วานนี้ (26 ก.ค) นายอลงกรณ์ พลบุตร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 25ก.ค.ที่ผ่านมา ตนได้เชิญผู้สมัคร ส.ส.ภาคกลางที่สอบตก จำนวน 71 คน และประธานสาขาพรรคภาคกลาง เพื่อต้องการให้กำลังใจและขอบคุณที่ทำงานให้กับพรรค และมีการหารือถึงแนวทางปฏิรูปพรรคต่อไป โดยมีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ เข้าร่วมรับฟังด้วย ทั้งนี้ ในที่ประชุมมีการเสนอและเห็นพ้องกันว่า ควรจะมีการปฏิรูปพรรคด้วยการเริ่มจากการมีส่วนร่วมโดยเฉพาะบุคลากรทางการเมือง และสาขาพรรคทุกภาคทั่วประเทศ เพราะการปฏิรูปพรรคจะประสบความสำเร็จได้จะต้องร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมเสนอ จากทุกภาคส่วนของพรรค เพราะฉะนั้นวันนี้ นอกจากได้ให้ความมั่นใจ ในการที่จะร่วมทำงานกันต่อไป แม้ว่าจะประสบความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้ง แต่ทุกคนก็มีกำลังใจและเห็นด้วย ว่าจำเป็นจะต้องมีการปฏิรูปพรรค ซึ่งไม่ใช่เฉพาะคณะกรรมการบริหารพรรค
นายอลงกรณ์ กล่าวต่อว่า นายชวนได้ให้กำลังใจ และให้แนวทางการทำงานการเมืองรวมไปถึง การให้ยึดแนวทางและอุดมการของพรรค โดยการเข้าหาประชาชนและต้องมีความมุ่งมั่นในการทำงาน ส่วนเรื่องเงินไม่ใช้ปัจจัยหลัก แต่อยากให้มุ่งมั่นทำงานให้ประชาชน เกิดความศรัทธาและมีความผูกพันธ์ ทั้งนี้นายชวนได้ยกตัวอย่างชีวิตการเมืองของตัวเอง และให้แนวทางพัฒนาทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งเดิมเคยถูกพรรคกิจสังคมยึดครองในภาคใต้ แต่ด้วยความมุ่งมั่นนายชวน สามารถนำพรรคประชาธิปัตย์กลับมาครองใจในจังหวัดภาคใต้ได้ ซึ่งนายชวน เห็นว่าภาคกลางมีโอกาสที่จะเป็นแบบเดียวกับภาคใต้ในการเรียนรู้แนวทางทางการเมือง
นายอลงกรณ์ กล่าวว่า ในวันที่26 ก.ค. เวลา 09.00 น. ตนจะเดินทางไปพบประธานสาขาภาคใต้ ที่อำเภอหาใหญ่ จ.สงขลา ที่ โรงแรมไดมอนพล่าซ่า และในเวลา 15.00 น.ของวันเดียวกัน ตนก็จะเดินทางไปพบกับประธานสาขาภาคใต้ตอนบน ที่โรงแรมทวินโลตัส ส่วนวันพุธที่ 27 ก.ค.เวลา 09.00 น. ตนจะเดินทางไปพบกับประธานสาขาภาคอีสาน ที่โรงแรมโฆษะ ขอนแก่น สำหรับวันที่ 28 ก.ค. เวลา 11.00 น. ตนจะพบกับประธานสาขากทม. ที่ร้านอาหารเพลิน วิภาวดี และในวันที่ 30 ก.ค.จะไปพบประธาน สาขาพรรคภาคเหนือตอนล่างที่ จ.พิษณุโลก ในเวลา 09.00 น. และวันเดียวกันที่ จ.เชียงใหม่ เวลา 15.00 น.ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแนวทางการปฏิรูปการเมืองในระดับภาค เพราะการที่จะเกิดจุดเปลี่ยนต้องมีการปฏิรูป และต้องให้ทุกคนรวมทั้งสมาชิกพรรคมีส่วนร่วมมากที่สุด
