วานนี้ (1ส.ค.)เว็บไซต์ฟิฟทีนมูฟ รายงานอ้างจากวิทยุเสียงอเมริกาภาคภาษาเขมร เมื่อวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา กรณีฝ่ายไทยเสนอให้มีการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา หรือจีบีซี เพื่อกำหนดกรอบขั้นตอนการปฏิบัติตามมาตรการชั่วคราวของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ(ศาลโลก) แต่ทางกัมพูชาได้ปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าว
พลโทชุม โซะเจียต โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา กล่าวสาระสำคัญนี้ว่า จุดยืนของกัมพูชาคือการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไม่สามารถปฏิบัติได้ เพราะเรื่องปราสาทพระวิหารไปถึงคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศที่กรุงเฮก และอาเซียนแล้ว ดังนั้น คำสั่งของศาลเป็นมาตรการที่ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด แต่ปัญหาสำคัญที่สุดคือไทยต้องเคารพตามคำสั่งของศาล
รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านั้นฝ่ายไทย โดยประชุมสภากลาโหมได้หารือกับ กระทรวงการต่างประเทศเพื่อหารือเกี่ยวกับคำสั่งของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ(ศาลโลก) ออกมาตรการคุ้มครองชั่วคราวต่อข้อพิพาทประสาทเขาพระวิหาร โดยสภากลาโหมเสนอให้กระทรวงกลาโหม ซึ่งเป็นหน่วยงานความมั่นคงหาช่องทางเจรจากับฝ่ายกัมพูชาในกรอบคณะกรรมการชายแดนทั่วไปร่วมไทย-กัมพูชา หรือจีบีซี
เนื่องจากมีความพร้อมและเห็นพ้องต่อแนวทางจะใช้กลไกแบบทวิภาคี รวมทั้งที่ผ่านมามีการเสนอกรอบวาระจะประชุม จีบีซี ครั้งที่ 8 เข้าสู่การพิจารณารับรองของคณะรัฐมนตรี และรัฐสภาแล้ว เนื้อหาเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตและการดูแลความปลอดภัยของประชาชน รวมทั้งการแก้ปัญหาต่างๆ ตามแนวชายแดนสองประเทศ
อย่างไรก็ตาม อาจจำเป็นต้องนำเสนอให้ ครม.พิจารณาขยายกรอบการเจรจาให้ครอบคลุมประเด็นอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง แล้วจึงนำเข้าสู่วาระการประชุมรัฐสภาเพื่อพิจารณารับรองให้เป็นไปตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งอาณาจักรไทย มาตรา 190 ต่อไป
กระทรวงกลาโหมไทย อ้างว่า การประชุม จีบีซี ที่จะมีขึ้นครั้งต่อไป มีวาระสำคัญคือเจรจาเพื่อความเข้าใจตรงกันระหว่างไทยกับกัมพูชาเกี่ยวกับมาตรการคุ้มครองชั่วคราวของศาลโลก โดยกระทรวงกลาโหมได้มอบหมายให้กรมกิจการชายแดนทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย เป็นหน่วยประสานงานกำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับการปฏิบัติร่วมกัน ซึ่งต้องมีความโปร่งใส เสมอภาค และยุติธรรม
**ตั้งโรงพักดูแลเฉพาะเขาพระวิหาร
วันเดียวกันพล.ต.ต.เสริมสุข วีรวงศ์ ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือศาลโลกได้ออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว กรณีพิพาทไทย-กัมพูชา ด้านปราสาทเขาพระวิหาร ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ให้กองกำลังทหารทั้ง 2 ประเทศ ถอนกำลังออกมาจากพื้นที่พิพาท บริเวณรอบเขาพระวิหาร ขณะนี้ตนได้รับคำสั่งจาก พล.ต.ท.เดชาวัต รามสมภพ ผบช.ภ.3 ให้ส่งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ เข้าไปปฏิบัติหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อย ตามแนวชายแดนด้านเขาพระวิหาร แทนกำลังทหารพรานหน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารพรานที่ 23 กองกำลังสุรนารี และกำลังทหารจากกรมทหารราบที่ 6 กองทัพภาคที่ 2 ที่จำเป็นต้องถอนกำลังออกมา จากพื้นที่รอบเขาพระวิหาร ตามคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวของศาลโลก
บก.ภ.จว.ศรีสะเกษ ได้มีคำสั่งตั้งกองสถานีตำรวจภูธรย่อยพิเศษขึ้นมา โดยใช้ชื่อว่า สถานีตำรวจภูธรภูมิซรอลผามออีแดง ตั้งสถานีอยู่ที่หน้าผามออีแดง อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ห่างจากปราสาทพระวิหาร 2 กม. เบื้องต้นจะมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำสถานี 5 นาย ประกอบด้วย นายตำรวจชั้นสัญญาบัตร ปฏิบัติหน้า ผู้กำกับการหัวหน้าสถานี 1 นาย มีผู้ใต้บังคับบัญชาอีก 4 นาย สับเปลี่ยนกำลังสนับสนุน ดูแลความสงบเรียบร้อย บนพื้นที่เขาพระวิหาร แทนกองกำลังทหาร รวมถึงคอยอำนวยความสะดวก แก่นักท่องเที่ยวและประชาชน ที่เดินทางขึ้นไปเที่ยวชมความงามของทะเลป่า ภูผาหมอก บนหน้าผามออีแดง หลังจากนั้นจึงจะได้มีการพิจารณา เสริมกำลังตำรวจตามความเหมาะสม
