ศูนย์ข่าวภูมิภาค-พิษน้ำท่วมอุทยานหินล้านปีและฟาร์มจระเข้พัทยา ทำบ่อเลี้ยงพัง จระเข้หลุดออกจากบ่อ เจ้าหน้าพร้อมชาวบ้านระดมกำลังไล่ล่านำกลับเข้าสู่ฟาร์มได้แล้ว 23 ตัว คาดยังมีหลงเหลืออยู่ เตือนชาวบ้านระวัง เผยเป็นจระเข้พันธุ์ดุ ขณะที่แม่น้ำจันท์ทะลักท่วมพื้นที่ย่านการค้า เศรษฐกิจ และตลาดสดเทศบาลเมืองจันทบุรีเสียหายยับเยิน หลายจังหวัดยังวิกฤต ปภ.เตือนซ้ำอีก 11 จังหวัดระวังน้ำป่าทะลักโคลนถล่ม ภูมิใจไทยซัดรัฐบาลเร่งช่วยเหลือ“ทักษิณ” มากกว่าชาวบ้าน "สุขุมพันธ์"สั่งรับมือกทม.จมน้ำ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากจ.ชลบุรีว่า ระหว่างคืนวันที่ 12 ก.ย. เข้าสู่วันที่ 13 ก.ย. กำลังเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยสว่างบริบูรณ์ พัทยา จ.ชลบุรี และชาวบ้านจำนวนหนึ่ง ได้ระดมกำลังนำอุปกรณ์ออกไล่จับจระเข้ หลังจากเกิดน้ำท่วมจนบ่อจระเข้ของอุทยานหินล้านปี และฟาร์มจระเข้ พัทยา พังเสียหายและมีจระเข้หลุดออกมาเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ พบว่าบริเวณด้านหลังของอุทยานฯ ซึ่งเป็นบ่อเลี้ยงจระเข้ขนาดใหญ่โดนกระแสน้ำที่เออท่วมกัดเซาะจนขอบปูนบ่อเลี้ยงพังเสียหาย จึงเป็นเหตุให้จระเข้ที่อยู่ภายในบ่อหลุดออกมา เบื้องต้นยังไม่ทราบจำนวนที่แน่ชัดว่าจระเข้จากบ่อเลี้ยงของอุทยานฯ หลุดออกมาจำนวนเท่าไร แต่จากการระดมกำลังออกตามหาตลอดทั้งคืน เจ้าหน้าที่และชาวบ้านสามารถจับจระเข้ที่หลุดออกมาได้ทั้งสิ้นรวม 18 ตัว ส่วนใหญ่มีลำตัวขนาด 2-3 เมตรก่อนที่ทีมค้นหาจะหยุดการค้นหา เพราะเกรงจะได้รับอันตราย เนื่องจากบริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่ไม่มีแสงสว่าง
อย่างไรก็ตาม ทีมค้นหาได้ระดมกำลังค้นหาต่อเมื่อช่วงเช้าวานนี้ (13ก.ย.) และสามารถจับจระเข้กลับเข้าสู่ฟาร์มได้เพิ่มรวมทั้งหมด 23 ตัว
นางอภิญญา เชณนวล หัวหน้ากลุ่มบริหารจัดการด้านประมง สำนักงานประมงจังหวัดชลบุรี เปิดเผยระหว่างลงพื้นที่ตรวจสอบ พร้อมเข้าประสานงานกับนายส่วน พนมวัฒนกุล ผู้บริหารอุทยานหินและฟาร์มจระเข้เมืองพัทยาเพื่อติดตามความคืบหน้าว่า เบื้องต้นได้รับแจ้งว่าจนถึงปัจจุบันทางเจ้าหน้าที่ของฟาร์มและสามารถจับจระเข้ขนาดใหญ่กลับเข้าสู่ฟาร์มแล้ว 23 ตัว คาดว่าน่าจะยังมีหลงเหลืออยู่ในพื้นที่ป่าข้างเคียงฟาร์มอีกจำนวนหนึ่ง โดยได้จัดทีมออกไล่ล่าค้นหา 4 ชุดแล้วเพื่อป้องกันจระเข้อาจหลุดลงแหล่งน้ำและไปทำร้ายประชาชนได้
สำหรับจระเข้ที่หลุดออกจากฟาร์มนั้น เป็นสายพันธุ์น้ำเค็ม ที่ค่อนข้างมีความดุร้าย โดยส่วนใหญ่ที่หลุดออกมาจะเป็นจระเข้ขนาดใหญ่ ซึ่งทางฟาร์มเลี้ยงไว้เป็นพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ ซึ่งต้องระดมกำลังออกค้นหาและติดตามจับมาให้ได้ทั้งหมด โดยคาดว่าน่าจะไม่ยากมากนัก เนื่องจากพื้นที่ใกล้เคียงมีลักษณะเป็นป่า ซึ่งมีพื้นที่ไม่กว้างมากนัก
นายส่วนกล่าวว่า จากเหตุการณ์พายุฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ทำให้ดินเกิดการทรุดตัวส่งผลทำให้จระเข้น้ำเค็ม ที่เลี้ยงไว้กว่า 2,000 ตัวเพื่อให้นักท่องเที่ยวทำกิจกรรมการตกอาหารจระเข้นั้นหลุดออกมา ซึ่งคาดว่าคงจะประมาณ 30 กว่าตัว โดยส่วนใหญ่สามารถค้นหาและนำกลับมาขังไว้ในบ่อได้แล้ว อย่างไรก็ตาม คงต้องออกตรวจสอบต่อไป จึงอยากฝากให้ผู้ที่พบเห็นแจ้งให้เจ้าหน้าที่ได้ทราบด้วย และไม่ควรเข้าไปดำเนินการเองเพราะอาจเกิดอันตรายได้
