รัฐบาล “ปูแดง 1” กำลังจะตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการเร็ววันนี้ โฉมหน้าคณะรัฐมนตรีจะเป็นอย่างไร ทุกคนทุกฝ่ายกำลังจับตาดูอย่างใกล้ชิด จะสะสวยเร้าใจเหมือน “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ว่าที่นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกหรือไม่ คงได้เห็นกันอีกไม่นาน
อย่างไรก็ดี ในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทย โดย “ยิ่งลักษณ์” ได้ไปบอกกล่าวถึงนโยบายที่จะทำไว้บานเบอะ นับนิ้วไล่เรียงดูไม่ต่ำกว่า 30 เรื่อง วันนี้หลายคนเขียนแปะข้างฝาบ้าน รอตรวจการบ้านเป็นข้อๆ แล้วว่าจะทำได้จริงอย่างปากว่าหรือไม่
โดยเฉพาะการเมืองฝั่งตรงข้ามจ้องเขม็งเป็นพิเศษ หากทำไม่ได้จริงมีหวังโดนสับละเอียด!!
แค่เริ่มต้นนโยบายด้านพลังงานที่บอกไว้ว่าจะยกเลิกการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน ลดราคาน้ำมันเบนซิน และดีเซลลงแบบฮวบฮาบ ทำไปทำมาก็น่าจะเป็นเพียงมาตรการชั่วคราวเท่านั้น “ยิ่งลักษณ์” ออกตัวว่าจะทำตามที่บอกไว้แน่นอน แต่หากเศรษฐกิจดีขึ้นอาจจำเป็นต้องเก็บเงินเข้ากองทุนเหมือนเดิม “สับขาหลอก” ไม่ทันไรก็ออกลายศรีธนญชัย ตอนหาเสียงพูดไว้ไม่ครบถ้วนกระบวนความ มาเฉลยเอาตอนจะเป็นรัฐบาลแล้ว
“ที่ได้ประกาศไว้ในช่วงหาเสียง แต่อาจจะต้องมีความยืดหยุ่นในนโยบายบางเรื่องบ้าง หากดำเนินการไปแล้วพบว่าจะทำให้เกิดปัญหา แต่จะบอกและเปิดเผยกับประชาชน และชี้แจงให้เข้าใจ โดยไม่เกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อคะแนนนิยม”บางช่วงบางตอนที่บอกกล่าวกับสำนักข่าวต่างประเทศ
ก็ไม่แน่ใจว่านโยบายอื่นๆ จะเป็นรูปแบบนี้หรือไม่ เพราะจะว่าไปนโยบายบางอย่างทำได้ยากเหมือนกัน ถึงขั้นคนในพรรคประชาธิปัตย์ท้าเลยว่าถ้าทำได้จริงยอมให้เป็นรัฐบาล 8 ปี เลยทีเดียว นโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท พรรคประชาธิปัตย์บอกไม่กล้าเสนอ เพราะกลัวทำไม่ได้ แต่พรรคเพื่อไทยเสนอไปแล้ว หาเสียงกันเป็นเรื่องเป็นราว
ล่าสุด มีข่าวแรงงานต่างด้าว เดินทางเข้ามายังประเทศไทย เตรียมกอบโกยค่าแรงจากนโยบายดังกล่าวกันเป็นล่ำเป็นสัน แต่ “ยิ่งลักษณ์” ก็ออกมาพลิ้วอีกแล้วว่า นโยบายนี้เขียนไว้เพื่อแรงงานคนไทยเท่านั้น แรงงานต่างด้าวไม่เกี่ยว แต่ถ้าขืนเป็นอย่างนั้น ต่อไปแรงงานไทยอาจตกงาน เพราะนายจ้างหันไปจ้างแรงงานต่างด้าวกันหมดเสียฉิบ เพราะค่าแรงถูกกว่า
จุดนี้จึงเป็นการบ้านข้อสำคัญที่ “ยิ่งลักษณ์” และทีมงานพรรคเพื่อไทย ต้องไปบริหารจัดการ ต้องไปคุยกับผู้ประกอบการ จะเอานโยบายลดภาษี เอานโยบายเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ มาผสมผสานกันอย่างให้ลงตัวอย่างไร เพื่อทำให้นโยบายที่พรรคเพื่อไทยหาเสียงไว้ทำได้จริง
ครั้นจะว่าไปนโยบายการลดภาษี เพื่อหวังดึงการลงทุนเพิ่มเติม เน้นเอาปริมาณมาเพิ่มส่วนต่างที่เสียไป ไม่รู้ว่าจะได้ผลมากน้อยแค่ไหน เพราะเป็นที่นินทากันให้แซด รับรู้ให้ทั่วกัน ว่าบริษัทห้างร้านต่างๆ มักทำตัวเลขบัญชีไว้ 2 อัน จริงหนึ่งอัน ปลอมหนึ่งอันเพื่อเอาไว้ตบตาการจ่ายภาษีนี้แหละ มันจึงเป็นตัวเลขหลอกที่ทำกันมานานแล้ว ก็ถือเป็นอีกหนึ่งปมที่ต้องสะสาง!!
ทุกนโยบายต้องทำจริงให้ได้ อย่าให้เป็นเรื่องหลอกลวงหวังแค่ผลการเลือกตั้ง ไม่งั้นอาจจะโดนยุบพรรคเป็นหนที่ 3
นอกจากนี้ หลายเรื่องหลายนโยบาย นักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ เริ่มตั้งคำถามในใจแล้วว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์จะทำได้จริงหรือไม่ หากจะทำทั้งหมดตามที่หาเสียงไว้ นับเป็นภาระที่หนักมากๆ หลายคนส่ายหน้าว่าเป็นไปไม่ได้หรอก ได้ครึ่งหนึ่งก็เก่งแล้ว
นับเป็นโจทย์หินของรัฐบาลนายกฯหญิง ถ้าทำไม่สำเร็จมีหวังแรงเสียดทานจะถาโถม ทำให้รัฐบาลพังไปก่อนเวลาอันควรเป็นแน่แท้
ฟันธง!!
อย่างไรก็ดี ในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทย โดย “ยิ่งลักษณ์” ได้ไปบอกกล่าวถึงนโยบายที่จะทำไว้บานเบอะ นับนิ้วไล่เรียงดูไม่ต่ำกว่า 30 เรื่อง วันนี้หลายคนเขียนแปะข้างฝาบ้าน รอตรวจการบ้านเป็นข้อๆ แล้วว่าจะทำได้จริงอย่างปากว่าหรือไม่
โดยเฉพาะการเมืองฝั่งตรงข้ามจ้องเขม็งเป็นพิเศษ หากทำไม่ได้จริงมีหวังโดนสับละเอียด!!
