00 กลายเป็นว่าในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา การเคลื่อนไหวของทักษิณ ชินวัตร “เจ้าของ”พรรคเพื่อไทย และเป็น “โคลนนิ่ง” นายกรัฐมนตรีให้กับ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แทนที่จะเป็นภาพบวก ในทางตรงกันข้ามกลับกลายเป็น “ภาพลบ” เปิดช่องให้ ฝ่ายค้านอย่างพรรคประชาธิปัตย์ได้ “มีงานทำ” เร็วขึ้น
00 ที่สำคัญกลายเป็นประเด็นที่สามารถสืบสาวราวเรื่องให้ยืดยาวตามมาอีก เช่น กรณีขอวีซ่าเข้าญี่ปุ่น กลายเป็นว่าเป็นคำ “ร้องขอ” จากฝ่ายไทย และคำยืนยันจาก เลขาฯครม.ญี่ปุ่น ยืนยันว่ามีหนังสือร้องขอจากรัฐบาลไทย ความหมายก็ต้องทำในนาม นายกฯยิ่งลักษณ์ หรือไม่ก็ต้องทำในนามกระทรวงการต่างประเทศ รมว.ต่างประเทศ สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล นั่นแหละ
00 อีกเรื่องที่เรียกเสียงฮือฮาระคนแปลกใจก็คือ ทำไมถึงได้ “ขยับ” เร็วเกินคาด หลังจากได้เห็นข่าวการเดินทางเข้าเขมรของ ทักษิณ ในวันที่ 19 ส.ค. ข่าวว่าจะนำนักธุรกิจระดับบิ๊กด้านพลังงานเข้ามาเจรจา “ร่วมก๊วนกอล์ฟ” กับ ฮุนเซน เห็นแค่นี้ไม่ต้องบอกก็รู้แล้วว่า จะมาแบ่งเค้ก น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย แม้ว่าต่อมาได้ส่ง“คนรับใช้” ที่ซื่อสัตย์ อย่าง นพดล ปัทมะ ออกมาแถลงปิดเกมว่า “นายแม้ว” ไม่ไปเขมรแล้ว จะบินตรงจากดูไบไปญี่ปุ่นวันที่ 22-24 ส.ค.นี้เลย ก็ว่ากันไป แต่มันก็มีแง่มุมข่าวที่เล็ดลอดออกมาจากหนังสือพิมพ์ “รัศมีกัมพูเจีย” สื่อแขมร์อ้างแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ว่า ทักษิณ ได้ดอดเข้า “หารือลับ” กับฮุนเซน เรียบร้อยแล้ว
00 ใครพูดจริงใครโกหกไม่รู้ รู้แต่ว่า ช้าหรือเร็ว แม้วต้องเดินเครื่องแน่ แต่การขยับตัวแบบนี้มันคาดไม่ถึง ทำเหมือนกับว่า “เก็บอาการ” ไม่อยู่ มั่นใจเกินร้อย หลังจากพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งถล่มทลาย แต่อีกด้านหนึ่งกลับลืมนึกไปว่า ฝ่ายที่ “รู้ทัน” เขาก็เห็นธาตุแท้มานาน ไม่เหมือนยุคไทยรักไทย ที่หลอกต้มได้นานเป็นปี หรืออำพรางด้วยนโยบายประชานิยม แบบเดิมๆนั้นคงไม่ได้ผล แค่ขนาดนโยบายขึ้นค่าแรงวันละ 300 บาท และจบปริญญาตรีเงินเดือน 15,000 แค่นี้ “น้องปูก็จะอ๊วก” อยู่แล้ว เพราะไปบังคับภาคเอกชนไม่ได้ ไอ้ครั้นจะซื้อเวลาบอกว่า รอไปก่อน หรือขึ้นแบบขั้นบันไดก็ไม่ได้อีก เพราะหาเสียงบอกว่า “ทำทันที” มันค้ำคออยู่
00 ดังนั้นอย่าได้แปลกใจที่เวลานี้จะเห็นหน้าตาของ ยิ่งลักษณ์ “เหี่ยวย่น” มีรอยตีนกาใหม่ผุดขึ้นมา “ผมเผ้ายุ่งเหยิง” ไม่ยิ้มแย้มเหมือนแต่ก่อน เอาแต่หนีคำถามนักข่าวแทบทุกวัน แถมอีกไม่กี่วัน ต้องเจอกับการซักฟอกแบบ “จัดหนัก” ของ ปชป. ที่นำโดย มาร์ค-เทพเทือก เข้าไปอีก งานแบบนี้ทั้งสองคนเขาถนัดนักละ ก็ให้เตรียมตัวให้ดีแล้วกัน แต่ถึงอย่างไรก็ขอให้โชคดีมีชัย นะน้องปู !!
