ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-ทำเอาสะเทือนศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร(กทม.)อีกครั้ง เมื่อกระทู้ที่ถูกตั้งในโลกไซเบอร์ของห้องรัชดา เว็บไซต์พันทิป โดยเจ้าของล๊อกอินที่ชื่อ 50 first date กับข้อสงสัยที่ว่า “เกิดอะไรขึ้นกับกล้องวงจรปิดของกทม. ครับ” เมื่อวันที่ 15 กันยายน ที่ผ่านมา และแพร่กระจายกันอย่างรวดเร็วในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์คที่มีการนำไปโพสต์ต่อๆ กันไปจนกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต
เหตุเพราะเนื้อหาในกระทู้ระบุชัดเจนว่า กล้องวงจรปิดที่กทม.ติด ตั้งบริเวณที่เจ้าของกระทู้เดินผ่านดันเป็นกล่องเปล่าๆ ไม่มีชิ้นส่วนใดๆ ที่บ่งบอกว่าเป็นกล้องจริงที่จะคอยสอดส่องความปลอดภัยของ ประชาชีติดอยู่ภายในกล่องเปล่าๆอันนี้ แถมข้างล่างยังติดป้ายโฆษณาไว้ซะดิบดีว่า “CCTV ครบแล้ว 10,000 ตัว ทั้งชีวิตเราดูแล พร้อมเพื่อคนกรุงเทพฯ” จึงทำให้เจ้าของกระทู้รายนี้เกิดอาการตาขิดตะขวางใจว่าตกลงแล้วกทม.จะดูแลชีวิตกันยังไงในเมื่อติดตั้งกล้องหลอกแบบนี้ !!
ข้างฝ่ายเจ้าบ้านผู้ดูแลทุกข์สุขคนกรุงเทพฯ ทั้งเมือง “ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร” ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) หลังจากปล่อยให้ประชากรในโลกออนไลน์โพสต์กันไปต่างๆนานาก็ถึงเวลาออกมาชี้แจงผ่านทางเฟซบุ๊ค “The Bangkok Governor” แบบจริงๆจังๆผ่านบันทึกเรื่อง “กล้อง CCTV เปล่า” เมื่อวันที่ 17 กันยายน โดยมีใจความระบุว่า ไม่ได้เป็นการโกงกินหรือการโกหกผลงานซึ่งแต่เดิมมีการติดตั้งกล้องเปล่าอยู่แล้ว พอมารับตำแหน่งจึงผลักดันให้มีการติดตั้งกล้อง CCTV ให้ครบ 10,000 ตัว ตามสัญญาและกล้องเปล่าก็เหลืออยู่ประมาณ 500 จุด เท่านั้นซึ่งกำลังไล่ติดตั้งกล้องจริงเข้าไปแทนที่ ส่วนการติดตั้งป้ายผลงานคงเป็นความบังเอิญที่ผู้ติดได้ไปติดใต้กล้องเปล่า
อันนั้น...คงเป็นความบังเอิญที่ช่วยส่งให้เป็นความซวย(มั้ง)ของคุณชายสุขุมพันธุ์ ที่ป่านนี้ไอ้คนติดมันจะรู้ไหมหนอว่าตูได้ช่วยรังสรรค์ผลงานอันยิ่งใหญ่แก่วงศ์ตระกูลไม่แพ้ “50 first date ” ที่ตอนนี้ได้กลายเป็นฮีโร่ไปเรียบร้อยแล้วโรงเรียนสังคมเครือข่ายในพริบตา !!
ทั้งนี้ แม้จะมีคำแถลงไขข้อข้องใจออกมาจากผู้กุมบังเหียนเสาชิงช้าแต่ก็หาได้สร้างความพึงพอใจไม่ เพราะยังมีการพูดถึงเรื่องนี้กันอย่างกว้างขวางจากโลกเสมือนจริงมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง เมื่อผู้ว่าฯ เปิดศาลาว่าการกทม.แถลงข่าวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 21 กันยายน เพื่อยืนยันถึงความโปร่งใสในทุกกระบวนการ ทั้งยังยกตัวอย่างกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษก็มีการติดตั้ง “กล้องดัมมี่” ด้วยเช่นกัน แต่ที่เห็นจะของขึ้นถึงขนาดเอ่ยปากเมื่อถูกถามว่าหากพรรคเพื่อไทยตั้งกรรมการเข้ามาตรวจสอบว่า “ยินดีครับช่วยกันตรวจสอบ แห่กันมาเลย ผมไม่ได้ว่าอะไร ผมดีใจจริงๆครับ จะได้จบๆ จะได้ไปทำงานเรื่องอื่น จะด่าผมตามเว็บไซต์พันทิปก็ได้ ผมไม่ได้ว่าอะไร แต่ถึงจุดนี้แล้ว เมื่อทราบข้อเท็จจริงมากขึ้นทำไมไม่ช่วยกันตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ถ่องแท้ แทนที่จะด่ากัน คนเราด่ากันง่ายแต่ช่วยกันทำอะไรที่สร้างสรรค์ และค่อยด่าถ้ามีอะไรผิด ด่าก็ถูกแล้วจะได้ตื่นขึ้นมา ถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้นจริงก็ให้ด่ากันให้แหลกเลย”.....