**ย่านการค้าเมืองจันท์จมบาดาล
ด้านสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.จันทบุรี วานนี้เข้าสู่วันที่ 3 พบว่า แม่น้ำจันทบุรีได้ล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำทั้ง 2 ฝั่ง และน้ำในแม่น้ำจันทบุรี ยังได้ไหลทะลักเข้าท่วมพื้นที่ย่านการค้า เศรษฐกิจ ตลาดสดเทศบาลเมืองจันทบุรี รวมถึงตลาดการค้าขายพลอย ระดับน้ำอยู่ที่ 30-40 เซนติเมตรด้วย ทั้งนี้ คาดว่าถ้ามีฝนตกลงมาเพิ่มอีกก็จะทำให้ในพื้นที่ดังกล่าว จะได้รับผลกระทบอย่างหนักและวิกฤตในที่สุดอีกด้วย
**น้ำป่าท่วมหมู่บ้านเมืองมะขามหวาน
ที่ จ.เพชรบูรณ์ น้ำป่าได้ทะลักเข้าท่วมหมู่บ้านโฮมแลนด์ และบ้านสำนักหมัน หมู่ 12 ต.นางั่ว อ.เมืองเพชรบูรณ์แล้ว ทั้งนี้ สืบเนื่องมาจากมีฝนตกติดต่อกันหลายวัน ทำให้น้ำป่าไหลทะลักเข้าท่วมหมู่บ้านโฮมแลนด์ระดับน้ำสูงประมาณ 80 เซนติเมตร โดยมีเจ้าหน้าที่ทหารจากกองพลทหารม้าที่ 1 ค่ายพ่อขุนผาเมือง จ.เพชรบูรณ์ออกให้การช่วยเหลือประชาชน แจกจ่ายกระสอบทรายเพื่อป้องกันน้ำไหลทะลักเข้าบ้านเรือน
ส่วนถนนสายเพชรบูรณ์-บ้านไร่เหนือ บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 3-4 หมู่ที่ 3 ต.สะเดียง อ.เมืองเพชรบูรณ์ มีระดับน้ำสูงกว่า 70 เซนติเมตร รถเล็กไม่สามารถผ่านได้ โดยระดับน้ำในแม่น้ำป่าสักยังคงมีปริมาณเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ส่วนการค้นหาร่างนายสมาน บุบผาที อายุ 63 ปี อยู่บ้านเลขที่ 79/2 ม.2 ต.สะเดียง อ.เมืองเพชรบูรณ์ ที่พลัดตกลงในฝายกั้นน้ำหมู่ 13 ต.สะเดียง หลังจากได้ลงไปช่วยเพื่อนๆ เก็บกิ่งไม้ที่ขวางการไหลของน้ำบริเวณหน้าฝายแล้วพลัดตกลงไปในฝายตั้งแต่วันที่ 12 ก.ย.ได้มีการระดมกำลังทหาร และหน่วยกู้ภัยจะช่วยกันค้นหาทั้งวันทั้งคืนจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่พบร่างของนายสมาน อย่างใด
**พนังกั้นน้ำนครสวรรค์พังน้ำทะลักท่วม
ที่ จ.นครสวรรค์ ช่วงเวลา 04.00 น.ของวานนี้ น้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาได้ล้นตลิ่งทำให้พนังกั้นน้ำของเทศบาลที่วางกระสอบทรายยาวกว่า 2 กม.พังลงเป็นแนวยาวกว่า 5 เมตร ทำให้น้ำทะลักเข้าท่วมชุมชนสะพานเดชาฯ ชุมชนเทวดาสร้าง ชุมชนวัดเขาจอมคีรีนาคพรต และชุมชนวัดเขาโรงครัวบ้านเรือนประชาชนกว่า 800 หลังคาเรือนน้ำท่วมจมมิดกว่า 3 เมตรชาวบ้านต้องเร่งขนย้ายข้าวของหนีน้ำออกมาเป็นการด่วน
นอกจากนี้ ระดับน้ำที่ท่วมขึ้นรวดเร็วยังทำให้ท่วมทรัพย์สินของชาวบ้าน เช่น รถยนต์ มอเตอร์ไซค์เสียหายจำนวนมากด้วย ทางเทศบาลนครนครสวรรค์ ต้องสร้างที่พักชั่วคราวให้จนกว่าน้ำจะลดลง
**น้ำป่าเทือกเขาบรรทัดทะลักท่วมตรัง
ที่ จ.ตรัง จากที่ฝนตกหนักในช่วงระยะเวลา 3-4 วันที่ผ่านมายังคงทำให้หลายพื้นที่ต้องประสบกับสภาวะน้ำท่วมขังต่อเนื่องมาเป็นเวลา 2 วันแล้ว โดยเฉพาะพื้นที่ราบลุ่มใน 2 อำเภอคือ อ.ปะเหลียน และ อ.ย่านตาขาว ทำให้มีผู้ได้รับความเดือดร้อนแล้วประมาณ 550 ครัวเรือน หรือประมาณ 2,000 คน ทั้งนี้ เป็นผลมาจากน้ำป่าที่ไหลหลากลงมาจากเทือกเขาบรรทัดฝั่งพื้นที่รอยต่อระหว่าง จ.ตรัง กับ จ.พัทลุง
สำหรับสถานการณ์โดยทั่วไประดับน้ำยังคงทรงตัวและสูงประมาณ 1-2 เมตร ทำให้ถนนสายเล็ก ๆ ในหมู่บ้านไม่สามารถสัญจรผ่านไปมาได้ ต้องใช้เรือในการเดินทางแทน สถานศึกษาหลายแห่งในพื้นที่ อ.ปะเหลียน และ อ.ย่านตาขาว ต้องปิดทำการเรียนการสอนเป็นวันที่ 2 แล้วแต่โชคดีที่วันนี้ไม่มีฝนตกลงมาเพิ่มเติม และเริ่มมีแสงแดดส่องลงมาบ้าง
