“สนธิ” เผยรู้สึกท้อต้องสู้กับความไม่รู้ของคน มีสติปัญญาระดับดอกเตอร์ยังโง่โจมตีโหวตโนอย่างน่าสังเวชใจ สื่อรับเงินนักการเมืองทั้งฟากทักษิณ-ประชาธิปัตย์ เมินปกป้องผลประโยชน์ชาติ ขณะข้าราชการ-ทหารมัวรับใช้นักการเมืองทำเกียรติภูมิตกต่ำ ซ้ำพวกพันธมิตรฯ ปชป.ยังปล่อยข่าวทำลายกล่าวหารับเงินทักษิณ เผยจิตสำนึกบอกท้อไม่ได้ เพราะเดิมพันคือชาติฯ ลั่นหลังเลือกตั้ง เดินหน้าสู้อย่างสุขุม เน้นให้ปัญญากับคน
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง “รวมพลังปกป้องแผ่นดิน” ปราศรัยโดย “นายสนธิ ลิ้มทองกุล”
เมื่อเวลา 21.20 น.วันที่ 30 มิ.ย.นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวปราศรัยที่เวทีสะพานมัฆวานรังสรรค์ ก่อนที่จะยุติการชุมนุมในวันที่ 1 ก.ค. ว่า เมื่อเรามองการต่อสู้ของเราแบบป่าทั้งป่า เราได้มองข้ามช็อตการเลือกตั้งไปแล้ว เพราะการเลือกตั้งสมัยนี้เป็นพิธีกรรมของโจรผู้ร้าย โหวตโนจึงเป็นการแสดงออกว่าเราขอไม่มั่วสุมกับกลุ่มคนชั่วร้ายไร้ศีลธรรมเหล่านี้
นายสนธิกล่าวต่อว่า ตลอดการต่อสู้ที่ผ่านมาตนรู้สึกท้อบ้างเหมือนกัน เพราะว่าสิ่งที่เราสู้นั้นยิ่งใหญ่เกินกำลังของคนอย่างตน หรือประชาชนธรรมดาอย่างพี่น้อง และที่ท้อเพราะว่าเราสู้กับความไม่รู้ของประชาชชน ซึ่งต่างจากพี่น้องที่มานั่งอยู่ที่นี่ และดูเอเอสทีวีอยู่ที่บ้าน ซึ่งได้พัฒนาระดับสติปัญญาไปไกลแล้ว แต่ประชาชนส่วนใหญ่ที่เป็นรากหญ้ายังหลงใหลกับสินบนของพรรคเพื่อไทย ทักษิณ ชินวัตร หรือยังหลงใหลความจอมปลอมของพรรคประชาธิปัตย์ ทำให้เรารู้สึกว่าศึกครั้งนี้ใหญ่มาก
เมื่อมองไปถึงประชาขน เราอดไม่ได้ที่จะมองไปถึงสื่อมวลชน พ่อค้าที่เป็นนายทุนหน้าเลือกเอาเงินซื้อทุกอย่าง ซื้ออำนาจทางการเมืองเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง เช่นกรณีโรงงานน้ำมันปาล์มที่เห็นได้ชัด และมองไปถึงข้าราชการย้อนไปถึงปี 2548 มาจนถึงวันนี้ข้าราชการไม่มีเปลี่ยนแปลงเลย เพราะไม่ได้มุ่งรับใช้ประชาชน เมื่อดู กกต.ชุดวาสนา เพิ่มลาภ แล้วมาดู กกต.ชุดนี้ ไม่แตกต่างกัน เรื่องการตะแบง ไม่แก้ไขสิ่งที่ผิด กกต.ชุดนั้นช่วยพรรคไทยรักไทย กกต.ชุดนี้ก็ช่วยพรรคประชาธิปัตย์เหมือนกัน ข้าราชการในที่นี้รวมถึงทหารตำรวจด้วย ตนได้พูดหลายครั้งแล้วว่า ไม่มียุคไหนที่ทหารจะตกต่ำเท่ายุคที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็น ผบ.ทบ.
เมื่อเรามองดูโครงสร้างของสังคไทย เราเห็นชัดว่า ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะนักการเมืองที่ทำให้โครงสร้างสังคมผิดเพี้ยนไป ทำให้คนไทยเลวทรามต่ำช้าลงทุกวัน การที่ตนเรียกนักการเมืองว่าสัตว์นรกแรกๆ มันเหมือนแรง แต่วันนี้ยังเบาไปเสียด้วยซ้ำ เพราะสัตว์นรกไม่มีความคิด ไม่มีหิริโอตปะ ไม่รู้ชั่วกลัวบาป เมื่อหิวก็กินและกินไม่รู้จักหยุด
นายสนธิกล่าวต่อว่า ข้อแตกต่างระหว่างพวกเราที่ออกมาไล่ทักษิณกับคนที่เคยมาร่วมไล่ทักษิณแต่เชียร์ประชาธิปัตย์อยู่ที่เรามีจิตสำนึกแต่พวกเขาไม่มีจิตสำนึก เราไล่ทักษิณเพราะเขากำลังทำร้ายชาติบ้านเมือง แต่เขาไปแล้วมีตัวแทนขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นนายสมัคร สุนทรเวช นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ก็มาในรูปแบบเดียวกันคือทำร้ายชาติบ้านเมือง และวันที่เราไล่ทักษิณ สมัคร สมชาย ก็คือเรากำลังไล่คนที่มาทำลายชาติบ้านเมือง เราเปรียบคนพวกนี้เหมือนโจรที่ถือถาบคาดผ้าประเจียดบุกเข้ามาปล้นบ้านเรา แต่พอพวกนี้ไปก็มีโจรรูปแบบใหม่ ใส่เสื้อนอกผูกไทปะแป้งนุ่งกางเกงกลีบโง้งเข้ามาในบ้านสวัสดีเราด้วยความเรียบร้อย แต่พอเราเผลอก็จับเรามัด แล้วเปิดประตูให้โจรที่เป็นพวกเดียวกันมาปล้น นักการเมืองนั้นรูปแบบอาจจะไม่เหมือนกันสุดแล้วแต่ใครตอแหลเก่งกว่ากัน แต่เนื้อหาเหมือนกันหมด ตรงนี้เป็นเรื่องน่าท้อใจ
บางครั้งก็อดไม่ได้ที่จะมองคนด้วยความสังเวช เวทนา คนที่บอกว่าโหวตโนแล้วจะทำให้ทักษิณกลับมา หรือคนที่บอกว่าอภิสิทธิ์แค่ไหนก็ยังดีกว่าทักษิณ ภายใต้ความเวทนานี้ทำให้ท้อใจไปด้วย คนที่ตนเวทนาไม่ใช่รากหญ้าที่คอยแบมือขอเงิน 200-300 บาท แต่เป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ เป็นดอกเตอร์ เป็นสื่อมวลชน เป็นนายทหารชั้นผู้ใหญ่ แม้กระทั่งนักกฎหมานอย่างนายสมคิด เลิศไพฑูรย์ คนอย่างนายแก้วสรร อติโพธิ์ นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ตรงนี้ทำให้ท้อใจ และกัดกร่อนตัวตนลงไปทุกวัน นี่คือคำตอบว่าทำไม ตนจึงนั่งไม่รู้สึกอะไรเลย แม้ว่าล่าสุดจะมีคลิปในยูทูปออกมาโจมตีอีกแล้ว เพราะถ้าเรามาสนใจกับผีเปรตตัวเล็กตัวน้อยที่มาขอส่วนบุญ มันก็ไม่มีโอกาสที่จะไปสู้กับอสุรกายที่มันครอบงำจิตวิญญาณของคน ทักษิณ อภิสิทธิ์ตายไปก็จะมีตัวแทนขึ้นมา
พันธมิตรฯ คงจะผิด เพราะดันทะลึ่งไปยึดเอาหลักการ ก็เท่ากับว่าใครก็ตามเข้ามาเอาประโยชน์ชาติไปเป็นของตัวเอง ใครด็ตามจะเข้ามาโกงกิน จะเข้ามาจาบจ้วง ปล้นชาติปล้นแผ่นดิน พันธมิตรฯ ไม่ยอมแน่นอน การไล่ทักษิณไปอยู่บนหลักการเหล่านี้ ไม่ได้ไล่ไปเพราะเกลียดทักษิณ แต่ไล่เพราะทักษิณไม่ได้จริงใจต่อชาติบ้านเมือง
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะนั้น เราเห็นว้ามีคุณวุฒิดี ชาติตระกูลดี จึงให้โอกาสในตอนแรก แต่พอเดินไปสักพักหางเริ่มโผล่ ลายเริ่มออก ทำให้คนที่สนับสนุนแบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย ฝ่ายหนึ่งตื่น รู้ และเบิกบาน คือพันธมิตรฯ อีกฝ่ายหนึ่งหมกมุ่นในอวิชชา จิตใจเต็มไปด้วยมิจฉาทิฐิ ไม่เข้าใจหลักการของชาติบ้านเมือง คนกลุ่มนี้อุปมาอุปมัยเห็นทักษิณ สมัครยืนปัสสาวะรดกำแพง ก็ชี้หน้าด่าเขา แต่พอนายอภสิทธิ์เยี่ยวรดกางเกงก็ไม่ว่าอะไร บอกว่าก็ยังดีกว่า เพราะเยี่ยวรถกางเกงตัวเอง กลุ่มคนพวกนี้หูหนวกตาบอด ไม่เห็นอะไร และมารุมโจมตีเรา ก็อยากถามกลับว่าพี่น้องที่มาต่อสู้เพื่อปกป้องดินแดนอยู่ที่นี่จะได้อะไร ถ้าเราได้ดินแดนกลับคืนมา ตอนแรกที่เราออกมาสู้นายอภิสิทธิ์ก็เถียงแต่เมื่อเราให้เหตุผลไปเรื่อยๆ นายอภืสิทธิ์ก็เถียงไม่ออก
