ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - หมู่บ้านเสื้อแดงของตนเองก็มีแล้ว ประชาชนที่จงรักภักดีของตนเองก็มีแล้ว นายกรัฐมนตรีที่ตนเองสามารถชี้นิ้วสั่งให้ซ้ายหันหรือขวาหันก็มีแล้ว
ดังนั้น คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่จะมีการจัดงานวันคล้ายวันเกิดครบรอบ62 ปีให้ “ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ” ภายใต้แนวความคิดที่ว่า “ไม่ต้องมาเกณฑ์ พวกกูจัดเอง 62 ปีทักษิณมหาราษฎร์” เพราะเพลานี้ราชอาณาจักรไทยได้ตกอยู่ภายใต้การบงการของชายชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” อย่างสมบูรณาญาสิทธิราชย์ไปเรียบร้อยแล้ว
ยิ่งเมื่อพิเคราะห์ถ้อยคำที่นำเสนอเรื่องดังกล่าวโดยเว็บไซต์ไทยอี-นิวส์ (http://thaienews.blogspot.com) ซึ่งเป็นหนึ่งในเว็บไซต์เครือข่ายของกลุ่มคนเสื้อแดงและแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ที่นำเสนอแนวคิดในการจัดงานดังกล่าวของคนเสื้อแดง รวมทั้งความคิดและความเคลื่อนไหวทั้งเบื้องสูงเบื้องต่ำของคนเสื้อแดงด้วยแล้ว ก็จะเห็นได้ว่า พวกเขาจงใจและเจตนาที่จะประกาศชัยชนะของคนเสื้อแดงด้วยการจัดงานภายใต้แนวความคิดนี้จริง
ที่สำคัญคือเป็นความตั้งใจที่จะ “วัดบารมี” ผู้นำสูงสุดของคนเสื้อแดงโดยที่เว็บไซต์ไทย-อีนิวส์ไม่จำเป็นต้อง “ขออภัย” หรือ “แก้ตัว” รวมทั้งไม่จำเป็นต้องสร้างภาพด้วยการก่นด่ากันเองให้เสียเวลาแต่อย่างใด
แถมเจ้าของงานวันเกิด รวมทั้งน้องสาวที่กำลังเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทยก็มิได้มีคำสั่งที่จะให้งดจัดงานหรืองดให้ใช้ชื่องานด้วยถ้อยคำดังกล่าวประการใด ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วสามารถทำได้
ปฐมบทอันเป็นสัญลักษณ์แห่งรัฐไทยใหม่ได้กำเนิดให้เห็นเป็นรูปธรรมเรียบร้อยแล้ว
จงใจใช้ “มหาราษฎร์” ข่ม “มหาราช”
ความจริงแล้ว คนไทยทั้งชาติย่อมรู้ดีว่าวันคล้ายวันเกิดของบุคคลสำคัญแห่งราชอาณาจักรไทยที่จะมีการเฉลิมฉลองกันทั่วประเทศมีเพียงแค่ 2 วันเท่านั้น แต่นับตั้งแต่พุทธศักราช 2552 เป็นต้นมา ราชอาณาจักรไทยก็ได้บรรจุวันคล้ายวันเกิดของบุคคลสำคัญเพิ่มขึ้นอีก 1 วันคือวันที่ 26 กรกฎาคมของทุกปี
และในวันที่ 26 กรกฎาคม 2254 ก็เป็นครั้งที่ 3 แล้วที่ประชาชนคนไทยได้เห็นการจัดงานที่ยิ่งใหญ่เยี่ยงนี้
สำหรับการจัดงานวันคล้ายวันเกิดปีที่ 62 ของนักโทษชายหนีคดีชื่อทักษิณนั้น เริ่มต้นเป็นประเด็นร้อนแรงด้วยกระแสข่าวที่บรรดา ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยเตรียมยกโขยงไปอวยพรวัดเกิดที่บาหลี ประเทศอินโดนีเซียหลังจากทราบข่าวว่าผู้มีบารมีตัวจริงเตรียมฉลองวันคล้ายวันเกิดที่นั่น กระทั่งกระทรวงการต่างประเทศของนายกษิต ภิรมย์ต้องออกมาแก้เกี้ยวหลังจากเว้นวรรคการติดตามตัวมานานหลายปีว่า เตรียมจะทำหนังสือขอความร่วมมือไปยังรัฐบาลอินโดนีเซียในเรื่องการตรวจคนเข้าเมือง
