยทำไว้ ท่ามกลางความหงุดหงิดสงสัยของรัฐมนตรีเครือข่ายพรรคเพื่อไทยว่าจะทำได้อย่างปากว่าจริงหรือไม่
การทำงานระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล เริ่มเกิดอาการกินแหนงแคลงใจขึ้นเล็กๆ ต้องจับตาดูต่อไปว่าเรื่องนี้จะจบลงด้วยดี หรือเกิดเป็นสนิมเนื้อใน ส่งผลให้รัฐนาวา “ยิ่งลักษณ์” พังพาบอับปางไปก่อนเวลาอันควร
สุดท้ายหนีไม่พ้นต้องเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะเข้ามาเยียวยาแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าให้ลุล่วงไป นับเป็นสถานการณ์ที่ยากลำบาก และท้าทายยิ่งนักของรัฐบาล ภาวะน้ำท่วมไม่เคยมีครั้งไหนจะสาหัสเท่าครั้งนี้
วันนี้ต้องแก้ไขเหตุการณ์เฉพาะหน้าให้ดี และรวดเร็วที่สุด
อารมณ์ของชาวบ้านแต่ละพื้นที่นั้นไม่เหมือนกัน หมู่บ้านไหน อำเภอไหน ต้องอยู่ท่ามกลางน้ำท่วมขังยาวนาน เมื่อเหลือบไปเห็นอีกพื้นที่ไม่มีน้ำท่วม แถมยังทำนาเกี่ยวข้าวกันสบายใจ มันก็เกิดปมในใจอย่างแน่นอน
ความไม่เท่าเทียม ความไม่เสมอภาค ทำให้ตั้งคำถามกับตัวเองว่ามันเกิดอะไรขึ้น
หลายพื้นที่ หลายหมู่บ้าน เกิดกรณีพิพาท ทะเลาะวิวาทกันเพราะเรื่องเหล่านี้ โดยเฉพาะกรณีล่าสุดที่เกิดภาวะน้ำท่วมใหญ่ฝังจังหวัดลพบุรี ความเดือดแค้นใจถูกบีบคั้นมาถึงภาคการเมือง โดยสมาชิกพรรคเพื่อไทยบางคน ออกมาเหน็บนักการเมืองขาใหญ่ในจังหวัดสุพรรณบุรี ที่อุ้มชูดูแลสุพรรณบุรีไม่ให้น้ำท่วมเหมือนเช่นจังหวัดลพบุรี หรือจังหวัดอื่นๆ ละแวกใกล้เคียง
ตั้งข้อสังเกตต่างๆ นานา นักการเมืองใหญ่จังหวัดสุพรรณบุรี มีอิทธิพลคับประเทศ ถือกุญแจประตูระบายน้ำเอาไว้ไม่ยอมไขให้ท่วมจังหวัดสุพรรณบุรี
“พายัพ ปั้นเกตุ” กระทบกระแทกแดกดันผ่านผู้บริหารของกรมชลประทานว่า ทำงานเอาใจนักการเมือง ไม่ยอมปล่อยน้ำไปทางประตูน้ำพลเทพ แต่กลับปล่อยเข้าแม่น้ำน้อยแทน พร้อมทั้งพูดเป็นนัยให้นำเรื่องไปแจ้งผู้บริหารก่อนมาแจ้งให้ประชาชนทราบภาย โดยขู่ว่าถ้าไม่ได้รับคำตอบจะพาประชาชนไปปิดสำนักงานชลประทาน นอกจากนั้นยังเลียบๆ เคียงๆ จี้จุดอีกหลายดอก
ร้อนถึงลิ่วล้อสมาชิกพรรคชาติไทยพัฒนา เต้นผางออกมาชี้แจงตอบโต้ บอกที่สุพรรณบุรีก็มีน้ำท่วมเหมือนกัน ส่วนบางพื้นที่ที่น้ำไม่ท่วมเพราะนาย บรรหาร ศิลปอาชา ได้วางระบบบริหารจัดการไว้ได้ดี ก่อนเบิ้ลกลับไปว่าไม่ควรออกมาพูดจุดชนวนให้ประชาชนทะเลาะกัน