00 อีกเรื่องหนึ่งที่ต้องตั้งคำถามจากพวก “หัวโจก” คนเสื้อแดงทั้งหลายที่กำลังเดินสายตระเวนไปประกันตัว เสื้อแดง “ปลายแถว” ที่ติดคุกในคดีเผาศาลากลาง ทั้งที่ไม่อยากขัดคอ เพราะใจหนึ่งก็ต้องการให้คนเหล่านี้ออกมาจากคุกชั่วคราว ซึ่งว่ากันตามจริงแล้ว พวกเขาติดคุกเพราะการปลุกระดมอย่างไร้ความรับผิดชอบของพวกแกนนำทั้งหลาย ไล่ลงไปตั้งแต่หัวหน้าใหญ่คือ ทักษิณ ที่ส่งสัญญาณว่า “ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคนเสื้อแดง ให้ไปพบกันที่ศาลากลางทั่วประเทศ”
00 แต่ที่สงสัยก็คือทำไมถึงปล่อย “เสื้อแดงระดับไพร่” เหล่านี้ต้องติดคุกมานานแรมปี เพราะที่ผ่านมาสนใจอยู่แต่ระดับแกนนำที่มีประโยชน์ ทำไมไม่บังคับให้ ส.ส.พรรคเพื่อไทย หรือแม้แต่ “ไอ้ตู่” จตุพร พรหมพันธุ์ ที่เป็น ส.ส.ในสภาชุดก่อน ไปเดินเรื่องขอประกันตัวตั้งแต่ตอนนั้น ปล่อยเอาไว้ทำไม แต่คราวนี้เมื่อเจอแนวทางลูกทุ่งแบบ “บักขวัญชัย” นำร่อง อุดรฯโมเดล ทำให้ “นั่งไม่ติด” อย่างนั้นหรือไม่ เพราะเวลานี้ “ได้ใจ”ไปเต็มๆ แล้ว !!
00 ที่สำคัญกลายเป็นประเด็นที่สามารถสืบสาวราวเรื่องให้ยืดยาวตามมาอีก เช่น กรณีขอวีซ่าเข้าญี่ปุ่น กลายเป็นว่าเป็นคำ “ร้องขอ” จากฝ่ายไทย และคำยืนยันจาก เลขาฯครม.ญี่ปุ่น ยืนยันว่ามีหนังสือร้องขอจากรัฐบาลไทย ความหมายก็ต้องทำในนาม นายกฯยิ่งลักษณ์ หรือไม่ก็ต้องทำในนามกระทรวงการต่างประเทศ รมว.ต่างประเทศ สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล นั่นแหละ
00 อีกเรื่องที่เรียกเสียงฮือฮาระคนแปลกใจก็คือ ทำไมถึงได้ “ขยับ” เร็วเกินคาด หลังจากได้เห็นข่าวการเดินทางเข้าเขมรของ ทักษิณ ในวันที่ 19 ส.ค. ข่าวว่าจะนำนักธุรกิจระดับบิ๊กด้านพลังงานเข้ามาเจรจา “ร่วมก๊วนกอล์ฟ” กับ ฮุนเซน เห็นแค่นี้ไม่ต้องบอกก็รู้แล้วว่า จะมาแบ่งเค้ก น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย แม้ว่าต่อมาได้ส่ง“คนรับใช้” ที่ซื่อสัตย์ อย่าง นพดล ปัทมะ ออกมาแถลงปิดเกมว่า “นายแม้ว” ไม่ไปเขมรแล้ว จะบินตรงจากดูไบไปญี่ปุ่นวันที่ 22-24 ส.ค.นี้เลย ก็ว่ากันไป แต่มันก็มีแง่มุมข่าวที่เล็ดลอดออกมาจากหนังสือพิมพ์ “รัศมีกัมพูเจีย” สื่อแขมร์อ้างแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ว่า ทักษิณ ได้ดอดเข้า “หารือลับ” กับฮุนเซน เรียบร้อยแล้ว
