xs
xsm
sm
md
lg

เตือน!รับมือดินถล่ม-น้ำป่าทะลัก พื้นที่เสี่ยง11จ. น้ำเซาะอพาร์ตเมนต์ทรุดทับ4ศพ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการรายวัน/ศูนย์ข่าวภูมิภาค - "ราชินี" ทรงพระราชทานเงินกว่า 35 ล้านบาทช่วยน้ำท่วม 19 จังหวัด ฝนถล่มสระบุรีหนักน้ำป่าภูเขาทะลักเซาะอพาร์ทเม้นท์ 3 ชั้นถล่มทับผู้เช่าอาศัยเสียชีวิต 4 ศพโคม่า 1 รถยนต์เสียหาย 5 คัน ขณะที่ "ทธ.-ศอส.กรมชล" ประสานเสียงเตือนพื้นที่เสี่ยง 11 จังหวัดเตรียมรับมือดิน โคลนถล่ม-น้ำป่าทะลักในอีก 1-2

วานนี้ (12ก.ย.) สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สภานายิกา สภากาชาดไทย ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ท่านผู้หญิงฉัตรแก้ว นันทาภิวัฒน์ นางสนองพระโอษฐ์ในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เป็นผู้แทนพระองค์นำเงินพระราชทาน 5 แสนบาท มอบให้สภากาชาดไทย นำไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย และอีก 5 แสนบาทนำไปช่วยเหลือพระภิกษุอาพาธที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย โดยมีนายแผน วรรณเมธี เลขาธิการสภากาชาดไทย รับพระราชทาน

ทั้งนี้ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงห่วงใยราษฎรในจังหวัดต่างๆ ที่ประสบเหตุจากภัยธรรมชาติ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้เลขาธิการสภากาชาดไทย เป็นผู้แทนพระองค์นำชุดธารน้ำใจจากสภากาชาดไทย พระราชทาน พร้อมน้ำดื่ม ไปให้ความช่วยเหลือราษฎรที่ได้รับความเดือดร้อนในพื้นที่ต่างๆ และประชาชนในจังหวัดใกล้เคียงแล้วรวม 19 จังหวัด รวมเป็นมูลค่ากว่า 35 ล้านบาทแล้ว นอกจากนี้ สภากาชาดไทยยังได้จัดส่งเรือท้องแบน และรถผลิตน้ำดื่ม ไปให้บริการแก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม ประชาชนสามารถบริจาคเงินช่วยผู้ประสบอุทกภัยได้ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาสภากาชาดไทย ชื่อบัญชี สภากาชาดไทย ช่วยผู้ประสบอุทกภัย ประเภทบัญชีกระแสรายวัน เลขที่ 045-3-04190-6 หรือสอบถามได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02-251-7853-6 หรือที่หมายเลข 1664

**เตือนพื้นที่เสี่ยง11จังหวัดระวังดินถล่ม

นายอดิศักดิ์ ทองไข่มุกต์ อธิบดีกกรมทรัพยากรธรณี (ทธ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วานนี้ ได้ออกประกาศกรมทรัพยากรธรณี ฉบับที่ 22 เรื่อง ให้อาสาสมัครเครือข่ายเฝ้าระวังแจ้งเตือนภัยดินถล่ม กรมทรัพยากรธรณี เฝ้าระวังภัยดินถล่มและน้ำป่าไหลหลาก

โดยขอให้อาสาสมัครเครือข่ายเฝ้าระวังแจ้งเตือนภัยดินถล่ม และประชาชนทั่วไป ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ตาก กาญจนบุรี ระยอง จันทบุรี และ จ.ตราด เฝ้าระวังภัยดินถล่มและน้ำป่าไหลหลากในระยะ 1-2 วันนี้ โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงภัย อ.แม่แจ่ม อมก๋อย ฮอด จ.เชียงใหม่ อ.แม่สะเรียง สบเมย ขุนยวม แม่ลาน้อย จ.แม่ฮ่องสอน อ.ทองผาภูมิ สังขละบุรี เมืองกาญจนบุรี ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี อ.เขาชะเมา แกลง จ.ระยอง อ.เมืองขลุง จ.จันทบุรี และ อ.บ่อพลอย เขาสมิง เกาะช้าง จ.ตราด เนื่องจากฝนตกหนักต่อเนื่องบางพื้นที่ วัดปริมาณน้ำฝนได้มากกว่า 100 มิลลิเมตร ระดับน้ำในลำคลองสูงขึ้นเต็มตลิ่ง และมีดินไหลในบางพื้นที่

