xs
xsm
sm
md
lg

ไทยเสียดินแดนแน่ซัด"มาร์ค"ป้อง MOU43 ขายชาติพธม.บี้ทหารป้องอธิปไตยเฒ่าฮงรออินโดฯก่อนถอนทหาร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการรายวัน-แกนนำพธม.ย้ำการต่อสู้ของภาคปชช.เดินมาถูกทาง แต่นายกฯ กลับปกป้องเอ็มโอยู 43 ทำไทยเสียดินแดน 1.8 ล้านไร่ และแหล่งพลังงานในทะเล 5 ล้านล้านบาท ซัดมหาอำนาจชักใยอำนาจรัฐบาลหลายชุดต่อสายพาน จวก"อภิสิทธิ์"หน้าบาง บอกพอใจคำตัดสินเท่ากับยอมรับมติศาลโลก ด้านพล.ต.จำลอง ตำหนินายทหารชั้นผู้ใหญ่และสื่อมวลชน ถูกรัฐบาลหลอกลวง และปกปิดข้อมูลการสูญเสียอธิปไตย "มาร์ค"ไม่แน่ใจคำสั่งศาลโลกครอบคลุมตชด. ด้วยหรือไม่ หลัง"เขมร" เลี่ยงบาลีเตรียมขนตชด.ปักหลักแทนทหาร ยันไทยยังไม่ถอนทหาร ย้ำสองประเทศต้องคุยกันก่อนทำตามคำสั่งศาลโลก "ฮอร์ นัมฮง" เร่งให้ส่งผู้สังเกตการณ์อินโดฯเข้าพื้นที่ก่อนถอนทหาร

วันนี้ (20 ก.ค.) ที่บ้านพระอาทิตย์ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวชี้แจงภายหลังประกาศแถลงการณ์พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย 4 ฉบับ โดยกล่าวว่า วันนี้เป็นวันพิพากษาแล้ว พิสูจน์ชัดว่าสิ่งที่ภาคประชาชนลุกขึ้นมาเรียกร้องให้รัฐบาลต่อสู้ในเรื่องของการเสียดินแดน เสียอธิปไตย และให้ทหารทำหน้าที่นั้น หากไม่ทำเช่นนี้แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเราเรียกร้องมาตลอด ให้ยกเลิกบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก ไทย-กัมพูชา หรือ เอ็มโอยู 2543 และรัฐบาลชุดนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็ปฏิเสธตลอดโดยอ้างว่าเอ็มโอยู 2543 คือตัวแก้ปัญหา วันนี้พิสูจน์ชัดแล้วว่าบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกไทย-กัมพูชา พ.ศ. 2543 (MOU 2543) คือเอ็มโอยูที่ทำให้ประเทศไทยต้องเสียดินแดน หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ เอ็มโอยูขายชาติ

"มติของศาลโลก ถือว่ามีผลร้ายและไทยเสียเปรียบ เพราะให้ทหารไทยถอยออกจากแผ่นดินไทยเกินขอบเขต โดยที่มีชุมชนกัมพูชารุกราน และยึดครองแผ่นดินไทยอยู่ พร้อมด้วยสิ่งปลูกสร้างและถนน การที่ศาลโลกออกมาตรการดังกล่าวจึงเท่ากับห้ามทหารไทยผลักดันกัมพูชาออกจากแผ่นดินไทย ส่งเสริมการรุกรานแผ่นดินไทย และส่งเสริมการละเมิด MOU 2543 และหากไทยยอมรับมาตรการคุ้มครองชั่วคราว ก็จะเท่ากับว่า ไทยยอมรับอำนาจศาลโลกเป็นครั้งแรก ทั้งๆที่ประเทศไทยได้เคยยื่นหนังสือประท้วงคัดค้าน สงวนสิทธิ์ ต่อเลขาธิการองค์การสหประชาชาติ เพราะไม่ยอมรับการใช้กฎหมายปิดปากแต่เพียงอย่างเดียวในการตัดสินคดีปราสาทพระวิหาร พ.ศ. 2505 โดยที่ประเทศไทยไม่ได้ต่ออายุปฏิญญาการยอมรับการบังคับอำนาจของศาลโลกมานานกว่า 50 ปีแล้ว" หนึ่งในคำแถลงการณ์ที่นายสนธิกล่าว