**“เทือก”ผุดโรงเรียนการเมืองปัดลอก
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รักษาการเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่มีการคุยเรื่องจะทำโรงเรียนการเมืองที่คุยกับส.ส.ภาคใต้ว่า เมื่อตนไม่รับตำแหน่งใดๆในพรรคแล้วก็จะมีเวลาในการทำงานมากขึ้น เพื่ออบรมส.ส.รุ่นใหม่ โดยตั้งใจว่าจะตั้งโรงเรียนการเมืองสำหรับส.ส.น้องใหม่ ทั้งระบบบัญชีรายชื่อและส.ส.เขตมีราว30 คนเพื่อช่วยกันถ่ายทอดความรู้ประสบการณ์ให้ส.ส.ใหม่ของพรรคเหล่านี้สามารถทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพและจะทำอย่างต่อเนื่อง
เมื่อถามว่า เกรงหรือไม่ว่าจะถูกมองว่าเป็นการสร้างกลุ่มของตัวเอง แม้จะไม่มีตำแหน่งในพรรค นายสุเทพ กล่าวว่าตนไม่กลัวเพราะอยู่ในพรรคมากว่า30 ปี ไม่เคยมีมุ้ง และไม่มีการตั้งกลุ่มใดๆ การทำโรงเรียนการเมืองก็แจ้งให้หัวหน้าพรรคและผู้ใหญ่ในพรรครับทราบพร้อมแจ้งให้สมาชิกพรรครู้แล้ว คนที่ต้องการความรู้เพิ่มก็มาเรียนได้ จะสอนการทำหน้าที่ส.ส.ได้สมบูรณ์ขึ้นมีวิทยากรและแบบแผน กำลังทำหลักสูตรการเรียนการสอนอยู่ และไม่ใช่เป็นแบบที่คนเสื้อแดงทำ เพราะการตั้งโรงเรียนการเมืองของคนเสื้อแดงมีการปลุกระดมประชาชนให้มีความคิดให้เกิดการปฏิวัติประชาชนเปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครองของบ้านเมือง แต่โรงเรียนการเมืองของเราเน้นให้ความรู้กับส.ส. อาทิ การอภิปรายในสภาการยกร่างกฏหมาย การพิจารณากฏหมายการตั้งกระทู้ การเรียนรู้วิธีการบริหารราชการแผ่นดิน เรื่องงบประมาณต่างๆ จะได้เข้าใจระบอบการปกครองประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นพระประมุข ซึ่งจะทำให้เร็วที่สุด แต่ต้องเลือกเลขาธิการพรรคให้ได้ก่อน
**ปัดข่าว“จุติ ไกรกฤษ์”ขัดตาทัพ
เมื่อถามต่อว่า มีข่าวว่า นายสุเทพได้กล่าวสนับสนุนให้นายจุติ ไกรกฤษ์ ส.ส.พิษณุโลก มาเป็นเลขาธิการพรรค ขัดตาทัพไปก่อน เป็นอย่างไร นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่ได้พูดเช่นนั้น ไม่มีใครมาขัดตาทัพใคร อย่าพุ่งเป้ามาที่ตน และไม่ใช่ผู้มีอิทธิพลเป็นคนตั้งเลขาธิการพรรคได้แต่ตนสนับสนุนหัวหน้าพรรคเต็มที่ ไม่ว่าจะเสนอชื่อใครมาเป็นเลขาธิการพรรคคนใหม่ ขนาดเสนอชื่อนายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา มาก็ยังโหวตให้เลย
