เมื่อเวลา 11.00 น. วานนี้( 1 ส.ค.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รักษาการเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่กรณีที่มีชื่อนายจุติ ไกรฤกษ์ เป็นแคนดิเดต เลขาพรรคฯคนใหม่ เพิ่มจากนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ที่ถูกเปิดชื่อมาก่อนหน้านี้ว่า ขึ้นอยู่กับสมาชิกพรรคว่าจะเห็นชอบให้ใครเข้ามาเป็นผู้บริหารพรรคในตำแหน่งไหนบ้าง ซึ่งหลังเสร็จสิ้นการเลือกตั้งสมาชิกพรรคยังไม่มีเวลาพูดคุยซึ่งวันนี้เป็นวันแรกที่มีโอกาสพบปะกันและตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปสมาชิกพรรคคงจะปรึกษาหารือกันว่าใครมีความเหมาะสมจะเป็นผู้บริหารพรรค ดังนั้นจึงอย่าเพิ่งไปตื่นเต้นขอเวลาให้สมาชิกพรรคได้หารือกันก่อน
ส่วนกรณีที่นายนคร มาฉิม ส.ส.พิษณุโลก ออกมาระบุถึงการปฏิรูปพรรคนั้น ไม่มีปัญหาใคร ๆ ก็สามารถให้ความเห็นกับผู้บริหารพรรคได้ แต่ตนขอแนะนำว่าไม่ต้องไปให้ความเห็นผ่านสื่อมวลชน ขอให้มาประชุมกันในห้องประชุมของพรรค เพราะหากพูดผ่านสื่อมวลชนไปบางทีก็เสนอข่าวไม่ครบพูดไปความยาว 1 หน้ากระดาษ สื่ออาจจะลงข่าวเพียงแค่ 3 บรรทัด จะทำให้คนเข้าใจคลาดเคลื่อนได้
ต่อข้อถามถึงข้อเสนอจากกลุ่มส.ส.ภาคเหนือที่เสนอให้ปฏิรูปการบริหารจัดการพรรค นายสุเทพ กล่าวว่า ยังไมได้พูดคุยกับใคร แต่ตนเชื่อว่าผู้บริหารพรรคชุดใหม่เขาต้องคิดว่าเราจะต้องปรับปรุงยุทธศาสตร์ยุทธวิธีอย่างไร
เมื่อถามย้ำว่า จากบทเรียนการเลือกตั้งที่ผ่านมาในส่วนของภาคเหนือและภาคอีสานปชป.ควรจะปรับปรุงการทำงานอย่างไร นายสุเทพ กล่าวว่า เอาไว้ถามผู้บริหารพรรคชุดใหม่ดีกว่า เพราะตนกำลังจะพ้นหน้าที่ในวันที่ 6 ส.ค.นี้แล้ว ตนก็เหมือนกับรัฐบาลรักษาการ จะต้องไม่ทำหรือพูดอะไรที่เป็นเรื่องผูกพันสำหรับรัฐบาลต่อไป
นายสุเทพ กล่าววถึงเสถียรภาพภายในพรรคในช่วงที่มีการคัดเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ซึ่งมีรายงานข่าวระบุว่าขณะนี้การวิ่งเต้นขอคะแนนเสียงจากคนในพรรคว่า อย่าใช้คำว่าวิ่งเต้น เดี๋ยวจะผิด การเสนอตัวให้สมาชิกพรรคพิจารณาเป็นเรื่องปกติ เช่น ถ้านายก.คิดว่าตัวเองมีความสามารถและมีความตั้งใจก็บอกให้เพื่อนรู้ว่าถ้าท่านทั้งหลายเลือกตน ตนก็พร้อม ซึ่งเป็นเรื่องปกติ แต่หากจะพูดว่าเป็นการหาเสียงก็ดูขึงขังไปหน่อย เรียกว่าเสนอตัวให้เพื่อนพิจารณาจะดีกว่า