ทั้งนี้ พันธมิตรฯและภาคประชาชนอีกหลายภาค ไม่มีผลประโยชน์อันใดเลยในการชุมนุมที่ผ่านมา นอกจากเรียกร้องและปกป้องดินแดนไทย เรารู้ว่าสิ่งที่เราต่อสู้นั้นถูกต้องไม่ผิด ต้องใช้เวลา วันนี้ศาลโลกได้พิสูจน์เป็นบันไดขั้นที่หนึ่งแล้วว่า เราเสียดินแดนอย่างแน่นอนที่สุด เพราะฉะนั้นข้อมูลอันนี้เป็นที่น่าเสียดายที่สังคมไทยไม่ค่อยได้รับรู้รับทราบ การเสียดินแดนครั้งนี้ไม่ได้เพียงแค่เสียดินแดนกว่า 1 ล้าน 8 แสนไร่ แต่จะนำไปสู่การสูญเสียพื้นที่ซึ่งมีพลังงานอันอุดมสมบูรณ์ในอ่าวไทย ซึ่งมีมูลค่ากว่า 5 ล้านล้านบาท

นายสนธิกล่าวว่า ทุกอย่างถูกออกแบบมาโดยเอ็มโอยู 2543 ตั้งแต่สมัยรัฐบาลนายชวน หลีกภัย ซึ่งเป็นคนลงนามเอ็มโอยู 2543 ฉะนั้นนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ, นายกษิต ภิรมย์, ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ซึ่งเป็นคนเสนอให้ลงนาม และนายสุรินทร์ พิศสุวรรณ รมว.ต่างประเทศขณะนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่มีการศึกษา ฉลาด ไม่โง่ แต่การลงนามเอ็มโอยู 2543 คือการยอมรับแผนที่ 1 ต่อ 2 แสนทันที และเมื่อยอมรับเท่ากับไทยเสียดินแดนทันที

“จากการที่คุณอภิสิทธิ์และคุณกษิตออกมาบอกว่าพอใจกับผลการตัดสินศาล
โลก ทำให้เราต้องยกเลิกสิทธิอันชอบธรรมที่เราเคยปฏิเสธศาลโลกมาเมื่อปี พ.ศ. 2505 ว่าเราไม่ยอมรับการตัดสินศาลโลก เพราะฉะนั้นแล้วนี่คือบันไดขั้นแรกของการเสียดินแดน และขอทำนายว่าจะต้องเสียดินแดนอย่างแน่นอนที่สุด และผลของการเสียดินแดนนั้นไม่มีคนอื่นจะรับผิดชอบนอกจากพรรคประชาธิปัตย์ พรรคพลังประชาชน พรรคไทยรักไทย ตลอดจนมาพรรคเพื่อไทยที่จะถึงต่อไปในอนาคต หากไม่ได้ทำหน้าที่ที่จะปกป้องดินแดน” นายสนธิกล่าว

อย่างไรก็ตาม เราต้องขอแสดงเจตนารมณ์ให้ชัดเจนว่า เราสู้เรื่องนี้ เราสู้เพื่อส่วนรวม เราไม่ได้สู้เพื่อตัวเราเอง พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยไม่ได้อะไรเลยแม้แต่นิดเดียว ได้แต่ความเหน็ดเหนื่อย เราสู้เพื่อให้ทหารออกมาทำหน้าที่ เราสู้เพื่อให้นักการเมืองปกป้องแผ่นดินไทย เราสู้เพื่อให้คนไทยทุกคนปกป้องแผ่นดินไทยจากความอยุติธรรมในเอ็มโอยู 2543 และขอย้ำว่าเอ็มโอยู 2543 คือเอ็มโอยูขายชาติ

ด้านพลตรีจำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า แถลงการณ์ในวันนี้จะเป็นบันทึกทางประวัติศาสตร์ที่สมบูรณ์ ว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานั้นภาคประชาชน เสริมด้วยทหาร ตำรวจนอกราชการ ได้ออกมาต่อสู้เพื่อชาติบ้านเมือง ประสบผลสำเร็จอย่างไร แสดงให้เห็นว่ายังมีประชาชนอีกจำนวนมากที่ไม่ทราบเรื่องราวที่ผ่านมา เพิ่งจะมาตื่นตัวตอนศาลโลกมีประกาศออกมา เพราะว่าสื่อมวลชนบางแขนงหรือหลายแขนงไม่ยอมเผยแพร่เรื่องใหญ่ที่สุดของประเทศชาติให้ประชาชนได้ทราบ เขาก็เลยไม่รู้ เมื่อรู้เขาก็ตกใจ ตอนนี้เริ่มตกใจแล้ว แต่ก็ยังถูกรัฐบาลหลอกอีกว่าน่าพอใจ ซึ่งพอใจอะไรกับการเสียดินแดนให้เขมร