ขณะที่นายศรีสมบัติ พรประสิทธิ์ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะประธานการประชุมศูนย์สนับสนุนการอำนวยการและการบริหารสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศอส.)ได้ประกาศเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย 4 จังหวัดภาคใต้ได้แก่ จ.สตูล ตรัง สงขลา และ จ.พัทลุงว่า ขอเตือนให้เฝ้าระวังดินถล่มและน้ำป่าไหลหลากในระยะ 1-2 วันนี้เช่นกัน โดยเฉพาะ อ.ทุ่งหว้า ละงู มะนัง ควนกาหลง และ อ.ควนโดน จ.สตูล อ.ปะเหลียน อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง อ.รัตภูมิ จ.สงขลา เนื่องจากมีฝนตกหนักต่อเนื่องมากกว่า 200 มิลลิเมตร เพราะเริ่มมีดินไหลและน้ำล้นตลิ่งในบางพื้นที่แล้ว จึงขอให้เตรียมพร้อมเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยดินถล่มและน้ำป่าไหลหลาก รวมถึงวัดปริมาณน้ำฝนอย่างต่อเนื่อง

**2เขื่อนใหญ่วิกฤตเตือนลพบุรีน้ำท่วมหนัก

ทางด้านนายวีระ วงศ์แสงนาค รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ฝนที่ตกจากร่องมรสุมพัดผ่านในช่วงนี้ส่งผลให้มีปริมาณน้ำไหลลงสู่เขื่อนมากขึ้น โดยเฉพาะเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ ซึ่งเขื่อนสิริกิติ์ มีปริมาณน้ำคิดเป็น 96% ของความจุเขื่อน คาดว่าประมาณ 20 วันนับจากนี้ หรือประมาณสิ้นเดือนกันยายน ปริมาณน้ำจะเต็มความจุเขื่อน โดยกรมชลประทานต้องใช้วิธีปล่อยน้ำล้นออกโดยอัตโนมัติ จนกว่าฝนจะหมดประมาณกลางเดือนตุลาคม ซึ่งจะส่งผลให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำน่านเพิ่มสูงขึ้น

สำหรับเขื่อนภูมิพล ปัจจุบันมีปริมาณน้ำ คิดเป็น 82% ของความจุเขื่อน แต่จะไม่มีปัญหาน้ำล้นเขื่อน เพราะยังรองรับน้ำได้อีกประมาณ 2,000 ล้านลูกบาศก์เมตร ทั้งนี้ยอมรับว่า ค่อนข้างหนักใจเพราะฤดูฝนยังเหลือประมาณ 1 เดือน และขณะนี้สถานการณ์น้ำในภาคกลางถือว่าหนักที่สุด เพราะมีปริมาณน้ำจากทุกทิศไหลมารวมกันในลุ่มเจ้าพระยา ขณะที่ยังไม่สามารถดำเนินการตามแผนการผันน้ำไปพักไว้ที่ทุ่งเจ้าพระยาได้ เพราะชาวนายังเกี่ยวข้าวไม่เสร็จ

ทั้งนี้ พื้นที่ภาคกลางแห่งต่อไปที่จะถูกน้ำท่วมคือ อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี เนื่องจากฝนที่ตกลงมาในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมาทำให้น้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยา ไหลเข้าคลองชัยนาท-ป่าสัก เพิ่มขึ้นอีกวันละ 100 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งจะทำให้เกิดน้ำท่วมในพื้นที่นับหมื่นไร่ ภายใน 2-3 วันนี้ สถานการณ์จะเหมือนกับเมื่อปี 53 ซึ่งกรมชลประทานเตรียมแจ้งให้ทางจังหวัดรับมือโดยด่วนแล้ว