เมื่อถามย้ำว่า ไม่ผิดธรมเนียประเพณีปฏิบัติของพรรค ใช่หรือไม่ ที่มีการออกมาหาเสียงกันภายในพรรค นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่มีอะไรที่ผิดประเพณี ที่ผ่านมาหลายคนก็เริ่มหาเสียงแล้ว เช่น การไปบอกเพื่อนว่าตัวเขานั้นอยากเป็น ตั้งใจจะเป็น
ส่วนกรณีที่นายวิรัช ร่มเย็น ส.ส.ระนอง ปชป. ซึ่งมีการขึ้นป้ายว่าพร้อมเป็นรองหัวหน้าพรรคดูแลพื้นที่ภาคใต้นั้นไม่มีอะไรผิดประเพณี เพราะหลายคนก็ได้ลงมือหาเสียงไปแล้ว เปรียบเหมือนเขาไปบอกเพื่อน ๆ ว่าเขาอยากเป็น ตั้งใจจะเป็น จะสนับสนุนหรือไม่ก็ต้องพิจารณา
** เทือกอัดลูกพรรคอย่าปากโป้งผ่านสื่อ
ส่วนที่มีสมาชิกเรียกร้องให้เปลี่ยนโครงสร้าง และปฏิรูปพรรคนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่เป็นปัญหา เพราะทุกคนสามารถเสนอความเห็นกับคณะผู้บริหารพรรคได้ แต่อยากแนะนำว่า ไม่ควรให้ความเห็นผ่านสื่อมวลชน ขอให้มาประชุมกันที่พรรค แล้วมาพูดคุย หารือกันจะดีกว่า เพราะหากพูดผ่านสื่อบางทีอาจจะเสนอข่าวไม่ครบ พูดยาวหน้ากระดาษ แต่สื่ออาจจะเอาไปลงแค่สามบรรทัด อาจจะทำให้หลายคนเข้าใจคลาดเคลื่อน ว่าไปพูดเรื่องอะไร เป็นอย่างไร
เมื่อถามย้ำว่า ข้อเสนอว่าควรมีการปรับโครงสร้างการบริหารจัดการภายในพรรค ที่ประชุมจะพูดกันหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่าที่ผ่านมายังไม่ได้พูดกับใคร เชื่อว่าผู้บริหารพรรชุดใหม่เขาคงคิดว่าเราต้องปรับปรุงยุทธศาสตร์หรือยุทธวิธีอย่างไรก็คงต้องคิดกัน
**"วิรัช"แจงเหตุติดป้ายหาเสียงรองหัวหน้าปชป.
นายวิรัช ร่มเย็น ส.ส.ระนอง พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวชี้แจงถึงสาเหตุที่ติดป้ายหาเสียงเป็นรองหัวหน้า ปชป.ดูแลพื้นที่ภาคใต้ ณ ที่ทำการ ปชป.ว่า แนวคิดของตนคือต้องการประกาศตัวว่าพร้อมรับใช้สมาชิกพรรคทุกคนในตำแหน่งรองหัวหน้า ยืนยันว่าจะติดป้ายเฉพาะที่ทำการ ปชป.เท่านั้น เหตุที่ตนใช้วิธีติดป้ายแทนที่จะใช้วิธีการโทรศัพท์ แอบพบ ดักคุย หรือไปหากับตามโรงแรม พร้อมถ้าไปเจอลักษณะเช่นนั้นท้ายสุด อย่างน้อยก็ต้องมีการเลี้ยงข้าว แต่ตนต้องการหาเสียงตามวิธีทางประชาธิปไตย ยิ่งมีการส่งจดหมายเวียนไปยังสมาชิกพรรคทุกคนให้ยุติการหาเสียงในวันที่ 5 สิงหาคม เวลา 17.00 น. เพราะป้ายหาเสียงยังอยู่ถึงวันลงคะแนนจริง ในวันที่ 6 สิงหาคม ขณะที่คนอื่นต้องหยุดหาเสียงในวันที่ 5 ส.ค.
