xs
xsm
sm
md
lg

อย่าว่าแต่ “ทักษิณคิด” เลย ถึงออกหน้ามาเองก็ยังสาหัส!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ผ่าประเด็นร้อน

ไม่รู้ว่าใครได้เห็นใบหน้าของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่เริ่มมีร่องรอยตีนกา มีรอยเหี่ยวย่น และมีสิวเม็ดเป้งๆที่ถูกทาทับด้วยแป้งรองพื้นปิดบังเอาไว้หรือไม่ เพราะมันสะท้อนให้เห็นว่าช่วงเวลาที่ผ่านมาเพียงแค่ไม่กี่วันทำให้ต้องเคร่งเครียดมากแค่ไหน แต่นี่เป็นเพียงแค่เริ่มต้นเท่านั้น เพราะยังไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการ เป็นแค่ “ว่าที่” เท่านั้น

ภารกิจที่รออยู่ข้างหน้าถือว่าหนักอึ้ง สำหรับคนอย่าง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ในความเป็นจริงแล้วไร้ประสบการณ์ทางการเมือง แม้ว่าภาพภายนอกอาจจะดูเหมือนบริหารธุรกิจของครอบครัวทางด้านอสังหาริมทรัพย์มีมูลค่านับพันล้านบาท แต่นั่นยังพิสูจน์อะไรยังไม่ได้ เพราะในความเป็นจริงอาจเป็นแค่อาศัยนามสกุล “ชินวัตร” เข้ามาทำหน้าที่เป็นประธานบริษัท แต่การบริหารแท้จริงอยู่ที่ระดับมืออาชีพที่มีความเชี่ยวชาญและจ้างมาในราคาแพง

แม้ว่านี่คือการวิพากษ์วิจารณ์กันล่วงหน้า เหมือนกับการปรามาสไม่รักษาน้ำใจ แต่ถ้าพิจารณาจากความเป็นจริงทั้งในเรื่องคุณสมบัติส่วนตัว และพิจารณาจากภูมิหลังความสำเร็จก็ยังไม่อาจสร้างความไว้วางใจได้เลย และการที่สามารถก้าวมายืนอยู่ตรงนี้ได้ ก็เป็นเพราะเป็น “โคลนนิ่ง” ของ ทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นพี่ชายเท่านั้น

อย่างไรก็ดี ในการบริหารบ้านเมืองถือเป็นเรื่องใหญ่และมีความซับซ้อนมากกว่าการบริหารธุรกิจของครอบครัวหลายพันเท่า มันจึงเป็นเรื่องหนักหนาสาหัสสำหรับ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อย่างแน่นอน และแม้ว่าภายใต้การบริหารรัฐบาลของเธออาจจะออกมาในแบบคณะกรรมการที่ปรึกษาคอยให้คำแนะนำการตัดสินใจ แต่ในความเป็นจริงมันก็ต้องมีภาวะผู้นำ ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ต้องเจอกับปัญหาสารพัด

เอาง่ายๆ แค่เจอคำถามเรื่องนโยบายประชานิยมที่สัญญาว่าจะทำทันที ไม่ว่าจะเป็น เรื่องค่าแรงวันละ 300 บาทเท่ากันทั่วประเทศ จบปริญญาตรีเงินเดือน 15,000 บาท เพิ่มเบี้ยยังชีพเดือนละ 1,000 บาท ข้าวของราคาถูกลง ยกเลิกกองทุนน้ำมันทำให้ราคาน้ำมันถูกลง ฯลฯ ซึ่งต้องเจอกับคำถามวันละไม่ต่ำกว่า 3-4 ครั้ง แรกๆ คำตอบที่ว่าต้องรอให้ตั้งรัฐบาลเป็นรูปเป็นร่าง ตามขั้นตอนให้เสร็จเสียก่อน มันก็พอฟังได้ แต่คนที่เป็นถึงว่าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ เป็นความหวังของคนทั้งประเทศโดยเฉพาะคนที่ไว้วางใจด้วยเสียงส่วนใหญ่ การใช้คำพูดแบบซื้อเวลา ไม่ยอมแสดงวิสัยทัศน์ออกมาให้เห็นบ้าง หลายวันเข้ามันก็ทำให้ความศรัทธาลดทอนลงไปทุกวันเหมือนกัน

