xs
xsm
sm
md
lg

แฉคลิปบางระกำ ผญบ.ขู่ยิงปากคนปูดหัวคิว ฉีกหน้าปู!รมต.สุดหรูดูน้ำท่วม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศูนย์ข่าวภูมิภาค - ปลัดฯพิษณุโลกเรียกชาวบ้านและ ผญบ.ชุมแสงสงครามแยกสอบเดี่ยวหาหลักฐานรีดหัวคิวเงินชดเชยค่าน้ำท่วม โผลอีกมือดีแฉคลิปเสียง ผญบ.หมู่ 7 เรียกประชุมลูกบ้าน ขู่ยิงปากลูกบ้านจอมแฉ "ยิ่งลักษณ์" หน้าแหก! รมต.ค้างแรมสุดหรูดูน้ำท่วม “สันติ”โคตรไฮโซ นั่ง ฮ.เอกชนตลอดทริป “พิชัย-ศิริวัฒน์-ธีระชัย-อนุดิษฐ์”ไปเช้าเย็นกลับด้าน “วิทยา” นอนวัดคนเดียว

วานนี้ (30 ก.ย.) สมเด็จพระบรมโอรสสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ ร้อยเอกไพบูลย์ สุขเจตนี รองผู้อำนวยการกองงานพระวรชายาฯเป็นผู้แทนพระองค์เชิญถุงยังชีพพระราชทาน จำนวน 1,000 ถุง มามอบให้แก่ผู้ประสบอุทกภัย ณ สนามหน้ามัสยิตแดง หมู่ที่ 3 ต. บึงคอไห อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น พร้อมทั้งจัดให้มีหน่วยแพทย์เคลื่อนที่พระราชทานในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร มาตรวจรักษาผู้ประสบภัยที่มีอาการเจ็บป่วย ทั้งนี้จังหวัดปทุมธานีได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัย จำนวน 55 ตำบล 340 หมู่บ้าน มีผู้ได้รับความเดือดร้อน 21,323 ครัวเรือน 44,664 ราย

รายงานข่าวแจ้งว่า อ.ลำลูกกา ต้องรับน้ำมาจากคลองรังสิตประยูรศักดิ์ และคลองสามวา ของ กรุงเทพฯ ทำให้น้ำท่วมขังสูงกว่าทุกปี โดยปีนี้ทางกรุงเทพมหานครไม่เปิดประตูระบายน้ำ ทำให้สถานการณ์หนักขึ้นกว่าทุกปี แต่ถ้ามีฝนตกลงมามากหรือน้ำเพิ่มระดับขึ้น ผู้ที่อาศัยอยู่บริเวณนี้ต้องได้รับความเดือดร้อนจำนวนมาก

เวลา 10.00 น.วันเดียวกัน ที่บ้านพิษณุโลก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ประชุมร่วมรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย ในการติดตามความคืบหน้าสถานการณ์และการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม โดยหารือเสร็จสิ้นในเวลา 12.20 น.หลังจากนั้นให้สัมภาษณ์โดยย้ำว่า เบื้องต้นได้ให้รัฐมนตรีลงไปประเมินสถานการณ์ในพื้นที่ร่วมกับผู้ว่าฯในแต่ละจังหวัด เนื่องจากส่วนหนึ่งผู้ว่าฯดำเนินการอยู่แล้ว โดยตนอยากให้ดำเนินการใน 2 วัตถุประสงค์ คือ การประเมินร่วมกับผู้ว่าฯ และไปดูในส่วนของกระทรวงที่เกี่ยวข้องในการให้ความช่วยเหลือกับทางจังหวัดเพิ่มเติม รวมถึงการไปให้กำลังใจประชาชน

***แฉคลิป ผญบ.ขู่ยิงปากลูกบ้าน

เมื่อเวลา 13.30 น.วานนี้ (30 ก.ย.) ที่ศูนย์อำนวยการความเป็นธรรม ปกครองจังหวัด ศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก นายวัฒนะ กันนะพันธุ์ ปลัดจังหวัดพิษณุโลก ในฐานะประธานคณะกรรมการฯ และ พ.ต.อ.มนตรี ชุติพงษ์วิเวท รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพิษณุโลก และจ่าจังหวัดพิษณุโลก เป็นคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีการรีดหัวคิวเงินชดเชยน้ำท่วม ซึ่งแต่งตั้งขึ้นโดยผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ได้สอบสวนชาวบ้าน ต.ชุมแสงสงคราม ต.บางระกำ และผู้ใหญ่บ้านที่ถูกพาดพิงว่ามีพฤติกรรมเรียกเก็บเงินชดเชยค่าน้ำท่วมจากชาวนารายละ 4,000-30,000 บาทตามที่ชาวบ้านร้องเรียนที่ศูนย์บางระกำโมเดลและศูนย์ดำรงธรรมศาลากลางจังหวัดพิษณุโลกเมื่อเร็วๆ นี้