**ปภ.เตือนซ้ำ11จังหวัดรับมือน้ำท่วม
นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณที่ลาดเชิงเขา ใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ราบลุ่มรวม 11 จังหวัดได้แก่ จ.ตาก กำแพงเพชร พิจิตร เพชรบูรณ์ พิษณุโลก สุโขทัย อุตรดิตถ์ ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และ จ.ตราด ให้เตรียมพร้อมรับมือภาวะฝนตกหนัก อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากและดินถล่มในวันที่ 13-14 ก.ย.นี้ ทั้งนี้ ปภ.ได้ประสานให้สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดในพื้นที่เสี่ยงภัยจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับมิสเตอร์เตือนภัยเตรียมความพร้อมเฝ้าระวังภัยในระยะนี้เป็นพิเศษ
“ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยหมั่นสังเกตสัญญาณผิดปกติทางธรรมชาติ เช่น น้ำในลำธารเปลี่ยนสีเป็นสีเดียวกันกับดินบนภูเขา ฝนตกหนักนานเกินกว่า 6 ชั่วโมง ปริมาณน้ำฝนมากกว่า 100 มิลลิเมตร ระดับน้ำในแม่น้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว มีต้นไม้ขนาดเล็กไหลมากับน้ำ เป็นต้น ให้สันนิษฐานว่าอาจเกิดน้ำป่าไหลหลากและดินถล่มขึ้นได้ ให้รีบอพยพออกจากพื้นที่ในทันที”นายวิบูลย์ กล่าว
**ภท.ซัดรัฐบาลเร่งช่วยแม้วมากชาวบ้าน
ที่พรรคภูมิใจไทย นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคภูมิใจไทย แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคและ ส.ส.พรรคว่า ส.ส.ทั้ง 34 คนของพรรคภูมิใจไทยได้แสดงความเป็นห่วงว่ารัฐบาลไม่ให้น้ำหนักในการแก้ปัญหาความเดือดร้อนจองประชาชนโดยเฉพาะเรื่องเร่งด่วน คือ การแก้ปัญหาน้ำท่วม แต่กลับไปให้ความสำคัญกับการดำเนินการทางการเมือง โดยเฉพาะการช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ก็เดินทางไปเยือนเพื่อนบ้านประเทศอาเซียน แม้จะเป็นเรื่องจำเป็น แต่ก็ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนถ้าเปรียบเทียบกับความเดือดร้อนของประชาชน
โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ส.ส.ในพื้นที่แจ้งว่า นโยบายของรัฐบาลในการแก้ปัญหาน้ำท่วมบางระกำโมเดล เป็นเพียงแค่วาทะกรรมที่ฟังรื่นหูเท่านั้น แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ โดยเฉพาะที่ อ.บางระกำก็ยังมีปัญหาน้ำท่วมอยู่ ซึ่งพรรคจะนำปัญหานี้ไปสอบถามนายกรัฐมนตรีในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร รวมถึงเรื่องปัญหาค่าครองชีพที่จะรัฐบาลระบุว่าจะมีการกระชาก ลงมา แต่วันนี้ก็ยังไม่มีการดำเนินการอย่างที่พูด
**ครม.ไฟเขียวงบฉุกเฉิน315ล้านช่วยน้ำท่วม
นางฐิติมา ฉายแสง โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ (13 ก.ย.) ว่า จ.พระนครศรีอยุธยา และ จ.ชัยนาท ขอรับการสนับสนุนงบประมาณค่าใช้จ่ายในการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ในการซ่อมแซมที่อยู่อาศัยตามระเบียบของกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ.2546 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2554 รายการเงินสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ที่ยังไม่ได้รับงบประมาณช่วยเหลือในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา จำนวน 47,078 ครัวเรือน จำนวนเงิน 261,645,314.83 บาท และ จ.ชัยนาท จำนวน 6,009 ครัวเรือน จำนวนเงิน 54,227,081 บาท รวมเป็นเงินงบประมาณทั้งสิ้น 315,872,395,83 บาท อย่างไรก็ตามได้คณะรัฐมนตรีกำชับให้กระทรวงมหาดไทยจ่ายเงินช่วยเหลือต่อไป