ไม่เพียงเท่านี้ ผู้ว่าฯสุขุมพันธุ์ ยังได้มีสั่งการให้ปลัดกทม. “เจริญรัตน์ ชูติกาญจน์” เปิดเผยสัญญาจัดซื้อทุกฉบับลงบนเว็บไซต์ของกทม.พร้อมทั้งเผยแพร่พิกัดการติดตั้งกล้อง CCTV ที่ได้ติดตั้งไว้ 10,000 ตัวและพิกัดของกล้องดัมมี่ที่ยังเหลืออีก 500 ตัว ออกมาเปิดเผยเพื่อให้ประชาชนช่วยกันตรวจสอบ นอกจากนี้ ยังได้สั่งให้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ทั้งยังให้คณะกรรมการสืบสวนสอบสวนการทุจริตและประพฤติมิชอบในการบริหาร ราชการกรุงเทพมหานคร(สสท.กทม.) ซึ่งมี พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร เป็นประธานเข้ามาตรวจสอบในเรื่องนี้อีกด้วย
เหมือนช่วงนี้ใครๆ ก็จะมะรุมมะตุ้มรุมรักกทม.ซะเหลือเกินเพราะวันแรกของต้นสัปดาห์ถัดมากรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ได้ส่งผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษอย่าง “พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์” และคณะบุกมากทม.แบบไม่ให้สุ่มให้เสียงเพื่อขอเอกสารโครงการจัดซื้อกล้อง CCTV ทั้งหมดตั้งแต่ปี 2550-2554 แถมระบุว่ามีการสอบทางลับมาก่อนหน้านี้จากการร้องเรียนของ “พ่อค้า” ก่อนจะครึกโครมทางอินเทอร์เน็ต...
ท้ายที่สุดดีเอสไอได้แถลงตั้งประเด็นตรวจสอบไว้ 3 ประเด็นหลักคือ 1.มีการสมยอมการเสนอราคาหรือไม่ 2. มีเจ้าหน้าที่รัฐมีส่วนร่วมในการกระทำผิดหรือไม่ และ3. มีข้าราชการทางการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้องกับการจัดหาหรือไม่
ข้าง ฟาก ป.ป.ช. หรือคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ก็ออกมารับลูกโดดร่วมวงตรวจสอบด้วยเหตุอันสงสัยว่าการจัดซื้อ CCTV มีการทุจริตหรือไม่ เป็นกล้อง CCTV จริงหรือเป็นกล้องเปล่าหรือไม่ และราคาแพงเกินจริงหรือไม่
นอกจากนี้ คณะอนุกรรมาธิการ ศึกษาและติดตามระบบเครือข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศการสื่อสารเพื่อความปลอดภัยของบ้านเมือง ในคณะกรรมาธิการวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การสื่อสารและโทรคมนาคม วุฒิสภาซึ่งมีนางนิลวรรณ เพชรบูรณิณ ส.ว.สรรหา เป็นประธานคณะกรรมาธิการฯ ได้เชิญ กทม.เข้าไปชี้แจงโดย “ธีระชน มโนมัยพิบูลย์” รองผู้ว่าฯกทม.ที่กำกับดูแลงานจราจรก็หอบเจ้า กล้องดัมมี่ หรือ Dummy Housing อุปกรณ์หุ้มกล้อง หรือง่ายๆก็คือ “กล่องเปล่า” และกล้อง CCTV ของ จริงไปชี้แจงต่อที่ประชุมพร้อมยังคงยืนยันถึงความโปร่งใสของการจัดซื้อจัดจ้างที่สามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ อีกทั้งการติดตั้งกล้องดัมมี่ก็ด้วยเหตุจำกัดในงบประมาณ ณ ขณะนั้นแต่ในสมัยผู้ว่าฯกทม.คน นี้ไม่มีการติดตั้งกล่องเปล่าเพิ่มเติมแต่อย่างใด ขณะเดียวกันการติดตั้งกล้องดัมมี่หลายๆประเทศก็ทำ แม้แต่ภาคใต้ของไทยก็ทำโดยมีการติดตั้งกล้องดัมมี่หรือกล่องเปล่ามากถึง 7,000 ตัว ขณะที่ติดตั้งกล้องจริงเพียง 327 ตัวในปี 2548
ความจริงแล้วประเด็นการติดตั้งกล้องหลอก กล้องดัมมี่ หรือกล่องเปล่า ของกทม.ควบคู่ไปกับกล้องจริงก็เคยเป็นข่าวมาก่อนหน้านี้ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2553 จากปากของ รองผู้ว่าฯ “ธีระชน” เองและก็คนนำไปโพสต์ต่อในเว็บไซต์อื่นๆ แต่ไม่ได้เป็นข่าวครึกโครมเหมือนกรณีนี้...
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้คงจะไม่มีการออกมาโต้แย้งในประเด็น CCTV จากกทม.อีกเมื่อ “ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์” สั่งทุกฝ่ายเงียบเสียงด้วยหวั่นเป็นประเด็นการเมืองยิ่งโต้ยิ่งยาวยิ่งเข้าทางพรรคตรงข้ามเพราะอีกแค่ 400 กว่าวันผู้ว่าฯจากพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) คนนี้ก็จะครบวาระการดำรงตำแหน่ง และจะต้องมีการเลือกตั้งพ่อเมือง-แม่เมืองกรุงคนใหม่ในต้นปี 2556
แน่นอน หากพรรคสีฟ้าเดินเกมไม่ดี งานนี้มีแต่เสียกับเสียเพราะยังมีอีกหลายโครงการที่อีกฝ่ายเตรียมขุดมาถล่ม แถมยังแว่วมาอีกว่าหญิงแกร่ง ณ บ้านเลขที่ 111 ก็จะกระโจนเข้าสู่สนามเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.หลังปลดแอก 5 ปี งานนี้จึงเกิดการจัดเต็ม จัดหนัก จัดพรึ่บ กับกทม.ด้วยประการละฉะนี้ เอวัง !!