00 ใครพูดจริงใครโกหกไม่รู้ รู้แต่ว่า ช้าหรือเร็ว แม้วต้องเดินเครื่องแน่ แต่การขยับตัวแบบนี้มันคาดไม่ถึง ทำเหมือนกับว่า “เก็บอาการ” ไม่อยู่ มั่นใจเกินร้อย หลังจากพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งถล่มทลาย แต่อีกด้านหนึ่งกลับลืมนึกไปว่า ฝ่ายที่ “รู้ทัน” เขาก็เห็นธาตุแท้มานาน ไม่เหมือนยุคไทยรักไทย ที่หลอกต้มได้นานเป็นปี หรืออำพรางด้วยนโยบายประชานิยม แบบเดิมๆนั้นคงไม่ได้ผล แค่ขนาดนโยบายขึ้นค่าแรงวันละ 300 บาท และจบปริญญาตรีเงินเดือน 15,000 แค่นี้ “น้องปูก็จะอ๊วก” อยู่แล้ว เพราะไปบังคับภาคเอกชนไม่ได้ ไอ้ครั้นจะซื้อเวลาบอกว่า รอไปก่อน หรือขึ้นแบบขั้นบันไดก็ไม่ได้อีก เพราะหาเสียงบอกว่า “ทำทันที” มันค้ำคออยู่
00 ดังนั้นอย่าได้แปลกใจที่เวลานี้จะเห็นหน้าตาของ ยิ่งลักษณ์ “เหี่ยวย่น” มีรอยตีนกาใหม่ผุดขึ้นมา “ผมเผ้ายุ่งเหยิง” ไม่ยิ้มแย้มเหมือนแต่ก่อน เอาแต่หนีคำถามนักข่าวแทบทุกวัน แถมอีกไม่กี่วัน ต้องเจอกับการซักฟอกแบบ “จัดหนัก” ของ ปชป. ที่นำโดย มาร์ค-เทพเทือก เข้าไปอีก งานแบบนี้ทั้งสองคนเขาถนัดนักละ ก็ให้เตรียมตัวให้ดีแล้วกัน แต่ถึงอย่างไรก็ขอให้โชคดีมีชัย นะน้องปู !!
00 อีกเรื่องหนึ่งที่ต้องตั้งคำถามจากพวก “หัวโจก” คนเสื้อแดงทั้งหลายที่กำลังเดินสายตระเวนไปประกันตัว เสื้อแดง “ปลายแถว” ที่ติดคุกในคดีเผาศาลากลาง ทั้งที่ไม่อยากขัดคอ เพราะใจหนึ่งก็ต้องการให้คนเหล่านี้ออกมาจากคุกชั่วคราว ซึ่งว่ากันตามจริงแล้ว พวกเขาติดคุกเพราะการปลุกระดมอย่างไร้ความรับผิดชอบของพวกแกนนำทั้งหลาย ไล่ลงไปตั้งแต่หัวหน้าใหญ่คือ ทักษิณ ที่ส่งสัญญาณว่า “ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคนเสื้อแดง ให้ไปพบกันที่ศาลากลางทั่วประเทศ”
00 แต่ที่สงสัยก็คือทำไมถึงปล่อย “เสื้อแดงระดับไพร่” เหล่านี้ต้องติดคุกมานานแรมปี เพราะที่ผ่านมาสนใจอยู่แต่ระดับแกนนำที่มีประโยชน์ ทำไมไม่บังคับให้ ส.ส.พรรคเพื่อไทย หรือแม้แต่ “ไอ้ตู่” จตุพร พรหมพันธุ์ ที่เป็น ส.ส.ในสภาชุดก่อน ไปเดินเรื่องขอประกันตัวตั้งแต่ตอนนั้น ปล่อยเอาไว้ทำไม แต่คราวนี้เมื่อเจอแนวทางลูกทุ่งแบบ “บักขวัญชัย” นำร่อง อุดรฯโมเดล ทำให้ “นั่งไม่ติด” อย่างนั้นหรือไม่ เพราะเวลานี้ “ได้ใจ”ไปเต็มๆ แล้ว !!