การต่อสู้ของพี่น้องเริ่มรุนแรงถึงลูกถึงคนเมื่อไม่กี่สัปดาห์ทีผ่านมา เพราะอิทธิพลของโหวตโน ทำให้ประชาธิปัตย์เดือดร้อนแสนสาหัส ขบวนการทำร้ายพันธมิตรฯ ผ่านสื่อที่เขาควบคุมอยู่จึงรุนแรงขึ้น โดยใช้คำพูดของกลุ่มอดีตพันธมิตรฯ ที่กลายเป็นพันธมิตรเพื่อประชาธิปัตย์ วันนี้ไม่ทำลายใครอีกแล้วนอกจากนายสนธิ เพราะไม่มีอะไรจะง่ายไปกว่าการกล่าวหาว่านายสนธิรับเงินทักษิณ เพื่อมารณรงค์โหวตโนให้พรรคเขาเสียคะแนน อย่างกรณีนางสมฤดี อดีตพันธมิตรฯ แม่กลอง ที่เอาข้าวปลาอาหารมาเลี้ยงชาวเอเอสทีวี จู่ๆ ก็กลายเป็นแม่ยกนายอภิสิทธิ์ ไปหลงเชื่อ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เที่ยวไปเดินสายว่านายสนธิรับเงินทักษิณ อ้างว่าคนขับรถเล่าให้ฟัง ทั้งที่ตั้งแต่ตนถูกยิงนั้นมีคนขับรถชื่อ “บังญา” จนวันนี้ “บังญา” ก็ยังขับรถให้ตน ไม่รู้ว่านางสมฤดีไปคุยกับคนขับรถใครที่ไหน นี่คือตัวอย่างหนึ่ง
นอกจากนี้ยังมีการปล่อยข่าวผ่านยูทิวบ์เป็นรูปตนกับทักษิณ พยายามทำให้คนเชื่อว่าตนรับเงินทักษิณ ที่ตนท้อเพราะว่าคนที่มีสติปัญญาไม่คิดสักนิดเดียวแล้วไปเชื่อ ทำให้รู้สึกเวทนา ที่พูดแค่นี้ก็เชื่อ ถ้าเขามีปัญญาแล้วอุปมาอุปมัยได้ต้องรู้และตัดสินได้ว่าคนที่รับเงินทักษิณน่าจะเป็นนายอภิสิทธิ์เอง เพราะเรื่องง่ายๆ แค่ถอดยศทักษิณ 2 ปีผ่านมาแล้วก็ยังไม่ทำ เพราะรับเงินทักษิณมาหรือไม่ แต่นี้ถ้ายังวิสัชชนาไม่ออกก็อย่าบอกเลยว่าเป็นอดีตพันธมิตรฯ เพราะไม่มีคุณสมบัติเป็นพันธมิตรฯ
นายสนธิกล่าวต่อว่า ตนเคยเป็นคนมีในอดีต วันนี้พอมีพอกิน แต่ไม่มีทรัพย์สมบัติให้ลูกเพราะขายมาทำเอเอสทีวีหมด จนวันนี้พวกโง่ยังไม่รู้ว่าคนอย่างตนเอาเงินซื้อไม่ได้ ไม่กี่วันมานี้มีคนในของตระกูลชินวัตร บอกว่าหลังเลือกตั้งจะแนะนำให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มาพบนายสนธิ เพื่อพูดกันให้เข้าใจว่าต้องการจะให้ทำอะไรเพื่อชาติบ้านเมือง และมีคนถามว่า ถ้ามาพบนายสนธิก็ต้องไปพบเจ้าของหนังสือพิมพ์อีกหลายฉบับ รวมทั้งฉบับที่มีคนหัวล้านเป็นเจ้าสำนัก เขาบอกว่าพวกนั้นรวมทั้งคนหัวล้านเอาเงินฟาดหัวก็จบ ที่พูดไม่ได้ยกยอตัวเอง แต่จะบอกว่าคนอย่างสนธิไม่ใช่คนที่จะเอาเงินมาฟาดหัวได้ ไม่เช่นนั้นไม่สู้กับทักษิณมาจนวันนี้ พอเราไล่ทักษิณไป ใครก็ได้ที่มาแล้วขอให้ทำเพื่อชาติบ้านเมือง เราเลยเป้นยามเฝ้าแผ่นดิน เพราะเราไล่นักการเมืองชั่ว ทหาร ข้าราชการที่เลวทราม กกต. คนในศษลรัฐธรรมนูญ เราก็ไล่
ใครไม่จริงใจต่อชาติบ้านเมืองเราถือว่าเป็นศัตรู เราทะเลาะกับใครไปหมดทั้งสิบทิศ ไม่ใช่เพราะเราชอบทะเลาะแต่ที่เราต้องทะเลาะสิบทิศเพราะสังคมไทยทุกวันนี้คนชั่วมันอยู่ทั้งสิบทิศ ในสังคมไทยมีใครบ้างที่ไม่กลัวสื่อ ถ้าไม่ใช่พวกเรา ไม่ว่าหนังสือพิมพ์ฉบับไหน พิธีกรรายการทีวีคนไหน คอลัมนิสต์คนไหน เราชนมาตลอด เพราะมันไม่ใช่เรื่องส่วนตัว แต่เป้นเรื่องชาติบ้านเมือง มันบิดเบือนไมได้
สมัยรัฐบาลทักษิณ สมัคร สมชาย เราชนกับไทยรัฐ ข่าวสด มติชน แต่มาวันนี้เราชนกับแนวหน้า เนชั่น กรุงเทพธุรกิจ ไทยโพสต์ และทีวีหลายช่อง สรุปแล้วศัตรูเก่ายังชนอยู่และชนกับศัตรูใหม่อีก เราชนกับสื่อพวกนี้เพราะเป็นสื่อที่ยอมสยบต่อนักการเมือง ทำมาหารับประทาน รับจ็อบนักการเมือง ซึ่งสื่อของพันธมิตรฯ ไม่มีนิสัยสันดานแบบนี้ วันนี้ที่มีการเปิดเผยถึงอีเมล์กุนซือ “ปู” ซึ่งถูกแฮกออกมาโดยคนที่มีอำนาจรัฐนั้น น่าสนใจ เพราะมีการระบุชัดเจนว่ามีคนคอยวิ่งจัดการเรื่องสื่อให้นางสาวยิ่งลักษณ์ได้ลงรูปและข่าวหน้า 1 ในไทยรัฐ ข่าว เดลินิวส์ มติชน คมชัดลึก โดยระบุถึงการจ่ายเงินดูแลสื่อที่ละ 2 หมื่น พร้อมเลี้ยงข้าวและเลี้ยงเหล้า
นายสนธิกล่าวต่อว่า หากไทยรัฐ ข่าวสด เดลินิวส์ มติชน คมชัดลึก รับเงินจากทางด้านพรรคเพื่อไทยเพื่อมาเชียร์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ สื่ออื่นๆ ยกเว้นเอเอสทีวีก็อาจรับเงินนักการเมืองได้เช่นกัน แล้วแต่ว่าเงินหรือผลประโยชน์นั้นจะมาในรูปแบบใด ซึ่งถ้าสื่ออย่างเอเอสทีวีไม่ยืนอยู่บนหลักการ เห็นแก่ลาภ ผลประโยชน์ วันนี้สื่อในเครือเอเอสทีวีเรียกแขกไม่ได้ ส่วนเนชั่นนั้นคนของพรรคประชาธิปัตย์มาซื้อหุ้นไปแล้ว สื่อบางพวกทางซ้ายก็รับเงินทักษิณ ทางขวาก็รับเงินประชาธิปัตย์ ทุกวันนี้ใครบ้างถูกทักษิณชื้อ ใครบ้างถูกประชาธิปัตย์ซื้อ หรือใครที่ถูกน้ำใจพี่น้องพันธมิตรฯ ซื้อไป มันเห็นชัดเจน
สื่อที่พยายามบอกว่าโหวตโนผิดกฎหมาย ก็เพราะมีผลประโยชน์กับนักการเมืองที่กำลังจะสูญพันธุ์ และที่ไม่รายงานข่าวเรื่องการเสียดินแดน ก็เพราะว่าทั้งฝ่ายทักษิณก็ต้องการยกที่ดินให้ฮุนเซน นายอภิสิทธิ์ก็ต้องการส่งของให้บริษัทฝรั่ง เรื่องการต่อสู้เพื่อแผ่นดินไทยจึงมีแต่เอเอสทีวีที่รายงาน ส่วนสื่ออื่นไม่รายงานก็เพราะมีการรับทรัพย์จากทั้งสองฝ่ายที่ขายแผ่นดินทั้งคู่
นายสนธิกล่าวต่อว่า การต่อสู้ของเราหนักยิ่งกว่าเข็นครกขึ้นภูเขา แต่นี่คือสิ่งศักดิ์สิทธิ์กำลังทดสอบเรา วันนี้แม้ตนจะท้อหลายเรื่อง แต่เสี้ยวหนึ่งของจิตใจบอกว่า ท้อไม่ได้ เพราะว่าเดิมพันของเราคือชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ แต่การต่อสู้ของเรามองข้ามช็อตไปถึงช่วงหลังเลือกตั้ง เราต้องสู้แบบสุขุม ภารกิจหลักและยิ่งใหญ่จองเราคือการให้ปัญญาคน ปัญญาที่ถูกต้อง หรือสัมมาปัญญาเท่านั้นที่จะทำให้บ้านเมืองอยู่รอดได้
นายสนธิกล่าวต่อว่า หากนึกถึงสมัยพุทธกาลตอนที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้เสร็จ พระองค์มี 2 ทางเลือกคือ 1.หายตัวไปเลยเพื่อเข้าสู่นิพพานของท่านเอง เป็นปัจเจกพุทธเจ้า หรือ 2.ออกมาโปรดสัตว์ ซึ่งเราก็ต้องเจริญรอยตาม คือเมื่อได้ปัญญาแล้วก็เอาปัญญาของเราถ่ายทอดออกไปเรื่อยๆ ในสมัยพุทธกาลไม่มีรถยนต์ไม่มีเครื่องมือสื่อสารที่ทันสมัยต้องเดินไปสอนคนตามที่ต่างๆ และท่านสร้างปาฏิหาริย์ได้โดยให้พระโมคคัลลาน์แสดง สมัยเราก็สร้างคุณประโยชน์เพราะเราสามารถไล่นายกฯ ได้อย่างน้อย 3 คน คือ ทักษิณ-สมัคร-สมชาย ต่อมาพันธมิตรฯ บอกให้ถอนตัวจากภาคีมรดกโลกตั้งแต่ปีที่แล้ว ในที่สุดก็ต้องถอนจริง และมีคนเอาไปตีกิน
นายสนธิกล่าวต่อว่า อีกสิ่งหนึ่งที่พรรคประชาธิปัตย์พลาด ก็คือ ประชาธิปัตย์คิดไปเองว่า พันธมิตรฯ ที่แท้จริงคือคนของพรรคประชาธิปัตย์ เพราะในช่วง 193 วัน มีหัวคะแนนมาร่วมชุมนุมแล้วกลับไปเล่าให้นายฟังว่า มีแต่คนของประชาธิปัตย์เท่านั้นที่มาร่วมชุมนุม พวกนี้คนมาดูถูกเหยียดหยามพันธมิตรฯ ลืมนึกไปว่าพันธมิตรฯ มีอยู่ทั่วประเทศและอยู่ในจิตวิญญาณ ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเราการรณรงค์โหวตโนจะเกิดขึ้นตามจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศได้หรือ นี่คือคำตอบให้พรรคประชาธิปัตย์เห็นว่าพันธมิตรฯ ยังมีอีกมาก ด้วยเหตุนี้กระแสโหวตโนจึงแรง