จากนั้นก็ทวีความร้อนแรงถึงขีดสุดเมื่อเว็บไซต์ไทยอี-นิวส์ เครือข่ายสังคมออนไลน์ของคนเสื้อแดงพาดหัวข่าวตัวเบ้อเริ่มเทิ่มว่า “พรึ่บ!ไม่ต้องเกณฑ์กูจัดเอง 62 ปีทักษิณมหาราษฎร์”
ถ้อยคำพาดหัวข่าวของไทยอี-นิวส์นั้น ต้องบอกว่ามีนัยสำคัญในทุกประเด็นและมีเจตนาที่จะให้สังคมเข้าใจบริบทของการใช้ถ้อยคำดังกล่าวโดยที่มิต้องตีความให้ยุ่งยากแต่ประการใด เริ่มตั้งแต่การใช้คำว่า “พรึ่บ! ไม่ต้องเกณฑ์กูจัดเอง” ซึ่งเปรียบเปรยด้วยการใช้สัญลักษณ์เชิงกระทบกระเทียบอย่างตรงไปตรงว่า เป็นงานวันคล้ายวันเกิดที่ประชาชนคนเสื้อแดงพร้อมใจกันมาร่วมงานโดยที่ไม่ต้องกะเกณฑ์ผู้คนมาร่วมงานเหมือนกับงานวันคล้ายวันเกิดของใครบางคน
แน่นอน วันคล้ายวันเกิดของใครบางคนตามความหมายของไทย-อีนิวส์ ทุกคนย่อมรู้ดีว่าหมายถึงใคร
ส่วนการใช้คำว่า “62 ปีทักษิณมหาราษฎร์” นั้นก็ต้องบอกว่า เป็นการเจตนาที่จะใช้คำว่า “มหาราษฎร์” ซึ่งเป็นคำพ้องเสียงกับคำว่า “มหาราช” ที่ใช้สำหรับยกย่องพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ และแม้จะมีการแก้ตัวหรือออกในภายหลังว่า คำๆ นี้เป็นคำที่มีการใช้อยู่ทั่วไป เช่น หนังสือพิมพ์มหาราษฎร์หรือบริษัท สุรามหาราษฎร์ แต่ก็เป็นคำแก้ตัวที่ฟังไม่ขึ้น เพราะบริบทการใช้คำๆ นี้ของทั้งหนังสือพิมพ์มหาราษฎร์หรือบริษัทสุรามหาราษฎร์แตกต่างจาก “ทักษิณมหาราษฎร์” โดยสิ้นเชิง
ทั้งนี้ แม้คำๆ นี้จะเป็นคำพ้องเสียงและเป็นคำที่มีการใช้อย่างกว้างขวางจริง แต่ก็ต้องบอกว่า เจตนาที่คนเสื้อแดงและไทยอี-นิวส์ซึ่งเป็นเว็บไซต์ของคนเสื้อแดงหยิบคำนี้มาใช้ไม่ได้เป็นอย่างบริสุทธิ์ใจ โดยเจตนาที่จะใช้คำที่เหยียบย่ำหัวใจของคนไทยทั้งประเทศ
อย่างไรก็ตาม แม้ไทยอี-นิวส์จะออกแถลงการณ์ทางเว็บไซต์ของตัวเองเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2554 ด้วยการขออภัยที่พาดหัวข่าวดังกล่าวจะทำให้เกิดความไม่สบายใจใดๆ ต่อขบวนการเสื้อแดง แต่ก็มิได้ปฏิเสธที่จะยกเลิกการใช้คำๆ นี้แต่อย่างใด
พร้อมทั้งบอกด้วยว่า แม้แต่คนเสื้อแดงจำนวนมากแสดงความไม่เห็นด้วยกับที่ไทยอีนิวส์นำเสนอข่าวพาดหัวเรื่อง พรึบ!ไม่ต้องเกณฑ์กูจัดเอง62ปีทักษิณมหาราษฎร์ ตามโลกไซเบอร์ แต่บางส่วนก็ยืนยันอยากใช้ชื่องานนี้ต่อไป
ขณะเดียวกันไทยอี-นิวส์ก็ยืนยันด้วยว่า ไม่ใช่ปีแรกที่ใช้คอนเซ็ปต์นี้ โดยระบุว่า “ธีมของงานดังกล่าวเป็นคอนเซ็ปต์ของงานจัดงานวันเกิดคุณทักษิณ ชินวัตร เมื่อปีที่แล้ว ที่ใช้คำนี้อย่างกว้างขวางทั้งในและต่างประเทศ ....กลุ่มคนไทยเสื้อแดงในสหรัฐอเมริกา หรือ RED USA รายงานว่าได้พากันจัดฉลองวันเกิดให้พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ พร้อมกับยกย่องให้เป็นมหาราษฎร์หรือราษฎรผู้ยิ่งใหญ่ในหัวใจของคนไทยที่รักชาติรักประชาธิปไตย พร้อมกันนี้ได้พากันถือโอกาสจัดกิจกรรมรำลึกวีรชนเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2553ขึ้นพร้อมกันด้วย”
