xs
xsm
sm
md
lg

ดีเอสไอ บุก กทม.ขอตรวจเอกสารจัดซื้อจัดจ้างกล้องวงจรปิด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภาพประกอบข่าวจากอินเทอร์เน็ต
ดีเอสไอ บุก กทม.ให้เวลา 3 วัน ส่งเอกสารโครงการจัดซื้อจัดจ้างกล้องวงจรปิด ตั้งแต่ปี 2550-2554 ให้ตรวจสอบ เผย สอบสวนทางหลังตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2554 หลังมีพ่อค้าไปร้อง ยันให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย ไม่เกี่ยวข้องการเมือง

วันนี้ (26 ก.ย.) ที่ห้องอัมรินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ปฏิบัติหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมด้วย นายธานินทร์ เปรมปรีดิ์ รองผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ 2 และคณะ รวมทั้งสิ้น 4 ราย ซึ่งได้รับมอบหมายจาก นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ให้เดินทางมายื่นหนังสือต่อนายเจริญรัตน์ ชูติกาญจน์ ปลัด กทม.เพื่อขอหลักฐานและข้อมูลในโครงการจัดซื้อจัดจ้างกล้องวงจรปิด หรือ CCTV ของ กทม.ตั้งแต่ปี 2550-2554 พร้อมทั้งรายชื่อผู้ที่เกี่ยวข้องกับโครงการดังกล่าว เพื่อนำไปสอบสวนเพิ่มเติม โดยมี นายชาตินัย เนาวภูต รองปลัด กทม.เป็นผู้รับหนังสือดังกล่าวแทน ทั้งนี้ นายชาตินัย กล่าวว่า ปลัด กทม.ได้มอบหมายให้ตนเองมารับเรื่องดังกล่าวแทน เนื่องจากติดเป็นประธานการประชุม ซึ่งตนเองจะได้นำเรื่องดังกล่าวส่งต่อให้กับปลัด กทม.เพื่อให้ช่วยดำเนินการในเรื่องที่ดีเอสไอต้องการ ซึ่งในชั้นนี้ได้มีการแลกเบอร์โทรศัพท์สำหรับติดต่อกันแล้ว

พ.ต.ท.พงศ์พร กล่าวว่า ทางดีเอสไออาศัยอำนาจตาม ม.24(3) (4) แห่งพระราชบัญญัติกรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2544 และแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2554 เพื่อขอเอกสารข้อมูลในโครงการจัดซื้อจัดจ้างกล้องวงจรปิด หรือ CCTV ของ กทม.ตั้งแต่ปี 2550-2554 ทั้งการขอความเห็นชอบในการจัดหา การทำสัญญา การตรวจสอบครุภัณฑ์ โดยขณะนี้คดีดังกล่าวอยู่ในชั้นคดีสืบสวนเลขที่ 171/54 จะต้องมีการรวบรวมหลักฐานและข้อมูลเพิ่มเติม ก่อนจะสรุปว่ากรณีดังกล่าวจะเข้าข่ายเป็นคดีพิเศษหรือไม่ โดยจะพิจารณาใน 2 แนวทาง คือ หากเข้าข่ายเป็นคดีพิเศษตามที่คณะกรรมการคดีพิเศษได้กำหนดคดีพิเศษไว้จำนวน 27 คดี ก็จะเป็นคดีพิเศษโดยอัตโนมัติ แต่หากไม่เข้าข่ายก็จะนำเรื่องดังกล่าวเสนอต่อคณะกรรมการคดีพิเศษ หรือ คปค.อนุมัติให้เป็นคดีพิเศษต่อไป

พ.ต.ท.พงศ์พร กล่าวอีกว่า กรณีดังกล่าวกรมสอบสวนคดีพิเศษได้ดำเนินการสืบสวนในทางลับมาตั้งแต่เดือน ส.ค.ที่ผ่านมา หลังจากที่มีแหล่งข่าวสามารถบอกได้เพียงพ่อค้าร้องเรียนเข้ามา จึงดำเนินการตามหน้าที่ จากนั้นก็มีปรากฏเรื่องดังกล่าวตามเว็บไซต์ต่างๆ จนกระทั่ง นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย เข้ายื่นเรื่องร้องเรียนต่อดีเอสไอ เพื่อให้ตรวจสอบถึงกล้องดัมมี่ด้วยเช่นกัน