นายสนธิกล่าวต่อว่า เมื่อมองเห็นพ่อแม่ครูบาอาจารย์ที่ออกไปแสดงธรรมต้องเดินป่า ฉันมื้อเดียว ต้องผจญกับสิงสาราสัตว์ โดยไม่ท้อ ตนก็ต้องไม่ท้อ พ่อแม่ครูบาอาจารย์เอาธรรมนำหน้าพร้อมที่จะตายเพื่อธรรม พวกเราก็เอาธรรมนำหน้า พร้อมตายเพื่อชาติบ้านเมืองได้เช่นกัน ตนเดินมาไกลกว่าที่จะหันหลังกลับ เพราะเรามีวัตถุประสงค์การเดิน มีศรัทธา รู้เป้าหมายว่าเราทำเพื่อส่วนรวม เพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ แม้จะมีคนมาโจมตีมาทำลาย แต่ตนไม่สะเทือน เพราะเรามีจุดยืน เชื่อมั่นในกฎแห่งกรรม ถ้าสิ่งที่เขาต่อว่าเราไม่เป็นความจริงตามที่เขากล่าวหา คนๆ นั้นก็จะรับกรรมไปเอง ตนเชื่อว่าคนที่มากล่าวหาตนจะได้รับกรรม
นายสนธิกล่าวในตอนท้ายว่า ที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ขอให้พี่น้องช่วยเหลือเอเอสทีวีเดือนละ 1 พันบาทนั้น ตนไม่ได้บอก พล.ต.จำลอง เพราะไม่กล้าพูด แต่จะบอกว่าครอบครัวของตนเพิ่งขายที่ดินผืนสุดท้ายเพื่อเอาเงินมาใช้ในเอเอสทีวี หากมองย้อนไปปี 48-49 ถ้าไม่มีเอเอสทีวีทักษิณจะออกไปหรือไม่ รัฐบาลสมัคร-สมชายจะล้มหรือไม่ หรือถ้าไม่มีเอเอสทีวีดินแดนไทยจะหายไปแล้วใช่หรือไม่ สื่อมวลชนเกือบทั้งหมดทุกวันนี้รับเงินทั้งจากประชาธิปัตย์และทักษิณ บ้านเมืองจึงจำเป็นต้องมีสื่อที่ทำหน้าที่ปกป้องชาติบ้านเมืองอย่างเอเอสทีวี ส่วนที่ พล.ต.จำลองบอกว่าขอเดือนละพันนั้น ที่จริงเดือนละ 100, 200, 300 บาทก็ได้ ทั้งนี้ เอเอสทีวีมีรายจ่ายประมาณเดือนละ 30 ล้านบาท เป็นค่าเช่าดาวเทียม เงินเดือนพนักงาน ซึ่งเมื่อเทียบกับช่องอื่นเราค่าใช้จ่ายถูกแล้ว และเราไม่รับเงินนักการเมืองมาทำเหมือนช่องอื่น ถ้าพี่น้องคิดว่าสังคมไทยควรมีสื่อย่างเอเอสทีวีอยู่เป็นหลักชัย ต้องมีสื่อที่ซื่อสัตย์ต่อบ้านเมือง พี่น้องต้องช่วยกันไม่ให้จอดับ
คำต่อคำ “สนธิ ลิ้มทองกุล” ปราศรัย
“พี่น้องครับ วันนี้ผมมีเรื่องจะมาพูดความในใจทั้งหมด ตั้งแต่ปี 2548 ปลายปี มาจนถึงวันนี้ เพราะวันพรุ่งนี้คงจะไม่มีโอกาสได้ปราศรัย เนื่องจากจะมีคนเยอะมาก
วันนี้ผมนั่งทบทวนความคิดของผม ทีละเรื่องๆ ผมมีความรู้สึกว่าวันนี้ผมต้องพูดให้พี่น้องฟัง จะเรียกว่าเป็นการพูดป่าทั้งป่าเลย เพราะวันนี้ผมมองข้ามช็อต เลยการเลือกตั้งไปแล้ว ผมคิดว่าการเลือกตั้งสมัยนี้ มันเป็นพิธีกรรมของโจรผู้ร้ายที่ทำกัน
การโหวตโนนั้นเป็นการแสดงออกว่า เราขอไม่มั่วสุมกับคนชั่วร้าย ไร้ศีลธรรม นั่งอยู่ในที่ทำงานก็ฟังน้องๆ เขานั่งเถียงกันเรื่องกฎหมาย ปานเทพ ก็จะนั่งพูดตอนประมาณ 10 โมงเช้า ก็จะนั่งพูดเรื่องนู้นนี้ให้ฟัง คุณประพันธ์ คูณมี ก็มาประมาณ 10 โมงกว่า ก็จะอธิบายความให้ฟัง ฟังไปแล้วถามตัวเองว่า สนธิท้อบ้างมั้ย ผมต้องบอกพ่อแม่พี่น้องว่า มันก็มีเวลาที่ท้อเหมือนกัน แต่ผมจำเป็นต้องเล่าให้พี่น้องฟังว่า ที่ผมท้อผมท้อเรื่องอะไร ฟังไปทีละชอตก่อน แล้วเดี๋ยวค่อยสรุป
ที่ผมท้อ ผมท้อเพราะสิ่งที่เราสู้มันยิ่งใหญ่เกินกว่า กำลังของคนอย่างผม หรือว่าประชาชนธรรมดาอย่างพ่อแม่พี่น้อง ที่มีความรักชาติ รักบ้านรักเมือง ที่ท้อเพราะว่า เริ่มแรกเราต้องสู้ในเรื่องความไม่รู้ของประชาชน พ่อแม่พี่น้องที่นั่งอยู่ที่นี่ กับพี่น้องที่ดูเอเอสทีวีอยู่ที่บ้านเป็นประจำ ท่านผู้ชม กับพี่น้องที่อยู่ที่นี่ เป็นคนที่โชคดีมากๆ เพราะว่าปัญญา พ่อแม่พี่น้องได้ถูกเปิดออกมา แล้วพี่น้องได้พัฒนา สติปัญญาไปจนกระทั่งผมเชื่อว่า การพูดจาบนเวทีทุกๆวันนั้น แทบจะไม่ต้องพูดพี่น้องก็เข้าใจอยู่แล้ว
แต่ถ้าเรามองย้อนกลับไปถึง กลุ่มพี่น้องประชาชนที่เป็นรากหญ้า ที่ไปหลงใหลกับคำพูด สินบาดคาดสินบน พรรคเพื่อไทยของทักษิณ ชินวัตร หรือพี่น้องประชาชนที่ยังหลงใหลความจอมปลอม ของพรรคประชาธิปัตย์อยู่ มันทำให้เรามีความรู้สึกว่า ศึกครั้งนี้มันยิ่งใหญ่กว่าที่เราคิด พอเรามองถึงประชาชนแล้ว มันก็อดไม่ได้ที่จะมองถึงสื่อมวลชน วันนี้พี่น้องฟังคุณเติมศักดิ์ พูดถึงอีเมล์ ที่รายงานว่า สื่อมวลชนฉบับไหนไป ประเดี๋ยวผมจะเอาเรื่องนี้มาพูดตอนที่ 2 ของการพูดครั้งนี้
พอเรามองดูประชาชน เราก็มามองดูพ่อค้าบ้าง คำว่าพ่อค้าในที่นี้ ไม่ใช่คนหาเช้ากินค่ำ หรือว่าคนซึ่งทำอาชีพที่สุจริต แต่เรากำลังพูดถึงพ่อค้า นายทุนหน้าเลือด ที่เห็นแก่ตัว ที่เอาเงินซื้อหมดทุกอย่าง ซื้ออำนาจทางการเมือง เพื่อออกกฎหมายช่วยตัวเอง ซื้ออำนาจทางการเมือง เพื่อออกสัมปทาน ให้กับตัวเอง ใช้อำนาจทางการเมืองเพื่อให้ตัวเองได้ผลประโยชน์ อย่างเช่น การกักตุนน้ำมันปาล์ม ซึ่งเห็นได้ชัด
อย่างที่ผมเรียนให้พี่น้องฟัง ว่ามันเป็นไปได้อย่างไร ที่มีโรงงานปาล์มน้ำมัน อยู่ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี1 โรง ที่ร่วมมือกับนักการเมือง กักตุนน้ำมันปาล์ม แล้วจับประชาชนทั้งประเทศเป็นตัวประกัน ให้น้ำมันปาล์มขาดตลาด แล้วน้ำมันจะได้ขึ้นราคา ตัวเองจะได้กำไรมากขึ้น นี่คือลักษณะพ่อค้าที่ผมได้พูดถึง
พอมองตรงนี้แล้ว เราก็มองลงที่ข้าราชการ เมื่อเรามองที่ข้าราชการแล้ว ผมมามองย้อนหลังของการต่อสู้ตั้งแต่เมื่อปี 2548 - 2549 ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มาจนถึงวันนี้ ผมเห็นแล้วว่า ข้าราชการไม่มีเปลี่ยนแปลงเลย คือไม่ได้มุ่งที่จะรับใช้ส่วนรวม ไม่ได้มุ่งที่จะรับใช้ประชาชน ไม่ได้มุ่งที่จะทำงานให้คุ้มค่ากับภาษีอากร ที่เราจ่ายให้เขาในฐานะที่เป็นข้าราชการ เมื่อเรามองดูว่า วาสนา เพิ่มลาภ อดีต กกต. สมัยโน้น แล้วเรามามองดู กกต. ชุดนี้ ถามว่า เนื้อหามีอะไรต่างกันมั้ย ไม่ต่างกันเลย มันเกิดอะไรขึ้น กกต. ยุคที่ทักษิณ ชินวัตร เป็นรัฐบาล กับ กกต.ยุคที่ อธิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ไม่มีอะไรต่างกันเลย ในเรื่องของการตะแบง ในเรื่องของการไม่ยอมทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องให้ถูกต้อง ในเรื่องของการไม่ยอมแก้ไขสิ่งที่ผิด และในเรื่องของการที่ กกต. ชุดนี้ได้ช่วยพรรคประชาธิปัตย์ ทุกประการ ไม่ได้ต่างกับสมัยของวาสนา เพิ่มลาภ ช่วยเหลือพรรคพลังประชาชน หรือพรรคไทยรักไทย เห็นหรือยังพี่น้อง ต่างกรรมต่างวาระ
พอเรามองเช่นนี้แล้ว เราก็เริ่มเห็นปัญหา ปัญหาของประชาชน ปัญหาของสื่อมวลชน ปัญหาของพ่อค้า ปัญหาของข้าราชการ ซึ่งรวมไปถึงปัญหาของทหารและตำรวจ เหมือนอย่างที่ผมเคยพูดบนเวทีมานานแล้ว ว่าไม่มียุคไหนที่ทหาร และตำรวจจะตกต่ำ เทียบเท่ายุค พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา และยุคของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
เพราะฉะนั้นแล้ว เมื่อเรามองโครงสร้าง องค์ประกอบของสังคมไทยลงมาเรื่อยๆ เราก็จะเห็นได้ชัดเจนว่า ทุกอย่างที่เกิดขึ้น มันเกิดขึ้นเพราะนักการเมือง นักการเมืองเท่านั้น ที่ทำให้โครงสร้างของสังคม บิดเบือน ผิดเพี้ยน แล้วก็ทำให้นักการเมือง ทำให้คนไทยเลวทรามต่ำช้า ลงไปทุกวันๆ
การที่ผมเรียกนักการเมืองว่า สัตว์นรกนั้น แรกๆ ฟังดูก็เหมือนจะแรง แต่มาถึงวันนี้ ดูเหมือนมันจะเบาไปด้วยซ้ำ เพราะสัตว์นรกไม่มีความคิด สัตว์นรกใช้วิญญาณสัตว์ป่าในการดำเนินชีวิต สัตว์ป่านั้นไม่มีหิริโอตตัปปะ ความรู้สึกชั่วและกลัวในบาปไม่มี และสัตว์นรกสัตว์ป่านั้นเมื่อหิวแล้วก็จะกินไม่รู้จักหยุด
การที่เราขับไล่ทักษิณ ชินวัตร ออกไปนั้น ข้อแตกต่างระหว่างเรา กับคนที่เชียร์พรรคประชาธิปัตย์ แล้วมาร่วมกับเราอยู่ตรงไหน อยู่ตรงที่ว่า พวกเราเป็นพวกที่มีจิตสำนึก พวกเขาไม่มีจิตสำนึก ตอนที่เราไล่ทักษิณ ชินวัตร ออกนอกประเทศ ออกมาเดินขบวนไล่นั้น เราขับไล่เขาเพราะเขากำลังทำร้ายชาติบ้านเมือง เมื่อเขาไปแล้ว เขามีตัวแทนเขาขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็น สมัคร สุนทรเวช หรือสมชาย วงศ์สวัสดิ์ มันก็มาในรูปแบบเดียวกันคือ ทำร้ายบ้านเมือง ณ วันนั้นที่เราไล่ สมัคร และ สมชาย นั้น จริงอยู่ว่าเรากำลังไล่ นอมินี ของทักษิณ แต่ลึกๆ แล้ว บางครั้งเราลืมไป เรากำลังไล่ คนที่มาทำลายชาติ บ้านเมือง ถ้าเราเปรียบ สมัคร สุนทรเวช , ทักษิณ ชินวัตร และสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ก็เหมือนโจร ที่ถือดาบอยู่ 2 มือ คาดผ้าประเจียด สักยันต์ แล้วตะโกน “ไอ้เสือเอาวา” ปลุกเข้ามาบ้านเราแล้วปล้น แต่พอพวกนี้ไป พวกใหม่เข้ามา มาในรูปแบบใหม่ ใส่เสื้อนอกผูกเนกไท ผัดแป้ง ทาน้ำหอม นุ่งกางเกงกลีบโง้ง เดินเข้ามาในบ้านเรา สวัสดีเราด้วยความสุภาพเรียบร้อย ลักษณะเป็นวิญญูชน แต่ในที่สุดแล้วเมื่อเราเผลอ เขาก็จับเรามัด แล้วเขาก็เปิดประตูให้โจรที่เป็นพวกเขา เข้ามาปล้นบ้านเราเช่นกัน
เพราะฉะนั้นแล้ว เท่ากับเป็นการตอกย้ำ สิ่งที่ผมพูดกับพี่น้องมาตลอด ว่านักการเมืองนั้นรูปแบบมันจะไม่เหมือนกัน แล้วแต่ใครจะตอแหลลงตับมากกว่า หรือใครจะโกหกตอแหลไม่เป็น แต่ว่าเนื้อหาจะเหมือนกันหมด ตรงนี้ต่างหากพี่น้อง ที่เป็นเรื่องที่น่าท้อใจ ที่ท้อใจเพราะว่า บางครั้งมันก็อดไม่ได้ ที่จะมองคนด้วยความสังเวช และเวทนา คนที่มาบอกว่า พวกเราโหวตโน แล้วจะทำให้ทักษิณกลับมา หรือคนที่บอกว่าถึงอภิสิทธิ์จะเลวแค่ไหน อย่างน้อยก็ดีกว่า ทักษิณ ตรงนี้คือความเวทนา ที่ผมมีและภายใต้ความเวทนานี้ ก็พลอยทำให้ผมท้อใจไปด้วย แล้วคนที่ผมเวทนานั้นก็ไม่ใช่รากหญ้า ไม่ใช่คนซึ่งจะมาแบมือขอ 200-300 หรือจะมากู้กองทุนหมู่บ้าน แต่เป็นคนที่มีความรู้ ความสามารถ บางคนเป็นถึงดอกเตอร์ บางคนเป็นสื่อมวลชน บางคนเป็นถึงทหารชั้นผู้ใหญ่ หลายคนแม้กระทั่งคนอย่าง คุณสมคิด เลิศไพฑูรย์ ซึ่งเมื่อกี๊พูดออกมา เป็นนักกฏหมายก็ยังตะแบง หรือคนอย่างแก้วสรร อติโพธิ คนอย่างเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ตรงนี้ต่างหากที่ผมท้อใจ
และความท้อใจนี้ มันกัดกร่อนตัวผมเองลงไปทุกวันๆ และนี่คือคำตอบ เป็นคำตอบให้กับพี่น้องหลายคน ตลอดจนน้องๆ ผมที่เอเอสทีวี เขาถามผมว่า ทำไมพี่นิ่งจังเลย พี่ไม่รู้สึกอะไรเลยหรือ พี่รู้มั้ยมันมียูทิวบ์ออกมาด่าแม่พี่อีกแล้ว ผมบอกว่าช่างแม่ง เพราะว่าถ้าเรากำลังสู้กับอสุรกายตัวใหญ่ นั่นคือกิเลส และความชั่วร้ายของสังคมไทย แต่เราไปสนใจสัมภเวสีผีเปรตเล็กๆ น้อยๆ ที่มาขอส่วนบุญ มันก็ไม่มีโอกาสที่จะไปสู้กับอสูรกาย เพราะอสุรกายตัวนี้มันเข้าไปครอบงำจิตวิญญาณ อภิสิทธิ์ตายลงไป ต้องมีตัวแทนขึ้นมา ทักษิณตายลงไปก็ต้องมีตัวแทนขึ้นมา นี่ไงล่ะสิ่งที่เราทำผิด สิ่งที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ทำผิดในชีวิต คือการทะลึ่งไปยึดเอาหลักการ พอเราไปยึดเอาหลักการ ก็เท่ากับใครก็ตาม ที่จะมาเอาประโยชน์จากชาติบ้านเมือง ใครก็ตามที่จะมาโกงชาติบ้านเมือง ใครก็ตามที่มาจาบจ้วงสถานบันกษัตริย์ ใครก็ตามที่จะมาปล้นบ้าน ปล้นแผ่นดิน พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ไม่ยอม เหตุผลที่ไม่ยอม เพราะการไล่ ทักษิณ ไปครั้งนั้น ไล่บนหลักการต่างๆ เหล่านี้ ไม่ได้ไล่เพราะเกลียด ทักษิณ ไม่ได้ไล่เพราะทักษิณหน้าเหลี่ยม แต่ไล่เพราะ ทักษิณไม่ได้จริงใจต่อชาติบ้านเมือง
พอพูดถึงความจริงใจต่อชาติบ้านเมือง มันก็เลยกลายเป็นปรัชญาชีวิต ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่เป็นทองคำแท้ทุกวันนี้ เพราะฉะนั้นแล้ว เมื่ออภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คนที่ชาติวุฒิดี คุณวุฒิดี มาจากตระกูลดี หน้าตาดี เราก็ให้โอกาสเขาตอนแรก แต่พอเดินทางไปสักพัก หางเริ่มโผล่ ลายเริ่มออก มันก็เลยทำให้กลุ่มคนที่เคยสนับสนุนเขาและไล่ทักษิณ เริ่มแบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย ฝ่ายหนึ่งเป็นฝ่ายที่เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น และผู้เบิกบาน คือฝ่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
เมื่อรู้แล้ว ตื่นแล้ว จิตใจก็เบิกบาน บอกว่าไม่ได้ คนพวกนี้เราไม่เอา เราต้องลุกขึ้นมาสู้ อีกฝ่ายคือ ฝ่ายซึ่งหมกมุ่นในอวิชชา จิตใจเต็มไปด้วย มิจฉาทิฏฐิ และคนพวกนี้ไม่เคยจะเข้าใจหลักการของชาติบ้านเมืองเลย แม้แต่นิดเดียว อุปมาอุปไมยเหมือนเราเห็นสมัคร สุนทรเวช หรือทักษิณ ยืนปัสสาวะ อยู่ริมกำแพง แล้วเราก็ไปชี้หน้าด่าเขา แต่พวกที่หลงใหลในตัวอภิสิทธิ์ รู้ว่าอภิสิทธิ์ปัสสาวะใส่กางเกงจนเปียกหมด ก็ไม่ว่าเขาไม่รู้จักว่าทำไมไม่เดินไปเข้าห้องน้ำ แต่บอกว่า อย่างน้อยที่สุดเขาก็ยัง เยี่ยวรดกางเกงตัวเขาเอง นี่คือ ตรรกะ ของการที่คนบางคน บางกลุ่ม ยังคงตาบอด หูหนวก ยังไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นแล้วพี่น้องครับ คำถามที่เราถามตลอดเวลา แต่ไม่มีใครตอบได้ และไม่มีใครกล้ามาตอบ นอกจากพุ่งหอก ดาบ มาหาผมคนเดียว
