xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

"ปูแดง" ประเดิมสอบตกงานสภาฯ ภาวะผู้นำบกพร่อง ปล่อยปชช.ฝันค้าง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - และแล้ววันที่ประชาชนทั่วประเทศรอคอยก็มาถึง วันที่ประชาชนจะเห็นรัฐบาลโคลนนิ่งของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รวมไปถึงบรรดาส.ส.พรรคเพื่อไทยจะแถลงนโยบายต่อสภาผู้แทนราษฎร อันถือว่าเป็นการนับหนึ่งในการทำหน้าที่บริหารประเทศอย่างเป็นทางการ

อาจกล่าวได้ว่าอานิสงส์ส่วนหนึ่งที่ส่งผลให้พรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งก็มาจากนโยบายขายฝันทั้งหลายที่ได้ประกาศหาเสียงไว้กับประชาชนทั้งสิ้นที่สำคัญ และถือเป็นการประเดิมสนามภาวะผู้นำประเทศในสภาฯของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ผู้ซึ่งถูกตีตราจากสังคมว่าเป็นเพียงนายกรัฐมนตรีเงาของ นช.ทักษิณ ชินวัตร ว่าจะเป็นเพียง"ปูทะเล"อย่างที่หลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ กล่าวคือจะมีคราบของผู้นำประเทศที่แท้จริงเพียงใด

และในที่สุด... ดูเหมือนว่าประชาชนที่ได้เลือกพรรคเพื่อไทย ที่หลงเชื่อในนโยบายขายฝันสวยหรูทั้งหลายทั้งแหล่อาจจะต้องเจอเค้าลางอกหัก ฝันสลายเข้าให้แล้ว

เริ่มตั้งแต่ การแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา โดยน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นากยกรัฐมนตรี ร่ายสคริปต์ความยาวกว่า 44 หน้า โดยใช้เวลา 2 ชั่วโมง 20 นาที ซึ่งชี้แจงนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล 16 ด้าน ในช่วง 1 ปีแรก และแผนระยะยาว 4 ปี แต่ที่ถูกอภิปรายมากที่สุดก็คงหนีไม่พ้น นโยบาย"ค่าแรงขั้นต่ำ 300บาท" และ นโยบาย"เงินเดือนปริญญาตรี1.5หมื่นบาท" ซึ่งได้รับการจับตาจากผู้คนทั้งประเทศ

และแล้วนิทานเด็กเลี้ยงแกะก็ได้เริ่มฉายอย่างเป็นทางการ โดยน.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่าเป็นหนึ่งในนโยบายยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน และได้ใช้คำว่า "เพิ่มรายได้รายวันสำหรับแรงงานเป็นวันละ 300 บาท และรายเดือนของผู้ที่จบการศึกษาระดับปริญญาตรีเป็น 15,000 บาท อย่างสอดคล้องกับผลิตภาพและประสิทธิภาพของบุคลากร"

สรุปก็คือ ค่าแรง 300บาท จะได้เหมือนกันทุกคนหรือไม่ก็ยังไม่รู้ ซึ่งการออกมาชี้แจงซ้ำของนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ก็ได้พาประชาชนถึงบางอ้อ ในประโยคที่ว่า "คณะรัฐมนตรีจะเริ่มศึกษาและดำเนินการให้ได้ภายในต้นปี2555" แปลไทยเป็นไทยอีกครั้งก็คือ ที่ประกาศหาเสียงขายฝันในช่วงการเลือกตั้งยังไม่มีมีการศึกษาเลยด้วยซ้ำว่าจะทำได้หรือไม่ นั่นเอง

และจะไม่ให้เรียกว่านิทานเด็กเลี้ยงแกะ ก็คงกระไรอยู่ เพราะจากที่ตอนหาเสียงบรรดาพรรคเพื่อไทยระบุชัดว่า ทำทันที ทำภายใน 90 วัน ทำทั่วประเทศบ้าง เน้นคำว่า "เงินเดือน"บ้าง

แต่พอมาเป็นรัฐบาล คำที่สัญญาเมื่อเป็นนโยบายที่ต้องลงมือทำก็กลับพลิกหน้ามือเป็นหลังเท้า ที่ว่าจะทำทันที กลายเป็นทำภายใน 1 ปีบ้าง ปีหน้าบ้าง ค่อยเป็นค่อยไปบ้าง ทั่วประเทศ กลายเป็นทำในบางจังหวัดบ้าง ทำชั่วคราวบ้าง และจากคำว่า "เงินเดือน" กลายเป็นค่าตอบแทนบ้าง ค่าจ้างบ้าง ค่าแรงบ้าง เรียกว่าทำเอาประชาชนที่ฟังน.ส.ยิ่งลักษณ์ สับสนงุนงงมากกว่าเดิม และอาจจะต้องมีอาการฝันค้างไปอีกเป็นของแถม ซึ่งนั้นก็รวมถึงหลายเรื่องที่รัฐบาลแถลงนโยบายเช่นกัน

