xs
xsm
sm
md
lg

คนใต้ประกาศต้านแผนอุตฯก่อน”ปูแดง” แถลงนโยบาย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ทรงวุฒิ พัฒแก้ว
นครศรีธรรมราช -เครือข่ายป้องถิ่นภาคประชาชนตื่นตัวนโยบาย “ยิ่งลักษณ์” สัญญาณเตือนชัด โรงไฟฟ้าถ่านหิน-แลนบริดจ์ คืนชีพ เตรียมขยับต้านแถลงการณ์ป้องทรัพยากรวิถี โดยรวมตัวประชาชนประกาศไม่เอาแผนพัฒนาอุตสาหกรรมก่อนรัฐบาลใหม่แถลงนโยบาย ด้าน กฟผ.ถลุงงบพาเที่ยวเยอรมนี-ออสเตรเลีย

หลังจากการขยับอีกครั้งเพื่อขับเคลื่อนโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหิน ในพื้นที่จ.นครศรีธรรมราช ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ทำให้ประชาชนในพื้นที่ที่กำลังเฝ้าติดตามและต่อต้านการเข้ามาของโรงไฟฟ้าชนิดนี้ในพื้นที่อย่างหนักเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง ซึ่งเมื่อราว 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา กฟผ.มีการเคลื่อวไหวหลายด้าน ทั้งในส่วนของผู้บริหารฝ่ายสื่อสารองค์กร นายสัณห์ เงินถาวร หัวหน้าคณะทำงานศูนย์ข้อมูลการพัฒนาพลังงานไฟฟ้านครศรีธรรมราช (คณะทำงานเตรียมการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน)

ขณะที่พลังงานจังหวัดนครศรีธรรมราช มีการยืนยันชัดเจนว่ากระบวนการ 7 ขั้นตอนที่ กฟผ.ดำเนินการไม่มีข้อใดเกี่ยวข้องกับพลังงานจังหวัดทั้งสิ้น เนื่องจากสำนักงานพลังงานจังหวัดมีหน้าที่เพียงสนองนโยบาย อำนวยความสะดวก ประสานงานให้เป็นไป ตามกรอบนโยบายกระทรวงพลังงานเท่านั้น

นายทรงวุฒิ พัฒแก้ว ผู้ประสานงานเครือข่ายรักษ์บ้านเกิดท่าศาลา เปิดเผยว่า มีการหารือกันในภาพรวมจากเครือข่ายที่มีความรักในท้องถิ่นและวิถีชีวิตของเขาในหลายจังหวัดของภาคใต้ คือ สงขลา สตูล นครศรีธรรมราช ชุมพร ประจวบคีรีขันธ์ สุราษฎร์ธานี สาระสำคัญ คือ เรื่องของนโยบายว่าที่รัฐบาลชุดใหม่ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งจากการติดตามอย่างใกล้ชิด พบข้อมูลชัดเจนว่า มีสัญญาณบ่งชี้อย่างชัดเจนที่จะมีการสนับสนุนให้เกิดโครงการแลนด์บริดจ์ในภาคใต้ต่อไป รวมทั้งเรื่องแผนพัฒนาพลังงาน หรือ PDP เป็นสัญญาณบ่งเตือนว่า หลังจากนี้ หากประชาชนไม่ตื่นตัวต้านโรงไฟฟ้าถ่านหิน หรือชนิดอื่น อุตสาหกรรมจะขยับเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

“เรามีการหารือกันแล้ว ซึ่งมีข้อสรุปคือจะต้องเคลื่อนไหวให้รัฐบาลทบทวน ในเรื่องของนโยบายแลนด์บริดจ์ โดยแต่ละจังหวัดจะเริ่มขับเคลื่อนก่อนที่รัฐบาลจะแถลงนโยบายต่อสภา โดยแต่ละจังหวัดในภาคใต้จะเริ่มมาตรการด้วยการออกแถลงการณ์ถึงการปฏิเสธโครงการเหล่านี้ หลังจากนั้นจะติดตามต่อไปอย่างต่อเนื่อง หากรัฐบาลยังเดินหน้าต่อไปภาคประชาชนจะเริ่มมาตรการในการปฏิเสธเข้มข้นขึ้นไปตามลำดับ”

ผู้ประสานงานเครือข่ายรักษ์บ้านเกิดท่าศาลา ยังกล่าวต่อว่าในส่วนของการปฏิเสธโรงไฟฟ้าถ่านหินในพื้นที่ ทุกส่วนทั้งประชาชน ท้องถิ่น และภาควิชาการ ยังคงมีความเหนียวแน่น ส่วนกฟผ.เท่าที่ติดตามข้อมูล พบว่า ยังคงใช้วิธีการผลาญงบประมาณกันต่อไปเป็นกลยุทธ์ที่ไร้ซึ่งความจริงใจ เจ้าหน้าที่ของ กฟผ.ไม่ได้จริงใจ ไม่รู้จะจ้างคนแบบนี้ไปเพื่ออะไรกฟผ.ต้องทบทวนอย่างจริงจัง