ทั้งนี้ คณะกรรมการฯได้มีการเรียกชาวนาผู้เสียหายมาชี้แจงข้อเท็จจริงถึงการจ่ายเงินค่าหัวคิวน้ำท่วม โดยแยกการสอบสวนนายชูชีพ วงศ์กัณหา ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 5 ต.ชุมแสงสงคราม อ.บางระกำ ทีละชุดว่า มีพฤติกรรมมีการเรียกรับผลประโยชน์ เรียกเก็บเงินจากชาวบ้านหรือไม่

และล่าสุดได้มีพลเมืองดีจากหมู่ 7 ชุมแสงสงคราม อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก ส่งข้อมูลคลิปเสียงในการประชุมที่วัดหนองอ้อ ผ่านสื่อมวลชนหลายสำนัีกใน จ.พิษณุโลก ซึ่งเป็นการประชุมที่นายนาวิน พุ่มนาก ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 7 เรียกประชุมชาวบ้านเพื่อรับเงินชดเชยค่าน้ำท่วม หลังจากมีคนร้องเรียนไปยังเจ้าหน้าที่เกษตรจังหวัดว่า ที่ ต.ชุมแสงสงคราม ต.คุยม่วง อ.บางระกำ มีการรู้กันกับเจ้าหน้าที่ แบ่งเงินชดเชยคนละ 2 ไร่ หรือคนละครึ่งบ้าง

คลิปเสียงดังกล่าว ระบุว่า “คนร้องเรียนจะไม่เข้าวัด ไม่ทำงานส่วนร่วม ท่านก็รู้อยู่ว่าเป็นใคร ผมไม่ใช่นักเลง ถ้าเป็นผู้ใหญ่หมู่ 7 ระวังลูกปืนจะเข้าไปอยู่ในปาก ผมทำประชาคม ท่วมจริง ไม่ท่วมจริง ให้หมด และเรียกสอบทีละคน เพราะมีบางคนไม่เข้าใจ คนส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบ เพราะมีเรื่องร้องเรียน"

เนื้อหาในคลิปเสียงระบุว่า "นี่เงินจะออกอาทิตย์นี้อยู่แล้ว คนละ 1-2 ไร่ ถ้ารวมกันโกหกทั้งหมู่บ้านเป็นเงินเท่าไหร่ ลองคูณดู การที่ผมให้เงินท่าน ได้มากกว่าท่วมจริงเสียอีก ฤดูปลูกงวดหน้า ผมขอบอกได้เลย ตามจริงทั้งหมด รอบหน้าจริงหมด ส่วนที่เคยให้ 2-3 เท่า ก็ใช้กันไปหมดแล้ว”

นอกจากนี้ ยังมีเสียงพูดในเวทีการประชุมเดียวกันต่ออีกว่า "ท่านใดยืนยันแบบเดิมให้ลงชื่อวันนี้ แต่ถ้าคนร้องเรียน รอการตรวจสอบ เขาจะมาตรวจสอบตามความจริง รอไปก่อน เพื่อไม่มีใครได้ไม่กระทบ เราจะมีแบบสอบถาม เขียนที่บ้านหนองอ้อ หมู่ 7 ต.ชุมแสงสงคราม โดยขอรับรอบว่า พื้นที่เสียหาย เป็นความจริงและจะไม่มีการร้องเรียนใดๆ จนเป็นผลกระทบกับหมู่บ้าน ใครไม่เข้าใจ ผมจะคุยส่วนตัว

ถ้าเรื่องบ้านลำเอียง มีเรื่องออกมา ไม่อยากตำหนิ ใครก็ชอบความถูกต้อง บางคนไม่ได้หว่าน ผมก็ให้หมดทุกคน คนที่ร้องเรียนญาติพี่น้อง ท่านแจ้งตามจริงใหม่ คนที่แจ้งตามจริงจะแยกไม่ให้ตัดเงินแม้แต่ไร่เดียว งานเดียว จะได้ตามกฎเกณฑ์หรือไม่ ท่านก็วิ่งเอาเอง ความถูกต้องใครก็ชอบ ฝากไว้เป็นอุทาหรณ์ บอกแล้ว อยู่หมู่บ้านเดียวกันก็ต้องไปด้วยกัน ในทิศทางเดียวกัน การทำงานผมไม่มีพวก ผมให้หมด ถ้าใครร้องเรียนให้ยกมือขึ้นได้เลย ผมไม่ทำอะไรท่านหรอก ผมจะแต่งตั้งให้ท่านเป็นผู้ตรวจสอบประจำหมู่บ้าน ถามว่า ใครกล้าแสดงตนไหม”

