00 สภาพน้ำท่วมเวลานี้หนักหนาสาหัสชนิดที่เรียกว่าแทบจะ “เหนือการควบคุม” แล้ว หลังจากที่ปริมาณน้ำไหลบ่าเข้ามา ในเขื่อนทั้งเขื่อนเล็กเขื่อนใหญ่เต็มทุกเขื่อน จนต้องเร่งระบายออกมาแบบฉุกเฉิน เช่น เขื่อนภูมิพล และเขื่อนป่าสักฯ เป็นต้น มันก็ยิ่งทำให้ระดับที่สูงท่วมมิดอยู่แล้ว เพิ่มเติมเข้าไปอีก ขณะเดียวกันยังมีฝนฟ้าที่ยังไม่เป็นใจ ไม่ยอมหยุดตกลงมา มันก็ยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีก เวลานี้ที่ราบลุ่มภาคกลางนับว่าวิกฤติที่สุดแล้ว เพราะล่าสุดน้ำได้ทะลักเข้าสู่ “เขตเศรษฐกิจ” จนสร้างความเสียหายแทบจะย่อยยับแล้ว
00 เวลานี้สำหรับ อยุธยา แทบจะทั้งจังหวัดมีระดับน้ำท่วมขัง และปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ โบราณสถานสำคัญตอนนี้จมน้ำหมดแล้ว ก่อนหน้านี้ นิคมอุตสาหกรรม “สหรัตนนคร” เกิดความเสียหายอย่างหนัก ประเมินเบื้องต้นไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นล้านบาท ที่สำคัญทำให้คนตกงานสูญเสียรายได้ซ้ำเติมเข้าไปอีกนับหมื่นคน ขณะเดียวกันยังมีนิคมฯโรจนะ และอีกหลายแห่งที่กำลังอยู่ในภาวะสุ่มเสี่ยงจะถูกน้ำไหลบ่าเข้าท่วมเหมือนกัน ดังนั้นได้แต่หวังว่ารัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และ รมว.อุตสาหกรรม นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล คงเตรียมหาทางเยียวยา ทั้งก่อนและหลังน้ำลดได้อย่างทันท่วงที
00 บรรยากาศในยามนี้สำหรับ อยุธยา ถือว่า “โกลาหล” ทำให้ย้อนไปถึงภาพในอดีตที่เมืองถูกล้อม เพียงแต่คราวนี้เป็นปริมาณน้ำจำนวนมหาศาลไหลบ่าโจมตีเข้ามาในทุกทิศทาง กำแพงที่ว่าแข็งแกร่งแค่ไหนยังเอาไม่อยู่ อย่างไรก็ดี เมื่อชีวิตต้องดำเนินต่อไป ในฐานะชาวบ้านต้องกัดฟันยืนหยัดเอาไว้ให้มั่น ต้องสรุปบทเรียน ที่สำคัญจะต้องช่วยเหลือกัน รวมกลุ่มกัน ต้องช่วยเหลือตัวเองก่อน อย่าไปรอพึ่งพารัฐบาล เพราะมันไม่ทันการณ์ และไม่มีทางทั่วถึง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อได้เห็นความเคลื่อนไหวของฝ่ายรัฐบาล เห็น “กึ๋นของผู้นำ” แล้ว ยิ่งทำให้วังเวง
00 เรื่องน้ำนี่ถ้าท่วมขังนานๆ มันก็เกิดอาการ “เน่า” ได้เหมือนกัน ไม่ต่างจากการเมือง ที่เวลานี้ได้ถูกนำมาโยงเพื่อทำลายกันแล้ว คราวนี้เป็นคู่ระหว่าง พรรคชาติไทยพัฒนาของ “เสี่ยเติ้ง” บรรหาร ศิลปอาชา กับ เพื่อไทย ที่เป็นแกนนำรัฐบาลอยู่ในเวลานี้ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากไปกว่า การที่ฝ่ายหลังคิดฉวยโอกาสใช้สถานการณ์น้ำท่วมคิด “รุกคืบ” กินพื้นที่ขยายฐานเสียงเข้ามาในสุพรรณฯ ขณะเดียวกันยังเป็น “การหาเสียง” ได้กำไรสองเด้ง โดยเฉพาะความหมายก็คือ ต้องการ “ฮุบเอากรมชลฯ” ที่อยู่ในความดูแลของกระทรวงเกษตรฯ โควตาชาติไทยฯ มาอยู่ในมือ แฮ่ม ที่สำคัญต่อไปต้องใช้งบประมาณสำหรับการป้องกันในปีหน้า “มหาศาล” เสียด้วย แล้วอย่างนี้คิดว่า คนอย่างบรรหาร เขาจะยอมหรือ !!