26 ก.ค.วันชาติของมหาราษฎร์คนเสื้อแดง
สำหรับเหตุการณ์วันคล้ายวันเกิดของ นช.ทักษิณที่เกิดขึ้นจริงในวันที่ 26 กรกฎาคม 2554 นี้นั้น ก็ยิ่งใหญ่ไม่แพ้ทุกๆ ปีที่ผ่านมา โดยมีการจัดขึ้นในหลายจังหวัดด้วยกัน ราวกับว่า นักโทษชายหนีคดีผู้นี้เป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งของชาติก็ไม่ปาน
อาทิ ภาคเหนือ จัดขึ้นที่วัดโรงธรรมสามัคคี อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ ภาคอีสาน จัดที่วัดพระนารายณ์ อ.เมือง จ.นครราชสีมา ภาคใต้ จัดที่วัดเกาะสิเหร่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ภาคตะวันออก จัดที่วัดใหญ่อินทาราม อ.เมือง จ.ชลบุรี ส่วนภาคกลาง จัดที่วัดแก้วฟ้า
แต่ทีเด็ดที่สุดซึ่งถูกตั้งคำถามเป็นอย่างมากสำหรับการจัดงานในวันดังกล่าวอยู่ที่ “วัดแก้วฟ้า” จ.นนทบุรี ซึ่งได้จัดพิธีทำบุญ 62 ปี คืนคนดีกลับบ้าน บูชาคุณแผ่นดิน ให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดยมีประชาชนคนเสื้อแดงต่างเข้าร่วมงานกว่า 1,000 คน
ประธานจัดงานดังกล่าวคือ ดร.สิงห์ทอง บัวชุม อดีตผู้สมัคร ส.ส. กทม. พรรคเพื่อไทย ที่ครั้งนี้เลือกใช้ตำแหน่งเป็น ประธานกลุ่มบูชาคุณแผ่นดิน และ นายพัศพงศ์ พงษ์เรืองรอง
ทั้งนี้ เสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่ดังขรมที่วัดแก้วฟ้าก็คือการนำรูปหล่อสมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมหาราช มาร่วมในพิธีเดียวกับการทำบุญวันคล้ายวันเกิดให้กับ นช.ทักษิณ
ดร.สิงห์ทองให้เหตุผลที่ต้องนำรูปหล่อพระมหากษัตริย์ในอดีตมาร่วมงานว่าเนื่องจากกิจกรรมนี้จัดขึ้นเพื่อเป็นการทดแทนบุญคุณแผ่นดิน ที่อดีตพระมหากษัตริย์ของไทยทุกพระองค์ได้ทำคุณงามความดี ยอมเสียเลือดเนื้อปกป้องแผ่นดิน จนมีประเทศไทยอย่างเช่นทุกวันนี้ ทางกลุ่มเห็นความสำคัญจึงได้จัดกิจกรรมขึ้นเพื่อตอบแทนความดี และเป็นการทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับวีรชนที่เสียสละเพื่อแผ่นดิน ให้แผ่นดินไทย ให้ประชาชนคนไทยทุกคน และทุกชนชั้นมีความสุข
แต่คำถามที่เกิดขึ้นคือ ทำไมต้องมาจัดและนำรูปหล่อของพระมหากษัตริย์ไทยในอดีตมาร่วมงานในวันเดียวกับวันคล้ายวันเกิดของ นช.ทักษิณด้วย
คณะผู้จัดงานต้องการสื่อให้สังคมเข้าใจเช่นไร เพราะถ้าจะว่าไปแล้ววันที่ 26 กรกฏาคมก็มิได้มีสิ่งใดที่เกี่ยวข้องกับบูรพกษัตริยาธิราชเจ้าทั้ง 3 พระองค์เลยแม้แต่น้อย
ยิ่งเมื่อตอกย้ำกับคำให้สัมภาษณ์ของ “นายสัญญา สิมมา” หรือดีเจไชยา แกนนำคนเสื้อแดงที่ยกพลไปปิดสถานีรถไฟเพื่อยึดขบวนรถไฟทหารก่อนที่จะมีการเผาบ้านเผาเมือง ก็ยิ่งสามารถเชื่อมโยงตรรกะของเหตุการณ์ทั้งหมดได้เป็นอย่างดี