ขณะเดียวกัน การประเดิมสนามในฐานะตัวแทนปวงชนชาวไทยในสภาฯ ของนายกรัฐมนตรี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ถือว่าเป็นการเปิดเผยตัวเอง ในฐานะผู้นำสูงสุดของประเทศได้อย่างดีเช่นกัน เพราะตลอดเวลาในการลุกขึ้นชี้แจงในระหว่างนั้น เธอก็กล่าวแบบตะกุกตะกัก พร้อมกับท่าทีเหลือบตามองหัวข้อที่จะพูดอยู่ตลอดเวลา เรียกว่าสร้างบรรยากาศความอึดอัดให้กับประชาชนทั้งประเทศที่ตั้งใจฟังนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกอภิปรายตอบโต้ในสภาฯโดยแท้

ที่ต้องขีดเส้นใต้ก็คือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ หลีกเลี่ยงที่จะชี้แจงคำถามจากฝ่ายค้าน คือพรรคประชาธิปัตย์ โดยเลือกที่จะใช้เวลาตอบให้สั้นที่สุดเท่าที่จะทำได้

อีกทั้ง ประชาชนก็คงหายแปลกใจกับข่าวที่ว่าพรรคเพื่อไทยถึงกับต้องตั้งองครักษ์พิทักษ์นายกรัฐมนตรี มาเพื่อศึกแถลงนโยบายของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ โดยเฉพาะ และภาพที่ออกมาก็มิได้ผิดเพี้ยนไปจากการคาดการณ์แต่อย่างใด เพราะตลอดการประชุมสภาฯ สิ่งที่ดีที่สุดที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ นายกรัฐมนตรี โชว์ภาวะผู้นำให้เห็นก็คือ ทนยืน "อ่าน ท่อง นโยบาย" ให้กับประชาชนทั้งประเทศที่รอดู รอฟัง พาลเสียจนนึกไปว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร บรรจุนโยบาย "ส่งเสริมการอ่าน" ไปด้วยหรือไร

ทั้งนี้ หากใครที่ดูการแถลงนโยบายที่เพิ่งผ่านพ้นไป อาจพาลคิดไปว่า นายกรัฐมนตรีของประเทศไทย มีชื่อว่าร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เพราะสิ่งที่ปรากฏแทงตาประชาชนทั้งหลายก็คือ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รับบทชี้แจงตอบโต้ฝ่ายค้าน คือพรรคประชาธิปัตย์ แบบสุดลิ่มทิ่มประตู ทำเอาถึงกับต้องเสียงแหบแห้ง เรียกว่าหัวหอกฝ่ายค้านอย่าง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรณ์ จาติกวนิช หรือจะเป็นนายศุภชัย ใจสมุทร ก็ต้องถูก ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง สวมวิญญาณองครักษ์พิทักษ์น้องนายใหญ่ คอยปัดป้องเสียทุกครั้ง

ซ้ำร้ายช่วงหนึ่ง ในขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ถึงเป็นถึง "หัวหน้าฝ่ายค้าน" ได้อภิปรายอยู่นั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ กลับหนีหายไปแบบหน้าตาเฉย แทนที่จะอยู่จะรับฟังคำท้วงติงหรือคำเสนอแนะอะไรจากฝ่ายค้าน ที่ถือว่าเป็นมรรยาททางการเมืองอย่างหนึ่ง ทั้งนี้ก็พอจะเข้าใจได้ว่าพี่ชายของเธออาจจะไม่ได้บอกมา เพราะเป็นนักการเมืองที่ไม่ค่อยจะพิสมัยในการตอบกระทู้ในสภา แต่ในขณะเดียวกัน ก็กลับได้เห็นภาพปรากฏจากสื่อมวลชนว่ามีการแอบไปคุยโทรศัพท์อย่างออกรสออกชาติ หรือจะเป็นการแอบโพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กเชิงออดอ้อนประชาชนว่านโยบาย ปูทำจริงนะค่ะ ไม่ได้โกหก

เรียกว่า ศึกแถลงนโยบายของรัฐบาลนอกจากจะทำให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีรอยตีนกาเพิ่มพูนขึ้นบนหน้าไวเป็นพิเศษแล้ว สังคมยังได้เห็นความเป็นยิ่งลักษณ์ มากขึ้นอีกโขเลยทีเดียว
กำลังโหลดความคิดเห็น