และคลิปเสียงท้ายสุดก่อนจบการประชุม ได้มีการระบุว่า “อะไรพอผ่านได้ก็ผ่านเพื่อประโยชน์คนหมู่มาก ถ้าคนส่วนใหญ่ชอบความถูกต้องเหมือนกันก็เป็นการดี เรื่องอย่างนี้พูดมากไม่ดี ความดันจะขึ้น คนเรามีขีดจำกัด ผมไม่ใช่คนดีคนหนึ่ง ท่านไม่เลือกผม แต่ผมไม่มีคู่แข่ง จึงเป็นผู้ใหญ่บ้าน เพราะฉะนั้นขอให้ทุกอย่างจบ”

ด้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีที่ชาวบ้าน อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก ร้องเรียนมายังกระทรวงมหาดไทยว่า ถูกหักหัวคิวจากเงินเยียวยา 5,000 บาทว่า "ก็คงต้องมีการตรวจสอบ"

ขณะที่นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย พร้อมทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนกรณีผู้นำชุมชนหักค่าหัวคิวในการมอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคตะวันออกและ จ.พิษณุโลก โดยพรรคเพื่อไทย จะตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวเพื่อติดตามตัวผู้กระทำผิด และช่วยเหลือให้ประชาชนได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลอย่างเต็มที่ โดยประชาชนที่ได้รับความเดือนร้อนจากกรณีดังกล่าวสามารถยื่นเรื่องร้องเรียนต่อคณะกรรมการพรรคเพื่อไทยได้

**เล็งใช้ ฮ.ลำเลียงส่งอาหารให้ชาวลพบุรี

ส่วนในพื้นที่ จ.ลพบุรี ที่มีปัญหาการเข้าไปให้การช่วยเหลือยังไปไม่ทั่วถึงโดยเฉพาะพื้นที่ที่อยู่ห่างไกลนั้น นายกฯ กล่าวว่า จะมีการสั่งการเพิ่มเติม ซึ่งจะขอทำงานและมีการประเมินผลก่อน โดยในส่วนนี้อาจจะใช้ในกรณีที่พื้นที่ห่างไกลและรถเข้าไปไม่ถึง ซึ่งอาจจะใช้ในส่วนของเฮลิคอปเตอร์กองทัพในการเข้ามาช่วยส่งเสบียงอาหาร

เมื่อถามว่า ได้มีการประเมินหรือไม่ว่าทำไมเราจึงไม่สามารถลดระดับน้ำลงมาได้ นายกฯ กล่าวว่า ถ้าสื่อมวลชนและประชาชนติดตามข่าวสารก็จะทราบว่า มีพายุเข้ามาเป็นระลอกๆ ต่อเนื่องมาเป็นเวลา 3-4 เดือนแล้ว จึงทำให้ปัญหาใหญ่สุด ปริมาณน้ำที่เก็บไว้ในเขื่อนก็เต็ม ทำให้การระบายน้ำเต็มไปด้วยความยากลำบากประกอบกับยังไม่มีระบบใหญ่ในการบูรณาการน้ำเพื่อแก้ไขปัญหา ส่วนใหญ่จะใช้วิธีแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า และตนจะเร่งรัดคณะกรรมการให้มีการตั้งขึ้นมาใหม่ในการบูรณาการเรื่องน้ำ ซึ่งเป็นทั้งแผนระยะกลางและระยะถาวร รีบทำงานโดยขอความรู้กับผู้ที่มีความชำนาญเรื่องน้ำทั้งหมดในการที่จะหารือร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหาทั้งประเทศ

**เชื่อรับมือน้ำถล่มเมืองกรุงเทพฯได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะให้ความมั่นใจโดยเฉพาะในส่วนของน้ำที่จะไหลลงมาสู่ กทม.และปริมณฑลได้อย่างไร นายกฯ กล่าวว่า เบื้องต้นได้มีการย้ำให้กับผู้ว่าฯกรุงเทพฯ จากครั้งที่ได้มีการประชุมกัน ซึ่งทางผู้ว่าฯได้ให้ความมั่นใจในส่วนของการวางพื้นฐานเขื่อนที่จะรองรับไว้อยู่แล้ว แต่ในส่วนสำคัญก็ต้องมาดูแลในส่วนของเมืองปริมณฑลด้วย เช่น จ.นนทบุรี จ.สมุทรปราการ จ.ฉะเชิงเทรา และอื่นๆ ซึ่งก็ได้มีการกำชับผู้ว่าราชการจังหวัดไปแล้ว

"เบื้องต้นก็เชื่อว่าน่าจะรองรับสถานการณ์ได้อยู่แล้ว โดยได้ให้ทางด้านกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.)และศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม ศอส.ติดตามประเมินสถานการณ์ร่วมกันอย่างใกล้ชิด"