**เห็นใจ “หล่อเล็ก”ถูกคดีทุจริต
นายสุเทพ กล่าวถึงกรณีที่นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อที่คนในพรรคเห็นว่าเหมาะจะเป็นเลขาธิการพรรค แต่กลับถูก ปปช.ชี้มูลและส่งฟ้องคดีอาญา จะส่งผลกระทบหรือไม่อย่างไรว่า กรณีนายอภิรักษ์มีคนที่ยัดเยียดให้ตนเป็นผู้สนับสนุนอยู่เรื่อยไม่เข้าใจคนในพรรคหรือสื่อยัดเยียดให้ตนเป็นผู้เสนอขอทวนก่อนว่าครั้งแรกที่พูดเรื่องนี้ เพราะสื่อมาถาม ว่าเขาประกาศตัว จนมีการพาดหัวว่านายสุเทพ หนุนนายอภิรักษ์ ซึ่งตนคิดว่าแบบนี้ไม่ถูกต้อง พูดอะไรก็ขอให้ลงแค่นั้น และน่าเห็นใจนายอภิรักษ์ที่ถูกยกมาเป็นประเด็นข่าวทั้งบวกและลบทั้งที่อยู่เฉยๆจึงขอชี้แจงว่าคนที่จะมาเป็นเลขาธิการพรรค ขึ้นอยู่ที่หัวหน้าพรรคเป็นผู้เสนอให้ที่ประชุมใหญ่พิจารณาดังนั้นอย่ามาจ้องที่ตนและสร้างเรื่องว่า ตนเป็นคนสำคัญ ยืนยันว่าไม่มีความสำคัญขนาดนั้น
เมื่อถามว่า นายอภิรักษ์ถูก ปปช.ส่งฟ้องคดีอาญา แต่ยังมีคนเสนอชื่อเป็นเลขาธิการพรรค จะเป็นการทำงานพรรคและตัวนายอภิรักษ์เองหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ทราบจริงๆ แล้วแต่คนมองและคนที่เป็นหัวหน้าพรรคส่วนตัวไม่กังวลกับเรื่องนี้และไม่รู้สึกว่านายอภิรักษ์ด่างพร้อยอะไรส่วนกรณีที่มีรายงานข่าวว่า ในการประชุมส.ส.ภาคใต้ที่จ.สุราษฎร์ มีการพูดถึงชื่อนายอภิรักษ์ นายสุเทพ กล่าวว่า เป็นความไม่ยุติธรรมเพราะตนพูดไปทั้ง 5 ชื่อ แต่ไม่ขอบอกว่าเป็นใคร ซึ่งแต่ละคนมีคุณสมบัติแตกต่างกัน แต่สาระคือ เป็นการบอกว่า ตำแหน่งเลขาธิการพรรคค ไม่จำเป็นต้องมีส.ส.ภาคใต้ โดยส.ส.ภาคใต้ก็เห็นร่วมกันว่า จะไม่เอาตำแหน่งในคณะกรรมการบริหารพรรคเป็นเรื่องใหญ่พูดง่ายๆคือ ไม่จำเป็นต้องมีโควต้าหรือสัดส่วน แต่ให้คิดถึงภาพรวมของพรรคทั้งประเทศเป็นสำคัญ เช่นเดียวกับตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคที่ขณะนี้ยังไม่มีการหารือกันเมื่อถามว่ายิ่งทอดเวลาอกไปจะเกิดแรงกระเพื่อมในพรรคมากขึ้นใช่หรือไม่นายสุเทพ กล่าวว่าไม่มีแรงกระเพื่อม แต่เป็นเรื่องปกติ ใครจะขึ้นาอย่างไรก็ได้
นายอลงกรณ์ กล่าวต่อว่า นายชวนได้ให้กำลังใจ และให้แนวทางการทำงานการเมืองรวมไปถึง การให้ยึดแนวทางและอุดมการของพรรค โดยการเข้าหาประชาชนและต้องมีความมุ่งมั่นในการทำงาน ส่วนเรื่องเงินไม่ใช้ปัจจัยหลัก แต่อยากให้มุ่งมั่นทำงานให้ประชาชน เกิดความศรัทธาและมีความผูกพันธ์ ทั้งนี้นายชวนได้ยกตัวอย่างชีวิตการเมืองของตัวเอง และให้แนวทางพัฒนาทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งเดิมเคยถูกพรรคกิจสังคมยึดครองในภาคใต้ แต่ด้วยความมุ่งมั่นนายชวน สามารถนำพรรคประชาธิปัตย์กลับมาครองใจในจังหวัดภาคใต้ได้ ซึ่งนายชวน เห็นว่าภาคกลางมีโอกาสที่จะเป็นแบบเดียวกับภาคใต้ในการเรียนรู้แนวทางทางการเมือง