**น้ำเซาะอพาร์ทเม้นท์สระบุรีถล่มดับ4เจ็บ1

ที่ จ.สระบุรีวานนี้ เวลาประมาณ 07.30 น.ได้เกิดเหตุอพาร์ตเมนต์ 3 ชั้น ตั้งอยู่ริมเขาหมู่ที่ 3 ต.ปากข้าวสาร อ.เมืองสระบุรี หลัง รพ.เกษมราษฎร์สระบุรี ได้เกิดทรุดตัวลงมาทับผู้ที่อาศัยอยู่ภายใน โดยเหตุเกิดหลังจากที่ฝนตกลงมาอย่างหนักติดต่อกันหลายวันจนทำให้น้ำจากเขาไหลบ่าลงมากัดเซาะอพาร์ตเมนต์หลังดังกล่าวจนเกิดการพังถล่มลงมา

สำหรับอพาร์ตเมนต์หลังนี้สร้างเป็นที่ให้เช่าพักอาศัยรวม 3 ชั้น แต่ละชั้นแบ่งเป็น 10 ห้อง ส่วนด้านล่างเป็นที่จอดรถ หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้ระดมกำลังเข้าไปช่วยเหลือและค้นหาผู้ที่ติดอยู่ภายใน โดยทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยสามารถนำร่างผู้เสียชีวิตออกมาได้แล้ว 4 ศพ และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 1 รายอาคารโคม่า ถูกนำส่งโรงพยาบาลเกษมราษฎร์สระบุรี ขณะเดียวกันตัวอพาร์ตเมนต์ยังได้พังลงมาทับรถยนต์ที่จอดอยู่ใต้อาคารเสียหายอีก 5 คัน

หลังเกิดเหตุนายถาวร พรหมมีชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี ได้สั่งระดมกำลังเจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือและค้นหาผู้ที่ติดอยู่ภายในอพาร์ตเมนต์อย่างเร่งด่วน ส่วนสาเหตุการถล่มของอพาร์ตเมนต์หลังนี้นั้น นายถาวร คาดว่า น่าจะเกิดจากการอ่อนตัวของดิน เนื่องจากมีฝนตกหนักติดต่อกันมาหลายวัน พร้อมกับกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนหาสาเหตุและหาผู้รับผิดชอบต่อไป ส่วนความช่วยเหลือผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตนั้น หากเข้าเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดไว้ ฝ่ายปกครองก็พร้อมให้ความช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บ

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่สามารถนำร่างผู้ที่เสียชีวิต และบาดเจ็บที่อยู่ในซากอพาร์ตเมนต์ทั้งหมดออกมาได้สำเร็จในเวลาต่อมา

สำหรับผู้บาดเจ็บ 1 ราย คือนายศักดิ์ชัย ธูปกระต่ายทอง อายุ 28 ปี ซึ่งเช่าห้องพักอยู่หมายเลข 10 ได้รับบาดเจ็บสาหัสถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลสระบุรี มีอาการโคม่า

ส่วนผู้เสียชีวิต 4 ศพคือ 1.นางสาววิลาศินี จินดา อายุ 38 ปี เจ้าหน้าที่ C6
เทศบาลตำบลกุดนกเป้า อ.เมืองสระบุรี 2.นางสาวชลดา เสน่หา อายุ 24 ปี พนักงานโรงปูนทีพีไอ โพลีน จ.สระบุรี 3.นางระรินทร์ ลื่นเรณู อายุ 28 ปี และ 4.ด.ญ.ระวินนิภา ลื่นเรณู อายุ 4 ขวบเศษ ภรรยาและลูกของนายศักดิ์ชัย ธูปกระต่ายทอง ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส

ด้าน พ.ต.อ.บำรุง คงชีพ ผกก.สภ.เมืองสระบุรี กล่าวว่า จากการตรวจสอบและค้นหาอย่างละเอียดแล้วพบว่ามีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 4 ศพได้รับบาดเจ็บ 1 ราย โดยพบว่าสาเหตุน่าจะมาจากดินทรุดตัวจนทำให้อาคารพังถล่มลงมา อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะเรียกตัวเจ้าของอพาร์ตเมนต์มาสอบปากคำ รวมทั้งขอตรวจสอบแบบแปลนและใบขออนุญาตประกอบกิจการด้วยว่าได้ดำเนินการถูกต้องหรือไม่