ตอบว่า ที่เราออกมาในวันนี้ 150 กว่าวัน มาปกป้องดินแดนไทย และมาวิสัชนา ออกจาก ปุจฉา อย่างทะลุปุโปร่ง ว่าที่ไทยเสียดินแดน เพราะปัญหามาจากนักการเมือง เพราะฉะนั้นแล้ว ต้องหาทางปฏิรูปการเมือง ยังไม่มีใครตอบเราเลยว่า ถ้ามีการปฏิรูปการเมืองแล้ว พันธมิตรฯ แต่ละคนที่นั่งในที่นี้ มีใครบ้าง ได้อะไรเป็นส่วนตัว ถ้าประเทศไทยสามารถเอาดินแดนไทยคืนกลับมา สู่อ้อมกอดของชาวไทย ปกป้องดินแดนที่บรรพบุรุษ ได้ต่อสู้มาตลอด ถามว่าคนที่นั่งในที่นี้ หรือคนที่เห็นด้วยกับเรา ที่นั่งดูอยู่ที่บ้าน ได้อะไรจากดินแดนนี้บ้าง ไม่มี
ไม่เคยมีใครมาตอบตรงนี้ แต่ทุกคนก็จะรุม ตั้งแต่แรกสุดที่เราออกมาสู้กับเขมร สู้กับการฉ้อฉล ของรัฐบาลอภิสิทธิ์ ที่กำลังทำตัวเป็นคนส่งของ ให้กับบริษัทน้ำมันต่างชาติ ในช่วงนั้นก็มีการโต้วาที วิวาทะกัน อภิสิทธิ์ ก็บอกว่าผิด ก็ให้เหตุผลว่าเราเข้าใจผิด ปานเทพ , เทพมนตรี ก็บอกว่าคุณนั่นแหละผิด ให้เหตุผลไป ให้เหตุผลมา จนกระทั่งอภิสิทธิ์ รู้ว่าเถียงไม่ออก ก็เลยไม่พูด เมื่อไม่พูดแล้วเหตุการก็บังคับให้เขาต้องพูดอีก จากการที่คุณวีระ และคุณราตรี ถูกจับไป เมื่อเขาพูดออกมาแล้ว ในส่วนของสำนึกลึกๆ เขาก็ยังมีความเป็นคนอยู่ แต่เขาก็โดน การเมือง และผลประโยชน์ ตลอดจนทหารที่อยู่ร่วมรัฐบาลเขา บีบให้เขาจำเป็นต้องยืนข้างเขมร และยืนข้างทหาร
พี่น้องครับ การต่อสู่ของพี่น้อง เริ่มมารุนแรง ถึงลูกถึงคนไม่กี่อาทิตย์นี้เอง ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่า อิทธิพลของโหวตโน ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ เดือดร้อนอย่างแสนสาหัส เพราะฉะนั้นกระบวนการทำร้าย ทำลาย พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยผ่านสื่อมวลชนที่เขาคุมอยู่ และการให้คำพูด ไปกล่อมให้กับอดีตพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่กลายพันธุ์ไปเป็น พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปัตย์ อย่างที่ผมบอก วันนี้ไม่ทำลายใครอีกแล้ว นอกจากสนธิ ลิ้มทองกุล คนเดียว พี่ลองก็ไม่แตะแล้ว มันไม่มีอะไรที่จะทำลายได้ง่ายกว่า สนธิ รับเงิน ทักษิณ มา เพื่อจะให้พี่น้องโหวตโน ทำให้เขาเสียคะแนนเสียง
พี่น้องครับ เหมือนอย่างที่ 2-3 วันที่แล้ว ผมไม่ได้พูด ตัวอย่างที่ดีที่สุด คุณสมฤดี อดีตพันธมิตรฯ ที่แม่กลอง เคยขนกับข้าวจากแม่กลองมาให้พวกเอเอสทีวี กินที่บ้านพระอาทิตย์ ยังจำได้ มีทั้งกุ้ง แกงส้ม ปลากระพง มีหมดทุกอย่าง จู่ๆ คุณสมฤดี ก็กลายเป็นแม่ยกของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งไม่ผิด แต่คุณสมฤดี เที่ยวไปเดินสาย เนื่องจากไปเชื่อ ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งอยู่แถวนั้น ไปบอกว่าสนธิ รับเงินมาจากทักษิณ ที่ฉันรู้ก็เพราะว่า คนขับรถ สนธิ เล่าให้ฉันฟัง
ตั้งแต่ก่อนผมถูกยิง คนขับรถผมคือ บังยา ที่โดนยิงไปด้วย ทุกวันนี้ก็ยังขับรถให้อยู่ คุณสมฤดี ได้คุยกับ บังยา หรือเปล่า หรือไปคุยกับไอ้ขี้ยา คนไหน นี่คือมุข นี่เป็นเพียงตัวอย่างเดียว แต่ยังมีแบบนี้อีก ที่ปล่อยข่าวออกไป ทำยูทูปออกมา เป็นรูปทักษิณ ครึ่งหนึ่ง รูปผมครึ่งหนึ่ง แล้วก็พาดหัวหน้าเปลี่ยนไป ทำทุกอย่างเพื่อให้ทุกคน ชนชั้นกลางที่ยังไม่ได้ตัดสินใจ เชื่อว่าผมรับเงิน ทักษิณมา ทำไม่ผมถึงท้อรู้มั้ย ผมท้อเพราะว่า คนที่มีสติปัญญาในเมืองไทย ถ้าไม่คิดสักนิดแล้วไปเชื่อ ผมเวทนาเขา ผมไม่ได้ติดใจเลย ถ้าคุณปัญญาไม่มี เขาพูดแค่นี้ คุณก็เชื่อแล้ว คุณไม่ยืนข้างผม ผมไม่เสียใจเลย แม้แต่นิดเดียว ผมกลับดีใจด้วยซ้ำ ถ้าเขามีสติปัญญา แล้วอุปมาอุปไมยได้ เขาต้องรู้ และต้องตัดสินใจได้ว่า คุณอภิสิทธิ์ นั่นแหละ เป็นคนรับเงินทักษิณ ชินวัตรมา
ไม่ต้องพิสูจน์อะไรง่ายๆ เอากรณีถอดยศ ทักษิณ ชินวัตร แค่นี้พอแล้ว คนที่รักคุณอภิสิทธิ์ แล้วกล่าวหาผม ถามตัวเองว่า 2 ปีกว่า ทำไมถึงไม่ถอดยศ ทักษิณ ชินวัตร ก็เพราะว่า อภิสิทธิ์ รับเงินทักษิณมา ใช่หรือไม่ ลำพังเท่านี้ยัง วิสัจฉนา ไม่ออก ถ้าคุณวิสัจฉนา ไม่ออก อย่าเสือกมาบอกว่า เป็นอดีตพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย คุณไม่มีคุณสมบัติ มาเป็นพันธมิตรฯ หรอก แล้วคุณจะไปไหนก็ไป ไปลงนรก พร้อมกับพวกพรรคประชาธิปัตย์เลย
พี่น้องครับ พวกเราสู้แล้วได้อะไร เมื่อกี๊ด้านหลังเวที ผมเจอ พ่อและแม่ของ "น้องโบว์" ผมกอดเฮียเขาด้วยความทราบซึ้ง เขาถามว่า คุณสนธิ เป็นอะไรหรือเปล่า ผมตอบว่า ผมไม่เป็นไรหรอก ผมชินซะแล้ว การที่มีคนมาด่าผม เขาบอกเขาไม่ได้สนใจเรื่องนั้น แต่สุขภาพของคุณสนธิเป็นอย่างไร ผมบอกว่า รอยลูกปืนที่ยิง ตอนนี้เริ่มยุบเป็นร่องแล้ว นานทีจะเริ่มปวดตึบๆ ตรงนี้สักที แต่ก่อนไม่เป็น แกบอกดูแลสุขภาพดีๆ นะผมเป็นห่วง ผมก็บอกเฮีย ไอ้ลูกปืนเข้าหัวผมแค่นี้เนี้ย ความสูญเสียของผม ไม่ได้ 1 ในล้าน ของเฮียที่ต้องสูญเสียน้องโบว์ไป
ความรู้สึกอย่างนี้ ความรู้สึกซึ่งกันและกัน พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปัตย์ กับพวกพรรคประชาธิปัตย์ มันไม่มีหรอก มันมีแต่ความจอมปลอม ความหลอกลวง มันมีแต่เอาประโยชน์ซึ่งกันและกัน คุณพ่อน้องโบว์ เสียลูกสาว และมีพ่อแม่พี่น้องอีกหลายคน ต้องเสียญาติพี่น้องอีกหลายคน หลายคนต้องพิการ ผมต้องโดนทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส จากการสู้เพื่อหลักการ
ผมไม่ใช่คนจนพี่น้อง ผมเป็นคนมี วงเล็บ ในอดีต แต่วันนี้ผมพอมีพอกิน สิ่งเดียวที่ผมไม่มีเหลือคือ ผมไม่มีทรัพย์สมบัติ เหลือให้ลูกผม ผมบอกลูกผมว่า ป๋าไม่มีอะไรเหลือไว้ให้นะ เพราะทุกอย่างขายทิ้งไปหมด เพื่อเอามาสู้ เอามาทำเอเอสทีวี จนวันนี้มาถึงตรงนี้ ไอ้พวกง่าว และพวกงี่เง่า พวกโง่ทั้งหลาย มันยังไม่เข้าใจหรือว่า คนอย่างผมเนี้ย ไม่ใช่เอาเงินมาซื้อแล้วจะซื้อได้ ผมจะเล่าเรื่องให้ฟังเรื่องหนึ่ง