นายกฯ กล่าวว่า สำหรับเขตที่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยาในส่วนของผู้ประกอบการ และอุตสาหกรรมนั้น ตนก็ได้ย้ำไปแล้วในการให้เจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบเพิ่มเติมถึงปริมาณน้ำที่จะเข้ามา และปริมาณน้ำที่เขื่อนจะรองรับว่าเป็นไปตามที่คิดไว้หรือไม่ จากที่ผ่านมาต้องมามีการประเมินกันหลายส่วน อย่างในเรื่องของการเตือนภัยว่า ให้เวลากระชั้นชิดไปหรือไม่ สำหรับการเตือนภัยพี่น้องประชาชนจากที่ระบบเดิมต้องรอสถานการณ์น้ำท่วมก่อนถึงมีการประกาศเขตเตือนภัย ซึ่งได้มีการปรับปรุงเพิ่มโดยให้มีการใช้งบประมาณในการป้องกันได้ และต้องกลับมาดูต่อว่าการใช้งบประมาณและการพยากรณ์อากาศเข้าไปในพื้นที่นั้นเป็นระยะเวลาเพียงพอที่ทางพื้นที่ หรือทางจังหวัด ประชาชน พร้อมที่จะปรับตัวได้มากน้อยแค่ไหน

เมื่อถามว่า ในส่วนของ 12 จังหวัดที่วิกฤตได้มีการรายงาน หรือไม่ว่าจังหวัดไหนสถานการณ์ดีขึ้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ในส่วนของ จ.ลพบุรีนั้นขณะนี้ยังหนักอยู่ ซึ่งรัฐบาลจะพยายามเข้าไปดูในเรื่องของการชะลอน้ำ ส่วนจังหวัดอื่นๆ ก็ไม่อยากบอกว่าจังหวัดไหนเบาบางลงแล้ว เพราะบางครั้งพายุเข้า ปริมาณน้ำฝนก็เป็นเรื่องที่คาดเดาได้ยาก

"ส่วน จ.เชียงใหม่ ได้รับรายงานว่าทุเลาลงบ้างแล้วแต่ก็จะต้องติดตามดูต่อไป ซึ่งก่อนประชุมวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ก็บอกว่าสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ แต่สุดท้ายแล้วก็เจอปัญหา ซึ่งวันนี้ได้ให้รัฐมนตรีลงไปสำรวจเพิ่มเติมร่วมกับทางจังหวัดและจะได้มีการวิเคราะห์รายงานกลับมาพรุ่งนี้อีกครั้งหนึ่ง และคิดว่าจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้"

**รมต.ลงตรวจน้ำท่วมนอนหรู-กินหรู

มีรายงานข่าวว่า แม้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะกำชับให้รัฐมนตรีทั้ง 12 ลงพื้นที่นอนค้างแรมช่วยประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วมอย่างใกล้ชิด ในวันที่ 30 ก.ย.ถึง 1 ต.ค.นี้นั้นกลับพบว่าวาระงานของรัฐมนตรีบางคนกลับมีการเข้าพักในสถานที่สุดหรูหรา แถมยังมีกำหนดงานที่จะเข้ารับประทานอาหารในร้านอาหารหรูประจำจังหวัดนั้น เช่น น.ส.กฤษณา สีหลักษณ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯที่จะลงพื้นที่ อ.วิเศษชัยชาญ และเทศบาลอ่างทอง จ.อ่างทอง โดยจะนอนค้างคืนที่โรงแรมอ่างทอง นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รมช.คลัง จะลงพื้นที่ จ.ชัยนาท และพักค้างคืนที่โรงแรมชัยนาทธานี พล.ต.ต.ชัจจ์ กุลดิลก รมช.คมนาคม จะลงพื้นที่ อ.อินทร์บุรี และ อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี และจะเข้ารับประทานอาหารที่ “ร้านแม่ลาปลาเผา”ก่อนเข้าพักที่โรงแรมโกลเด้นท์ ดราก้อน ส่วน นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯจะลงพื้นที่ จ.เพชรบูรณ์ และเข้าพักที่โรงแรมโฆษิตฮิลล์

อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า นายวิทยา บุรณศิริ รมว.สาธารณสุข เป็นคนเดียวที่จะนอนค้างคืนในวัดสะตึก จ.พระนครศรีอยุธยา ที่ถูกน้ำท่วมอย่างหนัก

ขณะที่นายพิชัย นิริพทะพันธุ์ รมว.พลังงาน ลงพื้นที่ จ.พิษณุโลก นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ รมช.พาณิชย์ ลงพื้นที่ จ.พิจิตร นายสันติ พร้อมพันธ์ รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จะลงพื้นที่ อ.เมือง และ อ.พยุหคีรี จ.นครสวรรค์ และพื้นที่ อ.บางมูลนาก จ.พิจิตร โดยเดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์เช่าเหมาลำของบริษัทเอกชนตลอดเส้นทางและจะเดินทางกลับ กทม.ทันทีในช่วงเย็น

นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รมว.คลัง จะลงพื้นที่ อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี ในช่วงบ่ายวันที่ 1 ต.ค.และเพชรบูรณ์ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.ไอซีที ลงพื้นที่ จ.อุทัยธานี ไปแบบเช้าไปเย็นกลับ ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของนายกฯที่ได้ออกคำสั่งทางราชการให้ปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว

**ชม.น้ำเร่มลด-แต่"สารภี"ยังอ่วม

ด้านสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ตัวเมืองเชียงใหม่วานนี้ (30)น้ำที่ท่วมขังในหลายจุดได้เริ่มลดระดับลงแล้ว หลังจากที่เมื่อคืนที่ผ่านมาปริมาณน้ำได้กลับเพิ่มสูงขึ้น หลังจากที่มวลน้ำระลอกใหม่เดินทางเข้าสู่ตัวเมืองเชียงใหม่ในช่วงกลางคืนวันที่ 29 ก.ย.ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม ปริมาณน้ำยังคงเป็นไปตามการคาดการของศูนย์อุทกวิทยาและบริหารน้ำภาคเหนือตอนบน ที่ระบุว่าแม้จะมีมวลน้ำก้อนใหม่ปริมาณมากเข้าสู่ตัวเมืองเมื่อคืนวันที่ 29 ก.ย.แต่ระดับน้ำในแม่น้ำปิงจะไม่สูงมากไปกว่า 4.90 เมตร ซึ่งเป็นระดับน้ำที่สูงที่สุดที่วัดได้ ณ จุดวัดน้ำ P.1 สะพานนวรัฐนับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมตัวเมืองเชียงใหม่เมื่อวันที่ 28 ก.ย.เป็นต้นมา

ทั้งนี้ ศูนย์อุทกวิทยาฯยังระบุว่า จากสถานการณ์ดังกล่าวประกอบกับพื้นที่ต้นน้ำไม่มีรายงานฝนตกหรือปริมาณน้ำเพิ่มสูง คาดว่าปริมาณน้ำในแม่น้ำปิงจะลดลงอย่างต่อเนื่อง หากยังไม่มีฝนตกซ้ำลงมาอีก

อย่างไรก็ตาม แม้น้ำท่วมในตัวเมืองเชียงใหม่จะมีแนวโน้มคลี่คลายลง แต่พบว่า ในพื้นที่หลายตำบลของ อ.สารภี และ อ.หางดง กลับได้รับผลกระทบจากน้ำในแม่น้ำปิงที่เอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมแล้วหลายตำบล ตั้งแต่วันที่ 29 ก.ย.ที่ผ่านมาโดยที่ อ.สารภี มี 4 ตำบลที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักคือ ต.หนองผึ้ง ต.ดอนแก้ว ต.สันทราย ต.ท่าวังตาล ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ระดมกำลังเข้าให้ความช่วยเหลือแล้ว

ส่วนในพื้นที่ อ.หางดง นั้นน้ำได้ไหลเข้าท่วมในพื้นที่บริเวณใกล้แม่น้ำปิงเช่นกัน โดยเฉพาะในพื้นที่ ต.สบแม่ข่า ถือเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ซึ่งเป็นผลมาจากการที่แม่น้ำปิงได้ไหลย้อนกลับเข้ามาตามคลองสบแม่ข่า ซึ่งปกติเป็นคลองที่ระบายน้ำจากในพื้นที่ลงสู่แม่น้ำปิง โดยในหลายพื้นที่มีน้ำท่วมสูงถึง 1.30-1.40 ม.

**ผู้ว่าฯเตรียมเร่งฟื้นฟู-คาด1-2วันน้ำลด

ขณะเดียวกันที่ห้องประชุม 4 ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการช่วยเหลือราษฎรที่ประสบอุทกภัยในทุกพื้นที่ของ จ.เชียงใหม่ รวมถึงหาแนวทางฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยหลังจากน้ำลด

ผู้ว่าฯเชียงใหม่ กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์น้ำท่วมในตัวเมืองเชียงใหม่เริ่มคลี่คลายลงแล้ว โดยระดับน้ำในแม่น้ำปิงลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้คาดว่าสถานการณ์น้ำน่าจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติใน 1-2 วันนี้

สำหรับการให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยนั้นทางจังหวัดเชียงใหม่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ระดมกำลังเร่งให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ในทุกด้านแล้วและเมื่อน้ำลดลงหมดแล้วก็จะเข้าไปทำการช่วยเหลือฟื้นฟูสภาพความเสียหายต่างๆ ต่อไป