ดังนั้น พวกเราจึงอยากจะขอให้ช่วยกันประคับประคองบ้านเมือง โดยการบอกกล่าวในเรื่องสำคัญ แม้จะไม่ได้ประโยชน์จากการโฆษณาหรืออะไรก็ตาม ขอให้ช่วยกันทำก่อนที่บ้านเมืองจะไปไม่รอด

นายสนธิกล่าวต่อว่า สิ่งที่เราทำตั้งแต่ปี 2551 คือการยืดเวลาการเสียดินแดน จากการชุมนุมประท้วงของเรา หรือปี 2553 ในการประชุมเจบีซี ถ้าไม่เช่นนั้นก็เสียดินแดนไปเรียบร้อยแล้ว เรายืดจนกระทั่งเขมรไม่รู้จะทำเกมอะไรต่อสู้ กับพวกเรา ภาคประชาชนเป็นผู้ที่ทำให้การเสียดินแดนนั้นต้องยืดออกไป ทำไมถึงต้องมีตัวแทนของอินโดนิเซียเข้ามา เพราะเขาจะเอาอาเซียนมาบีบ แต่พอเราต่อต้านก็เป็นผลทำให้ทหารออกมาบอกว่าไม่เห็นด้วยเป็นครั้งแรกที่มีผู้สังเกตการณ์อินโดนิเซียเข้ามา ด้วยเหตุนี้เขมรจึงเล่นเกมเอาเรื่องนี้ไปฟ้องศาลโลก เพราะเขารู้จุดอ่อนของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งก็คือนายอภิสิทธิ์ว่าเป็นรัฐบาลหน้าบาง

“เมื่อไปฟ้องศาลโลกแล้วแทนที่เราจะปฏิเสธไม่เข้าศาลโลก ต้องการทำให้ตัวเองนั้นอยู่ในวงการสากล ก็เลยยอมรับมติศาลโลก พอออกมาแล้วเขารู้ว่านี่คือการเริ่มต้นเสียดินแดนแล้ว แต่เขาต้องการปัดสวะให้พ้นตัว เพราะเขาจะไม่ใช่ผู้นำประเทศอีกแล้ว เขาก็บอกว่าเขาพอใจที่มีการถอนทหารทั้งสองฝ่าย คือเป็นตรรกะง่ายๆ เพื่อให้ประชาชนที่ไม่เข้าใจเรื่องราว บอกว่าไม่เสียหายอะไร ทั้งสองฝ่ายถอนทหารไป แต่หารู้ไม่ว่าเราเสียดินแดนจากมติของศาลโลกนี้ มากกว่าแผนที่ 1 ต่อ 2 แสนเสียอีก” นายสนธิกล่าว

แสนยานุภาพกองทัพไทย 19 ของโลก

พล.ต.จำลอง กล่าวว่า เป็นความผิดพลาดอย่างมากมายของนายทหารชั้นผู้ใหญ่ที่ไม่ออกมาทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ในฐานะที่ตัวเองเรียนมาฝึกมา กินเบี้ยเลี้ยงเงินเดือน เงินเพิ่มสู้รบ เพื่อทำหน้าที่หลักอย่างเดียวในการปกป้องแผ่นดิน แต่ไม่ได้ทำ กลับมาปล่อยให้ประชาชนสองมือเปล่า รวมทั้งทหาร ตำรวจนอกราชการซึ่งอยู่ในวัยชราแล้วต้องออกมาลำบากถึงคราวนี้ อยากจะเรียนให้ทราบว่าเราไม่ได้เล่นพวก เรารู้ว่าพวกของเราทำผิดพลาด เราก็บอกตามตรงว่าผิดพลาดไปแล้วจริงๆ