**พบเหยื่อดินโคลนถล่มน้ำปาดอีก 2 ศพ

ส่วนที่ จ.อุตรดิตถ์ หลังเกิดเหตุการณ์ดินโคลนถล่มในพื้นที่ ต.น้ำไผ่ อ.น้ำปาด วานนี้ เจ้าหน้าที่สามารถพบศพเหยื่อผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 2 รายบริเวณอุทยานแห่งชาติคลองตรอน ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้รวม 6 ราย ส่วน ด.ช.ยิ่งศักดิ์ อินดีศรี อายุ 5 ขวบ ที่สูญหายยังไม่พบ ทางเจ้าหน้าที่กำลังเร่งระดมเข้าช่วยเหลืออย่างเต็มความสามารถ อย่างไรก็ตาม ทั้ง 6 ศพจะมีพิธีฌาปนกิจศพในวันนี้ (13)ที่วัดชัยชนะพล ต.น้ำปาด อ.น้ำปาด

**อพยพ3ครอบครัวพิจิตรบ้านถูกน้ำพัดพัง

ที่ จ.พิจิตร หลังจากถนนภายในหมู่บ้านหมู่ที่ 1 ต.ไผ่หลวง อ.ตะพานหิน ถูกน้ำจากแม่น้ำน่านกัดเซาะจนถนนคอนกรีตที่กั้นแม่น้ำน่านกับหมู่บ้านขาดเป็นแนวยาว ระยะ 20 เมตร ทำให้น้ำไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน ทหาร และชาวบ้านพยายามช่วยกันปิดกั้นทางน้ำแต่ไม่สำเร็จ และจากกระแสน้ำที่รุนแรงตลอดทั้งวันที่ผ่านมาส่งผลให้บ้าน 3 หลังที่อยู่ขวางทางน้ำได้รับความเสียหาย ตัวบ้านจนเอียงตามแรงของน้ำ เสาจำนวนหนึ่งขาดหลุดออกจากตัวบ้าน จนไม่สามารถอยู่อาศัยได้

ทั้งนี้ เจ้าหน้าเทศบาลตำบลบางไผ่ องค์การบริหารส่วนตำบลไผ่หลวง และชาวบ้าน ต้องช่วยกันใช้เชือกดึงเรือท้องแบนเพื่อเข้าไปในบ้าน 3 หลังประกอบด้วย บ้านของนางเสงี่ยม บุญสะอาด นายสมควร บุญสะอาด และนางก้อน ฉิมสุข ที่ได้รับความเสียหายจากกระแสน้ำจากแม่น้ำน่านที่ไหลพุ่งเข้าตัวบ้าน โดยเจ้าหน้าที่และชาวบ้านช่วยกั้นย้ายสิ่งของมีค่าเนื่องจากเกรงว่าบ้านจะพังลงจากกระแสน้ำที่ยังคงทวีความรุนแรง

**2อำเภอโคราชเริ่มได้รับผลกระทบ

ส่วนในพื้นที่ จ.นครราชสีมา โดยเฉพาะ อ.ปากช่อง น้ำป่าจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ต้นน้ำลำตะคองได้ไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนที่อาศัยอยู่ด้านล่าง 2 ฝั่งลำตะคอง โดยเฉพาะที่บ้านโนนป่าติ้ว ม.22 ต.หนองสาหร่าย อ.ปากช่อง ได้รับผลกระทบน้ำท่วมถนนและบ้านเรือนทำให้สัญจรผ่านไปมาด้วยความลำบาก ชาวบ้านต้องอาศัยเรือและรถไถในการขนย้ายทรัพย์สินสิ่งของขึ้นไปไว้บนที่สูงและเป็นพาหนะในการเดินทางเข้าออกหมู่บ้าน รวมทั้งย้ายเด็กและคนชราหนีน้ำไปพักอาศัยอยู่กับบ้านญาติ

เช่นเดียวกับที่ อ.พิมาย ปริมาณน้ำในแม่น้ำมูลได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทางเทศบาลตำบลพิมาย ได้ระดมเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นำธงแจ้งเตือนภัยน้ำท่วม ไปปักแสดงไว้ในจุดเสี่ยงต่างๆ ที่อยู่ใกล้กับลำน้ำมูล และลำน้ำจักราช พร้อมสั่งการให้เจ้าหน้าที่เตรียมความพร้อมทั้งอุปกรณ์และกำลังพล เพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงทีหากเกิดน้ำท่วมฉับพลัน ส่วน “ไทรงาม” ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของ อ.พิมาย ล่าสุดน้ำมูลได้ไหลเข้าท่วมแล้ว เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้ประชาชนนักท่องเที่ยวเข้าไปเที่ยวชมแล้ว