“กฟผ.มีโครงการที่พากลุ่มบุคคลไปศึกษาดูงานในต่างประเทศ โดยช่วงนี้ไปในประเทศเยอรมนี หลังจากจบทริปเยอรมนีจะไปออสเตรเลีย ทำเป็นแค่ดึงคนไปเที่ยว ไปเลี้ยงดูปูเสื่อ ช่วงชิงบุคคลให้มาเป็นผู้สนับสนุนตัวเอง ทำเหมือนราวกับนักการเมืองเลี้ยงดูหัวคะแนน แต่ไม่เคยลงพื้นที่พูดคุย ทำงานอย่างที่ควรจะทำ” ผู้ประสานงานเครือข่ายรักษ์บ้านเกิดท่าศาลากล่าว

ด้านแหล่งข่าวระดับสูงที่เกี่ยวข้องกับโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินในพื้นที่นครศรีธรรมราช รายหนึ่ง เปิดเผยว่า เป็นความจริงที่ กฟผ.ได้จัดคนไปศึกษาดูงานยังต่างประเทศโดยใช้งบจำนวนมาก ช่วงนี้อยู่ระหว่างดูงานที่ ประเทศเยอรมนี หลังจากที่คณะจากเยอรมนีกลับมา จะพาอีกชุดไปประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเป็นการคณะจำนวนหนึ่งซึ่งไม่แน่ใจว่ามีจำนนวนกี่ที่รายไปดูเทคโนโลยีโรงไฟฟ้าถ่านหินของทั้งสองประเทศ

“ผมเข้าใจว่า เป็นการพาไปดูเทคโนโลยีชั้นสูง แต่ไม่ได้บอกอีกเช่นเคย ว่าเทคโนโลยีเหล่านั้นเป็นกลุ่มเทคโนโลยีที่ไม่ได้นำมาใช้ในประเทศไทย ทำได้แค่ไปถ่ายรูป บันทึกเทป มาทำสปอตมาทำโฆษณาชวนเชื่อโดยอาศัยภาพเทคโนโลยีเหล่านั้น ก่อนหน้านี้ มีการนำไปในประเทศแถบเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น เป็นต้น สรุปคือไม่ได้อะไรเลย ส่วนในพื้นที่ยังเป็นไปในกรอบเดิมๆ คือ หว่านผลประโยชน์ให้แก่กลุ่มคนบางกลุ่มโดยไม่ได้มีการวิเคราะห์ การใช้งบประมาณจำนวนมากในการเดินทางไปยังต่างประเทศละลายไปอีกเหมือนเคย โดยไม่มีประโยชน์เกิดขึ้นแก่ กฟผ.แต่อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าเรื่องนี้ผู้บริหารได้สั่งให้ยุติการทำงานในพื้นที่ชั่วคราวไปแล้ว และยังไม่มีคำสั่งใดๆ ออกมาเข้าใจว่าชุดที่ลงไปต้องทำไปตามแผนที่มีอยู่แล้วทำนองสมองไม่ทำงานแต่มือยังทำงาน”

แหล่งข่าวรายนี้ยังกล่าวด้วยว่า การลงพื้นที่นครศรีธรรมราชรอบใหม่เป็นการลงของ 2 ฝ่าย คือฝ่ายสื่อสารองค์กร และฝ่ายก่อสร้าง ซึ่งการจัดคนไปศึกษาดูงานนั้นฝ่ายก่อสร้างจะเป็นคนเลือกสรร จากนั้นจะส่งให้ฝ่ายสื่อสารองค์กรไปบริหารจัดการ และล่าสุดมีข้อมูลว่าสิ่งที่เจ้าหน้าที่ กฟผ.บางคนต้องรีบเคลียร์ความชัดเจน คือ การใช้จ่ายงบประมาณก่อนหน้านี้ที่มีการทุ่มลงไปจำนวนมาก แต่มีปัญหาที่ไม่มีผลงานกลับมา เช่น หนังสือพิมพ์ท้องถิ่น ที่มีแค่ชื่อหนังสือพิมพ์แต่ไม่ได้ตีพิมพ์ออกมาตามสัญญาว่าจ้าง หรืองบสนับสนุนวิทยุชุมชนหลายคลื่นที่เสมือนเป็นการจ่ายสนับสนุนเท่านั้น ไม่ได้มีการประชาสัมพันธ์ตามสัญญาว่าจ้างเป็นต้น

ทั้งนี้ ภายในกำลังมีการตรวจสอบในเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด ที่สำคัญ การกลับมาอีกครั้งของทีม กฟผ.ครั้งนี้กลับอยู่ในรูปแบบเดิมทั้งหมด คนที่มาอ้างการสนับสนุนการทำงาน กฟผ.เป็นกลุ่มเดิมๆ เพียงแค่ฝ่ายก่อสร้างเป็นผู้ผ่านกระบวนการบริหารจัดการไปให้ฝ่ายสื่อสารองค์กรทำต่อจากเดิมทีมก่อสร้างเป็นผู้ดำเนินการบริหารจัดการเอง
กำลังโหลดความคิดเห็น