ส.ว.ใต้ฉะ จนท.รัฐบ้าอำนาจใช้ พ.ร.ก.ฉุนเฉินสร้างความเกลียดชังในพื้นที่ 3 จว.ใต้ แนะ รบ.ทบทวนใช้ พ.ร.บ.มั่นคงฯ แทน ชี้ใช้ยาแรงเกินไม่เป็นผลดี โรคร้ายอาจดื้อยาและเกิดปัญหาเรื้อรังด้าน “โกวิท” รับพิจารณาเป็นจุดๆ เตรียมลงพื้นที่เอง อ้างเพิ่งมาทำงานเดือนเดียว
วันนี้ (3 ต.ค.) ในการประชุมวุฒิสภา ที่มี พล.อ.ธีรเดช มีเพียร ประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม ได้มีการตั้งกระทู้ถามเรื่องผลกระทบจากการประกาศใช้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดย นายสุริยา ปันจอร์ ส.ว.สตูล เป็นผู้ถามต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่าความพยายามการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของรัฐบาล ขณะนี้เหมือนกับเป็นการใช้ยาหลายขนาน และยิ่งการใช้อาวุธเข้าไปในพื้นที่เท่ากับเป็นการใช้ยาแรง ทำให้อาการของโรคได้พัฒนาไปอีกหลายรูปแบบ เช่น มีปัญหายาเสพติด หรือการค้าสินค้าเถื่อน ผลสุดท้ายทำให้เกิดอาการดื้อยาและไม่สามารถแก้ไขได ส่วนประเด็นการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินในพื้นที่นั้น ข้อมูลที่ตนทราบคือ มีอำนาจในการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยไว้เป็นเวลา 30 วัน ทำให้มีผู้ถูกจับตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินเป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมีการดำเนินคดีในชั้นศาล ศาลได้ยกฟ้องเพราะมีหลักฐานไม่เพียงพอ ซึ่งมีจำนวนที่ใกล้เคียงกับจำนวนผู้ที่ถูกจับ นอกจากนั้นแล้วการทำงานในพื้นที่ที่มีการซักถามประชาชน เป็นเพียงเพื่อให้เกิดการซัดทอดเท่านั้น
“มีคนจำนวนไม่น้อยที่ถูกคุมขัง เพราะเจ้าหน้าที่ของรัฐไม่ชอบหน้า และได้รับการปล่อยตัวเมื่อครบกำหนด 30 วันตามที่กฎหมายให้อำนาจไว้ จนก่อให้เกิดความรู้สึกที่มีอคติ ความเกลียดชังต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งประเด็นนี้รัฐบาลจะแก้ไขอย่างไร หรือมีการทบทวนการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินหรือไม่ เพื่อไม่ให้ผู้บริสุทธิ์ต้องถูกจับกุม” นายสุริยากล่าว
โดยนายสุริยายังได้เสนอแนะแนวทางแก้ไขปัญหาอีกว่า จากการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทำให้มีประชาชนหวาดผวาเมื่อเห็นทหาร เพราะไม่แน่ใจว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น หากภาครัฐยังกังวลในเรื่องของความปลอดภัยควรพิจารณานำกฎหมายพิเศษฉบับอื่นมาบังคับใช้แทน เช่น พ.ร.บ.ความมั่นคงในราชอาณาจักร เป็นต้น
ด้าน พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรี ที่ได้รับมอบหมายให้ชี้แจงแทน กล่าวว่า ตนจะรับเรื่องดังกล่าวไปพิจารณาและทบทวน อย่างไรก็ตาม รัฐบาลนี้เพิ่งเข้ามาทำหน้าที่ได้เพียง 1 เดือนเท่านั้น ดังนั้นจึงขอรับไปดำเนินการ หากพื้นที่ใดที่มีความสงบ จะทยอยพิจารณายกเลิกไปทีละอำเภอ โดยภายในสัปดาห์นี้ตนจะลงพื้นที่เพื่อหารือกับเจ้าหน้าที่ระดับพลเรือนและทหาร เพื่อรับฟังแนวทางและมาตรการต่างๆ