ผู้ว่าฯเชียงใหม่ กล่าวด้วยว่า แม้จะเกิดน้ำท่วมในตัวเมืองเชียงใหม่ แต่มั่นใจว่าไม่ได้กระทบต่อการท่องเที่ยวของ จ.เชียงใหม่แต่อย่างใด เนื่องจากน้ำท่วมเฉพาะจุดที่อยู่สองฝั่งริมแม่น้ำปิงเท่านั้น แต่ไม่กระทบต่อแหล่งท่องเที่ยวส่วนใหญ่ นอกจากนี้ จะเห็นได้ว่าในช่วงที่เกิดน้ำท่วมยังคงมีนักท่องเที่ยวพำนักอยู่ใน จ.เชียงใหม่ โดยที่ไม่มีการยกเลิกการเดินทาง ตลอดจนยังคงมีการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวตามปกติด้วย เป็นการสะท้อนให้เห็นความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวที่มีต่อจังหวัดเชียงใหม่

นอกจากนี้ผู้ว่าฯเชียงใหม่ ยังได้มอบหมายให้ 4 อำเภอที่ประสบภัยได้แก่ อ.เมือง อ.ฝาง อ.แม่แตง และ อ.สันทราย เร่งสำรวจสถานศึกษาที่ประสบอุทกภัยเพื่อให้การช่วยเหลือโดยเร่งด่วน

"ต่อไปเราจะมีการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกวันในเวลา 10.00 น.เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ราษฎรผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย หลังจากนั้นจะเร่งฟื้นฟูพื้นที่โดยเร็ว เพื่อเตรียมต้อนรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาเที่ยวงานประเพณียี่เป็งเชียงใหม่ และงานราชพฤกษ์ 54 ในช่วงปีนี้" ผู้ว่าฯเชียงใหม่กล่าว

**ลพบุรีวิกฤต-เขื่อนป่าสักปล่อยน้ำเพิ่ม

ที่ จ.ลพบุรี น้ำยังคงมีระดับสูงขึ้นจนต้องมีการปิดการจราจรโดยเด็ดขาดบางเส้นทาง อาทิ ถนนสายเอเชียผ่าน อ.ท่าวุ้ง เข้าตัวเมืองลพบุรี ปิดการจราจรเนื่องจากน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตร และสะพานหน้าวัดศรีสุทธาวาส มีรอยร้าว คอสะพานทรุดตัว ถนนสายเจ้าปลุก-บ้านแพรก-ลพบุรี น้ำท่วมขังสูงประมาณ 1 เมตร ปิดการจราจรตลอดเส้นทาง ส่วนถนนเลี่ยงเมือง น้ำท่วมสูงเป็นระยะ ถนนบางช่วงขาด รถไม่สามารถผ่านได้ ขณะนี้เส้นทางที่จะสัญจรเข้า-ออกลพบุรี มีเพียงถนนพหลโยธินเท่านั้น

ในส่วนของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ขณะนี้มวลน้ำที่เก็บกักมีอยู่ 135% ซึ่งเกินระดับเก็บกักปกติและต้องเร่งระบายน้ำเป็นวันละ 80 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่งผลให้ จ.สระบุรี พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี มีน้ำท่วมสูงขึ้น

รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า หลังจากที่น้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยา ทะลักจากประตูน้ำบางโฉมศรี อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี เข้าท่วมในเขต อ.บ้านหมี่ อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี และขณะนี้ เข้าท่วมในเขตอ.เมือง จ.ลพบุรี ทำให้พื้นที่ใน อ.เมือง กลายเป็นทะเล สาปขนาดใหญ่และน้ำที่ทะลักเข้าท่วมใน อ.เมือง จ.ลพบุรี ขณะนี้เกิดปัญหาน้ำเน่าเหม็นอย่างรุนแรง

**นครสรรค์จี้เขื่อนเจ้าพระยาเร่งระบายน้ำ

ที่ จ.นครสวรรค์ จากน้ำเหนือไหลบ่ามาตามแม่น้ำน่าน แม่น้ำปิง และไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาเป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดน้ำท่วมขังที่ จ.นครสวรรค์ รวม 10 อำเภอ โดยระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นทุกวัน ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นคาดการณ์ว่ามาจากทางเขื่อนเจ้าพระยาที่ จ.ชัยนาท ระบายน้ำน้อย ทำให้เกิดปัญหาน้ำสะสมที่ จ.นครสวรรค์

นางขวัญนาค เล้าสมบูรณ์ กำนันตำบลแควใหญ่ อ.เมือง จ.นครสวรรค์ กล่าวว่า อยากเรียกร้องให้ทางเขื่อนเจ้าพระยาเร่งระบายน้ำให้มากขึ้นกว่าเดิม เพื่อให้ระดับน้ำลดลงไปบ้าง ขณะเดียวกันมีรายงานว่า ทางเขื่อนเจ้าพระยารับว่าขอเวลา 2 วันจะเร่งระบายน้ำให้มากขึ้น