ไม่กี่วันมานี้เอง มีคนหนึ่งอยู่ในองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ เป็นเพื่อนกับตระกูลชินวัตร ที่ใหญ่คนหนึ่ง เขาคุยกันเรื่องสื่อมวลชน เขาบอกว่าผมจะเล่าให้ฟัง เขาไม่ได้ให้ผมฟังนะ เขาเล่าให้ลูกน้องผมฟัง ลูกน้องผมมาเล่าให้ผมฟังอีกที เขาบอกจริงๆ แล้วผมจะแนะนำให้คุณยิ่งลักษณ์ หลังเลือกตั้งแล้วชนะการเลือกตั้งแล้ว น่าจะมาขอพบคุณสนธิ มาพูดคุยกันว่า คุณยิ่งลักษณ์ ต้องการทำอะไรเพื่อชาติบ้านเมือง เขาก็ถามต่อ ถ้าอย่างนั้น คุณยิ่งลักษณ์ ก็ต้องไปพบหนังสือพิมพ์อีกหลายฉบับสิ รวมทั้งหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง ซึ่งมีคนหัวล้านเป็นเจ้าสำนัก เขาบอกว่า ต้องคุยกับคุณสนธิคนเดียว เพราะไอ้พวกนั้น รวมทั้งคนหัวล้านนั้นด้วย เอาเงินฟาดหัวมันก็จบ
พี่น้องครับ ที่พูดไม่ได้ต้องการ ยกยอตัวเอง แต่พูดให้เห็น เพราะเขาบอกว่า คุณสนธิ ไม่ใช่คนที่เอาเงินมาฟาดหัวได้ เขาเป็นคนมีหลักการอุดมการณ์ ต้องพูดด้วยเหตุด้วยผล เพราะไม่อย่างนั้นเขาไม่สู้คุณทักษิณ มาจนถึงวันนี้ แล้วเขาก็ไม่เคยทวงบุญคุณ เขาพูดตลอดเวลาว่า เอเอสทีวี ถ้ามันไปไม่รอดก็ปล่อยให้มันดับไป แต่พี่น้องไม่ยอมให้มันดับ
พี่น้องครับ พอเราไล่ทักษิณ ทักษิณไป ใครก็ได้ที่ขึ้นมาเป็นรัฐบาลเราไม่เคยขัดข้อง ขอให้รักษาชาติบ้านเมืองใช่มั้ย พวกเราก็เลยทำหน้าที่เป็นยามเฝ้าแผ่นดินกัน เราไม่ได้ไล่ทักษิณอย่างเดียว เราไล่นักการเมืองชั่วๆ ด้วย และเราไล่ ทหาร ข้าราชการตำรวจ และข้าราชการเลวทราม ต่ำช้า ไอ้นายพล กุนเชียง เนี้ยเราไล่มันหรือเปล่า
เราไล่ กกต. เราไล่คนบางคนในศาลรัฐธรรมนูญ เราไล่หมด ใครที่มันชั่วช้า ไม่จริงใจต่อชาติบ้านเมือง เราถือว่ามันเป็นศัตรูของเรา แล้วเราทะเลาะกับใคร เราทะเลาะมาหมดทั้ง 10 ทิศ ไม่ใช่เพราะเราเป็นคนชอบทะเลาะ แต่ที่เราต้องทะเลาะทั้ง 10 ทิศ เพราะบังเอิญสังคมทุกวันนี้ คนชั่วมันอยู่ทั้ง 10 ทิศ มีใครบ้างในสังคมไทย ที่ไม่กลัวสื่อมวลชนถ้าไม่ใช่พวกเรา จะหนังสือพิมพ์ฉบับไหน จะทีวีช่องไหน จะพิธีกรคนไหน จะไอ้พวกปากหมาคนไหน เราชนมันตลอดเลย เพราะว่ามันไม่ใช่เรื่องส่วนตัวอีกต่อไปแล้ว มันเป็นเรื่องของชาติบ้านเมือง เพราะฉะนั้น ชาติบ้านเมืองเป็นอย่างนี้ แล้วมาบิดเบือนเรื่องราวของชาติบ้านเมือง มาทำให้บ้านเมืองต้องสูญเสียดินแดน มาทำให้คนต้องสูญเสียศีลธรรม เราไม่ยอม
ถ้าไม่อย่างนั้นแล้ว คนบนเวที จะชนกับ เปลว สีเงิน ทุกวันได้อย่างไร หรือจะชนกับ หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจได้อย่างไร หรือชนกับแนวหน้าได้อย่างไร สมัยหนึ่งที่ทักษิณ มีอำนาจ สมัคร สมชาย เราต้องชนกับไทยรัฐ เราต้องชนกับข่าวสด เราต้องชนกับมติชน มาวันนี้เราต้องชนกับแนวหน้า เราต้องชนกับกรุงเทพธุรกิจ เราต้องชนกับ ไทยโพสต์ และเราต้องชนกับพิธีกรหลายช่อง สรุปแล้วไอ้ศัตรูเก่า ก็ยังต้องสู้กับมันอยู่ แล้วก็ต้องสู้กับศัตรูใหม่อีก นี่แหละคือ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
เราต้องทะเลาะกับสื่อมวลชนเพราะอะไร เพราะสื่อสยบต่อการเมือง ไปดูหนังสือพิมพ์ได้ เจ้าของหนังสือพิมพ์มติชน จะภูมิใจมาก ถ้ามีนายกรัฐมนตรีไปเยี่ยม เสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ไปเชียร์นักการเมืองแล้วก็ได้โครงการมาลงหนังสือพิมพ์ตัวเอง สื่อมวลชนที่เป็นของพี่น้องที่เป็นของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ไม่เคยมีนิสัย และสันดานแบบนี้ บุคลากรของสื่อพวกนี้ไม่ทำมาหารับประทานด้วยตัวเอง รับจ็อบ รับงานรับเงินจากนักการเมือง หลายคอลัมภ์ เชียร์นักการเมือง สุวัจน์ ลิปตพัลลภ ถูกหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ เชียร์อยู่ทุกวัน คอลัมนิสต์บางคนกินเงินเดือนของนักการเมืองมาตลอด เพราะอะไร เพราะเจ้าของสื่อมันไปสยบภายใต้ส้นเท้าของนักการเมือง คนทำสื่อ เจ้าของสื่อได้ผลประโยชน์ต่างตอบแทน
พี่น้องครับวันนี้ คุณเติมศักดิ์ เอาข่าว เปิดอีเมล์รับกุนซือ ปู ซื้อสื่อ ทีละ 20,000 พร้อมเลี้ยงข้าว เหล้า พี่น้องฟังไปแล้วใช่มั้ย ใครฟังไปแล้วยกมือหน่อย ผมจะมาเล่าให้ฟังต่อ อีเมล์นี้ มันถูกแฮค ถูกขโมยมาโดยคนที่มีอำนาจรัฐ นี่พิสูจน์ชัดอย่าง รัฐบาลชุดนี้กับชุดทักษิณ ไม่ได้ต่างกันเลย ชุดนี้ก็ดักฟังโทรศัพท์เหมือนกัน คือความเลว มันไม่แบ่งแยกชนชั้นวรรณะ คนถ้ามันเลวแล้ว มันเลว เหมือนกันหมด แต่ที่น่าสนใจ เขาระบุชัดเจนว่า มีคนหนึ่งคอยวิ่งเต้นสื่อ จัดการสัมภาษณ์จะลงรูปไหนส่งไปเลย เดี๋ยวเขาลงให้หน้าหนึ่ง ไม่เหมือนสื่ออย่างเอเอสทีวี การลงรูป พาดหัวข่าว ขึ้นอยู่กับบรรณาธิการ
ในอีเมล์เขาบอกส่วนเรื่องดูแลสื่อในขณะนี้ ผมพยายามประคองกระแสให้ข่าวและรูปของคุณปู อยู่ในหน้าหนังสือพิมพ์ให้ได้ทุกวัน โดยเฉพาะหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ (พี่โมทย์) หนังสือพิมพ์มติชน (พี่เปี๊ยก กับพี่จรัญ) แกคงหมายถึง คุณจรัญ พงษ์จีน ข่าวสดพี่ชลิต เดลินิวส์ พี่ป๊อป สมหมาย คมชัดลึก ซึ่งเป็นเครือเนชั่น คุณโจ้ และ ปรีชา ที่มาสัมภาษณ์ที่บ้านเมื่อวันก่อน ซึ่งทุกคนก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี สัปดาห์ที่ผ่านมา ผมช่วยดูแลไปแล้วที่ละ 20,000 ส่วนผู้สื่อ่ข่าวทีวี ก็ใช้วิธีเลี้ยงข้างบ้าง เลี้ยงเหล้าบ้าง ยังไม่ได้มีใครเรียกร้องอะไรยกเว้นช่อง 7 ที่ขอไวน์ และเหล้า ส่วนเวลาไปต่างจังหวัดพี่สุณี ก็ให้บ้าง ส่วนที่พรรคไม่เคยให้เลย เคยบอกพี่สาโรจน์ไปแล้ว แต่ก็ไม่มีคำตอบ
พี่น้องครับ ไทยรัฐ มติชน ข่าวสด เดลินิวส์ คมชัดลึก 5 ฉบับ ที่เป็นสื่อที่รับเงินทางด้าน พรรคเพื่อไทย เพื่อมาเชียร์คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พี่น้องตะโกนบอกขายตัว ส่วนสื่อที่เหลือ ยกเว้น เอเอสทีวีรับเงินพรรคประชาธิปัตย์ครับพี่น้อง เห็นหรือยังพี่น้อง
ถ้าสื่อไม่ยืนบนหลักการ และอุดมการณ์ให้มั่นคง เห็นแก่ลาภยศ ถ้าเจ้าของมันเห็นแก่ลาภยศ มันเห็นแก่สัมปทาน มันเห็นแก่ผลประโยชน์ โฆษณา วันนี้เอเอสทีวี ทั้ง ทีวี หนังสือพิมพ์ และพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แกนนำทั้งหลายเรียกแขกไม่ได้หรอกครับ ผมบอกแล้วไง เครือเนชั่นเป็นของพรรคประชาธิปัตย์ เพราะเจ้าของคนใหม่ คือคุณเสริมสิน สมะลาภา ซื้อหุ้นไปเรียบร้อยแล้ว ไม่แปลกใจหรือว่าทำไมกรุงเทพธุรกิจ และเครือเนชั่น ช่วงที่เราไม่ถูกกับพรรคการเมืองใหม่ เนชั่นสุดสัปดาห์เอา สมศักดิ์ โกศัยสุข มาขึ้นปก แล้วก็ด่าพวกเราตลอดเวลา ไม่เคยสงสัยเลยหรือ ตอนนี้เริ่มชัดเจนหรือยัง สื่อทักษิณ ทางซ้าย สื่อประชาธิปัตย์ทางขวาชัดเจนใครบ้างที่ถูกทักษิณ ซื้อไป ใครบ้างที่ถูกประชาธิปัตย์ซื้อไป และใครบ้างที่ถูกน้ำใจพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยซื้อไป ชัดเจนมั้ยพี่น้อง วันนี้ชัดเจนยิ่งกว่าชัด