นายอลงกรณ์ กล่าวว่า ในวันที่26 ก.ค. เวลา 09.00 น. ตนจะเดินทางไปพบประธานสาขาภาคใต้ ที่อำเภอหาใหญ่ จ.สงขลา ที่ โรงแรมไดมอนพล่าซ่า และในเวลา 15.00 น.ของวันเดียวกัน ตนก็จะเดินทางไปพบกับประธานสาขาภาคใต้ตอนบน ที่โรงแรมทวินโลตัส ส่วนวันพุธที่ 27 ก.ค.เวลา 09.00 น. ตนจะเดินทางไปพบกับประธานสาขาภาคอีสาน ที่โรงแรมโฆษะ ขอนแก่น สำหรับวันที่ 28 ก.ค. เวลา 11.00 น. ตนจะพบกับประธานสาขากทม. ที่ร้านอาหารเพลิน วิภาวดี และในวันที่ 30 ก.ค.จะไปพบประธาน สาขาพรรคภาคเหนือตอนล่างที่ จ.พิษณุโลก ในเวลา 09.00 น. และวันเดียวกันที่ จ.เชียงใหม่ เวลา 15.00 น.ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแนวทางการปฏิรูปการเมืองในระดับภาค เพราะการที่จะเกิดจุดเปลี่ยนต้องมีการปฏิรูป และต้องให้ทุกคนรวมทั้งสมาชิกพรรคมีส่วนร่วมมากที่สุด
**“เทือก”ผุดโรงเรียนการเมืองปัดลอก
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รักษาการเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่มีการคุยเรื่องจะทำโรงเรียนการเมืองที่คุยกับส.ส.ภาคใต้ว่า เมื่อตนไม่รับตำแหน่งใดๆในพรรคแล้วก็จะมีเวลาในการทำงานมากขึ้น เพื่ออบรมส.ส.รุ่นใหม่ โดยตั้งใจว่าจะตั้งโรงเรียนการเมืองสำหรับส.ส.น้องใหม่ ทั้งระบบบัญชีรายชื่อและส.ส.เขตมีราว30 คนเพื่อช่วยกันถ่ายทอดความรู้ประสบการณ์ให้ส.ส.ใหม่ของพรรคเหล่านี้สามารถทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพและจะทำอย่างต่อเนื่อง
เมื่อถามว่า เกรงหรือไม่ว่าจะถูกมองว่าเป็นการสร้างกลุ่มของตัวเอง แม้จะไม่มีตำแหน่งในพรรค นายสุเทพ กล่าวว่าตนไม่กลัวเพราะอยู่ในพรรคมากว่า30 ปี ไม่เคยมีมุ้ง และไม่มีการตั้งกลุ่มใดๆ การทำโรงเรียนการเมืองก็แจ้งให้หัวหน้าพรรคและผู้ใหญ่ในพรรครับทราบพร้อมแจ้งให้สมาชิกพรรครู้แล้ว คนที่ต้องการความรู้เพิ่มก็มาเรียนได้ จะสอนการทำหน้าที่ส.ส.ได้สมบูรณ์ขึ้นมีวิทยากรและแบบแผน กำลังทำหลักสูตรการเรียนการสอนอยู่ และไม่ใช่เป็นแบบที่คนเสื้อแดงทำ เพราะการตั้งโรงเรียนการเมืองของคนเสื้อแดงมีการปลุกระดมประชาชนให้มีความคิดให้เกิดการปฏิวัติประชาชนเปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครองของบ้านเมือง แต่โรงเรียนการเมืองของเราเน้นให้ความรู้กับส.ส. อาทิ การอภิปรายในสภาการยกร่างกฏหมาย การพิจารณากฏหมายการตั้งกระทู้ การเรียนรู้วิธีการบริหารราชการแผ่นดิน เรื่องงบประมาณต่างๆ จะได้เข้าใจระบอบการปกครองประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นพระประมุข ซึ่งจะทำให้เร็วที่สุด แต่ต้องเลือกเลขาธิการพรรคให้ได้ก่อน