“ตอนแรกเราทำในทางลับ เรามีเอกสารการกล่าวอ้าง แต่ถ้าจะพิสูจน์ชัดเจนก็ต้องมีเอกสารที่เป็นทางการ ซึ่งวันนี้เราได้มาประสานขอเอาเอกสารดังกล่าวด้วยตัวเอง ซึ่งผมไม่ได้นัดผู้ใหญ่ที่นี่ไว้ล่วงหน้า แต่ใช้อำนาจตามกฎหมาย จึงได้นำหนังสือมายื่น ซึ่งถือว่าวันนี้เป็นวันแรกที่เราเปิดตัวในการตรวจสอบเรื่องนี้ และเราจะทำให้เร็วที่สุด ตามหลักการทาง กทม.ต้องจัดส่งเอกสารให้ภายใน 7 วัน แต่กรณีนี้ได้ขอให้ทาง กทม.ส่งเอกสารให้ภายในเวลา 3 วัน และขอรายชื่อของเจ้าหน้าที่ที่จะชี้แจง และเราจะเชิญเจ้าหน้าที่เหล่านั้นมาให้ปากคำ” พ.ต.ท.พงศ์พร กล่าวและว่า ประเด็นที่จะสืบมี 2 ข้อด้วยกัน คือ 1.มีกล่าวอ้างว่าซื้อแพง และ 2.ทำไมถึงใช้กล้องดัมมี่ หรือ กล้องหลอกเขา

ผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องนี้มีมูลใช่หรือไม่ จึงมาตรวจสอบ พ.ต.ท.พงศ์พร กล่าวว่า เร็วเกินไปที่จะตอบว่ามีมูล เพราะเมื่อมีเหตุสงสัยได้ว่าซึ่งจะพบ โดยแหล่งข่าวหรือเราพบเอง ในหน้าที่เราก็ต้องตรวจสอบ

ต่อคำถามที่ว่า เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการเมืองด้วยหรือไม่ พ.ต.ท.พงศ์พร กล่าวว่า การตรวจสอบกรณีดังกล่าวไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเมืองอย่างแน่นอน และยืนยันว่า จะตรวจสอบด้วยความโปร่งใส และเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยจะเร่งรัดติดตามสืบสวนคดีนี้ให้เร็วที่สุด แต่ทั้งนี้ ต้องขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานที่ กทม.จะส่งให้

ผู้สื่อข่าวถามด้วยว่า จะมีการตรวจสอบกล้องดัมมี่ 7,000 ตัว สมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี หรือไม่ พ.ต.ท.พงศ์พร กล่าวว่า เป็นเรื่องต่อๆ หากมีมูลอะไรก็จะเข้าไปดู แต่ทั้งนี้ ต้องให้ท่านอธิบดีเป็นผู้ตอบ เพราะเกินขอบเขตของตนเอง

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า จะมีการเทียบเคียงข้อมูลสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ พ.ต.ท.พงศ์พร กล่าวว่า การจัดซื้อจัดจ้างสิ่งที่ดิ้นไม่ได้ คือ เอกสารสิ่งที่จะปรากฏ ทั้งใบรายการใช้จ่ายงบประมาณ ใบเงินประจำงวด

ด้าน นายธานินทร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ประเด็นที่มาวันนี้ มีเพียงนิดเดียว คือ เราต้องการพยานหลักฐานตามกฎหมาย เพื่อมายืนยัน คือ กระบวนการทั้งหมด การจัดซื้อจัดจ้าง การเบิกจ่าย และการตรวจรับเพื่อดูว่า 1.เข้าข่ายฮั้วหรือไม่ เอกชนที่มาร่วมประมูลมีการสมยอมราคากันหรือไม่ 2.การจัดหา มีการเอื้อประโยชน์ให้กับใครหรือไม่ 3.เกี่ยวข้องกับนักการเมืองหรือไม่ ซึ่งมี 3 ข้อนี้ที่เราจะดำเนินการตรวจสอบโดยเราจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเอกชน ข้าราชการ หรือนักการเมือง ส่วนเรื่องราคาไม่ต้องห่วงเราจะเปรียบเทียบทั้งหมด หากกทม.ส่งเอกสารให้กับเราตรวจสอบเร็ว เราก็สามารถดำเนินการได้ทัน โดยผู้ที่จะเชิญมาให้ปากคำนั้น คือ คณะกรรมการตรวจรับพัสดุ และเจ้าหน้าที่เบิกจ่ายเงิน
กำลังโหลดความคิดเห็น