ที่หนักหนากว่านั้น “สุชาติ ลายน้ำเงิน” รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี อดีต ส.ส.ลพบุรี ออกมาทิ้งหมัดตรง จ้วงแสกหน้ากันจะๆ “สงสัยว่าทำไมกรมชลประทานถึงบอกว่าการซ่อมประตูน้ำบางโฉมศรี ต้องใช้เวลานานถึง 15 วัน เพราะประตูน้ำนี้มีส่วนสำคัญมากต่อการป้องกันไม่ให้น้ำท่วมลพบุรีมาตลอด และจะทำให้น้ำบางส่วนผันเข้าไปยังแม่น้ำสุพรรณบุรีเพื่อบรรเทาปัญหา แต่พอประตูน้ำแห่งนี้เสียหาย น้ำจึงทะลักเข้าลพบุรีทำให้สุพรรณบุรีไม่ต้องประสบปัญหา เรื่องนี้ไม่อยากมองเป็นเรื่องการเมือง แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นมันเหลืออดจริงๆ เพราะนาข้าวพื้นที่หนึ่งต้องจมน้ำ ขณะที่อีกพื้นที่หนึ่งกำลังเตรียมดินทำนาปลูกข้าว”
สะท้อนความรู้สึกแทนประชาชน โดยไม่สนใจเรื่องการเมือง ความเป็นมิตร มองเหมือนพรรคชาติไทยพัฒนาเป็นเพียงแค่อะไหล่มาเติมเต็มให้รัฐบาลเท่านั้น หากขาดไปคงไม่มีผลกระทบอะไร เหมือนตัดไส้ติ่งทิ้งไปแค่นั้น
ปรากฏการณ์นี้ได้สร้างความเจ็บช้ำน้ำใจให้พรรคชาติไทยพัฒนาไม่น้อย บรรดาขาใหญ่ขาเก๋าออกมาส่งเสียงสะท้อนด้วยความไม่พอใจอื้ออึง
ส่ง “วัชระ กรรณิการ์” โฆษกพรรคชาติไทยพัฒนา ออกมาแถลงเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้แก่นาย บรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ประชน จ.สุพรรณบุรี และข้าราชการกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยให้ผู้ใหญ่ในพรรคเพื่อไทยให้ปรามการออกมาให้ข่าวของสมาชิกพรรคเพื่อไทย
“สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล” ออกตัวแบบสอนเชิงว่า ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนและบิดเบือนอาจจะต้องอารมณ์ ความรู้สึก เป็นสิ่งที่เป็นอันตรายเพราะอาจนำไปสู่ความเกลียดชังและการเผชิญหน้าระหว่างคนในสังคม เรื่องนี้อยากให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกรุณาใช้วิจารณญาณของตนเอง ภัยพิบัตินั้นแก้ไขได้ หากเป็นใจวิบัติ โดยเฉพาะนักการเมือง ถือเป็นเรื่องที่อันตราย
ขณะที่นายใหญ่พรรคชาติไทยพัฒนา “บรรหาร ศิลปอาชา” ควันออกหู แสดงความไม่พอใจชัดเจน พร้อมทั้งท้าสมาชิกพรรคเพื่อไทยให้มาดูสถานการณ์ที่จังหวัดสุพรรณบุรีด้วยตัวเอง ไม่ใช่เอาแต่พูดอย่างเดียว