จ.อุตรดิตถ์ ได้งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2554 เพื่อสนับสนุนเช่นเดียวกัน จากเหตุการณ์กรณีอุทกภัยและดินโคลนถล่ม ที่ตำบลบ้านน้ำไผ่ อำเภอน้ำปาด ซึ่งที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติหลักการในการดำเนินการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินเงินสำรองจ่าย ครัวเรือนละ 5,000 บาท ตามข้อมูลครัวเรือนผู้ที่ประสบภัยเบื้องต้นใน จ.อุตรดิตถ์นั้น จำนวน 705 ครัวเรือน จำนวน 3,525,000 บาท
**กรมศิลป์เร่งสูบน้ำออกพระราชวังจันทน์
นางโสมสุดา ลียะวนิช อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า ได้รับรายงานสถานการณ์น้ำท่วมจากการตรวจสอบโบราณสถานจังหวัดพิษณุโลกจากสำนักศิลปากรที่ 6 ว่า หลังเกิดฝนตกหนักมีน้ำท่วมขังเขตโบราณสถานในจังหวัดพิษณุโลกหลายแห่ง เช่น โบราณสถานพระราชวังจันทน์ ระดับน้ำบริเวณกำแพงวังสูงประมาณ 80 ซม. อาคารคลุมหลุมขุดค้นทางโบราณคดี ในพระราชวังจันทน์ด้านทิศเหนือ น้ำฝนได้ซึมผ่านไหลเข้าไปจนเต็มหลุมขุดค้น ในระหว่างนี้จะต้องรอให้น้ำในบริเวณพระราชวังจันทน์โดยรอบลดเสียก่อน จึงจะสูบน้ำออกจากหลุมขุดค้นได้ โบราณสถานวัดวิหารทอง ด้านหน้าติดกับกรมป่าไม้มีระดับน้ำสูงประมาณ 15-20 ซม. กำแพงเมืองสองแควฝั่งตะวันออกตรงข้ามกับค่ายสมเด็จพระนเรศวรมีน้ำท่วมขังตลอดแนวยาวประมาณ 50 เมตร เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการสูบน้ำออกจากพื้นที่แล้ว ส่วนที่โบราณสถานวัดตาปะขาวหาย มีน้ำท่วมขังยังไม่สามารถระบายน้ำได้ เพราะมีน้ำซึมเข้าตลอดเวลา
**สพฐ.ประเมินโรงเรียนเสียหายกว่า 140 ล้านบาท
นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้สรุปข้อมูลประมาณการความเสียหายของโรงเรียนซึ่งประสบเหตุอุทกภัย ล่าสุด ณ วันที่ 13 ก.ย. มีโรงเรียนได้รับความเสียหายรวม 635 โรงคิดเป็นมูลค่า 140,846,791 บาท โดยแบ่งเป็น โรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การประถมศึกษา (สพป.) ได้รับความเสียหายจำนวน 583 โรง คิดเป็นมูลค่า 119,722,024 บาท และสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การมัธมศึกษา (สพม.) โรงเรียนได้รับความเสียหาย 52 โรง คิดเป็นมูลค่า 21,124,767 บาท
** "สุขุมพันธุ์" สั่งทุกฝ่ายช่วยน้ำท่วม
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกทม. ลงพื้นที่ตรวจการก่อสร้างแนวป้องกันน้ำท่วมริมคลองมหาสวัสดิ์ และแนวเรียงกระสอบทรายบริเวณวัดปุรณาวาส เขตทวีวัฒนา โดยมีนายสัญญา ชีนิมิตร ผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ บรรยายสรุปการดำเนินงาน
ผู้ว่าฯกทม. กล่าวว่า กทม.มีความเป็นห่วงพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมอย่างยิ่ง โดยเฉพาะที่ผ่านมามีฝนตกลงมาต่อเนื่อง ส่งผลให้ในหลายพื้นที่เกิดน้ำท่วมขัง ประชาชนได้รับความเดือดร้อน จึงได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมพร้อมให้ความช่วยเหลือประชาชนเต็มที่ตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ กระสอบทราย และยารักษาโรค ให้เพียงพอต่อความต้องการ สามารถช่วยเหลือประชาชนได้ทันท่วงที ซึ่งขณะนี้ยังสามารถรับมือได้ แต่เป็นห่วงในช่วงปลายเดือนต.ค.นี้ เนื่องจากปริมาณน้ำเหนือและน้ำทะเลหนุนจะเพิ่มขึ้นมาก ซึ่งได้เตรียมพร้อมรับมืออย่างเต็มที่เพื่อให้ประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด
ผู้สื่อข่าวรายงานจากจ.ชลบุรีว่า ระหว่างคืนวันที่ 12 ก.ย. เข้าสู่วันที่ 13 ก.ย. กำลังเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยสว่างบริบูรณ์ พัทยา จ.ชลบุรี และชาวบ้านจำนวนหนึ่ง ได้ระดมกำลังนำอุปกรณ์ออกไล่จับจระเข้ หลังจากเกิดน้ำท่วมจนบ่อจระเข้ของอุทยานหินล้านปี และฟาร์มจระเข้ พัทยา พังเสียหายและมีจระเข้หลุดออกมาเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ พบว่าบริเวณด้านหลังของอุทยานฯ ซึ่งเป็นบ่อเลี้ยงจระเข้ขนาดใหญ่โดนกระแสน้ำที่เออท่วมกัดเซาะจนขอบปูนบ่อเลี้ยงพังเสียหาย จึงเป็นเหตุให้จระเข้ที่อยู่ภายในบ่อหลุดออกมา เบื้องต้นยังไม่ทราบจำนวนที่แน่ชัดว่าจระเข้จากบ่อเลี้ยงของอุทยานฯ หลุดออกมาจำนวนเท่าไร แต่จากการระดมกำลังออกตามหาตลอดทั้งคืน เจ้าหน้าที่และชาวบ้านสามารถจับจระเข้ที่หลุดออกมาได้ทั้งสิ้นรวม 18 ตัว ส่วนใหญ่มีลำตัวขนาด 2-3 เมตรก่อนที่ทีมค้นหาจะหยุดการค้นหา เพราะเกรงจะได้รับอันตราย เนื่องจากบริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่ไม่มีแสงสว่าง
อย่างไรก็ตาม ทีมค้นหาได้ระดมกำลังค้นหาต่อเมื่อช่วงเช้าวานนี้ (13ก.ย.) และสามารถจับจระเข้กลับเข้าสู่ฟาร์มได้เพิ่มรวมทั้งหมด 23 ตัว
นางอภิญญา เชณนวล หัวหน้ากลุ่มบริหารจัดการด้านประมง สำนักงานประมงจังหวัดชลบุรี เปิดเผยระหว่างลงพื้นที่ตรวจสอบ พร้อมเข้าประสานงานกับนายส่วน พนมวัฒนกุล ผู้บริหารอุทยานหินและฟาร์มจระเข้เมืองพัทยาเพื่อติดตามความคืบหน้าว่า เบื้องต้นได้รับแจ้งว่าจนถึงปัจจุบันทางเจ้าหน้าที่ของฟาร์มและสามารถจับจระเข้ขนาดใหญ่กลับเข้าสู่ฟาร์มแล้ว 23 ตัว คาดว่าน่าจะยังมีหลงเหลืออยู่ในพื้นที่ป่าข้างเคียงฟาร์มอีกจำนวนหนึ่ง โดยได้จัดทีมออกไล่ล่าค้นหา 4 ชุดแล้วเพื่อป้องกันจระเข้อาจหลุดลงแหล่งน้ำและไปทำร้ายประชาชนได้
สำหรับจระเข้ที่หลุดออกจากฟาร์มนั้น เป็นสายพันธุ์น้ำเค็ม ที่ค่อนข้างมีความดุร้าย โดยส่วนใหญ่ที่หลุดออกมาจะเป็นจระเข้ขนาดใหญ่ ซึ่งทางฟาร์มเลี้ยงไว้เป็นพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ ซึ่งต้องระดมกำลังออกค้นหาและติดตามจับมาให้ได้ทั้งหมด โดยคาดว่าน่าจะไม่ยากมากนัก เนื่องจากพื้นที่ใกล้เคียงมีลักษณะเป็นป่า ซึ่งมีพื้นที่ไม่กว้างมากนัก
นายส่วนกล่าวว่า จากเหตุการณ์พายุฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ทำให้ดินเกิดการทรุดตัวส่งผลทำให้จระเข้น้ำเค็ม ที่เลี้ยงไว้กว่า 2,000 ตัวเพื่อให้นักท่องเที่ยวทำกิจกรรมการตกอาหารจระเข้นั้นหลุดออกมา ซึ่งคาดว่าคงจะประมาณ 30 กว่าตัว โดยส่วนใหญ่สามารถค้นหาและนำกลับมาขังไว้ในบ่อได้แล้ว อย่างไรก็ตาม คงต้องออกตรวจสอบต่อไป จึงอยากฝากให้ผู้ที่พบเห็นแจ้งให้เจ้าหน้าที่ได้ทราบด้วย และไม่ควรเข้าไปดำเนินการเองเพราะอาจเกิดอันตรายได้