**4จังหวัดตะวันออกวิกฤต-ปิดเรียนยาว

ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.จันทบุรี ระยอง ตราด และชลบุรี ยังคงได้รับผลกระทบอย่างหนัก เนื่องจากฝนยังคงตกหนักและต่อเนื่องทำให้หลายโรงเรียนในพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมต้องประกาศปิดการเรียนการสอนโดยไม่กำหนด พร้อมกับมีการระดมกำลังเจ้าหน้าที่เข้าไปอพยพชาวบ้านที่มีบ้านพักอาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยง และกำลังถูกน้ำท่วมออกมาอยู่ยังที่ปลอดภัย

ขณะที่ระดับน้ำสูงมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ จ.จันทบุรี ระดับน้ำในแม่น้ำจันทบุรี ได้สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากน้ำป่าสะสมที่ไหลลงมา

**ปูสั่งบูรณาการช่วยเหลือโคลนถล่มน้ำปาด

เวลา 14.00 น.วานนี้ น.ส.กฤษณา สีหลักษณ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวถึงความคืบหน้าในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้เร่งทำการสร้างถนนและสะพานที่ชำรุดเสียหาย โดยให้กรมทางหลวงชนบทเป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งสถานการณ์ดินโคลนถล่มไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในพื้นที่ดังกล่าว ทำให้การเตือนภัยไม่สามารถเข้าถึงประชาชนได้ดีพอ ประกอบกับในพื้นที่มีลักษณะเป็นดินปนทราย ทำให้ร่วน เมื่อถล่มลงมาทำให้เสียหายหนักที่สุด โดยจากนี้จะประสานกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.)ให้เข้ามาดูแลแก้ไขปัญหา

นอกจากนี้ ในส่วนของพื้นที่ จ.อุตรดิตถ์ ผู้ว่าฯได้จัดศูนย์ประสานความช่วยเหลือไว้ 3 จุดคือโรงเรียน 2 แห่ง และวัดหนึ่งแห่ง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ไม่ถูกน้ำหลาก เพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยของประชาชนที่ประสบภัย ที่ยังมีความผวา หวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่

อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 13 ก.ย.จะมีการนำเรื่องความเสียหายต่างๆ เข้าสู่ที่ประชุม ครม.เพื่ออนุมัติให้ความช่วยเหลือ ส่วนในวันที่ 14 ก.ย.เวลา 20.30-21.30 น.ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะเป็นประธานจัดงาน “รวมพลังไทย ช่วยไทยน้ำท่วม”ที่ได้มอบให้สำนักนายกรัฐมนตรีร่วมกับภาคส่วนต่างๆ จัดขึ้นมาเพื่อเป็นศูนย์กลางในการรวมน้ำใจคนไทย และเร่งระดมความช่วยเหลือผู้ประสบภัยแบบบูรณาการทุกภาคส่วน โดยจะมีการถ่ายทอดสดผ่านทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 และสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11

**กทม.ตั้งงบ 1 พันล.แก้ปัญหาน้ำท่วม

ม.ร.ว.สขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะผู้บริหารกทม.เกี่ยวกับสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้สำนักงานเขตทุกเขต สำรวจพื้นที่ที่มีปัญหาและความเสียหายจากน้ำท่วม และสรุปรายงานเพื่อที่จะดำเนินการแก้ไขทั้งระยะสั้นและระยะยาว โดยที่ประชุมได้กำหนดกรอบวงเงินจำนวน 1,000 ล้านบาทซึ่งจะมาจากสำนักต่างๆของกทม. เพื่อนำมาแก้ไขปัญหาน้ำท่วมอย่างยั่งยืนและใช้ในการให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วมด้วย อาทิ ซ่อมแซมถนน และทำสะพานทางเดิน เป็นต้น พร้อมกันนี้กทม.ได้เตรียมเดินหน้าโครงการก่อสร้างอุโมงค์ยักษ์ระบายน้ำในอีก 3 พื้นที่อย่างเร่งด่วน เพื่อช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น