xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” ลั่นไม่ถอนทหารพ้นเขาพระวิหาร เร่งถกเขมรทำความเข้าใจสองฝ่าย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รักษาการนายกรัฐมนตรี เผยหลังถกฝ่ายมั่นคง ยันทหารยังตั้งมั่นในพื้นที่ ไม่ถอนกำลังพ้นเขาพระวิหาร
“มาร์ค”ย้ำจุดยืนไทยเจรจาตามกรอบจีบีซี หลังเรียกหน่วยงานด้านความมั่นคงถกคำสั่งมาตรการชั่วคราวศาลโลก ยึดสันปันน้ำเป็นหลัก ดักคอถอนทหารได้ต้องทำพร้อมกันหลังเกิดข้อตกลงจากทั้ง 2 ฝ่ายก่อน แถมกัมพูชาต้องถอนทหารมากกว่าไทย ระบุต้องมีการตรวจสอบที่ชัดเจนแยกทหารออกจากพลเรือน หากเริ่มมีการถอนทหาร ยันคำสั่งทั้งหมดไม่มีผลต่ออธิปไตยไทย เผยสั่งดูประวัติศาสตร์หากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลโลกจะเกิดอะไรขึ้น คาดหวังรัฐบาลชุดใหม่รักษาผลประโยชน์ประเทศ ส่วนต้องนำเรื่องเข้าครม.-สภาฯให้เป็นหน้าที่รบ.ชุดใหม่




 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายอภิสิทธ์ เวชชาชีวะ ให้สัมภาษณ์  

วันนี้ (19 ก.ค.) เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมหน่วยงานด้านความมั่นคง ภายหลังจากศาลโลกมีมติให้ใช้มาตรการชั่วคราวข่าวภายหลังเรียกประชุมหน่วยงานฝ่ายความมั่นคง ประกอบด้วย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ รวมถึงผู้เกี่ยวข้องจากกระทรวงการต่างประเทศ ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ คณะกรรมการกฤษฎีกา และเลขาธิการ ครม. เพื่อหาแนวทาง ในการดูแลพื้นที่ หลังจากศาลโลกมีมติให้ประเทศไทยและกัมพูชาถอนทหารออกจากพื้นที่โดยรอบปราสาท พระวิหาร โดยใช้เวลาในการหารือประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที ว่า วันนี้ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในส่วนของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม และฝ่ายกฎหมาย เพื่อที่จะมาดูเรื่องคำสั่งของศาลโลกเรื่องของมาตรการชั่วคราวที่ได้ออกมาก เมื่อวานนี้ (18 ก.ค.) ในเบื้องต้นคือให้มีการวิเคราะห์ในเชิงของข้อเท็จจริงกับข้อกฎหมาย

นาย อภิสิทธิ์ กล่าวว่า สำหรับข้อเท็จจริง ขณะนี้จากพิกัดที่ถูกระบุไว้ในคำสั่งของศาลพื้นที่ ซึ่งถูกกำหนดให้เป็นพื้นที่ที่จะปลอดจากกำลังทหาร ตามคำสั่งของศาลโลก เป็นพื้นที่ 17.3 ตารางกิโลเมตร โดยใน17.3 ตารางกิโลเมตร ขณะนี้ยังเป็นการคำนวณคร่าวๆ ถ้ายึดสันปันน้ำเป็นเขตแดน ซึ่งเป็นจุดยืนของรัฐบาลไทย ใน 17.3 ตารางกิโลเมตร จะเป็นพื้นที่ของไทย 8.5 ตารางกิโลเมตร เป็นของกัมพูชา 8.8 ตารางกิโลเมตร ซึ่งใน 8.5 ตารางกิโลเมตร จะรวมพื้นที่ที่เราเรียกว่า 4.6 ตารางกิโลเมตร อยู่ประมาณ 4.5 ตารางกิโลเมตร หรือจะน้อยกว่าเล็กน้อย มีการประเมินว่ากำลังทหารที่เกี่ยวข้องในส่วนของฝ่ายกัมพูชา น่าจะประมาณ 4,000 นาย ส่วนฝ่ายไทยจะน้อยกว่านั้นค่อนข้างมาก อันนี้เป็นข้อเท็จจริงที่อยากจะเรียนให้ทราบที่จำเป็นต้องพูดถึงข้อเท็จจริง ตรงนี้ เพราะว่าไม่อยากให้เกิดความเข้าใจผิดว่า คำสั่งของศาลมาระบุเฉพาะดินแดนไทย ตรงกันข้ามตามที่เรายึดถือในสันปันน้ำ พื้นที่ที่ถูกกำหนด จะใกล้เคียงกันมา พูดง่ายๆ คือ จะค่อมสันปันน้ำอยู่ ถ้าเป็นในมุมมองของกัมพูชาของเขา เยอะกว่าเยอะ เพราะถ้าไปนับพื้นที่ที่ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์กันอยู่ คือ ไปยึดตามแผนที่เขา เขาต้องถอนจากฝ่ายเขาถึง 13 ตารางกิโลเมตร แต่เราไม่ได้ยึดถือตามนั้น เรายึดถือตามสันปันน้ำ ตรงนี้คือข้อเท็จจริง

นาย อภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ส่วนในแง่ของข้อกฎหมาย ได้มีการมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดูว่าผลกระทบของมาตรการชั่วคราว ที่เป็นคำสั่งของศาล การที่เราเป็นสมาชิกของสหประชาชาติกับการที่เราจะต้องปฏิบัติตามกระบวนการ ภายในหรือกฎหมายของเรา ซึ่งรวมถึงเรื่องรัฐธรรมนูญว่าเป็นอย่างไร แต่โดยภาพรวมของการแก้ไขปัญหาในบริเวณชายแดน ก็เป็นที่ชัดเจนว่า ถ้าจะมีการดำเนินการในลักษณะของการถอนทหาร ก็จะเกี่ยวข้องกับทั้งสองฝ่ายกับจำนวนคนเป็นจำนวนมาก เพราะฉะนั้น สิ่งที่จำเป็นและหลีกเลี่ยงไม่ได้คือ ทั้งสองฝ่ายต้องมีการพูดคุยกัน ซึ่งเบื้องต้นได้มอบหมาย ทั้งกระทรวงการต่างประเทศกับกระทรวงกลาโหม ไปกำหนดแนวทางว่าจะมีการพูดคุยกับทางกัมพูชาอย่างไร ซึ่งกระบวนการการพูดคุย ถ้าทางฝ่ายกฏหมายเห็นว่าจะต้องมีการดำเนินการ ไม่ว่าจะเป็นการผ่านคณะรัฐมนตรี (ครม.) หรือผ่านรัฐสภา รัฐบาลไทยก็ต้องปฏิบัติตามนั้น ซึ่งการที่จะผ่านฝ่ายการเมือง ไม่ว่าจะเป็นครม.หรือรัฐสภาก็ตาม ก็จะต้องเกิดขึ้นกับครม.ชุดใหม่ เพราะครม.ชุดปัจจุบันไม่สามารถไปกำหนดแนวทางอะไร ซึ่งจะไปกระทบกระเทือนหรือไปผูกมัดรัฐบาลชุดใหม่ได้

นาย อภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า สิ่งที่เป็นสภาพข้อเท็จจริงในพื้นที่ขณะนี้คือ กำลังพลยังอยู่ในที่ตั้งและไม่ว่ากำลังพลในส่วนของทหารจะเป็นอย่างไรก็ตาม การดูแลพื้นที่ที่เราถือว่าเป็นพื้นที่ของประเทศไทย เจ้าหน้าที่ของเราฝ่ายต่างๆ ก็สามารถที่จะมีหน้าที่เข้าไปดูแลได้ ซึ่งรวมไปถึงประเด็นปัญหาว่าการที่มีการระบุในคำสั่งว่าไม่ให้ประเทศไทยขัด ขวางการเข้าถึงตัวปราสาทพระวิหาร ตนย้ำว่าในการเข้าถึงตัวปราสาทในแง่การส่งอาหารหรืออะไรก็เป็นเรื่องที่จะ ต้องไปพูดคุยกับทางกัมพูชา เพราะแม้จะมีการถอนกำลังอะไร อย่างไรก็ตาม ก็ต้องมีกระบวนการในการตรวจสอบว่าไม่มีการส่งทหารเข้ามาในรูปแบบใดทั้งสิ้น และการจะไปที่ตัวปราสาทเพื่อส่งอาหารให้คนที่อยู่ในปราสาทก็ต้องเป็นไปตาม ขอบเขตตรงนั้นเท่านั้น ส่วนกรณีของชุมชนที่อยู่ในพื้นที่ก็เช่นเดียวกัน ต้องมีการตรวจสอบว่าเป็นพลเรือนจริงหรือไม่ หรือมีความเกี่ยวข้อง เกี่ยวพันกับทางทหาร ทั้งหมดในชั้นนี้เป็นเรื่องที่ หน่วยงานกำลังไปดูรายละเอียดข้อเท็จจริงทั้งหมด และจะต้องมีการไปพูดคุยกับทางกัมพูชา และการปฏิบัติใดๆ ก็ต้องเป็นไปตามข้อกฎหมายทั้งกฎหมายภายในประเทศประกอบด้วย

นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ส่วนประเด็นในเรื่องของอธิปไตยก็ขอยืนยันว่าคำสั่งทั้งหมดไม่ได้มีผลต่อ เรื่องของเส้นเขตแดนหรืออธิปไตยทั้งสิ้น เพื่อชี้ให้เห็นง่ายๆ ก็คือว่า หลายคนไปพยายามพูดบอกว่าถ้าเรามีการดำเนินการ แปลว่าพื้นที่ตรงนั้นเราสูญเสียไปแล้ว ก็คงจะไม่ใช่ เพราะศาลได้สั่งให้กัมพูชาถอนกำลังออกจากพื้นที่ ซึ่งอยู่อีกด้านของสันปันน้ำในพื้นที่ที่มากกว่าด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้น จึงไม่เกี่ยวกับเรื่องของเส้นเขตแดนหรือธิปไตยทั้งสิ้น และยืนยันว่ารัฐบาลรวมถึงในรัฐบาลชุดต่อไปด้วย ก็จะต้องทำทุกอย่างในการปกป้องอธิปไตยในดินแดนของเราตามที่เรายึดถือ ซึ่งตรงนี้เป็นสิ่งที่ได้จากการหารือและตรวจสอบข้อเท็จจริงในเบื้องต้น โดยตัวเลขต่างๆ กำลังให้คำนวณอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่งจากพิกัด โดยจะใช้คอมพิวเตอร์คำนวณ

เมื่อถามว่า ตอนนี้ถือได้ว่าไทยยอมรับคำสั่งมาตรการชั่วคราวของศาลโลกแล้วหรือยัง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตอนนี้อยู่ในช่วงที่ให้ฝ่ายต่างๆ ไปศึกษาในข้อมูลและกัมพูชา เพราะก่อนหน้านี้เราก็เคยมีการเสนอเรื่องของการถอนทหาร เมื่อถามต่อว่า เรื่องของการถอนกำลังทหารต้องมีการกำหนดระยะเวลาด้วยหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า คงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีการถอนทันที ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายเราหรือทางกัมพูชา โดยเฉพาะเกี่ยวข้องกับกำลังพลจำนวนมาก และเกี่ยวข้องกับทั้ง 2 ฝ่าย คงเป็นไปไม่ได้ที่จะไปทำกันเองต้องมีการพูดคุยกัน ซึ่งจนถึงขณะนี้ในชั้นนี้ยังไม่มีการถอนทหาร แต่ตนได้เน้นย้ำว่า ทุกหน่วยงานของไทยต้องมีหน้าที่ในการดูแลพื้นที่ของประเทศไทย และประชาชนคนไทยในพื้นที่ของประเทศไทย

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ไทยและกัมพูชาต่างยึดคนละแผนที่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในส่วนของแผนที่ที่ศาลโลกมีออกมานั้น เป็นแผนที่ที่ศาลโลกกำหนดขึ้นเอง ซึ่งในคำสั่งของศาลจะมีการแนบแผนที่ที่จะมีการกำหนดเขตปลอดกำลัง โดยเขียนแบบคางหมูที่ค่อมสันปันน้ำอยู่ ซึ่งคำนวณเบื้องต้นคือ 8.5 อยู่ฝั่งไทย ส่วน 8.8 อยู่ฝั่งไทย จะเป็นอย่างไรต่อไปก็ต้องไปพูดคุยกัน ส่วนที่ทางกัมพูชาออกแถลงการณ์รับคำสั่งของศาลโลกแล้ว และเรียกร้องให้ไทยยอมรับคำสั่งศาลโลกด้วยนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนยังไม่เห็นสิ่งที่กัมพูชาบอกว่ายอมรับคำสั่งศาลโลกแล้ว เห็นแต่คำให้สัมภาษณ์ของรัฐมนตรีกัมพูชาที่เรียกร้องให้ไทยยอมรับคำสั่งศาล ซึ่งตนเห็นว่า ถ้ากัมพูชายอมรับคำสั่งของศาลโลกจริงก็ถอนกำลัง 4,000 กว่าคนออกไปซิ

ต่อข้อถามที่ว่า หากไทยเสียเปรียบจากแผนที่ศาลโลกเขียนขึ้นจะมีการร้องไปยังศาลโลกหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงไม่ เพราะที่ศาลกำหนดแผนที่เอง เขาให้เหตุผลว่า แผนที่นี้ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเส้นเขตแดน เขาต้องการที่จะลดปัญหาความเสี่ยงต่อการที่จะมีการปะทะ การเผชิญหน้าหรือความตึงเครียด ในระหว่างที่ศาลจะต้องพิจารณาคดีที่ทางกัมพูชาร้องขอไป เพราะฉะนั้นเขาก็กำหนดว่า เมื่อทางกัมพูชาไปขอให้ศาลสั่งให้ประเทศไทยถอนทหารออกจากบริเวณนี้ทั้งหมด ศาลก็พิจารณาแล้วเห็นว่า เนื่องจากเรื่องนี้เสี่ยงต่อการที่จะกระทบต่อสิทธิของฝ่ายต่างๆ จึงมีคำสั่งให้ถอนกำลังทั้งหมด ส่วนแผนที่นี้เขากำหนดจากอะไร ตนไม่สามารถตอบแทนศาลได้ แต่สิ่งที่ศาลขีดขึ้นมา เขาคิดว่า หากจุดไหนที่ไม่มีทหารก็จะไม่เป็นจุดเสี่ยง ถ้าเรามองคราวๆ มันก็ครึ่งๆ ถ้าเรายึดตามสันปันน้ำ ของเรา แต่หากยึดตามสันปันน้ำกัมพูชา เขาก็จะได้พื้นที่มากกว่า

เมื่อถามว่า ความจริงการถอนกำลังต้องทำพร้อมกันทั้ง 2 ประเทศเลยหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตนมองในทางปฏิบัติว่า มีพื้นที่ที่มีทหารค่อยข้างจะอยู่ใกล้หรือเผชิญหน้ากันอยู่ คงไม่ง่ายที่ต่างฝ่ายต่างจะไปทำกันเอง มันเป็นเรื่องที่น่าจะมีการพูดคุยกัน เมื่อถามว่า จำเป็นต้องมีคนกลางเข้ามาช่วยหรือไม่เรื่องการถอนทหาร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนยังไม่ได้คิดเรื่องคนกลางอะไร แต่คิดว่าขณะนี้กรอบของทั้ง 2 ฝ่ายน่าจะหาวิธีการในการพูดคุยว่า จะทำอย่างไร

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะตรวจสอบอย่างไรว่า คนที่อยู่พื้นที่ตรงนั้นไม่ใช่ทหาร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็ต้องหาวิธี ซึ่งก็จำเป็นต้องพูดคุยกัน เพราะว่า หากบอกว่าถอนทหารแล้วอาจจะมีการใช้บุคลากรทางทหารมาปลอมปนต่างๆ ก็จะเป็นปัญหา เมื่อถามว่า ทางกัมพูชาจะให้ตรวจสอบหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาก็มีการส่งทหารปนมากับครอบครัว นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถึงได้บอกว่าตรงนี้ต้องมีการพูดคุยกันให้ชัดเจน เพราะประเทศไทยต้องรักษาผลประโยชน์ของประเทศ ซึ่งทางกองทัพเองก็เห็นด้วยว่า จะต้องมีการพูดคุยกับทางกัมพูชา เพราะคงไม่สามารถต่างฝ่ายต่างออกคำสั่งได้

เมื่อถามว่า คณะกรรมการหรือหน่วยงานไหนที่ต้องติดตามเรื่องนี้ต่อ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า กำลังให้ดูว่า จะเป็นคณะกรรมการชุดไหน เพราะจะเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติตามมาตรา 190 ด้วยหรือไม่ หากต้องปฏิบัติตาม จะใช้กลไกไหน จะต้องกำกับกรอบการเจรจาด้วยซ้ำ เมื่อถามต่อว่า ขณะนี้รอรัฐบาลชุดใหม่มาดำเนินการต่อใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ฝ่ายประจำสามารถดำเนินการเตรียมการได้ทั้งหมด อย่างในส่วนของข้อกฎหมาย และการเตรียมการพูดคุยกับกัมพูชา

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีการถอนทหารเกรงหรือไม่ว่า จะมีการปะทะกันหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มีการติดตามอยู่ตลอดยังไม่สัญญาณอะไรว่าจะเกิด เมื่อถามว่า เกรงหรือไม่ว่า หากปฏิบัติตามมติศาลโลกแล้ว พื้นที่ดังกล่าวจะกลายเป็นของกัมพูชาในอนาคต นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่สรุปอย่างนั้น เพราะมีขั้นตอนในการพูดคุย ถ้าจะมีการดำเนินการต้องมีการพูดคุยทั้งหมด ที่อ้างว่ามีคนอยู่ก็ต้องตรวจสอบให้ชัดว่า เป็นพลเรือนจริงแค่ไหน เมื่อถามว่า กองทัพห่วงอะไรหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ก็ต้องระมัดระวัง เมื่อถามต่อว่า ที่ประชุมมีข้อห่วงใยในเรื่องที่เราต้องปฏิบัติตามศาลหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังอยู่ในขั้นตอนที่มอบหมายให้หน่วยงานไปดูในการปฏิบัติ การกำหนดหรือการสั่งการใดๆ ก็ต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ส่วนระยะเวลาในการดำเนินการที่ต้องรายงานการปฏิบัติกลับยังศาลโลกนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงต้องแจ้งไปเป็นระยะๆ เราไม่ได้เพิกเฉย

ผู้สื่อข่าวถามว่า ปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นในรัฐบาลพรรคพลังประชาชน แล้วคาดหวังกับการเข้ามาดูแลปัญหาของรัฐบาลชุดใหม่หรือเปล่า นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า พักเรื่องการเมืองไว้ก่อน และแนวทางที่ควรจะเป็น โดยคำนึงถึงข้อกฎหมายภายในประเทศประกอบเป็นอย่างนี้ ส่วนการรักษาผลประโยชน์ของประเทศ รัฐบาลนี้ได้ต่อสู้คดีขอย้ำว่า ที่มีคนไปพูดว่า รัฐบาลนี้เอาเรื่องไปขึ้นศาลโลกทำไม รัฐบาลนี้ไม่ได้เอาเรื่องไปขึ้นศาลโลก กัมพูชาใช้สิทธิของเขาไปขึ้นศาลโลกในการที่จะขอตีความคำพิพากษาในคดีเดิม และขอมาตรการชั่วคราว รัฐบาลนี้เพียงแต่ต่อสู้ และเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ศาลไม่อนุมัติตามคำขอของกัมพูชา ส่วนคดีหลักยังไม่ได้เริ่มการต่อสู้ ก็จะเป็นเรื่องรัฐบาลใหม่

เมื่อถามว่า คาดหวังกับการคาดหวังรัฐบาลชุดใหม่อย่างไรบ้าง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า 1.เขาต้องต่อสู้คดีนี้อย่างเต็มที่ 2.การจะปฏิบัติอะไรก็ตามก็ต้องดูแลให้เกิดผลกระทบต่ออธิปไตย หรือการรักษาผลประโยชน์ประเทศ ซึ่งหมายถึงการกุมสภาพของพื้นที่ให้ได้ เมื่อถามว่า มีกรณีที่ไทยจะฟ้องศาลโลกก่อนบ้างหรือไม่ จากกรณีที่ผ่านมา นายกฯ กล่าวว่า การจะร้องหรือไม่ร้องอะไร ต้องดูประโยชน์ที่จะได้มีหรือไม่ แต่ตนคิดว่า สิ่งที่เป็นประโยชน์การที่เราพยายามให้การแก้ปัญหาอยู่ในกรอบทั้ง 2 ฝ่าย เพราะเวลาที่ไปถึงองค์กรต่างๆ ก็จะมีความสลับซับซ้อนมากขึ้น

ผู้สื่อข่าวถามว่าเวลาศาลโลกมีคำสั่งมีคำสั่งอะไรออกมาประเทศต่างๆ ไม่ปฏิบัติตาม เป็นไปได้หรือไม่ที่ไทยจะไม่ปฏิบัติตาม นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังเป็นเรื่องที่ไม่ไปพูดอย่างนั้น แต่เป็นเรื่องที่ทั้ง 2 ฝ่ายควรไปพูดคุยกัน เพราะเป้าหมายทั้ง 2 ฝ่ายคือทำอย่างไรไม่ให้เกิดการปะทะกัน เมื่อถามว่าเป็นไปได้หรือไม่เมื่อเปลี่ยนรัฐบาลใหม่แล้วในขั้นตอนของกฎหมายอาจจะถอนฟ้องจากศาลโลกแล้วมาตกกันเองง่ายกว่า นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ทราบและไม่กล้าวิเคราะห์ เพราะเป็นเรื่องการตัดสินใจของกัมพูชา ส่วนกัมพูชาจะสามารถถอนฟ้องได้หรือไม่ ตนยังไม่ได้อ่านข้อบังคับ แต่ตนสันนิษฐานว่าน่าจะได้ ส่วนศาลจะอนุญาตหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

เมื่อถามว่าโดยหลักแล้วต้องอยู่ในกรอบจีบีซีหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนเห็นว่าจีบีซีเป็นกลไกที่เหมาะ เมื่อถามว่าก่อนที่นายกฯจะก้าวลงจากตำแหน่งเป็นห่วงอะไรในเรื่องนี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า 1.ต้องดูแลสภาพพื้นที่จริงไม่ให้เกิดปัญหาเพิ่มเติมขึ้น 2.ต้องให้ข้อกฎหมายมีความรัดกุม 3.ต้องทำให้กลไกที่จะไปพูดคุยกับกัมพูชาเป็นเรื่องที่ติดตามอย่างต่อเนื่อง และจุดยืนหลังจากนี้สำหรับตนไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาลจุดยืนก็เหมือนเดิม และติดตามอย่างระมัดระวังซึ่งยังไม่มีสัญญาณอะไรที่บ่งบอกว่าจะมีปัญหา และไม่มีสัญญาณอะไรว่ากัมพูชาจะถอนทหาร

เมื่อถามว่าการถอนทหารรวมถึงประชาชนในพื้นที่ด้วยหรือไม่ เพื่อไม่ให้เกิดข้อครหา นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อันนี้เป็นสิ่งทีต้องไปพูดคุยกันให้ชัด และมีกระบวนการตรวจสอบที่ชัดเจน ส่วนการที่กัมพูชาออกข่าวว่าได้รับชัยชนะแล้วและไล่ทหารไทยออกไปได้นั้นเรื่องนี้มันเป็นไปไม่ได้ ถ้าปฏิบัติตามคำสั่งศาลทหาร 2ฝ่ายก็ต้องถอน อย่างไรก็ตามหลังจากนี้กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงกลาโหมจะไปหารือกันต่อ ส่วนฝ่ายกฎหมายจะมีกรมสนธิสัญญาระหว่างประเทศ และคณะกรรมการกฤษฎีกาช่วยกันดู ส่วนเรื่องคดีหลักที่กัมพูชาได้ขอให้ศาลตีความว่าที่มีการตัดสินเมื่อปี 2505 คำว่าบริเวณใกล้เคียงปราสาทคืออะไร และเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทั้ง 2 ฝ่ายต้องนำหลักฐานในมุมมองของตัวเองไปต่อสู้คดี ซึ่งยังไม่มีการดำเนินการเป็นแต่เพียงมาตรการชั่วคราว ซึ่งศาลยังไม่กำหนด แต่คาดว่า 2-3 เดือนข้างหน้า น่าจะเป็นเรื่องที่ให้คู่ความส่งข้อมูล ส่วนเรื่องที่ว่าจำเป็นหรือไม่ว่าต้องปฏิบัติตามคำสั่งศาลนั้นก็เป็นเรื่องที่ให้ไปดูว่าที่ผ่านมาเมื่อไม่ปฏิบัติตามแล้วเกิดอะไรขึ้น


นายกรัฐมนตรีเรียกฝ่ายหน่วยงานทั้งความมั่นคง-บัวแก้ว ถกรายละเอียดคำตัดสินศาลโลกมีผลกระทบเชิงกฎหมายภายในหรือไม่

กำลังโหลดความคิดเห็น