**ย่านการค้าเมืองจันท์จมบาดาล
ด้านสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.จันทบุรี วานนี้เข้าสู่วันที่ 3 พบว่า แม่น้ำจันทบุรีได้ล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำทั้ง 2 ฝั่ง และน้ำในแม่น้ำจันทบุรี ยังได้ไหลทะลักเข้าท่วมพื้นที่ย่านการค้า เศรษฐกิจ ตลาดสดเทศบาลเมืองจันทบุรี รวมถึงตลาดการค้าขายพลอย ระดับน้ำอยู่ที่ 30-40 เซนติเมตรด้วย ทั้งนี้ คาดว่าถ้ามีฝนตกลงมาเพิ่มอีกก็จะทำให้ในพื้นที่ดังกล่าว จะได้รับผลกระทบอย่างหนักและวิกฤตในที่สุดอีกด้วย
**น้ำป่าท่วมหมู่บ้านเมืองมะขามหวาน
ที่ จ.เพชรบูรณ์ น้ำป่าได้ทะลักเข้าท่วมหมู่บ้านโฮมแลนด์ และบ้านสำนักหมัน หมู่ 12 ต.นางั่ว อ.เมืองเพชรบูรณ์แล้ว ทั้งนี้ สืบเนื่องมาจากมีฝนตกติดต่อกันหลายวัน ทำให้น้ำป่าไหลทะลักเข้าท่วมหมู่บ้านโฮมแลนด์ระดับน้ำสูงประมาณ 80 เซนติเมตร โดยมีเจ้าหน้าที่ทหารจากกองพลทหารม้าที่ 1 ค่ายพ่อขุนผาเมือง จ.เพชรบูรณ์ออกให้การช่วยเหลือประชาชน แจกจ่ายกระสอบทรายเพื่อป้องกันน้ำไหลทะลักเข้าบ้านเรือน
ส่วนถนนสายเพชรบูรณ์-บ้านไร่เหนือ บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 3-4 หมู่ที่ 3 ต.สะเดียง อ.เมืองเพชรบูรณ์ มีระดับน้ำสูงกว่า 70 เซนติเมตร รถเล็กไม่สามารถผ่านได้ โดยระดับน้ำในแม่น้ำป่าสักยังคงมีปริมาณเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ส่วนการค้นหาร่างนายสมาน บุบผาที อายุ 63 ปี อยู่บ้านเลขที่ 79/2 ม.2 ต.สะเดียง อ.เมืองเพชรบูรณ์ ที่พลัดตกลงในฝายกั้นน้ำหมู่ 13 ต.สะเดียง หลังจากได้ลงไปช่วยเพื่อนๆ เก็บกิ่งไม้ที่ขวางการไหลของน้ำบริเวณหน้าฝายแล้วพลัดตกลงไปในฝายตั้งแต่วันที่ 12 ก.ย.ได้มีการระดมกำลังทหาร และหน่วยกู้ภัยจะช่วยกันค้นหาทั้งวันทั้งคืนจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่พบร่างของนายสมาน อย่างใด
**พนังกั้นน้ำนครสวรรค์พังน้ำทะลักท่วม
ที่ จ.นครสวรรค์ ช่วงเวลา 04.00 น.ของวานนี้ น้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาได้ล้นตลิ่งทำให้พนังกั้นน้ำของเทศบาลที่วางกระสอบทรายยาวกว่า 2 กม.พังลงเป็นแนวยาวกว่า 5 เมตร ทำให้น้ำทะลักเข้าท่วมชุมชนสะพานเดชาฯ ชุมชนเทวดาสร้าง ชุมชนวัดเขาจอมคีรีนาคพรต และชุมชนวัดเขาโรงครัวบ้านเรือนประชาชนกว่า 800 หลังคาเรือนน้ำท่วมจมมิดกว่า 3 เมตรชาวบ้านต้องเร่งขนย้ายข้าวของหนีน้ำออกมาเป็นการด่วน
นอกจากนี้ ระดับน้ำที่ท่วมขึ้นรวดเร็วยังทำให้ท่วมทรัพย์สินของชาวบ้าน เช่น รถยนต์ มอเตอร์ไซค์เสียหายจำนวนมากด้วย ทางเทศบาลนครนครสวรรค์ ต้องสร้างที่พักชั่วคราวให้จนกว่าน้ำจะลดลง
**น้ำป่าเทือกเขาบรรทัดทะลักท่วมตรัง
ที่ จ.ตรัง จากที่ฝนตกหนักในช่วงระยะเวลา 3-4 วันที่ผ่านมายังคงทำให้หลายพื้นที่ต้องประสบกับสภาวะน้ำท่วมขังต่อเนื่องมาเป็นเวลา 2 วันแล้ว โดยเฉพาะพื้นที่ราบลุ่มใน 2 อำเภอคือ อ.ปะเหลียน และ อ.ย่านตาขาว ทำให้มีผู้ได้รับความเดือดร้อนแล้วประมาณ 550 ครัวเรือน หรือประมาณ 2,000 คน ทั้งนี้ เป็นผลมาจากน้ำป่าที่ไหลหลากลงมาจากเทือกเขาบรรทัดฝั่งพื้นที่รอยต่อระหว่าง จ.ตรัง กับ จ.พัทลุง
สำหรับสถานการณ์โดยทั่วไประดับน้ำยังคงทรงตัวและสูงประมาณ 1-2 เมตร ทำให้ถนนสายเล็ก ๆ ในหมู่บ้านไม่สามารถสัญจรผ่านไปมาได้ ต้องใช้เรือในการเดินทางแทน สถานศึกษาหลายแห่งในพื้นที่ อ.ปะเหลียน และ อ.ย่านตาขาว ต้องปิดทำการเรียนการสอนเป็นวันที่ 2 แล้วแต่โชคดีที่วันนี้ไม่มีฝนตกลงมาเพิ่มเติม และเริ่มมีแสงแดดส่องลงมาบ้าง