นายสมจิตร แหวนประดับ กำนันตำบลไผ่สิงห์ อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์ กล่าวว่า กำลังรวบรวมกำลังคนเพื่อมาทำการประท้วงเรื่องการระบายน้ำล่าช้าของเขื่อนเจ้าพระยา โดยจะนำชาวบ้านมาปิดถนนที่สี่แยกเดชาติวงศ์ เพื่อเรียกร้องเรื่องนี้

**บุรีรัมย์ประกาศ6อำเภอพื้นที่ภัยพิบัติน้ำท่วม

นายพรเชษฐ์ แสงทอง ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดบุรีรัมย์ เปิดเผยว่า หลังจากมีฝนตกกระจายทั่วทุกพื้นที่ของจังหวัดติดต่อกันอย่างต่อเนื่อง และประกอบกับน้ำเหนือจาก จ.นครราชสีมา และ จ.ชัยภูมิ ได้ไหลมาสมทบกับลำน้ำมูล และลำน้ำมาศ ซึ่งเป็นแหล่งรับน้ำทำให้มีปริมาณน้ำหนุนสูงขึ้นจนเอ่อท่วมถนน ส่งผลกระทบต่อนาข้าวของเกษตรกรที่กำลังออกรวงใกล้เก็บเกี่ยว ขณะนี้ทางจังหวัดได้ประกาศให้เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินจากภาวะน้ำท่วมแล้ว 6 อำเภอ มี อ.พุทไธสง อ.แคนดง อ.สตึก อ.ลำปลายมาศ อ.ละหานทราย และ อ.โนนดินแดง

จากข้อมูลพบว่า ตอนนี้ได้มีนาข้าวได้รับความเสียหายจากการที่ถูกน้ำท่วมแล้วกว่า 7,000 ไร่ พืชไร่อื่นอีกร่วม 100 ไร่ รวมทั้งถนนเชื่อมต่อระหว่างหมู่บ้าน ตำบล ถูกน้ำท่วมเสียหายกว่า 40 สาย ในจำนวนนี้มีราษฎรได้รับความเดือดร้อนจากการสัญจร และเกษตรกรที่ถูกน้ำท่วมนาข้าวจำนวน 30 ตำบล 280 หมู่บ้าน โดยเฉพาะชาวบ้าน บ้านโนนบ่อหลวง ต.หายโศก อ.พุทไธสง ที่ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก เนื่องจากน้ำจากลำสะแทดได้เอ่อท่วมถนนสูงขึ้นจากเดิมกว่า 2 เมตร ทางอำเภอยังต้องนำเรือไปรับบริการรับส่งชาวบ้านอยู่อย่างต่อเนื่อง

**ผบ.ทบ.สั่งเพิ่มหน่วยแพทย์ลงพื้นที่

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ซึ่งลงพื้นที่ จ.ลพบุรี เพื่อตรวจเยี่ยมกำลังพลที่ปฏิบัติการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัย ได้สั่งเพิ่มหน่วยแพทย์เคลื่อนที่จากโรงพยาบาลพระมงกุฏ เรือขนาดใหญ่ 100 ลำ รถยนต์ขนาดใหญ่ 400-500 คันไปให้ความช่วยเหลือ และลำเลียงผู้ประสบอุทกภัยออกจากพื้นที่ประสบภัย พร้อมสนับสนุนอากาศยาน และเรือเร็วติดเครื่องขยายเสียง เข้าไปในพื้นที่ห่างไกล เพื่อนำประชาชนออกจากจุดเสี่ยง และให้ได้รับความช่วยเหลือต่อไป นอกจากนี้ ยังให้ผู้บังคับบัญชาดูแลกำลังพลด้วยการจัดหาอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัย ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างเพียงพอ หลังจากที่ต้องเสียกำลังพลไปแล้ว 2 นาย

**วิทยาลุยน้ำท่วมแจกเงินครอบครัวคนตาย

ที่ศาลากลางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายวิทยา บุรณศิริ รมว.สาธารณสุข เป็นประธานมอบเงินรัฐบาลช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิต จากเหตุอุทกภัยของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งมีจำนวน 7 คน รายละ 50,000 บาท นายวิทยา กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีให้รับผิดชอบดูแลจังหวัดที่มีน้ำท่วมขังรุนแรง คือที่จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งมีพื้นที่ได้รับผลกระทบทั้งหมด 16 อำเภอ 1,019 หมู่บ้าน 70,976 หลังคาเรือน ประชาชนเดือดร้อนประมาณ 224,229 คน มีผู้เสียชีวิต 10 ราย เป็นชาย 5 ราย หญิง 5 ราย โดยเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี 2 ราย อายุ 29-47 ปี 4 ราย และ 60 ปีขึ้นไป 4 ราย เสียชีวิตที่อ.เสนามากที่สุด 3 ราย รองลงมาคือ อ.บางบาล อ.บางไทร อ.ผักไห่ แห่งละ 2 ราย และอ.นครหลวง 1 ราย สาเหตุจากเล่นน้ำ พลัดตกบ้าน และเรือล่ม