ขณะเดียวกัน ภาพที่เกิดขึ้นที่แสดงให้เห็นว่า ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้มีสภาพความเป็นผู้นำเหลืออยู่เลย สภาพเวลานี้ไม่ต่างจาก “ตัวตลก” ไร้เดียงสา และไร้น้ำหนักอย่างสิ้นเชิง สังเกตได้จากการต่อรองการ เจรจา การประกาศนโยบายสำคัญล้วนเกิดขึ้นมาจากนอกประเทศจาก ทักษิณ ชินวัตร ทั้งสิ้น ที่เห็นชัดเจนที่สุดก็คือ กรณี บรรหาร ศิลปอาชา เจ้าของพรรคชาติไทยพัฒนาหนึ่งในพรรคร่วมรัฐบาลถึงกับลงทุนบินไปอ้อนวอนขอโควตาเก้าอี้รัฐมนตรีมาให้กับพรรคถึงบรูไน แม้มีการปฏิเสธว่าไม่ได้คุยเรื่องการเมือง แต่คนบ้าเท่านั้นที่เชื่อ รวมไปถึง ส.ส.และกลุ่มก๊วนต่างๆในพรรคเพื่อไทยเอง ต่างก็ต้องเดินทางไปพบกับ ทักษิณ ทั้งสิ้น ทั้งที่ในฐานะว่าที่นายกรัฐมนตรีจะต้องหารือกับยิ่งลักษณ์มากกว่า ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นย่อมแสดงให้เห็นว่า เธอไร้ความหมาย ไร้ความสามารถ ไม่ต่างจากตัวตลก เพราะขนาดการประกาศนโยบายเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำวันละ 300 บาท ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ แต่คนที่กำหนดทิศทางว่าจะเป็นแบบไหน จะปรับให้เฉพาะในกรุงเทพฯ ก็เพิ่งประกาศออกมาจาก ทักษิณ ขณะที่ตัวเธอยังให้คำตอบไม่ได้ หรือบอกแค่ว่าต้องรอการรับรองการเป็น ส.ส.หรือต้องรอการประชุมหารือกันเสียก่อน

นั่นว่ากันเฉพาะภาวะผู้นำและความเชื่อมั่นต่อตัวว่าที่นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรก เมื่อพิจารณาจากปูมหลังที่ยังมองไม่เห็นความสามารถในการบริหารทั้งในด้านธุรกิจ ต่อเนื่องมาถึงงานทางการเมือง ที่คนไทยต้องฝากชะตากรรมไว้กับเธอ

นอกจากนี้ หากพิจารณาจากสถานการณ์รอบด้านทั้งภายในและภายนอกประเทศ ที่ดูแนวโน้มจะหนักหนาสาหัส รออยู่ตรงหน้ามันก็ยิ่งทำให้หลายคนหวั่นไหว โดยหากมองแยกออกมาเฉพาะปัญหาภายในก่อน ซึ่งส่วนหนึ่งน่าจะมาจากนโยบายประชานิยมของรัฐบาลใหม่นั่นเอง เพราะหลายโครงการอาจมีปัญหาตามมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปรับค่าแรง 300 บาท รับจำนำราคาข้าวเกวียนละ 15,000 บาท เลิกส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันให้ราคาน้ำมันลดลง อย่างไรก็ดี ด้วยนโยบายดังกล่าวมันย่อมส่งผลกระทบต่อเนื่อง ในเรื่องต้นทุนที่พุ่งสูงขึ้น ทำให้ราคาสินค้าแพง แม้ว่าจะบอกว่ามีมาตรการเยียวยา ต้องปรับโครงสร้างกันขนานใหญ่ เชื่อว่าน่าจะเกิดแรงสั่นสะเทือนไปทั่ว

ขณะเดียวกัน เมื่อมองที่บรรยากาศภายนอก ทั้งในยุโรปและอเมริกาซึ่งเป็นตลาดส่งออกสำคัญของไทย ทำท่าว่าจะกลับมาหนักอีกรอบ เพราะล่าสุดมีความวิตกกันมากว่าภาวะหนี้สินจะลุกลามไปหลายประเทศ เช่น อิตาลี ซึ่งเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ของยุโรป มันก็ยิ่งทำให้หลายคนต้องหันมาพิจารณาตามความเป็นจริงว่า คนอย่างยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะรับมือไหวหรือไม่ เพราะด้วยสถานการณ์ที่คาดว่าจะต้องรุมเร้าเข้ามาหนักหน่วง ทำให้เริ่มมีคำพูดที่บอกว่าต่อให้ ทักษิณ ชินวัตร ออกหน้ามาเล่นเองโดยตรงก็ยังไม่แน่ว่าจะรับไม่มือไหวหรือไม่

ดังนั้น นาทีนี้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะต้องเร่งสร้างภาวะผู้นำให้เกิดขึ้นให้ได้เสียก่อน เพื่อแสดงให้เห็นว่า รัฐบาลชุดใหม่ มีเธอเป็นผู้นำ เป็นผู้บริหารประเทศเป็นหลัก ไม่ใช่เป็นแค่ “คนนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี” เท่านั้น และที่ผ่านมาภาพออกมาแบบนั้นจริงๆ !!
ทักษิณ ชินวัตร
กำลังโหลดความคิดเห็น