**เปิดโผกก.บห.ปชป.ชุดใหม่ “เ
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงความคืบหน้าในการคัดเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ชุดใหม่ และตำแหน่งเลขาธิการ ภายหลังที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ได้เดินสายนัดพบส.ส.ภาคต่างๆเพื่อหารือถึงเรื่องดังกล่าว โดยเริ่มจากส.ส.กลุ่มต่างๆ เริ่มจากภาคใต้เมื่อวันที่ 17 ก.ค ที่จ.สุราษฏรธานี ภาคกทม.เมื่อวันที่25 ก.ค. ที่รร.ดิอิมเมอรัล และกลุ่มภาคกลางเย็นวันที่ 1 ส.ค. ที่รร.อินเตอร์คอนติเดนตัล และวันที่ 2 ส.ค. จะมีการนัดหารือกลุ่มภาคเหนือ และอีสาน ที่รร.ดิอิมเมอร์รัล เพื่อพยายามขอเสียงสนับสนุนให้กับนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ส.ส.สัดส่วน
**“เสี่ยต่อ”มาแรงแซง “จุติ”
อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าขณะนี้มีเพียง2 รายชื่อที่มีความโดดเด่น และน่าลุ้นกับตำแหน่งเลขาธิการพรรค คือ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รองหัวหน้าพรรคภาคกลาง และ นายจุติ ไกรฤกษ์ ส.ส.พิษณุโลก โดยส.ส.ส่วนใหญ่เห็นว่า มีคุณสมบัติเพียงพอ โดยนายเฉลิมชัยนั้นมีคุณสมบัติครบเครื่อง ประเภทใจถึงพึ่งได้ และมีพรรคพวกมาก ทั้งในพรรคและนอกพรรค โดยเฉพาะมีความสนิทสนมกับกลุ่มของนายศักสยาม ชิดชอบ น้องชายนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย อีกทั้งยังเป็นคนที่ออกมาเคลื่อนไหวสนับสนุนนายอภิสิทธิ์ ให้มาเป็นหัวหน้าพรรคอีกครั้ง จึงเห็นว่าคนที่จะมาเป็นแม่บ้านพรรค ควรเป็นคนที่ทำงานเข้าขากับหัวหน้าพรรคมากที่สุด จึงทำให้ชื่อของนายเฉลิมชัยมาแรงที่สุดในช่วงโค้งสุดท้าย
ส่วนนายจุติ นั้น แม้จะมีคุณสมบัติไม่ด้อยกว่ากัน และสามารถประสานกลุ่มผู้อาวุโสของพรรคทั้ง3 สาย คือ สายนายชวน หลีกภัย สายนายบัญญัติ บรรทัดฐาน และสายนายสุเทพ ที่แอบดันอยู่เบื้องหลังหากไม่สามารถดันนายอภิรักษ์ได้สำเร็จ แต่ก็มีกระแสข่าวภายในพรรคจากเพื่อนส.ส.ที่ระบุตรงกันว่านายจุติอาจจะขอถอนตัวภายหลังที่นายอภิสิทธิ์ ได้เสนอแคนดิเดตสองคนตามข้อบังคับพรรคที่ 22
**“เทือก”ยังเดินสายล๊อบบี้หนุน “หล่อเล็ก”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับตำแหน่งรองเลขาธิการพรรค3 คน ที่หัวหน้าพรรคจะเป็นคนเลือก ได้มีการวางตัวไว้ คือ นายวิทยา แก้วภารดัย ส.ส.สัดส่วน นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช และ นายจุติ หากถอนตัวจากการชิงตำแหน่งเลขาธิการพรรค ส่วนรองหัวหน้าพรรครวม8 คน ประกอบด้วยโควตากลางของหัวหน้าพรรค 3 คน และรองหัวหน้าภาคอีก 5 ภาค ในภาคเหนือเป็นที่ชัดเจนว่านายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ ส.