**ปภ.เตือนซ้ำ11จังหวัดรับมือน้ำท่วม
นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณที่ลาดเชิงเขา ใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ราบลุ่มรวม 11 จังหวัดได้แก่ จ.ตาก กำแพงเพชร พิจิตร เพชรบูรณ์ พิษณุโลก สุโขทัย อุตรดิตถ์ ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และ จ.ตราด ให้เตรียมพร้อมรับมือภาวะฝนตกหนัก อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากและดินถล่มในวันที่ 13-14 ก.ย.นี้ ทั้งนี้ ปภ.ได้ประสานให้สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดในพื้นที่เสี่ยงภัยจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับมิสเตอร์เตือนภัยเตรียมความพร้อมเฝ้าระวังภัยในระยะนี้เป็นพิเศษ
“ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยหมั่นสังเกตสัญญาณผิดปกติทางธรรมชาติ เช่น น้ำในลำธารเปลี่ยนสีเป็นสีเดียวกันกับดินบนภูเขา ฝนตกหนักนานเกินกว่า 6 ชั่วโมง ปริมาณน้ำฝนมากกว่า 100 มิลลิเมตร ระดับน้ำในแม่น้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว มีต้นไม้ขนาดเล็กไหลมากับน้ำ เป็นต้น ให้สันนิษฐานว่าอาจเกิดน้ำป่าไหลหลากและดินถล่มขึ้นได้ ให้รีบอพยพออกจากพื้นที่ในทันที”นายวิบูลย์ กล่าว
**ภท.ซัดรัฐบาลเร่งช่วยแม้วมากชาวบ้าน
ที่พรรคภูมิใจไทย นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคภูมิใจไทย แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคและ ส.ส.พรรคว่า ส.ส.ทั้ง 34 คนของพรรคภูมิใจไทยได้แสดงความเป็นห่วงว่ารัฐบาลไม่ให้น้ำหนักในการแก้ปัญหาความเดือดร้อนจองประชาชนโดยเฉพาะเรื่องเร่งด่วน คือ การแก้ปัญหาน้ำท่วม แต่กลับไปให้ความสำคัญกับการดำเนินการทางการเมือง โดยเฉพาะการช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ก็เดินทางไปเยือนเพื่อนบ้านประเทศอาเซียน แม้จะเป็นเรื่องจำเป็น แต่ก็ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนถ้าเปรียบเทียบกับความเดือดร้อนของประชาชน
โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ส.ส.ในพื้นที่แจ้งว่า นโยบายของรัฐบาลในการแก้ปัญหาน้ำท่วมบางระกำโมเดล เป็นเพียงแค่วาทะกรรมที่ฟังรื่นหูเท่านั้น แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ โดยเฉพาะที่ อ.บางระกำก็ยังมีปัญหาน้ำท่วมอยู่ ซึ่งพรรคจะนำปัญหานี้ไปสอบถามนายกรัฐมนตรีในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร รวมถึงเรื่องปัญหาค่าครองชีพที่จะรัฐบาลระบุว่าจะมีการกระชาก ลงมา แต่วันนี้ก็ยังไม่มีการดำเนินการอย่างที่พูด
**ครม.ไฟเขียวงบฉุกเฉิน315ล้านช่วยน้ำท่วม
นางฐิติมา ฉายแสง โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ (13 ก.ย.) ว่า จ.พระนครศรีอยุธยา และ จ.ชัยนาท ขอรับการสนับสนุนงบประมาณค่าใช้จ่ายในการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ในการซ่อมแซมที่อยู่อาศัยตามระเบียบของกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ.2546 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2554 รายการเงินสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ที่ยังไม่ได้รับงบประมาณช่วยเหลือในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา จำนวน 47,078 ครัวเรือน จำนวนเงิน 261,645,314.83 บาท และ จ.ชัยนาท จำนวน 6,009 ครัวเรือน จำนวนเงิน 54,227,081 บาท รวมเป็นเงินงบประมาณทั้งสิ้น 315,872,395,83 บาท อย่างไรก็ตามได้คณะรัฐมนตรีกำชับให้กระทรวงมหาดไทยจ่ายเงินช่วยเหลือต่อไป