นายสัญญากล่าวถึงกรณีที่เกิดกระแสต่อต้านจากสังคมถึงความไม่เหมาะสมที่คนเสื้อแดงจัดงานวันคล้ายวันเกิดให้กับ นช.ทักษิณโดยใช้ชื่องานทักษิณมหาราษฎร์ว่า ส่วนตนเห็นว่าเป็นเพียงคำพ้องเสียงเท่านั้น เพราะคำว่ามหาเมื่อมาบวกกับคำว่าราษฎร์ก็คือเป็นที่รักของประชาชน แต่เมื่อมีผลต่อจิตใจคนส่วนใหญ่ เราก็ไม่ใช้ แต่ยืนยันว่า คำนี้ไม่ผิดกฎหมาย
ด้าน “ผศ.ทวี สุรฤทธิกุล” อาจารย์ประจำสาขารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชให้ความเห็นว่า “เป็นการแสดงความท้าทายสถาบันพระมหากษัตริย์รูปแบบหนึ่ง เพราะต้องยอมรับว่า เจตนาของผู้คิดคือต้องการทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณนั้นดูยิ่งใหญ่ เพราะคำคำนี้พ้องกับคำว่ามหาราชซึ่งเป็นคำที่คนไทยคุ้นชินดีว่า เป็นคำที่ประชาชนสรรเสริญพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งนี่ยังมีผลต่อความรู้สึกของประชาชนที่จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“ผมเข้าใจว่าเขามีเจตนาที่จะให้พ้องเสียงแล้วก็ให้ฟังเหมือนคุณทักษิณนี่ยิ่งใหญ่เสียมากมาย เป็นคนที่พิเศษ ซึ่งมีคำที่คนไทยค้นเคยอยู่แล้วคือคำว่ามหาราช อย่างพระนเรศวรมหาราช พระนารายณ์มหาราช พระเจ้าตากสินมหาราช พระปิยะมหาราช เหล่านี้มองได้อย่างเดียวว่าค้อนข้างมีเจตนาที่หมิ่นเหม่ เพราะฉะนั้นถ้าให้สรุป ผมเชื่อว่าเขามีเจตนาที่จะท้าทาย โดยตั้งใจจะให้กระทบกระเทือนต่อสถาบันพระมหากษัตริย์”ผศ.ทวีให้ความเห็นอย่างตรงไปตรงมา
ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจอะไรที่การจัดงานที่วัดแก้วฟ้าจังหวัดนนทบุรีจะมีการนำรูปหล่อของ 3 มหาราชไทยคือ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมหาราช มาไว้ในการจัดงานวันคล้ายวันเกิดครบ 62 ปีของ นช.ทักษิณด้วย
นอกจากนี้ ในวันเดียวนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ น้องเขย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยังใช้มีดตัดเค้กในงานฉลองวันเกิดให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งคนเสื้อแดงจัดขึ้น โดยจุดที่น่าสนใจก็คือมีการแต่งหน้าเค้กเป็นรูปแผนที่ประเทศไทยสีแดง พร้อมข้อความ “แดงทั้งแผ่นดิน” ทำให้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า เป็นการแสดงนัยถึงการแบ่งแยกประเทศหรือไม่
แต่เหนือสิ่งอื่นใดแล้ว ของขวัญที่ดูเหมือนจะเป็นชิ้นเป็นอันและจับต้องได้มากที่สุดสำหรับ นช.ทักษิณในปีนี้ก็คือ การที่ "หนูเอม-พินทองทา ชินวัตร" ลูกสาวที่เกิดกับ "คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์" พา "ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์" ว่าที่ลูกเขยไปหาถึงประเทศเยอรมนี(อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมใน “ราษฎร์บุตรเขย ชิ่งสาวซบเอม” หน้า 35)
รื้อม. 112 -ปฏิเสธอำนาจตุลาการ อีหนึ่งร่องรอยของรัฐไทยใหม่