ส.ตาก รองหัวหน้าภาคตะวันออกเฉียงเหนือนายอิสระ สมชัย แข่งกับคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ส.ศ.สัดส่วน รองหัวหน้าพรรคภาคกลาง นายอลงกรณ์ พลบุตร ส.ส.สัดส่วน แข่งกับนายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง รองหัวหน้าพรรคภาคใต้ นายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา แข่งกับนายวิรัช ร่มเย็น ส.ส.ระนอง รองหัวหน้าพรรคภาคกทม. นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.สัดส่วน ส่วนรองหัวหน้าโควต้ากลาง ประกอบด้วยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ส.ส.สัดส่วน นายกรณ์ จาติกวนิช ส.ส.สัดส่วน และนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน สำหรับตำแหน่งโฆษกพรรคนั้น มีการวางตัวที่นายชวนนท์ อินทรโกมารสุต ส่วนกรรมการบริหารพรรคอีก 3 คน มีการเสนอตัวหลายคน อาทิ น.ส.รัชดา ธนาดิเรก ส.ส.กทม. นายธนิตพล ไชยนันท์ ส.ส.ตาก นายนราพัฒน์ แก้วทอง ส.ส.พิจิตร และบางคนที่ผิดหวังจากตำแหน่งข้างต้น แต่ทั้งหมดยังขึ้นอยู่กับการพูดคุยในรายละเอียด ซึ่งอาจจะมีการสลับตำแหน่งให้เหมาะสม โดยเน้นให้มีการปฏิรูปพรรคใหม่
ส่วนกรณีที่นายนคร มาฉิม ส.ส.พิษณุโลก ออกมาระบุถึงการปฏิรูปพรรคนั้น ไม่มีปัญหาใคร ๆ ก็สามารถให้ความเห็นกับผู้บริหารพรรคได้ แต่ตนขอแนะนำว่าไม่ต้องไปให้ความเห็นผ่านสื่อมวลชน ขอให้มาประชุมกันในห้องประชุมของพรรค เพราะหากพูดผ่านสื่อมวลชนไปบางทีก็เสนอข่าวไม่ครบพูดไปความยาว 1 หน้ากระดาษ สื่ออาจจะลงข่าวเพียงแค่ 3 บรรทัด จะทำให้คนเข้าใจคลาดเคลื่อนได้
ต่อข้อถามถึงข้อเสนอจากกลุ่มส.ส.ภาคเหนือที่เสนอให้ปฏิรูปการบริหารจัดการพรรค นายสุเทพ กล่าวว่า ยังไมได้พูดคุยกับใคร แต่ตนเชื่อว่าผู้บริหารพรรคชุดใหม่เขาต้องคิดว่าเราจะต้องปรับปรุงยุทธศาสตร์ยุทธวิธีอย่างไร
เมื่อถามย้ำว่า จากบทเรียนการเลือกตั้งที่ผ่านมาในส่วนของภาคเหนือและภาคอีสานปชป.ควรจะปรับปรุงการทำงานอย่างไร นายสุเทพ กล่าวว่า เอาไว้ถามผู้บริหารพรรคชุดใหม่ดีกว่า เพราะตนกำลังจะพ้นหน้าที่ในวันที่ 6 ส.ค.นี้แล้ว ตนก็เหมือนกับรัฐบาลรักษาการ จะต้องไม่ทำหรือพูดอะไรที่เป็นเรื่องผูกพันสำหรับรัฐบาลต่อไป
นายสุเทพ กล่าววถึงเสถียรภาพภายในพรรคในช่วงที่มีการคัดเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ซึ่งมีรายงานข่าวระบุว่าขณะนี้การวิ่งเต้นขอคะแนนเสียงจากคนในพรรคว่า อย่าใช้คำว่าวิ่งเต้น เดี๋ยวจะผิด การเสนอตัวให้สมาชิกพรรคพิจารณาเป็นเรื่องปกติ เช่น ถ้านายก.คิดว่าตัวเองมีความสามารถและมีความตั้งใจก็บอกให้เพื่อนรู้ว่าถ้าท่านทั้งหลายเลือกตน ตนก็พร้อม ซึ่งเป็นเรื่องปกติ แต่หากจะพูดว่าเป็นการหาเสียงก็ดูขึงขังไปหน่อย เรียกว่าเสนอตัวให้เพื่อนพิจารณาจะดีกว่า