แค่เริ่มต้นนโยบายด้านพลังงานที่บอกไว้ว่าจะยกเลิกการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน ลดราคาน้ำมันเบนซิน และดีเซลลงแบบฮวบฮาบ ทำไปทำมาก็น่าจะเป็นเพียงมาตรการชั่วคราวเท่านั้น “ยิ่งลักษณ์” ออกตัวว่าจะทำตามที่บอกไว้แน่นอน แต่หากเศรษฐกิจดีขึ้นอาจจำเป็นต้องเก็บเงินเข้ากองทุนเหมือนเดิม “สับขาหลอก” ไม่ทันไรก็ออกลายศรีธนญชัย ตอนหาเสียงพูดไว้ไม่ครบถ้วนกระบวนความ มาเฉลยเอาตอนจะเป็นรัฐบาลแล้ว
“ที่ได้ประกาศไว้ในช่วงหาเสียง แต่อาจจะต้องมีความยืดหยุ่นในนโยบายบางเรื่องบ้าง หากดำเนินการไปแล้วพบว่าจะทำให้เกิดปัญหา แต่จะบอกและเปิดเผยกับประชาชน และชี้แจงให้เข้าใจ โดยไม่เกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อคะแนนนิยม”บางช่วงบางตอนที่บอกกล่าวกับสำนักข่าวต่างประเทศ
ก็ไม่แน่ใจว่านโยบายอื่นๆ จะเป็นรูปแบบนี้หรือไม่ เพราะจะว่าไปนโยบายบางอย่างทำได้ยากเหมือนกัน ถึงขั้นคนในพรรคประชาธิปัตย์ท้าเลยว่าถ้าทำได้จริงยอมให้เป็นรัฐบาล 8 ปี เลยทีเดียว นโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท พรรคประชาธิปัตย์บอกไม่กล้าเสนอ เพราะกลัวทำไม่ได้ แต่พรรคเพื่อไทยเสนอไปแล้ว หาเสียงกันเป็นเรื่องเป็นราว
ล่าสุด มีข่าวแรงงานต่างด้าว เดินทางเข้ามายังประเทศไทย เตรียมกอบโกยค่าแรงจากนโยบายดังกล่าวกันเป็นล่ำเป็นสัน แต่ “ยิ่งลักษณ์” ก็ออกมาพลิ้วอีกแล้วว่า นโยบายนี้เขียนไว้เพื่อแรงงานคนไทยเท่านั้น แรงงานต่างด้าวไม่เกี่ยว แต่ถ้าขืนเป็นอย่างนั้น ต่อไปแรงงานไทยอาจตกงาน เพราะนายจ้างหันไปจ้างแรงงานต่างด้าวกันหมดเสียฉิบ เพราะค่าแรงถูกกว่า
จุดนี้จึงเป็นการบ้านข้อสำคัญที่ “ยิ่งลักษณ์” และทีมงานพรรคเพื่อไทย ต้องไปบริหารจัดการ ต้องไปคุยกับผู้ประกอบการ จะเอานโยบายลดภาษี เอานโยบายเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ มาผสมผสานกันอย่างให้ลงตัวอย่างไร เพื่อทำให้นโยบายที่พรรคเพื่อไทยหาเสียงไว้ทำได้จริง
ครั้นจะว่าไปนโยบายการลดภาษี เพื่อหวังดึงการลงทุนเพิ่มเติม เน้นเอาปริมาณมาเพิ่มส่วนต่างที่เสียไป ไม่รู้ว่าจะได้ผลมากน้อยแค่ไหน เพราะเป็นที่นินทากันให้แซด รับรู้ให้ทั่วกัน ว่าบริษัทห้างร้านต่างๆ มักทำตัวเลขบัญชีไว้ 2 อัน จริงหนึ่งอัน ปลอมหนึ่งอันเพื่อเอาไว้ตบตาการจ่ายภาษีนี้แหละ มันจึงเป็นตัวเลขหลอกที่ทำกันมานานแล้ว ก็ถือเป็นอีกหนึ่งปมที่ต้องสะสาง!!
ทุกนโยบายต้องทำจริงให้ได้ อย่าให้เป็นเรื่องหลอกลวงหวังแค่ผลการเลือกตั้ง ไม่งั้นอาจจะโดนยุบพรรคเป็นหนที่ 3
นอกจากนี้ หลายเรื่องหลายนโยบาย นักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ เริ่มตั้งคำถามในใจแล้วว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์จะทำได้จริงหรือไม่ หากจะทำทั้งหมดตามที่หาเสียงไว้ นับเป็นภาระที่หนักมากๆ หลายคนส่ายหน้าว่าเป็นไปไม่ได้หรอก ได้ครึ่งหนึ่งก็เก่งแล้ว
นับเป็นโจทย์หินของรัฐบาลนายกฯหญิง ถ้าทำไม่สำเร็จมีหวังแรงเสียดทานจะถาโถม ทำให้รัฐบาลพังไปก่อนเวลาอันควรเป็นแน่แท้
ฟันธง!!