นอกจากนี้ สิ่งที่เชื่อมโยงให้เห็นถึงเป้าประสงค์ที่แท้จริงของคนเสื้อแดงได้ชัดเจนอีกประการหนึ่งก็คือ การที่กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตยจัดการเสวนาเรื่อง “ม.112 ถึงเวลาคืนความเป็นธรรมให้ผู้ถูกกล่าวหา” ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลาเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยมีคนเสื้อแดงกว่า 300 คนเข้าร่วมกิจกรรม
และ 2 วิทยากรคนสำคัญที่ร่วมเสวนาในหัวข้อนี้ก็คือ นายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย และนายสุธาชัย ยิ้มประเสริฐ อาจารย์คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
“เมื่อศาลไม่ให้ประกันตัวนายจตุพร(พรหมพันธุ์) ผมก็ไม่ละเมิดอำนาจศาล แต่อยากถามว่า ทำไมศาลจึงไม่อนุญาตให้ประกันตัวแค่ 3 ชั่วโมงเพื่อออกไปเลือกตั้ง ประชาชนไม่กลัวอำนาจศาล เพราะอำนาจตุลาการไม่ได้มาจากประชาชนเราไม่ได้เลือกตั้งหรือรับรองศาล กกต.กำลังทำให้เกิดการชนกันระหว่างอำนาจบริหารกับอำนาจตุลาการ โดยรถไฟจะชนกันที่สถานีจตุพร ซึ่งระบบอย่างนี้ทำให้หลายประเทศพัง เพราะโครงสร้างระบบขุนนางโง่ เอาแต่ใจ เอาแต่อารมณ์ ไม่ยึดหลักเกณฑ์ ผมยืนยันว่าจะไม่ยกมือนิรโทษกรรมให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้ทำผิด และจะไม่ขับไล่นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) แต่จะเรียกร้องให้นายธาริตและกลไกของรัฐทำตามกฎหมาย หากไม่ดำเนินคดีกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ก็ต้องถูกย้าย เพราะถือว่าไม่ทำหน้าที่”นายสุนัยประกาศกร้าวอย่างมิแยแสต่อความรู้สึกของคนไทยทั้งประเทศ(หนังสือพิมพ์คมชัดลึกวันที่ 24 ก.ค.)
นายสุนัยกำลังปฏิเสธอำนาจตุลาการที่ดำเนินการภายใต้พระปรมาภิไธยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเช่นนั้นหรือ
ขณะที่นายสุธาชัยก็ประกาศท้าชนกับกฎหมายอาญามาตรา 112 อย่างซึ่งๆ หน้าว่า กฎหมายมาตรา 112 ถูกนำมาใช้เล่นงานประชาชนที่มีความคิดต่าง และหลังการรัฐประหาร คดีมาตรา 112 เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ดังนั้นใครที่ถูกจับกุมในคดีขับไล่รัฐบาลหรือนายอภิสิทธิ์ต้องได้รับสิทธิประกันตัวอย่างเท่าเทียม
“หลังจากนี้จะหารือกับนางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานนปช.เพื่อจัดงานฉลองชัยชนะของคนเสื้อแดงทั่วประเทศ การเลือกตั้งสะท้อนถึงความเสื่อมและความตกต่ำอย่างหนักของฝ่ายอำมาตยาธิปไตย ซึ่งเพลี่ยงพล้ำในทางยุทธศาสตร์อย่างหนัก สาเหตุของความพ่ายแพ้เกิดจากฝ่ายอำมาตย์ทำผิดพลาดครั้งแล้วครั้งเล่าตั้งแต่ตัดสินใจรัฐประหาร ใช้อำนาจศาลยุบพรรคไทยรักไทย อุ้มคนแพ้เลือกตั้งมาเป็นรัฐบาล และใช้นโยบายต่าประเทศทำให้เกิดความเสียหายสูงสุดจนไทยบาดหมางกับกัมพูชา ถอนตัวจากมรดกโลก ดังนั้น แม้พรรคเพื่อไทยจะไม่ส่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์(ชินวัตร) ลงเลือกตั้ง ก็ชนะ ให้เอาอิฐหรือดินมาแข่งก็ชนะนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ”อาจารย์ยิ้มกล่าว
ทั้งนี้ แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาฯ ได้เรียกร้องให้คนเสื้อแดงช่วยกันไปเยี่ยมและนำเงินไปฝากเยี่ยมผู้ต้องขังคดีมาตรา 112 ที่ไม่ใช่คนดังซึ่งอยู่ในเรือนจำอย่างลำบากด้วย ซึ่งนั่นสะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของกลุ่ม 24 มิถุนาฯและคนเสื้อแดงได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่แค่เพียงนายสุนัยและนายสุธาชัยเท่านั้น สิ่งที่ตอกย้ำถึงความคิดของกลุ่มคนเสื้อแดงได้เป็นอย่างดีอีกกรณีหนึ่งก็คือ การที่นาย “ยศวริศ ชูกล่อม” หรือ “เจ๋ง ดอกจิก” อีกหนึ่งแกนนำคนสำคัญของเสื้อแดง ที่เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2554 ที่ผ่านมา นายเจ๋งมีกำหนดที่จะต้องมาขึ้นศาลตามหมายเรียกตักเตือนจากเหตุพยายามทำร้ายร่างกาย “นายวัชระ เพชรทอง” ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ในศาล โดยเมื่อถึงวันดังกล่ายนายเจ๋งกลับไม่ได้เดินทางมาตามที่ศาลนัด ซึ่งความจริงแล้วก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดปกติอะไรเพราะอาจมีภารกิจสำคัญกว่านี้ที่จำป็นต้องทำก็เป็นได้
แต่เอาเข้าจริง เหตุผลที่นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของนายเจ๋งแจ้งต่อศาลว่า นายเจ๋งติดภารกิจเดินทางไปทำกิจกรรมกับคนเสื้อแดงที่จังหวัดเชียงใหม่และพิษณุโลก จึงไม่สามารถเดินทางมาได้
คงไม่ต้องแปลไทยเป็นไทย ก็สามารถเข้าใจถึงหัวจิตหัวใจของนายเจ๋งเป็นอย่างดีว่า มีความรู้สึกเช่นไรต่อศาล
และแน่นอนว่า ทั้งหลายทั้งปวงนั้นแสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของชายชื่อทักษิณ ซึ่งถ้าจะว่าไปแล้ว การใช้ชื่องานว่า ทักษิณมหาราษฎร์ก็น่าจะเป็นสิ่งที่ไม่เกินเลยไปจากความรู้สึกของคนเสื้อแดงเท่าใดนัก
ราชอาณาจักรไทยกำลังเดินทางมาถึงจุดหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์แล้ว
ย้อนจัดงานวันเกิด "แม้ว" ยิ่งใหญ่อลังการ ผิดปุถุชนคนธรรมดา
หากย้อนกลับไปถึงการจัดงานครบรอบวันเกิดของ นช.ทักษิณ ชินวัตร ก็จะพบว่าบรรดาเครือญาติ และสาวกคนเสื้อแดง ต่างก็พร้อมใจกันจัดงานอย่างยิ่งใหญ่อลังการผิดมนุษย์ปุถุชนทั่วไป
เมื่อปี 2552 อันเป็นการครบรอบอายุ 60 ปี ของนช.ทักษิณ เครือญาติและสาวก ก็ได้จัดงานแซยิดฉลองวันเกิด ซึ่งมีขึ้นหลายจุดทั่วประเทศในชื่อ "เพลงทั้งแผ่นดิน เพื่อทักษิณ ผู้ปลดหนี้ไอเอ็มเอฟ" ซึ่งจุดสำคัญ 3 จุด จัดขึ้นที่วัดแก้วฟ้า ต.บางขนุน อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ที่ตลาดคลองถม ต.อาจสามารถ อ.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด และที่วัดอุทัยธาราม ย่านอาร์ซีเอ เขตห้วยขวาง กทม.