จ.อุตรดิตถ์ ได้งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2554 เพื่อสนับสนุนเช่นเดียวกัน จากเหตุการณ์กรณีอุทกภัยและดินโคลนถล่ม ที่ตำบลบ้านน้ำไผ่ อำเภอน้ำปาด ซึ่งที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติหลักการในการดำเนินการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินเงินสำรองจ่าย ครัวเรือนละ 5,000 บาท ตามข้อมูลครัวเรือนผู้ที่ประสบภัยเบื้องต้นใน จ.อุตรดิตถ์นั้น จำนวน 705 ครัวเรือน จำนวน 3,525,000 บาท
**กรมศิลป์เร่งสูบน้ำออกพระราชวังจันทน์
นางโสมสุดา ลียะวนิช อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า ได้รับรายงานสถานการณ์น้ำท่วมจากการตรวจสอบโบราณสถานจังหวัดพิษณุโลกจากสำนักศิลปากรที่ 6 ว่า หลังเกิดฝนตกหนักมีน้ำท่วมขังเขตโบราณสถานในจังหวัดพิษณุโลกหลายแห่ง เช่น โบราณสถานพระราชวังจันทน์ ระดับน้ำบริเวณกำแพงวังสูงประมาณ 80 ซม. อาคารคลุมหลุมขุดค้นทางโบราณคดี ในพระราชวังจันทน์ด้านทิศเหนือ น้ำฝนได้ซึมผ่านไหลเข้าไปจนเต็มหลุมขุดค้น ในระหว่างนี้จะต้องรอให้น้ำในบริเวณพระราชวังจันทน์โดยรอบลดเสียก่อน จึงจะสูบน้ำออกจากหลุมขุดค้นได้ โบราณสถานวัดวิหารทอง ด้านหน้าติดกับกรมป่าไม้มีระดับน้ำสูงประมาณ 15-20 ซม. กำแพงเมืองสองแควฝั่งตะวันออกตรงข้ามกับค่ายสมเด็จพระนเรศวรมีน้ำท่วมขังตลอดแนวยาวประมาณ 50 เมตร เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการสูบน้ำออกจากพื้นที่แล้ว ส่วนที่โบราณสถานวัดตาปะขาวหาย มีน้ำท่วมขังยังไม่สามารถระบายน้ำได้ เพราะมีน้ำซึมเข้าตลอดเวลา
**สพฐ.ประเมินโรงเรียนเสียหายกว่า 140 ล้านบาท
นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้สรุปข้อมูลประมาณการความเสียหายของโรงเรียนซึ่งประสบเหตุอุทกภัย ล่าสุด ณ วันที่ 13 ก.ย. มีโรงเรียนได้รับความเสียหายรวม 635 โรงคิดเป็นมูลค่า 140,846,791 บาท โดยแบ่งเป็น โรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การประถมศึกษา (สพป.) ได้รับความเสียหายจำนวน 583 โรง คิดเป็นมูลค่า 119,722,024 บาท และสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การมัธมศึกษา (สพม.) โรงเรียนได้รับความเสียหาย 52 โรง คิดเป็นมูลค่า 21,124,767 บาท
** "สุขุมพันธุ์" สั่งทุกฝ่ายช่วยน้ำท่วม
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกทม. ลงพื้นที่ตรวจการก่อสร้างแนวป้องกันน้ำท่วมริมคลองมหาสวัสดิ์ และแนวเรียงกระสอบทรายบริเวณวัดปุรณาวาส เขตทวีวัฒนา โดยมีนายสัญญา ชีนิมิตร ผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ บรรยายสรุปการดำเนินงาน
ผู้ว่าฯกทม. กล่าวว่า กทม.มีความเป็นห่วงพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมอย่างยิ่ง โดยเฉพาะที่ผ่านมามีฝนตกลงมาต่อเนื่อง ส่งผลให้ในหลายพื้นที่เกิดน้ำท่วมขัง ประชาชนได้รับความเดือดร้อน จึงได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมพร้อมให้ความช่วยเหลือประชาชนเต็มที่ตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ กระสอบทราย และยารักษาโรค ให้เพียงพอต่อความต้องการ สามารถช่วยเหลือประชาชนได้ทันท่วงที ซึ่งขณะนี้ยังสามารถรับมือได้ แต่เป็นห่วงในช่วงปลายเดือนต.ค.นี้ เนื่องจากปริมาณน้ำเหนือและน้ำทะเลหนุนจะเพิ่มขึ้นมาก ซึ่งได้เตรียมพร้อมรับมืออย่างเต็มที่เพื่อให้ประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด