ผ่าประเด็นร้อน
ไม่น่าเชื่อว่ากิจกรรมที่บรรดา ส.ส.พรรคเพื่อไทย และแกนนำคนเสื้อแดง คิดว่าเป็นเรื่องที่ “สร้างสรรค์” กับการยกขบวนแห่กันข้ามแดนเข้าประเทศกัมพูชาในช่วงปลายสัปดาห์นี้ เพื่อมีโอกาสได้พบปะกับ ทักษิณ ชินวัตร ที่นั่น แม้ว่าฝนตกน้ำท่วม มีอุปสรรคแค่ไหนก็ต้องบากบั่นฟันฝ่าไปให้ได้ สาเหตุที่ต้องบอกแบบนี้ก็เพราะว่าเพิ่งเห็นข่าวภูมิภาครายงานเข้ามาว่า ที่บริเวณจุดผ่านแดนถาวรช่องจอม อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ เกิดฝนตกลงมาอย่างหนักทำให้บรรดาแกนนำและคนเสื้อแดงจำนวนหนึ่งต้องเปลี่ยนเส้นทางเดินทางเข้ากัมพูชามาเป็นด่านบ้านช่องสะงำ จังหวัดศรีสะเกษในวันนี้ (16 กันยายน) แทน
ขณะเดียวกัน บรรดา ส.ส.และแกนนำคนเสื้อแดงดังกล่าวข้างต้น ไม่ว่าจะเป็น ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นพ.เหวง โตจิราการ ก่อแก้ว พิกุลทอง รวมไปถึงคนอื่นๆ เช่น วีระกานต์ มุสิกพงศ์ ยศวริศ ชูกล่อม ขวัญชัย สาราคำ (ไพรพนา) เป็นต้น ก็ทำทุกวิถีทางยื่นคำร้องต่อศาลขออนุญาตเดินทางออกนอกประเทศชั่วคราว โดยขอวางหลักทรัพย์ทั้งเงินและตำแหน่งเป็นประกัน ไปแล้วจะกลับมาสู้คดีก่อการร้ายและคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพอย่างแน่นอน
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าพวกเขา “กระตือรือร้น” เอาจริงเอาจังเหลือเกินกับการเดินทางไปประเทศกัมพูชา ทำราวกับว่าหากใครไม่ได้เดินทางไปในช่วงนี้ก็เหมือนกับว่าพลาด “โอกาสทอง” ไม่มีผิด
อย่างไรก็ดี หากมองอีกมุมหนึ่งจะว่าไปแล้วมันก็คือว่าเป็น “วาระสำคัญ” สำหรับพวกเขาจริงๆ เพราะตามกำหนดการ(โดยเปิดเผย) วันที่ 15 กันยายนแบบไปบ่ายกลับดึกของนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะเดินทางไปเยือนกัมพูชาแทบจะไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน นอกเหนือจากข่าวที่แย้มออกมาหลายครั้งว่า จะมีการปล่อยตัว วีระ สมความคิด และ ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ แกนนำกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ กลับมาในคราวเดียวกัน นอกจากนั้นก็ระบุว่าเป็นการเดินทางไปแนะนำตัวในฐานะผู้นำใหม่และสร้างสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
แต่อีกด้านหนึ่งมีข่าวข้ามฝั่งมาจากฝั่งกัมพูชา เมื่อ รองนายกรัฐมนตรีกัมพูชา “สกอาน” กลับเปิดเผยว่า ในการเดินทางมาเยือนกัมพูชาของ นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ คราวนี้จะมีวาระการหารือเกี่ยวกับ “พลังงาน” ในพื้นที่ทับซ้อนในอ่าวไทย ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นจริงมันก็ต้องถือว่า “สำคัญยิ่ง” แน่นอน
และที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกันก็คือ ทักษิณ ชินวัตร ก็มีกำหนดเดินทางมากัมพูชาพอดี โดยอยู่ที่นั่นตั้งแต่วันที่ 16-24 กันยายน โดยมีกิจกรรมมากมาย ซึ่งจากการเปิดเผยของนายกรัฐมนตรีฮุนเซนของกัมพูชา บอกว่าจะมีการมอบรางวัลเพื่อเป็นเกียรติในฐานะที่ทำประโยชน์ มีทั้งเข้าร่วมการประชุมเศรษฐกิจที่เกี่ยวกับอาเซียน รวมไปถึงจะมีการออกรอบตีกอล์ฟร่วมกัน
ดังนั้น ถ้าให้สรุปก็คือการเดินทางไปกัมพูชาเที่ยวนี้ ทั้ง นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ และ ทักษิณ ชินวัตร ในวันรุ่งขึ้นจะต้องยิ่งใหญ่อลังการ แน่นอน เพราะต้องมีการแสดงให้เห็นว่าความสัมพันธ์ในยุครัฐบาลพรรคเพื่อไทยบรรยากาศได้แตกต่างเป็นตรงกันข้าม
เมื่อวกกลับมาที่หัวข้อการเจรจากเรื่องพลังงานในพื้นที่ทับซ้อนอ่าวไทย ซึ่งไม่ว่าใครก็ต้องคาดหมายกันล่วงหน้าอยู่แล้วว่านี่คือ “วาระเร่งด่วน” ที่ต้องเร่งสานต่อและหาข้อสรุปในเรื่องแบ่งปันผลประโยชน์กันอย่างไร ใครจะได้เท่าไร
ก่อนหน้านี้หากย้อนกลับไปตั้งแต่ต้นปี 2549 ในยุคปลายรัฐบาล ทักษิณ ชินวัตร ที่เทขายหุ้นชินคอร์ปให้กับกลุ่มเทมาเส็กของสิงคโปร์ ซึ่งข่าวว่าในตอนนั้นเขาต้องการรวบรวมทุนเพื่อมาลงทุนในธุรกิจทางด้านพลังงาน และที่ผ่านมาก็มักมีข่าวอยู่เสมอว่าได้มีการเจรจาในเรื่องดังกล่าวกับฮุนเซน โดยเฉพาะในเรื่องผลประโยชน์กันในเบื้องต้นแล้ว เพียงแต่ว่าได้เกิดเหตุการณ์รัฐประหาร เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ขึ้นมาเสียก่อน แม้ว่าในเวลาต่อมาจะมีรัฐบาล “นอมินี” เกิดขึ้นต่อเนื่องมาถึงสองรัฐบาลคือ รัฐบาล สมัคร สุนทรเวช และ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ก็ตามแต่ก็ไม่อาจมีอะไรคืบหน้ามากนัก
หากพิจารณาจากแบ็กกราวด์ดังกล่าวแล้วนำมาเชื่อมต่อกับเหตุการณ์ในวันนี้ มันก็ช่วยไม่ได้ที่จะมีคนเข้าใจว่าการเดินทางไปกัมพูชาของ ทั้งนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ และทักษิณ ในเวลาไล่เลี่ยกันจะต้องมีการเจรจากันในเรื่องแบ่งปันผลประโยชน์พื้นที่ทับซ้อนในอ่าวไทยอย่างแน่นอน ขณะเดียวกันมันก็ย่อมมีคนระแวงอีกว่ารายการแบบนี้จะต้องมีเรื่อง “ผลประโยชน์ทับซ้อน” เข้ามาเกี่ยวข้องแน่นอน และวันนี้ข้อมูลอาจจะถุกปิดบัง ไม่ชัดเจน แต่เชื่อว่าอีกไม่นานความลับจะต้องเปิดเผยออกมาแน่
แม้ว่าตามหลักการแล้ว การเจรจากับต่างประเทศจะต้องมีการกำหนดกรอบการเจรจาแล้วต้องขออนุมัติจากที่ประชุมร่วมรัฐสภาเสียก่อนก็ตาม แต่รายการแบบนี้มันก็ย่อมมีวาระ “หมกเม็ด” กันได้อยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับประเทศกัมพูชาที่มีผู้นำมีภาพลักษณ์ในด้านลบอยู่ไม่น้อย มีรัฐบาลที่มีเรื่องทุจริตเกิดขึ้นบ่อยครั้ง มันก็ย่อมถูกมองว่าจะต้องมีการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ “ใต้โต๊ะ” ปะปนอยู่ด้วย
อย่างไรก็ดี หากพิจารณาอีกมุมหนึ่ง เมื่อสังคมกำลังจับตาคอยลุ้นว่า ฮุนเซน จะยอมปล่อยตัว วีระ-ราตรี ออกมาด้วยเหตุผลเพื่อเห็นแก่ความสัมพันธ์อันดีระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศเพื่อนบ้านหรือไม่ ซึ่งถ้ามีข่าวดีมันก็ทำให้เกิดรอยยิ้มและหวังว่าผลจะออกมาในทางบวก แต่ขณะเดียวกัน ก็ต้องรู้ทันว่านี่อาจเป็นแผน “กลบเกลื่อน” สร้างกระแสเพื่อกลบกระแสในบางเรื่องที่เป็นเป้าหมายหลักหรือไม่
สำหรับบรรดา ส.ส.และแกนนำคนเสื้อเสื้อแดงที่อุตส่าห์ยกโขยงกันไปกัมพูชาในช่วงนี้ แม้ว่ามีการเปิดเผยกิจกรรมมากมาย ว่ามีเจตนาเพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองประเทศ แต่ก็ต้องคาดเดาได้อยู่แล้วว่าจะมีการพบกับ “นายใหญ่” ของพวกเขาเป็นวัตถุประสงค์หลัก อย่างไรก็ดี คำถามที่กำลังเกิดขึ้นในช่วงนี้ก็คือ เป็นช่วงที่พี่น้องชาวบ้านกำลังประสบความเดือดร้อนจากปัญหาน้ำท่วมอย่างแสนสาหัส แทนที่จะกุลีกุจอระดมความคิดหรือลงพื้นที่ไปช่วยเหลือให้กำลังใจ ซึ่งจะว่าไปแล้วคนพี่น้องเหล่านั้นจำนวนไม่น้อยก็ได้เทใจสนับสนุนพรรคเพื่อไทยกันอย่างสุดหัวใจ แต่ที่ไหนได้กลับกลายเป็นว่าดิ้นรนทำทุกวิถีทางเพื่อหาทางไปพบกับ ทักษิณ ให้ได้ ทำราวกับว่านี่คือโอกาสสำคัญถ้าพลาดแล้วชีวิตจะอับเฉาอย่างนั้นแหละ
ดังนั้น ถ้าพิจารณาจากอารมณ์ความรู้สึก เชื่อว่าหลายคนคงหงุดหงิดกับความเคลื่อนไหวของบรรดา ส.ส.และแกนนำคนเสื้อแดงที่แสดงท่าทีกระตือรือร้นไปกัมพูชา ซึ่งแท้ที่จริงแล้วมีเจตนาไปพบ ทักษิณ เพื่อประจบประแจงทำตัวใกล้ชิดเท่านั้น แทนที่จะลงพื้นที่ไปให้กำลังพี่น้อง ซึ่งจะว่าไปแล้วส่วนหนึ่งก็เป็นกลุ่มที่ให้การสนับสนุนคนพวกนี้ให้ได้มีตำแหน่งอันทรงเกียรติในเวลานี้นั่นแหละ!!