00 อย่าได้แปลกใจที่เวลานี้ จะมีรายการตอบโต้ออกมาอย่างแข็งกร้าวจากฝ่าย บรรหาร เริ่มจาก สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ตามด้วย ประพัตร โพธสุธน ส่งเสียงคำรามทำนองว่า “อย่าล้ำเส้น” แต่เชื่อเถอะ เมื่อถึงระดับหนึ่งต่างฝ่ายก็ต้องหยุดอยู่กับที่ เพราะรู้อยู่ว่าผลประโยชน์ที่รออยู่ข้างหน้านั้นมัน “มหาศาล” เพียงใด ไม่มีโง่จะ “ทุบหม้อข้าว” ตัวเองเสียแต่ต้นมือหรอก
00 วันนี้ (7 ต.ค.) เป็นวันดีเดย์รับ “จำนำข้าว” ของรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ หมายมั่นปั้นมือว่าจะเป็นโครงการ “เด็ด” หวังจะมาบลั๊พโครงการ “ประกันรายได้” ของฝั่งประชาธิปัตย์ให้หงายเก๋ง แต่เมื่อพิจารณาจากปัจจัยรอบตัวแล้ว น่าจะไปไม่รอด ทั้งในเรื่องปริมาณข้าวในมือชาวนา ทั้งเรื่อง “ความชื้น” ที่เมื่อเจอกับสภาพฝนตกน้ำท่วม ทำให้ความชื้นสูงเกิน 25 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่เกณฑ์ที่ตั้งเอาไว้อยู่ที่ 15 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้น และที่สำคัญเมื่อปล่อยให้อยู่ภายใต้การควบคุมในระดับจังหวัด กับโรงสี “รูรั่ว” มันก็ต้องมีแน่นอน แต่เอาเถอะ เมื่อจะเดินหน้าก็เชิญ โดยเฉพาะ รมว.พาณิชย์ กิตติรัตน์ ณ ระนอง ถึงกับออกมาการันตีสุดชีวิต ก็โชคดีแล้วกัน !!
00 สำหรับวันนี้ (7 ต.ค.) เพื่อนพ้องน้องพี่ทั้งหลาย หากมีความสะดวก ก็ขอเชิญชวนไปร่วมรำลึก ร่วมทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับพี่น้องที่เสียสละ ในวันรำลึกเหตุการณ์วีรชน 7 ตุลาฯ ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า เวลาเริ่มตั้งแต่ 06.00 น.ไปจนถึงตอนสาย จากนั้นหากยังสะดวกอีก ก็เคลื่อนย้ายมาร่วมรำลึกความหลัง 193 วัน กันที่บ้านเจ้าพระยา นะพี่น้องเอ้ย !!
00 เวลานี้สำหรับ อยุธยา แทบจะทั้งจังหวัดมีระดับน้ำท่วมขัง และปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ โบราณสถานสำคัญตอนนี้จมน้ำหมดแล้ว ก่อนหน้านี้ นิคมอุตสาหกรรม “สหรัตนนคร” เกิดความเสียหายอย่างหนัก ประเมินเบื้องต้นไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นล้านบาท ที่สำคัญทำให้คนตกงานสูญเสียรายได้ซ้ำเติมเข้าไปอีกนับหมื่นคน ขณะเดียวกันยังมีนิคมฯโรจนะ และอีกหลายแห่งที่กำลังอยู่ในภาวะสุ่มเสี่ยงจะถูกน้ำไหลบ่าเข้าท่วมเหมือนกัน ดังนั้นได้แต่หวังว่ารัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และ รมว.อุตสาหกรรม นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล คงเตรียมหาทางเยียวยา ทั้งก่อนและหลังน้ำลดได้อย่างทันท่วงที
00 บรรยากาศในยามนี้สำหรับ อยุธยา ถือว่า “โกลาหล” ทำให้ย้อนไปถึงภาพในอดีตที่เมืองถูกล้อม เพียงแต่คราวนี้เป็นปริมาณน้ำจำนวนมหาศาลไหลบ่าโจมตีเข้ามาในทุกทิศทาง กำแพงที่ว่าแข็งแกร่งแค่ไหนยังเอาไม่อยู่ อย่างไรก็ดี เมื่อชีวิตต้องดำเนินต่อไป ในฐานะชาวบ้านต้องกัดฟันยืนหยัดเอาไว้ให้มั่น ต้องสรุปบทเรียน ที่สำคัญจะต้องช่วยเหลือกัน รวมกลุ่มกัน ต้องช่วยเหลือตัวเองก่อน อย่าไปรอพึ่งพารัฐบาล เพราะมันไม่ทันการณ์ และไม่มีทางทั่วถึง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อได้เห็นความเคลื่อนไหวของฝ่ายรัฐบาล เห็น “กึ๋นของผู้นำ” แล้ว ยิ่งทำให้วังเวง
00 เรื่องน้ำนี่ถ้าท่วมขังนานๆ มันก็เกิดอาการ “เน่า” ได้เหมือนกัน ไม่ต่างจากการเมือง ที่เวลานี้ได้ถูกนำมาโยงเพื่อทำลายกันแล้ว คราวนี้เป็นคู่ระหว่าง พรรคชาติไทยพัฒนาของ “เสี่ยเติ้ง” บรรหาร ศิลปอาชา กับ เพื่อไทย ที่เป็นแกนนำรัฐบาลอยู่ในเวลานี้ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากไปกว่า การที่ฝ่ายหลังคิดฉวยโอกาสใช้สถานการณ์น้ำท่วมคิด “รุกคืบ” กินพื้นที่ขยายฐานเสียงเข้ามาในสุพรรณฯ ขณะเดียวกันยังเป็น “การหาเสียง” ได้กำไรสองเด้ง โดยเฉพาะความหมายก็คือ ต้องการ “ฮุบเอากรมชลฯ” ที่อยู่ในความดูแลของกระทรวงเกษตรฯ โควตาชาติไทยฯ มาอยู่ในมือ แฮ่ม ที่สำคัญต่อไปต้องใช้งบประมาณสำหรับการป้องกันในปีหน้า “มหาศาล” เสียด้วย แล้วอย่างนี้คิดว่า คนอย่างบรรหาร เขาจะยอมหรือ !!
00 อย่าได้แปลกใจที่เวลานี้ จะมีรายการตอบโต้ออกมาอย่างแข็งกร้าวจากฝ่าย บรรหาร เริ่มจาก สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ตามด้วย ประพัตร โพธสุธน ส่งเสียงคำรามทำนองว่า “อย่าล้ำเส้น” แต่เชื่อเถอะ เมื่อถึงระดับหนึ่งต่างฝ่ายก็ต้องหยุดอยู่กับที่ เพราะรู้อยู่ว่าผลประโยชน์ที่รออยู่ข้างหน้านั้นมัน “มหาศาล” เพียงใด ไม่มีโง่จะ “ทุบหม้อข้าว” ตัวเองเสียแต่ต้นมือหรอก
00 วันนี้ (7 ต.ค.) เป็นวันดีเดย์รับ “จำนำข้าว” ของรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ หมายมั่นปั้นมือว่าจะเป็นโครงการ “เด็ด” หวังจะมาบลั๊พโครงการ “ประกันรายได้” ของฝั่งประชาธิปัตย์ให้หงายเก๋ง แต่เมื่อพิจารณาจากปัจจัยรอบตัวแล้ว น่าจะไปไม่รอด ทั้งในเรื่องปริมาณข้าวในมือชาวนา ทั้งเรื่อง “ความชื้น” ที่เมื่อเจอกับสภาพฝนตกน้ำท่วม ทำให้ความชื้นสูงเกิน 25 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่เกณฑ์ที่ตั้งเอาไว้อยู่ที่ 15 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้น และที่สำคัญเมื่อปล่อยให้อยู่ภายใต้การควบคุมในระดับจังหวัด กับโรงสี “รูรั่ว” มันก็ต้องมีแน่นอน แต่เอาเถอะ เมื่อจะเดินหน้าก็เชิญ โดยเฉพาะ รมว.พาณิชย์ กิตติรัตน์ ณ ระนอง ถึงกับออกมาการันตีสุดชีวิต ก็โชคดีแล้วกัน !!
00 สำหรับวันนี้ (7 ต.ค.) เพื่อนพ้องน้องพี่ทั้งหลาย หากมีความสะดวก ก็ขอเชิญชวนไปร่วมรำลึก ร่วมทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับพี่น้องที่เสียสละ ในวันรำลึกเหตุการณ์วีรชน 7 ตุลาฯ ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า เวลาเริ่มตั้งแต่ 06.00 น.ไปจนถึงตอนสาย จากนั้นหากยังสะดวกอีก ก็เคลื่อนย้ายมาร่วมรำลึกความหลัง 193 วัน กันที่บ้านเจ้าพระยา นะพี่น้องเอ้ย !!