แล้วถ้าสื่อมันชั่ว ทำตามคำพูดของนักการเมือง มิน่าถึงตะแบงกันออกมาเป็นคอลัมภ์ๆ มาว่าเรื่องโหวตโน มาว่าเรื่องโน้นเรื่องนี้ มาบอกว่าผิดกฏหมายบ้าง มาบอกว่าไม่มีผลบ้าง เพราะอะไร เพราะนักการเมืองกำลังกลัวการสูญพันธุ์ พี่น้องหลับตาคิดสิ ที่มันสู้กันอยู่ทุกวันนี้ มันสู้เพื่อชิงอำนาจเข้าไปเพื่อคอรัปชั่นเท่านั้นเอง มันไม่ได้สู้เพื่อช่วงชิงอำนาจเข้าไปทำงานให้ประชาชน ผมไม่ต้องพูดรายละเอียดเพราะที่น้องทราบมาแล้ว จากเวทีเสวนาบนเวที จะรู้รายละเอียดหมดทุกอย่างไม่จำเป็นต้องพูด ก็ไอ้สื่อมันมัวแต่รับเงินทักษิณ เพื่อไทย ไอ้เพื่อไทยมันก็อยากจะยกแผ่นดินให้ฮุนเซน สื่ออีกฝั่งก็รับเงินของพรรคประชาธิปัตย์ ไอ้ประชาธิปัตย์ก็มีหน้าที่ส่งของให้ฮุนเซน
ประหลาดใจหรือเปล่า ว่าทำไมการสู้เรื่องดินแดนไทย ถึงมีเฉพาะสื่อเอเอสทีวีเท่านั้น เข้าใจทะลุหรือยัง ชัดเจนมั้ยวันนี้ ไม่ต้องประหลาดใจว่าทำไม มันถึงไม่รายงานข่าวเรื่องนี้ ไม่สนใจ เพราะมันรับทรัพย์ไปอยู่ฝั่งโน้นแล้ว อีกพวกหนึ่งก็ไม่พูดเรื่องนี้เพราะมันรับทรัพย์ไปอยู่ฝั่งนั้น เพราะว่าไอ้ทั้งสองฝั่ง มันขายแผ่นดินด้วยกันทั้งคู่
พี่น้องเห็นหรือยังว่าการต่อสู้ของพวกเรานั้น มันยิ่งกว่าเข็นครกขึ้นภูเขา แต่นี่คือบททดสอบที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์กำลังทดสอบพวกเรา มารไม่มีบารมีไม่มาพี่น้อง ต้องจำคำพูดนี้ให้มากๆ พี่น้องครับเมื่อกี๊ผมพูดว่าท้อหลายๆ เรื่อง ผมจะพูดตอนจบวันนี้ ว่าในเสี้ยวหนึ่งของจิตใจบอกว่าท้อไม่ได้ อย่าท้อ ทำไมถึงท้อไม่ได้ เพราะว่าเดิมพันของพวกเราคือชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ แต่การต่อสู้ของพวกเราข้ามชอต หลังเลือกตั้งแล้ว ต้องต่อสู้แบบสุขุม ภารกิจหนัก และใหญ่ที่สุดของพวกเราคือการให้ปัญญาคน เพราะว่าปัญญาที่ถูกต้องเท่านั้น สัมมาปัญญาเท่านั้นที่จะทำให้ชาติบ้านเมืองอยู่รอดได้ พี่น้องครับเวลาผมทุกข์ ผมจะเป็นคนที่สวดมนต์ ไหว้พระทุกเช้า ไปถึงที่ทำงานจะทวนความจำ พูด 10 ครั้ง ก็เหมือนกัน 10 ครั้งไม่เคยโกหกใคร จะจุดธูปกราบองค์จตุคามรามเทพ ที่ปกป้องบ้านเรือน จะไปกราบหลวงพ่ออุปคุต ขอพรท่าน กราบพระแม่ธรณี แล้วฟ้องท่านด้วย ว่าท่านไปสนับสนุนไอ้พรรค ซังกะบ๊วย ขายชาติได้อย่างไร
ไปจุดธูปบูชาพระเจ้าตากสิน ซึ่งมีศาลอยู่ที่บ้านพระอาทิตย์ บอกท่านว่าเมื่อไหร่ชาติบ้านเมืองจะได้รับการกู้ชาติเสียที แล้วก็ไปไหว้พระภูมิเจ้าที่ แล้วขึ้นไปที่ห้องพระ ผมจะภาวนา สวดมนต์ อย่าไปรู้เลยสวดบทไหน สวดหลายคาถา แล้วก็ภาวนา เกือบครึ่งชั่วโมง พี่น้องครั้บ พอลืมตาเห็นพระพุทธรูป พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ขออนุญาตพี่น้องชาวมุสลิม ที่ต้องพูดเรื่องพุทธศาสนา
ผมเห็นท่านแล้ว ผมนึกถึงสมัยพุทธกาล ตอนที่ท่านตรัสรู้แล้ว ท่านมีทางเลือก 2 ทาง ทางแรกคือ ท่านหายตัวไปเลย แล้วไปนิพพานของท่านเอง เป็นปัจเจกพระพุทธเจ้า ทางที่สองท่านต้องออกมาโปรดสัตว์ การออกมาโปรดสัตว์ของท่านนั้น ไม่ได้ต่างจากพวกเราวันนี้เลย เราไม่ได้เอาตัวพวกเราไปเทียบพระพุทธเจ้า แต่การกระทำเหมือนกัน คือได้รับปัญญา แล้วก็แยกออกไป เอาปัญญาที่เราได้นั้นถ่ายทอดออกไปเรื่อยๆ
ลองนึกถึงสมัยกึ่งพุทธกาล รถยนต์ก็ไม่มี เครื่องบินก็ไม่มี อินเทอร์เน็ตก็ไม่มี วิทยุโทรทัศน์ก็ไม่มี ท่านต้องเดินด้วยเท้าของท่านไปตามเมืองต่างๆ ไปเทศน์ ตามที่ต่างๆ ของคนที่ไม่รู้จักพระพุทธศาสนา และไม่เชื่อ เพราะไปเชื่อศาสนาพราหมณ์ ไปเชื่อพวก ชฏิล หลายอย่าง สมัยนั้นท่านสามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้ สอนคนท่านอาจจะให้พระโมคคัลลานะ สอน สร้างปาฏิหาริย์เพื่อสอนคน มาสมัยพวกเรา เราก็สร้างปาฏิหาริย์ได้ เพียงแต่ไม่เหมือนสมัยท่าน ปาฏิหาริย์ของเราอย่างน้อยที่สุด เราไล่นายกรัฐมนตรีไปแล้วอย่างน้อย 3 คน นั่นคือปาฏิหาริย์
ปาฏิหาริย์ของเรา เราพูดเรื่องอะไร และสู้เรื่องอะไรไม่เคยไม่เป็นจริง ปาฏิหาริย์ของเรา เราบอกมาตลอดว่าให้ถอนตัวจาก มรดกโลก ตั้งแต่ปีที่แล้ว ในที่สุดก็มีคนถอนจริง แล้วก็มีคนเอาไปตีกินอีก นี่คือปาฏิหาริย์ พี่น้องครับ สิ่งหนึ่งที่พรรคประชาธิปัตย์เขาพลาดอย่างใหญ่หลวง เพราะว่า เขามีความเชื่อมั่น ว่าพันธมิตรฯ แท้จริงก็คือคนของพรรคประชาธิปัตย์นั่นเอง เขาเชื่ออย่างนั้นจริงๆ
เพราะสมัย 193 วัน เราเห็นสายลับพรรคประชาธิปัตย์ขึ้นมาเยอะแยะไปหมด มาตั้งครัวจากสมุยก็มี มาทำโน้นทำนี่ ปรากฏว่าเป็นหัวคะแนนพรรคประชาธิปัตย์ส่งขึ้นมา ไอ้พวกนี้ก็เลยไปเล่าให้นายฟัง บอกนายพันธมิตรฯ ไม่มีน้ำยาอะไรหรอก ก็ของผมส่งขึ้นตั้งเท่าไหร่ล่ะ ของพวกเราทั้งนั้น พวกมันไม่มีหรอก นี่เรื่องจริงพี่น้อง นี่คือที่มาของการดูถูกเหยียดหยาม และเหยีดย่ำ พี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
เขาลืมนึกไปว่าพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนั้น มีอยู่ทั่วประเทศไทย และอยู่ในจิตวิญญาณกันทุกคน พี่น้องครับ ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเราเป็นเช่นนี้ พี่น้องไม่สังเกตหรือ พอเราเริ่มกระบวนการโหวตโน ประเดี๋ยวบุรีรัมย์เดิน ประเดี๋ยวสุรินทร์เดิน ประเดี๋ยวอุดรฯ เดิน ประเดี๋ยวหาดใหญ่เดิน ประเดี๋ยวกระบี่เดิน ประเดี๋ยว นครศรีธรรมราชเดิน โคราชเดิน ทั่วประเทศไทย นี่ไงคือคำตอบให้พรรคประชาธิปัตย์ ว่ายังมีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอีกมาก ที่ไม่ได้หลงใหลไปกับความหล่อเหลาของหัวหน้าพรรคคุณ และที่เป็นคนรักชาติรักแผ่นดิน