เกิดเป็นข้อพิพาท เป็นสนิมเนื้อในรัฐบาลเสียแล้ว อารมณ์ที่คุกรุ่นขุ่นมัวจากสถานการณ์เลวร้ายเฉพาะหน้า มันก็ง่ายต่อการเกิดเหตุการณ์ความขัดแย้งแบบนี้
ล่าสุดนายใหญ่รับรู้รับทราบ ถึงข้อขัดแย้งเรื่องนี้ จึงอยากดับไฟแต่ต้นลม เพื่อรักษากัลยาณมิตร “พายัพ” ยอมรับเองว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีตัวจริง ได้โทรศัพท์มาประสานให้ส.ส.พรรคเพื่อไทยยุติการแสดงท่าทีเกี่ยวกับปัญหาน้ำท่วม โดยเฉพาะการแสดงความคิดเห็นพาดพิงพรรคชาติไทยพัฒนา โดยจะเป็นผู้ประสานงานกับนายบรรหารเป็นการส่วนตัว
พ.ต.ท.ทักษิณรู้ดีว่า ถ้าปล่อยสถานการณ์ให้ขัดแย้งต่อเนื่องไปแบบนี้ ย่อมไม่เป็นผลดีกับรัฐบาล ที่วันนี้ดูเหมือนยังตั้งไข่ไม่ได้ ยังง่อนแง่นโอนไปเอนมาด้วยปัญหาเฉพาะหน้าน้ำท่วมเป็นสำคัญ ดังนั้นการร่วมกับมหามิตรตั้งหลักแก้ไขปัญหาย่อมดีกว่าหัวเดียวกระเทียมลีบ ผลักมิตรเป็นศัตรู แก้ไขปัญหาเพียงลำพัง
ยิ่งวันนี้ฝ่ายตรงข้าม ศัตรูรอบข้างกำลังจ้องตาเป็นมัน รอจังหวะที่รัฐบาลเพลี่ยงพล้ำ พยายามบ่อนเซาะจิ๊กซอว์ความมั่นคงของรัฐบาลทีละชิ้นๆ อยู่ด้วยแล้ว การทำอะไรบุ่มบ่ามย่ามใจย่อมไม่เป็นผลดีต่อตัวเองแน่ เครือข่ายพรรคเพื่อไทยหลายคนรู้ดีว่าขั้วอำนาจอีกฝั่งยังไม่ย่อยสลาย เพียงกบดานเลียแผลรอวันผงาดยามตัวเองพลาดพลั้ง ดังนั้นแต่ละย่างก้าวจึงประมาทไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง
กระนั้นสถานการณ์เผชิญหน้านี้ทำท่าว่าจะยังไม่จบลงโดยพลันตามที่ “นายใหญ่” ต้องการ จับสัญญาณได้ว่า “หลงจู๊” อาจเล่นเกมผ่านตัวแทน ออกแอ็กชันให้รู้พิษสงเฒ่าลายคราม เมื่อล่าสุดการประชุม ครม.ได้มีการฟาดฟันห้ำหั่นเรื่องการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ “ธีระ วงศ์สมุทร” รมว.เกษตรและสหกรณ์ ออกโรงงัดข้อกลางที่ประชุม ครม. บลัฟกับรัฐมนตรีซีกพรรคเพื่อไทย แบบไม่ลดราวาศอก โดยมี “ชุมพล ศิลปอาชา” เป็นแบ็กอัพหนุนหลัง
ว่าจะสามารถบริหารจัดการทำกำไรได้ดีกว่าสมัยที่พรรคพลังประชาชนเคยทำไว้ ท่ามกลางความหงุดหงิดสงสัยของรัฐมนตรีเครือข่ายพรรคเพื่อไทยว่าจะทำได้อย่างปากว่าจริงหรือไม่
การทำงานระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล เริ่มเกิดอาการกินแหนงแคลงใจขึ้นเล็กๆ ต้องจับตาดูต่อไปว่าเรื่องนี้จะจบลงด้วยดี หรือเกิดเป็นสนิมเนื้อใน ส่งผลให้รัฐนาวา “ยิ่งลักษณ์” พังพาบอับปางไปก่อนเวลาอันควร