" ปัจจุบัน กองทัพไทยได้ถูกจัดอันดับในด้านแสนยานุภาพจากลำดับที่ 28 ของโลกในปีที่แล้ว มาอยู่ในลำดับที่ 19 ของโลกในปีนี้ เป็นลำดับที่ 6 ของทวีปเอเชีย และเป็นลำดับที่ 2 ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีการใช้งบประมาณจำนวนมากในการพัฒนากองทัพในรอบหลายปีที่ผ่านมา ประเทศไทยจึงมีศักยภาพทางทหารสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้านอย่างไม่สามารถจะเปรียบเทียบได้ และตามรัฐธรรมนูญ ทหารมีหน้าที่ในการปกป้องแผ่นดินและอธิปไตยของชาติ ในขณะที่ศักยภาพของกองทัพมีความแข็งแกร่งด้วยงบประมาณมหาศาล แต่กลับเป็นยุคที่ประเทศไทยกลับอ่อนแอถูกรุกรานและยึดครองแผ่นดินไทยโดยต่างชาติมากที่สุดอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน" ส่วนหนึ่งในแถลงการณ์ที่พล.ต.จำลองแถลง

นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่า การเสียดินแดนครั้งนี้เรายอมรับว่าศาลได้ทำหน้าที่หมดแล้ว ทั้งศาลรัฐธรรมนูญและศาลปกครองสูงสุดก็บอกว่าผิดกฎหมาย แต่คำสั่งของศาลทั้งสองฉบับไม่มีผลในทางปฏิบัติเลย ทีนี้ สถาบันที่สองที่รักษาแผ่นดินไว้คือทหาร สังเกตดูว่าเราได้ยินศัพท์คำว่า ทหารกุนเชียง ทหารพาณิชย์ ทหารการเมือง และคนเลวที่ไปเป็นทหารซึ่งมีอยู่หยิบมือเดียว เขาไม่ใช่ทหารอาชีพเลย เพราะฉะนั้นสถาบันทหารจะต้องฟื้นฟูตัวเองขึ้นมาให้ได้รับการยอมรับในสิ่งที่เราต่อสู้กัน

ทั้งนี้ ตนเห็นว่าในเหตุการณ์เฉพาะหน้าต้องต่อสู้ 2 ประเด็น คือ ยกเลิกเอ็มโอยู 2543 ซึ่งเป็นงานยาก ขนาดเจ้าของยังไม่กล้ายกเลิก คือ พรรคประชาธิปัตย์ และการไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก และไม่ปฏิบัติตามศาลโลก ไทยยังคงที่จะต้องตอบโต้และตีในพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรเช่นเดิม เพราะฉะนั้นในแถลงการณ์จึงระบุว่า เราไม่รับอำนาจศาลโลก และเราจะทำการปกป้องดินแดนเช่นเดิม เหลือแต่ภาคประชาชน ตนหวังว่าประชาชนจะเข้าใจเราดี ว่าศาลก็หมดหน้าที่แล้ว ทหารก็ไม่มีทหารอาชีพเลยในขณะนี้ ทหารอาชีพก็มีอยู่มากแต่เงียบเฉย เขากำลังจะทำอะไรอยู่ตนไม่ทราบ แล้วยังเหลือภาคประชาชนอย่างเดียว ซึ่งก็ต่อสู้มาแล้ว 158 วัน ทำได้สูงสุดแค่นี้

ส่วนนายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่า สำหรับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รักษาการณ์นายกรัฐมนตรี เป็นที่น่าผิดหวังมาก ว่าสิ่งที่ตัวเองทำผิดพลาดในปลายสมัยของตัวเอง ในระหว่างรัฐบาลรักษาการณ์ แต่ไม่กล้ายอมรับความผิดพลาด ไม่กล้ายอมรับการกระทำของตัวเอง กรณีนายวีระ สมความคิด และ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ก็เป็นเหตุหนึ่ง กรณีที่นายสุวิทย์ คุณกิตติ ถอนตัวออกจากมรดกโลกนั้น ซึ่งนายอภิสิทธิ์ในฐานะที่ส่งนายสุวิทย์ไปรับผิดชอบด้วย สุดท้ายก็ไม่กล้าที่จะมีมติคณะรัฐมนตรีในการที่จะยืนยันในสิ่งที่นายอภิสิทธิ์ได้ให้นายสุวิทย์ถอนตัวออกจากมรดกโลก ถือเป็นการไร้ภาวะความเป็นผู้นำ