ด้วยเหตุนี้กระแสโหวตโนถึงแรง ความที่เรามองถึงพ่อแม่ ครู อาจารย์ มองถึงการแสดงธรรม มองเห็นพ่อแม่ ครูอาจารย์ ที่ต้องเดินป่า เดินเท้าเปล่าเข้าไปในป่า ธุดงค์ ฉันมื้อเดียว ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ปฏิบัติธรรม แล้วกลับเข้ามาในเมือง เข้ามาในตำบลหมู่บ้าน แล้วก็มาแสดงธรรมสอนให้คนฝึกจิตให้หลุดพ้นไป เราถามว่า ระหว่างพ่อแม่ ครูอาจารย์ที่นั่งอยู่ แล้วมีเสือมารอบตัวอย่างนี้ กับสิ่งที่เราอยู่ทุกวันนี้ ใครมันจะน่าท้อกว่ากัน พ่อแม่ ครูอาจารย์ ต้องท้อก่อน เพราะถ้านั่งในถ้ามีเสียงเสือคำรามอยู่รอบป่า เอ๊ะ! ทำไง นั่งอยู่เดี๋ยวเสือมาขย้ำอาตมา จะปฏิบัติธรรมได้อย่างไร แต่ท่านก็บรรลุธรรม เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้าพวกท่านสามารถต่อสู้กับสิงห์สาลาสัตว์ อันตรายทุกประเภทได้ โดยไม่ท้อ ผมก็มาคิดในใจว่า ผมก็ท้อไม่ได้ ที่ท้อไม่ได้เพราะพ่อแม่ ครูอาจารย์ เอาธรรมนำหน้า ทำทุกอย่าง และพร้อมจะตายเพราะธรรม เพื่อธรรม ไอ้เราก็เอาชาตินำหน้า เอาธรรมนำหน้า และเราก็พร้อมจะตายเพื่อชาติเช่นกัน ไม่ได้ต่างกันเลยพี่น้อง
ผมเดินมาไกลเกินกว่าที่จะหันหลังกลับแล้ว ที่ไม่หันหลังกลับนั้นไม่ใช่เพราะมันไกล ไม่อยากเดินกลับเพราะมันไกล แต่ที่ไม่หันหลังกลับเพราะเรารู้ว่า ที่เราเดินมาทุกวันนี้เรามีวัตถุประสงค์ในการเดิน เรามีศรัทธาในสิ่งที่เราทำ เรารู้เป้าหมายของเราว่าเป้าหมายของเราคือส่วนรวม คือชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ พี่น้องครับ สมัยพระพุทธเจ้า จำได้มั้ยที่มีคนมาใส่ร้ายพระพุทธเจ้า ถ้าใครไม่ทราบจะเล่าให้ฟัง
มีผู้หญิงคนหนึ่ง ตกเป็นเครื่องมือเพื่อทำลายพระพุทธเจ้า เอาผ้าพันแล้วก็บอกว่าท้องกับพระพุทธเข้าแล้วมาทำลาย ในที่สุดผู้หญิงคนนั้นก็ต้องรับเวร รับกรรมไป เพราะความจริงได้โผล่มา พี่น้องผมสะเทือนใจมั้ยที่คนบอก ผมรับเงินทักษิณ ผมไม่สะเทือนใจเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะอะไร เพราะว่าคนเราถ้ายืนอยู่บนพื้นฐานของความจริง ไม่ต้องไปกลัวอะไรทั้งสิ้น ผมจะบอกให้พี่น้อง พี่น้องจำคำพูดผมไว้สักอย่าง ใครก็ตามที่มาว่าพี่น้องอย่างไม่เป็นความจริง ให้นิ่งเสีย ขอให้เชื่อกฏแห่งกรรม กรรมอันนั้นจะมาสนองคนที่ว่าพี่น้อง ถ้าสิ่งที่พี่น้องเป็นความจริง ซึ่งไม่จริงตามที่เขากล่าวหา เขาจะได้รับกรรมเอง เพราะฉะนั้นผมเชื่ออย่างมาก ว่าไอ้คนที่มาด่าผม ให้ร้ายผมจะต้องได้รับเวรรับกรรม คนที่ทำงานเพื่อชาติ เพื่อบ้านเพื่อเมือง สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองปกป้องมาตลอด ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องหวั่นไหว ถ้าผมหวั่นไหว และออกมาโอดครวญ ผมไม่ใช่ผู้นำของพี่น้อง
เพราะฉะนั้นแล้วพี่น้องจะเห็นได้ชัด ว่าไม่ใช่เฉพาะผม พี่น้องทุกคนก็เช่นกัน เมื่อพี่น้องไป หลายคนอยู่ในบ้านมีเพื่อน สมัยก่อนมีเพื่อนชอบทักษิณ ทะเลาะกับเพื่อน เดี๋ยวนี้ต้องทะเลาะกับเพื่อนสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งชอบทักษิณ ฝ่ายหนึ่งชอบอภิสิทธิ์ แต่เพื่อหลักการที่ถูกต้อง ถ้ามันจะต้องทะเลาะกับทั้งสิบทิศ ก็ต้องทะเลาะไป ทะเลาะทั้งสิบทิศ ดีกว่าที่ต้องล้มหลักการ ความเชื่อมั่น ความศรัทธา ความถูกต้องที่เรายึดถือมาตลอด
พี่น้องครับ เมื่อวานนี้พี่ลอง มาขอความช่วยเหลือพี่น้อง ผมไม่เคยพูดกับพี่ลองเลย ผมจะเป็นคนที่ไม่กล้าพูด เอาเป็นอย่างนี้ไม่ปิดกัน ครอบครัวผมมีที่พื้นที่ผืนสุดท้ายอยู่ที่บางพระ 34 ไร่ ขายไปแล้ว อีกเดือนกว่าๆ เงินถึงจะมา แล้วเงินก้อนนี้ให้พี่น้องทาย เอามาใช้อะไร เอเอสทีวี พี่น้องครับ วันนี้เรามีเรื่องสุดท้ายต้องคุยกัน พี่น้องหลับตาวาดภาพ ย้อนกลับไปปี 48-49 ถ้าไม่มีเอเอสทีวี ทักษิณ จะออกไปนอกประเทศมั้ย ถ้าไม่มีเอเอสทีวี สมัคร และ สมชาย จะล่มสลายมั้ย ถ้าไม่มีเอเอสทีวี วันนี้ดินแดนไทยหายไปแล้วใช่มั้ยพี่น้อง เมื่อกี๊เล่าให้พี่น้องฟัง ถึงสื่อมวลชนในประเทศไทย ทีวีทุกช่องรับเงินเขาหมด พิธีกร รับเงินเขาหมด คอลัมนิสต์ นักข่าว ซ้ายรับทักษิณ ขวารับประชาธิปัตย์ ประเทศไทยต้องมีสื่อมวลชน ที่ยืนปกป้องชาติบ้านเมืองโดยไม่หวั่นเกรงอิทธิพลใดๆ ทั้งสิ้นอย่างเอเอสทีวี ใช่ไม่ใช่พี่น้อง
พี่น้องครับ เอเอสทีวีจะอยู่ได้ คนที่ขึ้นมาบนเวที ไม่ว่าจะเป็น แอน จินดารัตน์ เก๋ กมลพร หรือ ช่วงเช้า เป็นนักสู้ใจเหล็กดั่งเพชร ของประชาชน พี่น้องครับ ขอให้เอเอสทีวี เป็นที่วีของประชาชน ทำกันให้ได้ ได้มั้ยพี่น้อง เมื่อวานนี้พี่ลองเอาเบอร์บัญชีมาให้ ผมยังไม่ได้คุยกับพี่ลองผมขออนุญาต ว่าไม่ใช่ 1,000 บาท เดือนละ 100 ก็ได้ เดือนละ 200 ก็ได้ 300 ก็ได้ แล้วแต่ ใครสู้ได้เดือนละ 200 ก็ส่งมาเดือนละ 200 ใครสู้ได้เดือนละ 1,000 ก็ส่งมาเดือนละ 1,000 เดือนละ 100 ถ้าโอนเงินผ่านบัญชีก็จะโดนหักเงิน 30 บาท เพราะฉะนั้นแล้วเพื่อให้มันคุ้มเดือนละ 300 แล้วกัน ก็เท่ากับร้อยละ 10 บาท ก็ยังดีพี่น้อง เงินที่พี่น้องมา พี่ลองบอกแล้วว่าจะทิ้งไว้ในบัญชี ใช้ได้เฉพาะวันที่ 28-29-30 เบิกมาเพื่อจ่ายเงินเดือน
ทุกวันนี้เราต้องมีเงินมาจ่ายค่าดาวเทียม เงินเดือน ค่าใช้จ่าย รถทำข่าว ทุกอย่าง เบ็ดเสร็จ เอเอสทีวี ขณะนี้ ใช้จ่ายเดือนหนึ่งตกประมาณ 30 กว่าล้านบาท พี่น้องครับ เราใช้จ่ายถูกแล้วนะ เมื่อเทียบกับคนอื่น เอเอสทีวีไม่ใช่ช่องอื่นที่รับเงินพรรคการเมืองมา มาทำ บางช่องรับจากพรรคเพื่อไทย ตัวแทน บางช่องรับจากตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์ ได้อะไรบ้าง คนทำก็ได้สัมปทาน ได้โฆษณา เอเอสทีวีไม่ได้อะไรทั้งสิ้น ไม่มี บาทหนึ่งก็ไม่มี บาทหนึ่งก็ไม่มี เพราะฉะนั้นถ้าพี่น้องที่นั่งอยู่ที่นี่ และพี่น้องที่ดูทีวีอยู่ที่บ้าน คิดว่าสังคมไทยควรจะมีโทรทัศน์อย่างเอเอสทีวีอยู่ตลอดไปเป็นนิรันดร เพื่อเป็นหลักชัยของสังคมไทย พี่น้องครับ ขอความกรุณาช่วยกันหน่อยพี่น้อง
พรุ่งนี้จะเป็นวันสุดท้าย วันนี้ผมจำเป็นต้องมาพูดให้พี่น้องฟัง แล้วพี่น้องจะภูมิใจ พี่น้องช่วยกันคนละ 200-300 บาท ใครมีเงินเดือนสัก 2 หมื่นก็ช่วยเดือนละพัน ใครมีเงินเดือนน้อย เดือนละ 200 300 บวกๆ กันเข้าไปแล้วพอจ่ายเงินเดือนให้พนักงานทุกต้นเดือนเงินเดือนออก ส่วนที่เหลือเราได้จากปุ๋ยของพี่ลอง ได้จากการขายสินค้าเอเอสทีวีโปรดักส์ ได้จากเอสเอ็มเอสซึ่งยังมีอยู่บ้าง ของพวกนี้และโฆษณาที่เขาไม่ได้หวังมีอิทธิพลอะไรต่อเรา ทั้งหมดนี้เป็นค่าใช้จ่ายจิปาถะ ค่าเช่าดาวเทียม ค่าเช่าสถานที่ ค่าเช่ารถ ค่าโน้นค่านี้ ที่พี่น้องจะบริจาคมาครั้งนี้ มาเพื่อเงินเดือนอย่างเดียว เท่านั้นเองพี่น้อง ถ้าพี่น้องคิดว่าเอเอสทีวีมีความสำคัญต่อสังคมไทย และสังคมไทยจำเป็นต้องมีสื่อที่ซื่อสัตย์ สื่อที่ซื่อสัตย์ต่อชาติบ้านเมือง พี่น้องต้องไม่ให้มันจอดับ ขอบคุณมากครับพี่น้องครับ”