xs
xsm
sm
md
lg

"มาร์ค"ไม่ฟัง "เทพเทือก" อุ้ม “เฉลิมชัย” ขึ้นเลขาปชป.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คงต้องจับตาดูการประชุมใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่จะมีขึ้นในวันเสาร์ที่ 6 สิงหาคมนี้ เพื่อปรับเปลี่ยนองคาพยพกันแบบยกเครื่องใหม่ หวังจะทำให้โฉมใหม่ของพรรคประชาธิปัตย์ไฉไลพอที่จะแข่งรัศมีพรรคเพื่อไทย ที่ขับเคลื่อนรวดเร็ว และรุนแรง ทั้งยังเพียบพร้อมไปด้วยเล่ห์เพทุบายอย่างหาตัวจับได้ยาก
ความเปลี่ยนแปลงคณะผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์ในคราวนี้ เป็นผลจากที่พรรคประชาธิปัตย์พ่ายแพ้ยับเยินในการเลือกตั้งให้กับพรรคเพื่อไทย พรรคการเมืองที่มีอายุยาวนานมากว่า 60 ปี จะมีอนาคตยืนยาวและรุ่งโรจน์ต่อไปได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงที่ต้องเกิดจากการเก็บเกี่ยวใช้บทเรียนความพ่ายแพ้มาปรับปรุงการทำงาน ให้มีความเข้มแข็งก้าวข้ามจุดอ่อนเดินหน้าสร้างจุดแข็งได้สัมฤทธิ์ผลเพียงใด
คนที่จะทำหน้าที่ชูธงฟ้าสู้ธงแดงชัดเจนโดยไม่ต้องลุ้นว่า อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค หลังพ่ายศึกเลือกตั้งจะได้รับเลือกให้กับมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคอีกครั้งหนึ่ง และคนที่จะเป็นเลขาธิการพรรคซึ่ง อภิสิทธิ์ จะต้องเสนอ 2 รายชื่อให้ที่ประชุมลงมติ
ไม่น่าจะพลิกโผไปจาก จุติ ไกรฤกษ์ และ เฉลิมชัย ศรีอ่อน
ซึ่งมีการตกลงเป็นการภายในแล้วว่า “จุติ” น่าจะถอนตัว เพื่อให้ “เฉลิมชัย” ลอยลำเข้าวินในตำแหน่งเลขาธิการพรรคตามแรงหนุนของ “อภิสิทธิ์” ที่มีการทำความเข้าใจกับผู้ใหญ่ในพรรคแล้ว ไม่ว่าจะเป็น ชวน หลีกภัย บัญญัติ บรรทัดฐาน หรือ ไตรรงค์ สุวรรณคีรี ก็ไม่มีใครส่ายหัวปฏิเสธ
เว้นแต่ สุเทพ เทือกสุบรรณ ที่ยังตะขิดตะขวงใจ ใส่เกียร์เดินหน้าอยากให้มีการแข่งขันจริงจังโดยส่ง “จุติ” เป็นคู่ชิง หวังคุมอำนาจผ่าน “จุติ” แต่ดูเหมือนว่าความพยายามดังกล่าวจะไม่เป็นผล โดย “จุติ” น่าจะได้รับการเสนอชื่อให้เป็นรองหัวหน้าพรรคในโควต้ากลางของ อภิสิทธิ์ เช่นเดียวกับ ชำนิ ศักดิเศรษฐ์ และ กรณ์ จาติกวณิช ส่วนจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ขวัญใจนายหัวชวน ต้องแข่งขันชิงคะแนนเสียงกับ ถาวร เสนเนียม ที่เอาจริงเอาจังกับการสู้ศึกนี้ ว่ากันว่า จะเป็นศึกที่สูสี และขับเคี่ยวกันมากที่สุดในการเลือกตั้งภายในของพรรคคราวนี้
สำหรับรองหัวหน้าพรรคภาคกลาง ชิงชัยกันระหว่าง สาธิต ปิตุเตชะ และ อลงกรณ์ พลบุตร ว่ากันว่า สง่าราศีของสาธิต ดูจะมาแรงเพราะเดินไปไหนตอนนี้ใคร ๆ ก็เรียกล่วงหน้าว่า “ท่านรอง” ส่วนจะได้เป็นรองหัวหน้าพรรค หรือเป็นได้แค่ไก่รองบ่อน ก็ต้องวัดกันในวันที่ 6 สิงหาคม อีกที