ไฮไลต์สำคัญในครั้งนั้น อยู่ที่วัดแก้วฟ้า โดยมีการจัดพิธีตัดกรรมสวดหงายบาตรให้แก่ทักษิณ โดยมีนายสมชายและนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องเขยและน้องสาว เป็นประธานในพิธี
พิธีก็มีการสวดถอนวิบากกรรม 8 ทิศ มีการนำรูป ทักษิณ ใส่สูทขนาดเท่าตัวจริงยืนประจำ 8 ทิศพร้อมทั้งให้พระสงฆ์ 10 รูปประจำอยู่ตามจุดทั้ง 8 ทิศ และมี ส.ส.ของพรรคและตัวแทนชมรมคนรักทักษิณยืนประจำจุดเช่นเดียวกันจากนั้นได้ทำพิธีถอนรูปทักษิณ
จากนั้นเป็นพิธีสวดแก้บ่วงกรรมเป็นพิธีตัดแก้กรรมโดยมีพระสงฆ์ 4 รูป ประจำอยู่รอบกลดสีดำ จากนั้นมีพระปลัดประจวบ วัดบางโค ทำพิธีสวดกลับธาตุแปรดวง ซึ่งเป็นการสวดอิติปิโสถอยหลัง 108 จบ พร้อมทั้งสวดบังสกุลเป็น บังสุกุลตาย อย่างละ 7 รอบ หลังจากนั้นนายสมชาย พร้อมด้วยนางเยาวภาและแกนนำพรรค ได้ร่วมกันเปิดกลดที่กางอยู่กลางเวทีปรากฏว่าเป็นรูป ทักษิณขนาดเท่าตัวจริงยืนอยู่ 4 ทิศ จากนั้นพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ 109 รูป
จบด้วยพระสงฆ์ทำพิธีสวดหงายบาตร โดยมีพระเกจิเถราจารย์จากวัดต่างๆ ร่วมทำพิธี โดยนำบาตร 4 ในมาคว่ำไว้ตรงหน้ารูป ทักษิณ พร้อมทั้งทำพิธีหงายบาตรขึ้น ซึ่งการสาดหงายบาตรนี้ มีความเชื่อว่าจะทำให้เคราะห์กรรมของ ทักษิณหมดไป
ต่อจากนั้นช่วงเย็น มีการจัดโต๊ะจีนจำนวน 400โต๊ะ ที่ภัตตาคารมังกรหลวง ย่านบางนา ไฮไลต์ก็อยู่ที่ทักษิณ ได้วิดีโอลิงก์เชื่อมสัญญาณไปยังบริเวณจัดงานวันเกิด 3 จุด ระหว่างภัตตาคารมังกรหลวง วัดอุทัยธาราม และที่ อ.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด ในเวลา 21.00 น. จากนั้นเวลา 22.00 น. จะมีการเป่าเทียน และร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์ให้แก่ ทักษิณ ชินวัตร
สำหรับในปี 2553 ในวันครอบรอบ 61 ปี ของนช.ทักษิณ ก็เฉกเช่นเดิมที่ตามต่างจังหวัดจะมีสาวกเสื้อแดงคอยจัดงานวันเกิดให้อย่างอุ่นหนาฝาคั่ง ส่วนรายละเอียดในการจัดงานนั้นในปี2553 ก็เป็นไปในทำนองเดียวกัน หากแต่มีการจัดขึ้นในหลายสถานที่และหลายจังหวัด
ไฮไลต์อยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่อันเป็นบ้านเกิดของเขา มีการจัดงานขึ้นที่ "วัดโรงธรรม" อำเภอสันกำแพง จ.เชียงใหม่ โดยมี "นางจันสม ชินวัตร" ป้าของนช.ทักษิณเป็นเจ้าภาพในการออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด
สำหรับพิธีการที่น่าสนใจในปีนี้ก็คือจะมีการถือเคล็ดด้วยการนิมนต์เจ้าอาวาสวัดชื่อที่คิดว่าเป็นสิริมงคลกับ นช.ทักษิณเข้าร่วมในพิธีด้วย นั่นคือ "วัดดับภัย วัดลอยเคราะห์ และวัดดวงดี" พร้อมทั้งนิมนต์เจ้าอาวาสวัดต่างๆ ในอำเภอสันกำแพงเข้าร่วมทำพิธีกรรมในครั้งนี้
หลังเสร็จพิธีกรรมทางศาสนาจะมีการปล่อยลูกโป่งและโคมลอยที่เป็นสีธงชาติกว่า 3,000 ลูก พร้อมทั้งมีการโฟนอินของ นช.ทักษิณเพื่อเป็นการขอบคุณประชาชนเสื้อแดงที่ร่วมกันจัดงานวันเกิดให้อีกด้วย