เมื่อมาถึงกรณีศาลโลก นายอภิสิทธิ์ได้นำรัฐบาลของตัวเองเข้าสู่การพิจารณาของศาลโลก เสร็จแล้วตัวเองก็ไม่กล้าที่จะปฏิเสธในสิ่งที่ศาลโลกได้มีมติออกมา และอำนาจของศาลโลก กลับส่งต่อให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่นายกรัฐมนตรี นี่เป็นการปัดสวะความรับผิดชอบ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ควรจะต้องพิจารณาว่า ถ้าให้นายอภิสิทธิ์เป็นหัวหน้าพรรคต่อไป ความวิบัติของพรรคประชาธิปัตย์ก็จะสืบเนื่องไปอีกยาวนาน สุดท้ายตนอยากจะเรียนกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า พ.ต.ท.ทักษิณคิดอะไร และจะให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ทำอะไร

“ วันนี้เราเสนอให้คุณทักษิณคิด และสั่งให้คุณยิ่งลักษณ์ทำ ในคำแถลงการณ์ของเรา แต่ถ้าคุณยิ่งลักษณ์อยากจะแสดงภาวะความเป็นผู้นำ คุณยิ่งลักษณ์ก็จะต้องคิดออกมาดังๆ แล้วบอกจะทำอะไรที่จะไม่รับสายพานสืบทอดต่อจากพรรคประชาธิปัตย์และยาวไกลไปถึงพรรคไทยรักไทย มิฉะนั้นก็จะถูกกล่าวหาว่ามีผลประโยชน์ในเรื่องพลังงานในอ่าวไทยรออยู่ข้างหน้าของท่านนายกรัฐมนตรีที่มีโอกาสจะเป็นผู้นำประเทศคนต่อไป ก็อยากจะเรียนว่าคุณยิ่งลักษณ์ต้องแสดงภาวะความเป็นผู้นำ คิดอะไรบอกมา และจะทำอะไร และข้อเสนอของเรานั้นคุณยิ่งลักษณ์ต้องตอบว่าจะทำหรือไม่ทำ เพื่อพิสูจน์ว่าตัวเองรักชาติยิ่งกว่าผลประโยชน์ รักชาติยิ่งกว่ารักพี่ชายของตัวเอง” นายพิภพกล่าว

หลังการแถลงข่าวเสร็จสิ้นลง นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวเพียงสั้นๆ ว่า นับจากนี้เป็นต้นไปความเคลื่อนไหวของภาคประชาชนจะหยุดไว้ก่อน โดยให้แถลงการณ์ทั้ง 4 ฉบับเสมือนเป็นคำเตือนที่ให้แต่ละฝ่ายออกมาทำหน้าที่ นอกจากนี้ กรณีที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวเมื่อวานนี้ว่าจะไปยื่นคำร้องต่อศาลอาญากรณีพิพาทเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ในช่วงบ่ายของวันนี้ ขอยกเลิกไว้ก่อนโดยไม่มีกำหนด

"มาร์ค" รอคุยเขมร

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่กัมพูชาจะส่งตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) เข้ามาทำหน้าที่แทนทหาร หลังศาลโลกมีคำสั่งมาตรการชั่วคราวให้ไทย-กัมพูชา ถอนทหาร ว่า การจะทำอย่างไร และเป็นไปตามเงื่อนไขหรือไม่ เป็นสิ่งที่จะต้องทำความชัดเจนกัน ในส่วนของเราเองเจ้าหน้าที่ต่างๆ ที่สามารถเข้าไปดูแลรักษาผลประโยชน์ของประเทศ และประชาชนได้ ก็ต้องทำเช่นเดียวกัน ฉะนั้น คิดว่าอยู่ที่เงื่อนไขของการพูดคุยกัน

"ผมไม่แน่ใจว่านิยามตามคำสั่งของศาลโลก จะตีความครอบคลุมถึงตชด.ด้วยหรือไม่" นายอภิสิทธิ์ กล่าวและว่า การจะปฏิบัติอะไรก็ตาม จะต้องผ่านกระบวนการของการพูดคุยกันก่อน คงไม่สามารถที่จะไปทำอะไรได้ตามใจชอบอยู่แล้ว