**ปัดข่าว“จุติ ไกรกฤษ์”ขัดตาทัพ
เมื่อถามต่อว่า มีข่าวว่า นายสุเทพได้กล่าวสนับสนุนให้นายจุติ ไกรกฤษ์ ส.ส.พิษณุโลก มาเป็นเลขาธิการพรรค ขัดตาทัพไปก่อน เป็นอย่างไร นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่ได้พูดเช่นนั้น ไม่มีใครมาขัดตาทัพใคร อย่าพุ่งเป้ามาที่ตน และไม่ใช่ผู้มีอิทธิพลเป็นคนตั้งเลขาธิการพรรคได้แต่ตนสนับสนุนหัวหน้าพรรคเต็มที่ ไม่ว่าจะเสนอชื่อใครมาเป็นเลขาธิการพรรคคนใหม่ ขนาดเสนอชื่อนายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา มาก็ยังโหวตให้เลย
**เห็นใจ “หล่อเล็ก”ถูกคดีทุจริต
นายสุเทพ กล่าวถึงกรณีที่นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อที่คนในพรรคเห็นว่าเหมาะจะเป็นเลขาธิการพรรค แต่กลับถูก ปปช.ชี้มูลและส่งฟ้องคดีอาญา จะส่งผลกระทบหรือไม่อย่างไรว่า กรณีนายอภิรักษ์มีคนที่ยัดเยียดให้ตนเป็นผู้สนับสนุนอยู่เรื่อยไม่เข้าใจคนในพรรคหรือสื่อยัดเยียดให้ตนเป็นผู้เสนอขอทวนก่อนว่าครั้งแรกที่พูดเรื่องนี้ เพราะสื่อมาถาม ว่าเขาประกาศตัว จนมีการพาดหัวว่านายสุเทพ หนุนนายอภิรักษ์ ซึ่งตนคิดว่าแบบนี้ไม่ถูกต้อง พูดอะไรก็ขอให้ลงแค่นั้น และน่าเห็นใจนายอภิรักษ์ที่ถูกยกมาเป็นประเด็นข่าวทั้งบวกและลบทั้งที่อยู่เฉยๆจึงขอชี้แจงว่าคนที่จะมาเป็นเลขาธิการพรรค ขึ้นอยู่ที่หัวหน้าพรรคเป็นผู้เสนอให้ที่ประชุมใหญ่พิจารณาดังนั้นอย่ามาจ้องที่ตนและสร้างเรื่องว่า ตนเป็นคนสำคัญ ยืนยันว่าไม่มีความสำคัญขนาดนั้น
เมื่อถามว่า นายอภิรักษ์ถูก ปปช.ส่งฟ้องคดีอาญา แต่ยังมีคนเสนอชื่อเป็นเลขาธิการพรรค จะเป็นการทำงานพรรคและตัวนายอภิรักษ์เองหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ทราบจริงๆ แล้วแต่คนมองและคนที่เป็นหัวหน้าพรรคส่วนตัวไม่กังวลกับเรื่องนี้และไม่รู้สึกว่านายอภิรักษ์ด่างพร้อยอะไรส่วนกรณีที่มีรายงานข่าวว่า ในการประชุมส.ส.ภาคใต้ที่จ.สุราษฎร์ มีการพูดถึงชื่อนายอภิรักษ์ นายสุเทพ กล่าวว่า เป็นความไม่ยุติธรรมเพราะตนพูดไปทั้ง 5 ชื่อ แต่ไม่ขอบอกว่าเป็นใคร ซึ่งแต่ละคนมีคุณสมบัติแตกต่างกัน แต่สาระคือ เป็นการบอกว่า ตำแหน่งเลขาธิการพรรคค ไม่จำเป็นต้องมีส.ส.ภาคใต้ โดยส.ส.ภาคใต้ก็เห็นร่วมกันว่า จะไม่เอาตำแหน่งในคณะกรรมการบริหารพรรคเป็นเรื่องใหญ่พูดง่ายๆคือ ไม่จำเป็นต้องมีโควต้าหรือสัดส่วน แต่ให้คิดถึงภาพรวมของพรรคทั้งประเทศเป็นสำคัญ เช่นเดียวกับตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคที่ขณะนี้ยังไม่มีการหารือกันเมื่อถามว่ายิ่งทอดเวลาอกไปจะเกิดแรงกระเพื่อมในพรรคมากขึ้นใช่หรือไม่นายสุเทพ กล่าวว่าไม่มีแรงกระเพื่อม แต่เป็นเรื่องปกติ ใครจะขึ้นาอย่างไรก็ได้