พลโทชุม โซะเจียต โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา กล่าวสาระสำคัญนี้ว่า จุดยืนของกัมพูชาคือการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไม่สามารถปฏิบัติได้ เพราะเรื่องปราสาทพระวิหารไปถึงคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศที่กรุงเฮก และอาเซียนแล้ว ดังนั้น คำสั่งของศาลเป็นมาตรการที่ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด แต่ปัญหาสำคัญที่สุดคือไทยต้องเคารพตามคำสั่งของศาล
รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านั้นฝ่ายไทย โดยประชุมสภากลาโหมได้หารือกับ กระทรวงการต่างประเทศเพื่อหารือเกี่ยวกับคำสั่งของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ(ศาลโลก) ออกมาตรการคุ้มครองชั่วคราวต่อข้อพิพาทประสาทเขาพระวิหาร โดยสภากลาโหมเสนอให้กระทรวงกลาโหม ซึ่งเป็นหน่วยงานความมั่นคงหาช่องทางเจรจากับฝ่ายกัมพูชาในกรอบคณะกรรมการชายแดนทั่วไปร่วมไทย-กัมพูชา หรือจีบีซี
เนื่องจากมีความพร้อมและเห็นพ้องต่อแนวทางจะใช้กลไกแบบทวิภาคี รวมทั้งที่ผ่านมามีการเสนอกรอบวาระจะประชุม จีบีซี ครั้งที่ 8 เข้าสู่การพิจารณารับรองของคณะรัฐมนตรี และรัฐสภาแล้ว เนื้อหาเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตและการดูแลความปลอดภัยของประชาชน รวมทั้งการแก้ปัญหาต่างๆ ตามแนวชายแดนสองประเทศ
อย่างไรก็ตาม อาจจำเป็นต้องนำเสนอให้ ครม.พิจารณาขยายกรอบการเจรจาให้ครอบคลุมประเด็นอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง แล้วจึงนำเข้าสู่วาระการประชุมรัฐสภาเพื่อพิจารณารับรองให้เป็นไปตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งอาณาจักรไทย มาตรา 190 ต่อไป
กระทรวงกลาโหมไทย อ้างว่า การประชุม จีบีซี ที่จะมีขึ้นครั้งต่อไป มีวาระสำคัญคือเจรจาเพื่อความเข้าใจตรงกันระหว่างไทยกับกัมพูชาเกี่ยวกับมาตรการคุ้มครองชั่วคราวของศาลโลก โดยกระทรวงกลาโหมได้มอบหมายให้กรมกิจการชายแดนทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย เป็นหน่วยประสานงานกำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับการปฏิบัติร่วมกัน ซึ่งต้องมีความโปร่งใส เสมอภาค และยุติธรรม
**ตั้งโรงพักดูแลเฉพาะเขาพระวิหาร
วันเดียวกันพล.ต.ต.เสริมสุข วีรวงศ์ ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือศาลโลกได้ออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว กรณีพิพาทไทย-กัมพูชา ด้านปราสาทเขาพระวิหาร ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ให้กองกำลังทหารทั้ง 2 ประเทศ ถอนกำลังออกมาจากพื้นที่พิพาท บริเวณรอบเขาพระวิหาร ขณะนี้ตนได้รับคำสั่งจาก พล.ต.ท.เดชาวัต รามสมภพ ผบช.ภ.3 ให้ส่งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ เข้าไปปฏิบัติหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อย ตามแนวชายแดนด้านเขาพระวิหาร แทนกำลังทหารพรานหน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารพรานที่ 23 กองกำลังสุรนารี และกำลังทหารจากกรมทหารราบที่ 6 กองทัพภาคที่ 2 ที่จำเป็นต้องถอนกำลังออกมา จากพื้นที่รอบเขาพระวิหาร ตามคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวของศาลโลก
บก.ภ.จว.ศรีสะเกษ ได้มีคำสั่งตั้งกองสถานีตำรวจภูธรย่อยพิเศษขึ้นมา โดยใช้ชื่อว่า สถานีตำรวจภูธรภูมิซรอลผามออีแดง ตั้งสถานีอยู่ที่หน้าผามออีแดง อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ห่างจากปราสาทพระวิหาร 2 กม. เบื้องต้นจะมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำสถานี 5 นาย ประกอบด้วย นายตำรวจชั้นสัญญาบัตร ปฏิบัติหน้า ผู้กำกับการหัวหน้าสถานี 1 นาย มีผู้ใต้บังคับบัญชาอีก 4 นาย สับเปลี่ยนกำลังสนับสนุน ดูแลความสงบเรียบร้อย บนพื้นที่เขาพระวิหาร แทนกองกำลังทหาร รวมถึงคอยอำนวยความสะดวก แก่นักท่องเที่ยวและประชาชน ที่เดินทางขึ้นไปเที่ยวชมความงามของทะเลป่า ภูผาหมอก บนหน้าผามออีแดง หลังจากนั้นจึงจะได้มีการพิจารณา เสริมกำลังตำรวจตามความเหมาะสม