เมื่อถามว่ามีข่าวว่าทางกองทัพไม่ค่อยสบายใจกับคำพิพากษาของศาลโลก นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มี ช่วงเช้าได้คุยกับรัฐมนตรี คุยกับผู้บัญชาการทหาร และเมื่อวันที่ 19 ก.ค. ก็นั่งคุยกัน เพียงแต่แน่นอนว่าการบอกจะต้องถอนทหาร มันก็มีความรู้สึก แต่เราต้องดูภาพรวม และขณะนี้อยู่ในขั้นตอนที่เราจะต้องไปพูดคุยกับทางกัมพูชา

เมื่อถามว่า มีการวิจารณ์ว่านายกฯ มองในเรื่องของปริมาณพื้นที่ แทนที่จะมองในเรื่องของจุดยุทธศาสตร์ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ใช่ ใครไปพูด ไม่มีหรอก ในที่ประชุมฝ่ายความมั่นคง ตนยังบอกเรื่องพื้นที่คงใกล้เคียงกัน แต่ความสำคัญที่เน้นตรงนี้ เพราะไม่ต้องการให้คนเข้าใจผิด ซึ่งหลายคนยังเข้าใจผิดอยู่ว่า เป็นการถอนทหารออกจากพื้นที่ที่เราถือว่าเป็นของเราฝ่ายเดียว ตนเองก็บอกว่า มันไม่ใช่ ส่วนเรื่องเชิงยุทธศาสตร์ ก็ได้สอบถาม ซึ่งตนให้ความมั่นใจ ผู้ที่มีหน้าที่จะต้องดูแลรักษาอธิปไตย เขามองในเชิงยุทธศาสตร์ มองทุกอย่าง เขาก็เตรียมการมีแผนรองรับทุกอย่าง ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น

ยังไร้วี่แววประชุมจีบีซี

เมื่อถามว่า การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา หรือ จีบีซี จะเกิดขึ้นได้ช่วงไหน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ถือว่าถามล่วงหน้ากันไปมาก ทางกัมพูชายังไม่ประชุมกันเลยว่าจะทำอย่างไร เมื่อถามว่าแสดงว่า เราก็ยังไม่ควรขยับ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตอนนี้ไม่มีใครขยับ ใครจะไปขยับในตอนนี้

เมื่อถามว่า กัมพูชารอดูท่าทีของรัฐบาลชุดใหม่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ เขารอเดินทางกลับมาถึงกัมพูชา เมื่อถามว่าดูท่าทีของกัมพูชาจะไม่ยอมประชุม จีบีซี จนกว่ารัฐบาลใหม่จะเข้ามาบริหารประเทศอย่างเป็นทางการ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ทราบกัมพูชาบอกหรือยัง จะทำตามคำสั่งศาลหรือเปล่า ถ้าทำตาม ก็ต้องถอนทหารเลย

เมื่อถามว่าในขณะที่กัมพูชายังไม่ขยับ แต่มีความพยายามทำในเชิงจิตวิทยาว่าตัวเองชนะ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เขาต้องทำ เพราะคนของเขาก็ตั้งคำถามว่า อยู่ดีๆ เอาเรื่องไปศาลโลกขอให้ศาลสั่งให้ไทยถอนทหาร ปรากฏว่ากัมพูชาเองต้องถอนทหารออกจากพื้นที่ ซึ่งเขามองว่าเป็นของเขาถึง 13 ตร.กม.

เมื่อถามว่า ทางศาลโลกได้ระบุหรือไม่ ต้องถอนทหารภายในกี่วัน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ศาลเขาใช้คำว่า “ทันที” เมื่อถามว่ายืนยันเราจะยังไม่ถอนออก ใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้เป็นเรื่องของขั้นตอนที่จะต้องพูดคุยกัน เพราะการปฏิบัติต้องอยู่กับความเป็นจริง ซึ่งตนมองว่าเรื่องแบบนี้ ต้องคุยกันทั้งสองฝ่าย

เมื่อถามว่าหลังศาลโลกตัดสิน ทหารไทยกับกัมพูชาคุยกันหรือยัง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังครับ เมื่อถามว่า สถานะของสองประเทศ อยู่ในสถานะอย่างไรหลังศาลมีคำสั่งมาตราการชั่วคราว นาอยภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ทุกอย่างในพื้นที่ยังเหมือนเดิม แต่ยืนยันทั้งสองฝ่ายควรต้องพูดคุยกัน

