“ทนายสุวัตร” อัด กกต.งานที่สมควรทำไม่ทำ คำมั่นว่าจะให้ สัญญาว่าจะให้ ผิด กม.มาตรา 53 ชัดเจน ทำไมไม่ไปจับ ทะลึ่งมายุ่งแต่กับเรื่องโหวตโน วอนอย่าขู่นักกฎหมายด้วยกัน หากไม่อยากเดินตามรุ่นพี่สามหนาห้าห่วง ย้ำโหวตโนมีผลตาม กม.เล็งร้องศาล รธน.ตีเจตนารมณ์ตาม ม.3 หาก กกต.ดันทุรังรับรองคนได้เสียงน้อยกว่าโหวตโน
วันที่ 29 มิ.ย.2554 บนเวทีปราศรัยการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงกรณีที่หนังสือพิมพ์ข่าวสด ฉบับวันที่ 30 มิ.ย.54 ในคอลัมน์ “กกต.ตอบคำถาม” บอกว่า การเลือกตั้งทั้ง 375 เขต ไม่มีเขตใดมีผู้สมัครเพียงคนเดียว ดังนั้น ข้อบังคับตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ส.และ ส.ว.มาตรา 88 ที่ว่าต้องชนะ 20% ต้องชนะโหวตโน ไม่มีเขตไหนต้องบังคับตามมาตรานี้เลย นอกจากนี้ ยังบอกว่าหากใครอ้างโหวตโน ตามมาตรา 88 อาจเข้าข่ายกระทำความผิด มีโทษทั้งจำและปรับ นั้น
ตามที่ตนเคยบอก กกต.ชุดนี้มาจากผู้พิพากษา อัยการ เคยแต่ทำงานเชิงรับ ไม่เคยทำงานเชิงรุก กกต.รู้ว่ามีการซื้อเสียงทั่วบ้านทั่วเมือง ทำไม่ไม่ไปจับ คอยมายุ่งแต่กับเรื่องโหวตโน ครั้งที่แล้วก็เฉียดมาที่ป้ายรูปควายอ้างไม่ชอบ คราวนี้ก็เฉียดมาโหวตโน ทีคนอื่นให้คำมั่นว่าจะให้ สัญญาว่าจะให้ ผิดกฎหมายตามมาตรา 53 ชัดแจ้ง กกต.ไม่ว่าอะไรเลย
ทนายสุวัตร กล่าวว่า มาตรา 88 และมาตรา 89 ตนอธิบายมาหลายครั้งก็ยังมีคนไม่เข้าใจ เมื่อมีปัญหามาก็จะขออธิบายซ้ำอีกครั้ง มาตรา 82 ระบุให้นับบัตรเลือกตั้งของผู้ไม่ประสงค์ลงคะแนนและให้ประกาศจำนวนบัตรดังกล่าวด้วย ตรงนี้หากไม่มีผลทางนิตินัยเขาจะมาเขียนไว้ทำไม ส่วนมาตรา 89 บอกว่า ภายใต้บังคับมาตรา88 ให้ผู้สมัครที่ได้คะแนนเลือกตั้งมากสุดเป็นผู้ได้รับเลือกตั้ง นอกจากนี้ ในกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 3 ยังสนับสนุนบอกว่า อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย หลักประชาธิปไตย ต้องโดยประชาชน เพื่อประชาชน ดังนั้น ถ้าโหวตโนมันมากกว่าแล้ว กกต.จะต้องฟังเสียงประชาชนส่วนใหญ่ในเขตนั้น
“ถ้าโหวตโนชนะ ไม่ต้องเลือกตั้งใหม่ ทั้งนี้หากกกต.จะประกาศรับรองคนที่ได้เสียงข้างมากแต่แพ้โหวตโน ตนจะค้าน กกต.ทันที แล้วร้องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ ให้วินิจฉัยตีความเจตนารมณ์กฎหมาย ว่า เมื่อเสียงโหวตโนมากกว่า ใครสมควรจะได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง”
ทนายสุวัตร กล่าวต่อว่า อดีต กกต.สามหนาติดคุกมาแล้ว แต่ กกต.ชุดนี้ตนรักมาก ไม่เคยดำเนินฟ้องร้องคดีอะไรเลย ดังนั้น อย่าให้ตนต้องทำอีก อย่ามาขู่ ต่างคนต่างอ่านกฎหมายแตกฉานหมด เรื่องโหวตโนนี้ไปถาม น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ ได้เลยซึ่งท่านก็บอกโหวตโนมีค่า หรือแม้แต่ คุณอนุรักษ์ สง่าอารีย์กูล เลขานุการแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา นางยินดี วัชรพงศ์ ต่อสุวรรณ อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา ต่างพูดเหมือนกับเรา กกต.ชุดนี้นอกจากมือไม่พายยังเอาเท้าราน้ำ แล้วยังข่มขู่โหวตโนระวังติดคุกอีก มันน่าจะเดินขบวนไปเยี่ยม กกต.สักที งานที่มีประโยชน์เพื่อบ้านเพื่อเมืองไม่ทำ
ทนายสุวัตร กล่าวต่อว่า กกต.ไม่ทำหน้าที่ตามมาตรา 53 ขอยกตัวอย่างกรณีป้ายรณรงค์หาเสียง เอาเฉพาะพรรคใหญ่อย่าง พรรคเพื่อไทย เสนอองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นได้เงินเพิ่ม 25% กองทุนหมู่บ้านเพิ่มเงินทุกตำบลตำบลละ 1 ล้าน ปรับเงินเดือนข้าราชการ คอมถูกฟรีคนละเครื่อง จะทำให้คนไทยหายจนภายใน 4ปี ฯลฯ ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ ตรึงราคานำมัน รักษาฟรีด้วยบัตรประชาชนใบเดียว เพิ่มเงินเดือนครู ข้าราชการ ตำรวจ เพิ่มกองทุนหมู่บ้าน ฯลฯ เมื่อกกต.เห็นนโยบายอย่างนี้เต็มไปหมด ทำไมไม่ไปยุ่งกับป้ายเหล่านี้ การเสนอให้หรือคำมั่นใจะให้เช่นนี้ตนอยากให้ กกต.เปิดอ่านมาตรา 53 บอกไว้ชัดห้ามไม่ให้เสนอให้ สัญญาว่าจะให้ หรือเตรียมจะให้ผลประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวนเป็นเงินได้ ในวรรคต่อมายังบอก ให้อำนาจ กกต.ส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.ดำเนินคดี แล้วบัดนี้ กกต.จับใครได้บ้างหรือยัง
“หน้าที่ของ กกต.ต้องรณรงค์ให้เกิดความเป็นธรรมอันจะนำไปสู่ความเป็นประชาธิปไตย แต่เลือกตั้งซ่อมเมื่อวันที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมา บางที่คนยังรอลงคะแนนอยู่เต็มเลย 3โมงเย็นจะปิดหีบทันที ปิดประตูโรงเรียนไม่ให้คนเข้า แค่เลือกตั้งล่วงหน้ายังทำไม่ทันแล้วจะไปทำอะไรกิน อีกอย่างคิดได้อย่างไรเคยไปลงทะเบียนเลือกตั้งนอกเขตไว้ จะให้ใช้อย่างนี้ไปตลอด ดังนั้นต้องโหวตโนลูกเดียว”