**ยังไม่คิดเจียดเงินเดือนส.ส.ช่วยน้ำท่วม

ด้านนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ขณะนี้ตนยังไม่มีแนวคิดการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่ต่างๆ ด้วยการให้ ส.ส.บริจาคเงินเดือน เพราะขณะนี้ทราบว่า ส.ส.แต่ละคนก็ย่ำแย่พอสมควร ส่วนเรื่องเงินบริจาคช่วยน้ำท่วมนั้น ตนได้ให้เจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องเข้าไปดูยอดบริจาคของ ส.ส.สมัยที่ผ่านมา พบว่ามียอดเงินคงเหลือหลักแสนบาทเท่านั้น คงไม่สามารถช่วยอะไรได้มาก

**วอน"ปู"ลงบางระกำดูปัญหาเก็บหัวคิว

นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เรียกร้องให้น.ส.สงยิ่งลักษณ์ ชินวัตรทนายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมและการกักค่าหัวคิวชาวบ้าน เนื่องจากเป็นผู้กำหนดบางระกำโมเดล แต่กลับไม่มีการดูแลความเดือดร้อนของประชาขน ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าหดหู่ใจ และเป็นการทำบาปสูงสุดกับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างแสนสาหัสอยู่แล้ว การที่นายกฯจะมอบหมายรัฐมนตรีไปค้างคืน ไม่คิดว่าจะแก้ปัญหาหรือช่วยให้น้ำลด แต่นายกฯ ควรใส่ใจกับการแก้ปัญหาแทนการใช้วาทกรรมที่ไม่ได้สร้างประโยชน์ให้ประชาชนอย่างแท้จริง

**สุขุมพันธุ์โพสต์เฟซบุ๊คสั่งป้องกัน กทม.

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โพสต์เฟซบุ๊ค ผ่าน “The Bangkok Governor” ว่า ตอนนี้แม่น้ำในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์มีระดับน้ำที่สูงมาก อาจเอ่อล้นออกมาได้ ตนได้กำชับให้ทุกเขตเตรียมจัดซื้อทรายให้ถูกต้องตามกระบวนการจัดซื้อ และในช่วงนี้เป็นช่วงปลายเทอมด้วย จึงจะปล่อยให้น้ำท่วมไม่ได้ เพราะกระทบกับการสอบปลายภาคของนักเรียน ตนได้กำชับให้ทุกเขตเฝ้าระวังและเตรียมป้องกันอย่างเต็มที่

**เตือน"เนสาด"ขั้นฝั่งเวียดนามแล้ว

กรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศเตือนภัย"พายุเนสาด"ฉบับที่ 7 ลงวันที่ 30 กันยายน 2554 ข้อความว่า เมื่อเวลา 13.00 น.วานนี้ (30 ก.ย.)พายุโซนร้อน “เนสาด”(NESAT) บริเวณอ่าวตังเกี๋ย ได้เคลื่อนขั้นฝั่งบริเวณเมืองฮาลอง ของประเทศเวียดนามแล้ว โดยมีศูนย์กลาง อยู่ห่างประมาณ 100 กิโลเมตร ทางตะวันออกเฉียงเหนือของกรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม หรือที่ละติจูด 21.0 องศาเหนือ ลองจิจูด 107.0 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 85 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก ด้วยความเร็วประมาณ 18 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่า พายุนี้จะอ่อนกำลังลงอีก พายุลูกนี้ส่งผลทำให้ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน มีฝนเพิ่มขึ้นในระยะ 1-2 วันนี้

ส่วนมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง ทำให้คลื่นลมในทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ชาวเรือควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 30 ก.ย.-1 ต.ค.นี้ไว้ด้วย

**ริมฝั่งแม่น้ำป่าสักระวังน้ำ3-4ต.ค.นี้

ขณะที่ศูนย์ประมวลผลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ กรมชลประทาน แจ้งเตือนประชาชนริม 2 ฝั่งแม่น้ำป่าสักในเขต จ.สระบุรี และ จ.พระนครศรีอยุธยา อาจต้องเผชิญกับภาวะน้ำล้นตลิ่งอีกในช่วงวันที่ 3-4 ต.ค.นี้เนื่องจากปริมาณน้ำไหลหลากลงสู่พื้นที่ลุ่มต่ำในเขต 2 จังหวัด โดยคาดการณ์ว่าระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นวันละประมาณ 40-50 ซม.ส่วนพื้นที่ลุ่มต่ำมากๆ จะมีความลึกสูงสุด 3-4 เมตรจึงขอให้เตรียมการป้องกันและขนย้ายสิ่งของมีค่าขึ้นที่สูงและที่ปลอดภัย.
กำลังโหลดความคิดเห็น