เมื่อถามย้ำว่า ไม่ผิดธรมเนียประเพณีปฏิบัติของพรรค ใช่หรือไม่ ที่มีการออกมาหาเสียงกันภายในพรรค นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่มีอะไรที่ผิดประเพณี ที่ผ่านมาหลายคนก็เริ่มหาเสียงแล้ว เช่น การไปบอกเพื่อนว่าตัวเขานั้นอยากเป็น ตั้งใจจะเป็น
ส่วนกรณีที่นายวิรัช ร่มเย็น ส.ส.ระนอง ปชป. ซึ่งมีการขึ้นป้ายว่าพร้อมเป็นรองหัวหน้าพรรคดูแลพื้นที่ภาคใต้นั้นไม่มีอะไรผิดประเพณี เพราะหลายคนก็ได้ลงมือหาเสียงไปแล้ว เปรียบเหมือนเขาไปบอกเพื่อน ๆ ว่าเขาอยากเป็น ตั้งใจจะเป็น จะสนับสนุนหรือไม่ก็ต้องพิจารณา
** เทือกอัดลูกพรรคอย่าปากโป้งผ่านสื่อ
ส่วนที่มีสมาชิกเรียกร้องให้เปลี่ยนโครงสร้าง และปฏิรูปพรรคนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่เป็นปัญหา เพราะทุกคนสามารถเสนอความเห็นกับคณะผู้บริหารพรรคได้ แต่อยากแนะนำว่า ไม่ควรให้ความเห็นผ่านสื่อมวลชน ขอให้มาประชุมกันที่พรรค แล้วมาพูดคุย หารือกันจะดีกว่า เพราะหากพูดผ่านสื่อบางทีอาจจะเสนอข่าวไม่ครบ พูดยาวหน้ากระดาษ แต่สื่ออาจจะเอาไปลงแค่สามบรรทัด อาจจะทำให้หลายคนเข้าใจคลาดเคลื่อน ว่าไปพูดเรื่องอะไร เป็นอย่างไร
เมื่อถามย้ำว่า ข้อเสนอว่าควรมีการปรับโครงสร้างการบริหารจัดการภายในพรรค ที่ประชุมจะพูดกันหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่าที่ผ่านมายังไม่ได้พูดกับใคร เชื่อว่าผู้บริหารพรรชุดใหม่เขาคงคิดว่าเราต้องปรับปรุงยุทธศาสตร์หรือยุทธวิธีอย่างไรก็คงต้องคิดกัน
**"วิรัช"แจงเหตุติดป้ายหาเสียงรองหัวหน้าปชป.
นายวิรัช ร่มเย็น ส.ส.ระนอง พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวชี้แจงถึงสาเหตุที่ติดป้ายหาเสียงเป็นรองหัวหน้า ปชป.ดูแลพื้นที่ภาคใต้ ณ ที่ทำการ ปชป.ว่า แนวคิดของตนคือต้องการประกาศตัวว่าพร้อมรับใช้สมาชิกพรรคทุกคนในตำแหน่งรองหัวหน้า ยืนยันว่าจะติดป้ายเฉพาะที่ทำการ ปชป.เท่านั้น เหตุที่ตนใช้วิธีติดป้ายแทนที่จะใช้วิธีการโทรศัพท์ แอบพบ ดักคุย หรือไปหากับตามโรงแรม พร้อมถ้าไปเจอลักษณะเช่นนั้นท้ายสุด อย่างน้อยก็ต้องมีการเลี้ยงข้าว แต่ตนต้องการหาเสียงตามวิธีทางประชาธิปไตย ยิ่งมีการส่งจดหมายเวียนไปยังสมาชิกพรรคทุกคนให้ยุติการหาเสียงในวันที่ 5 สิงหาคม เวลา 17.00 น. เพราะป้ายหาเสียงยังอยู่ถึงวันลงคะแนนจริง ในวันที่ 6 สิงหาคม ขณะที่คนอื่นต้องหยุดหาเสียงในวันที่ 5 ส.ค.