ส่วนรองหัวหน้าพรรคภาคเหนือ ชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ ยังมีความสนใจ และมีคู่ท้าชิงรายใหม่ศัตรูถาวรของ จุติ ไกรฤกษ์ อย่าง นคร มาฉิม อาสาตัวเข้าชิง แต่ดูท่าว่าน่าจะอับแสงเพราะการเคลื่อนไหวกดดันข่มขู่พรรคว่าจะมี 20 ส.ส. ย้ายสังกัดแถมผิดคิว เสนอชื่อแสลงใจผู้เฒ่าในพรรคประชาธิปัตย์ ให้เป็นเลขาธิการพรรคก็ทำให้เกิดอาการไม่ปลื้มอนาคตที่จะเป็นผู้บริหารพรรคของ “นคร” จึงดูมืดมนมากกว่าจะกระจ่างใส
สำหรับรองหัวหน้าภาคอีสาน ชิงดำกันระหว่าง คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช กับ อิสระ สมชัย
ขณะที่ กทม.น่าจะเป็นการแข่งขันกันระหว่าง อภิรักษ์ โกษะโยธิน และ องอาจ คล้ามไพบูลย์ โดย “อภิรักษ์” ดูจะมีโอกาสมากกว่า เพราะได้คะแนนสงสารที่ต้องพลาดจากตำแหน่งเลขาฯ และยังได้แรงหนุนเต็มเหนี่ยวจากสุเทพ เทือกสุบรรณ ด้วย
ความเปลี่ยนแปลงที่คนจับตามากที่สุดคงหนีไม่พ้นชื่อของ เฉลิมชัย ศรีอ่อน ที่กำลังได้รับโอกาสจาก อภิสิทธิ์ ให้เป็นแม่บ้านพรรคประชาธิปัตย์
โดยหวังว่าจะช่วยทำให้ยุทธศาสตร์การขยายฐานเสียงในพื้นที่ภาคกลาง เหนือตอนล่าง และอีสานใต้ เพื่อช่วงชิงคะแนนเสียงพลิกสถานการณ์ให้พรรคมีโอกาสชนะพรรคเพื่อไทยซึ่งกุมเสียงเกือบจะเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในอีสาน แม้จะไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ก็ต้องถือว่ามีลุ้น และเป็นความพยายามที่จะหายใจด้วยตัวเองแทนการยืมลมหายใจของ เนวิน ชิดชอบ มาต่ออำนาจทางการเมืองให้ จนพ่ายแพ้ไม่เป็นกระบวน จากการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา
แน่นอนว่า ชื่อชั้นของ “เฉลิมชัย” ยังเปรียบเหมือนกระดูกอ่อนสำหรับสาธารณชนแต่ในแวดวงคนการเมือง ส.ส.ทั้งประชาธิปัตย์ และต่างพรรครู้ดีว่า เป็นนักเลง พูดจริงทำจริง ใจถึงพึ่งได้ พร้อมช่วยเหลือหากทำได้หวังสร้างบารมีมากกว่าการเรียกรับประโยชน์ตอบแทน ซึ่งถือว่าซื้อน้ำใจคนการเมืองได้พอสมควร
การเลือก “เฉลิมชัย” เป็นเลขาฯ คิดกันว่าจะช่วยสร้างจุดแข็งเติมเต็มให้อภิสิทธิ์มีความครบเครื่องมากขึ้น เพราะจะได้ภาพการเข้าถึงรากหญ้าผ่านนักเลงลูกทุ่งอย่างเฉลิมชัย ด้วย แตกต่างจากการได้ “กรณ์” หรือ “อภิรักษ์” เป็นเลขาพรรค เพราะภาพและกลุ่มเป้าหมายของคนทั้งคู่คือ กลุ่มเดียวกับของอภิสิทธิ์
ดังนั้น การได้ใครคนใดคนหนึ่งในสองคนนี้มาเป็นเลขาฯพรรค จึงไม่ก่อให้เกิดแรงหนุนนสร้างความเข้งแข็งเพิ่มให้อภิสิทธิ์แต่อย่างใด เนื่องจากจุดแข็งเหมือนกัน แถมอภิสิทธิ์ มีเหนือกว่าหลายขุม จึงไม่จำเป็นต้องเดินหมากซ้อนในทางการเมือง แต่ควรเก็บแต้มไปเล่นในตำแหน่งอื่น น่าจะมีประโยชน์มากกว่า
สำหรับคนที่จะเป็นรองเลขาธิการพรรค น่าจะเป็น นราพัฒน์ แก้วทอง นิพนธ์ บุญญามณี และ ศุภชัย ศรีหล้า
เปลี่ยนตัวผู้บริหารแล้ว ใช่ว่าพรรคประชาธิปัตย์จะก้าวกระโดดเป็นพรรคอันดับหนึ่งได้ในข้ามคืน แต่ยังต้องทำงานหนักในการกำหนดยุทธศาสตร์ให้เข้าถึงประชาชนขยายฐานเสียงให้ได้มากที่สุด เป็นโจทย์ใหญ่ที่ อภิสิทธิ์และผู้บริหารพรรคชุดใหม่ โดยเฉพาะ เฉลิมชัย ต้องพิสูจน์ตัวเอง
กำลังโหลดความคิดเห็น