รอเปิดสภาฯ ตัดสินใจถอน-ไม่ถอน

พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ที่ผ่านมาประเทศไทย เป็นชาติสมาชิกที่ปฏิบัติตามกฎบัตรสหประชาชาติมาโดยตลอด แต่ทั้งนี้การดำเนินการใดๆ ก็จะต้องไม่ขัดแย้ง และเป็นไปตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งทางรัฐบาลก็พร้อมที่จะดำเนินการตามคำตัดสินดังกล่าว หากแต่เรื่องการถอนทหารออกจากพื้นที่ มีรายละเอียดและผลกระทบกับหลายฝ่าย ทั้งฝ่ายไทย และกัมพูชา จะต้องมีการพูดคุยกันเสียก่อน เพราะเป็นประเด็นที่มีความละเอียดอ่อน

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม จะร่วมหารือกับกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงในทางคดี เพื่อหาแนวทางและขั้นตอนในการดำเนินการต่างๆ ซึ่งกองทัพจะต้องนำนโยบายไปปฏิบัติให้ถูกต้อง รวมทั้งจะต้องศึกษาความเกี่ยวข้องในแง่กฎหมายด้วย เพราะหากเป็นไปตามขั้นตอน กฎหมายรัฐธรรมนูญของไทยก็จำเป็นต้องนำกรณีดังกล่าว เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา ซึ่งขณะนี้ไทยยังอยู่ระหว่างการรับรองผลการเลือกตั้งส.ส. ฉะนั้นคงจะต้องรอให้มีการเปิดประชุมรัฐสภาเสียก่อนจึงจะมีความชัดเจน แต่ยืนยันว่าขณะนี้กำลังทหารของไทยซึ่งปฏิบัติภารกิจรักษาความสงบเรียบร้อย ยังคงอยู่ในที่ตั้งเพื่อดูแลความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่

ทบ.ยันยังไม่ถอนทหาร

พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงความเตรียมพร้อมของทหารไทย บริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา หลังจากศาลโลกมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว บริเวณปราสาทพระวิหาร ว่า นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กระทรวงกลาโหม และกระทรวงการต่างประเทศ ไปหารือกัน แต่ช่วงนี้เป็นช่วงรัฐบาลรักษาการ ต้องรอรัฐบาลใหม่เข้ามาก่อน แต่ขณะนี้ทหารยังคงสภาพกำลังในพื้นที่ เนื่องจากการปรับหรือถอนกำลังจะต้องไม่ให้มีความรู้สึกได้เปรียบเสียเปรียบ ซึ่งกันและกัน จึงต้องพูดคุยกับทางกัมพูชาโดยผ่านการประชุมจีบีซี เพื่อให้เกิดสิ่งต่างๆ และคนไทยจะได้สบายใจว่าเราดูแลอธิปไตย ซึ่งต้องคุยกับกัมพูชาว่าจะต้องถอนเมื่อไร อย่างไร คิดว่าไม่น่าจะเสร็จในเร็ววัน เพราะมีรายละเอียดต้องพุดคุยกันมาก รวมถึงผู้สังเกตการณ์ที่จะเข้ามาในพื้นที่ด้วย

“เฒ่าฮง”ตุกติกรอทีมสังเกตการณ์ก่อนถอนทหาร

นายฮอร์ นัมฮง รัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชา กล่าวว่า ได้เรียกร้องให้อินโดนีเซีย ซึ่งทำหน้าที่ประธานอาเซียนในขณะนี้ ส่งผู้สังเกตการณ์ไปยังพื้นที่พิพาทดังกล่าวโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นได้

“สำหรับกัมพูชา ผู้สังเกตการณ์จากอินโดนีเซียต้องเดินทางเข้าสำรวจพื้นที่ก่อน เราจึงจะถอนทหาร” นายฮอง กล่าวกับผู้สื่อข่าว

อินโดนีเซียพยายามที่จะเป็นคนกลางในการแก้ไขความขัดแย้งในนามของอาเซียน แต่ประสบความสำเร็จเพียงเล็กน้อยยกเว้นข้อตกลงในหลักการที่อนุญาตให้คณะบุคคลที่ 3 เข้าไปยังพื้นที่ดังกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น