**เปิดโผกก.บห.ปชป.ชุดใหม่ “เ
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงความคืบหน้าในการคัดเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ชุดใหม่ และตำแหน่งเลขาธิการ ภายหลังที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ได้เดินสายนัดพบส.ส.ภาคต่างๆเพื่อหารือถึงเรื่องดังกล่าว โดยเริ่มจากส.ส.กลุ่มต่างๆ เริ่มจากภาคใต้เมื่อวันที่ 17 ก.ค ที่จ.สุราษฏรธานี ภาคกทม.เมื่อวันที่25 ก.ค. ที่รร.ดิอิมเมอรัล และกลุ่มภาคกลางเย็นวันที่ 1 ส.ค. ที่รร.อินเตอร์คอนติเดนตัล และวันที่ 2 ส.ค. จะมีการนัดหารือกลุ่มภาคเหนือ และอีสาน ที่รร.ดิอิมเมอร์รัล เพื่อพยายามขอเสียงสนับสนุนให้กับนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ส.ส.สัดส่วน
**“เสี่ยต่อ”มาแรงแซง “จุติ”
อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าขณะนี้มีเพียง2 รายชื่อที่มีความโดดเด่น และน่าลุ้นกับตำแหน่งเลขาธิการพรรค คือ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รองหัวหน้าพรรคภาคกลาง และ นายจุติ ไกรฤกษ์ ส.ส.พิษณุโลก โดยส.ส.ส่วนใหญ่เห็นว่า มีคุณสมบัติเพียงพอ โดยนายเฉลิมชัยนั้นมีคุณสมบัติครบเครื่อง ประเภทใจถึงพึ่งได้ และมีพรรคพวกมาก ทั้งในพรรคและนอกพรรค โดยเฉพาะมีความสนิทสนมกับกลุ่มของนายศักสยาม ชิดชอบ น้องชายนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย อีกทั้งยังเป็นคนที่ออกมาเคลื่อนไหวสนับสนุนนายอภิสิทธิ์ ให้มาเป็นหัวหน้าพรรคอีกครั้ง จึงเห็นว่าคนที่จะมาเป็นแม่บ้านพรรค ควรเป็นคนที่ทำงานเข้าขากับหัวหน้าพรรคมากที่สุด จึงทำให้ชื่อของนายเฉลิมชัยมาแรงที่สุดในช่วงโค้งสุดท้าย
ส่วนนายจุติ นั้น แม้จะมีคุณสมบัติไม่ด้อยกว่ากัน และสามารถประสานกลุ่มผู้อาวุโสของพรรคทั้ง3 สาย คือ สายนายชวน หลีกภัย สายนายบัญญัติ บรรทัดฐาน และสายนายสุเทพ ที่แอบดันอยู่เบื้องหลังหากไม่สามารถดันนายอภิรักษ์ได้สำเร็จ แต่ก็มีกระแสข่าวภายในพรรคจากเพื่อนส.ส.ที่ระบุตรงกันว่านายจุติอาจจะขอถอนตัวภายหลังที่นายอภิสิทธิ์ ได้เสนอแคนดิเดตสองคนตามข้อบังคับพรรคที่ 22
**“เทือก”ยังเดินสายล๊อบบี้หนุน “หล่อเล็ก”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับตำแหน่งรองเลขาธิการพรรค3 คน ที่หัวหน้าพรรคจะเป็นคนเลือก ได้มีการวางตัวไว้ คือ นายวิทยา แก้วภารดัย ส.ส.สัดส่วน นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช และ นายจุติ หากถอนตัวจากการชิงตำแหน่งเลขาธิการพรรค ส่วนรองหัวหน้าพรรครวม8 คน ประกอบด้วยโควตากลางของหัวหน้าพรรค 3 คน และรองหัวหน้าภาคอีก 5 ภาค ในภาคเหนือเป็นที่ชัดเจนว่านายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ ส.ส.ตาก รองหัวหน้าภาคตะวันออกเฉียงเหนือนายอิสระ สมชัย แข่งกับคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ส.ศ.สัดส่วน รองหัวหน้าพรรคภาคกลาง นายอลงกรณ์ พลบุตร ส.ส.สัดส่วน แข่งกับนายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง รองหัวหน้าพรรคภาคใต้ นายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา แข่งกับนายวิรัช ร่มเย็น ส.ส.ระนอง รองหัวหน้าพรรคภาคกทม. นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.สัดส่วน ส่วนรองหัวหน้าโควต้ากลาง ประกอบด้วยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ส.ส.สัดส่วน นายกรณ์ จาติกวนิช ส.ส.สัดส่วน และนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน สำหรับตำแหน่งโฆษกพรรคนั้น มีการวางตัวที่นายชวนนท์ อินทรโกมารสุต ส่วนกรรมการบริหารพรรคอีก 3 คน มีการเสนอตัวหลายคน อาทิ น.ส.รัชดา ธนาดิเรก ส.ส.กทม. นายธนิตพล ไชยนันท์ ส.ส.ตาก นายนราพัฒน์ แก้วทอง ส.ส.พิจิตร และบางคนที่ผิดหวังจากตำแหน่งข้างต้น แต่ทั้งหมดยังขึ้นอยู่กับการพูดคุยในรายละเอียด ซึ่งอาจจะมีการสลับตำแหน่งให้เหมาะสม โดยเน้นให้มีการปฏิรูปพรรคใหม่
