วานนี้ (16 มิ.ย.) นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และนายโสภณ ซารัมย์ แกนนำพรรคภูมิใจไทย แถลงเปิดตัวนโยบายใหม่ของพรรค เพื่อใช้ในการหาเสียงโค้งสุดท้าย คือนโยบายล้างหนี้กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง
นายชวรัตน์ กล่าวว่าขณะนี้พรรคการเมืองอื่นได้เสนอนโยบายเพิ่มหนี้ แต่พรรคภูมิใจไทย จะเสนอนโยบายสร้างรายได้ ลดรายจ่าย ไม่สร้างหนี้ เพราะรู้ว่าประชาชนต้องการรายได้เพิ่มขึ้น ทางพรรคจึงได้หยิบยื่นแนวทางปลดหนี้ให้ประชาชนได้พิจารณาเปรียบเทียบ โดยพรรคจะล้างหนี้กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองทันที หากได้เป็นรัฐบาล
ทั้งนี้มั่นใจว่าทำได้จริงเพราะที่ผ่านมา ธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่งล้ม มีหนี้เสียเป็นแสนล้านบาท รัฐบาลยังสามารถรับภาระได้ แต่ชาวบ้านเป็นหนี้แค่ไม่กี่หมื่นบาท ทำไมรัฐบาลถึงจะล้างหนี้ให้ไม่ได้
ด้านนายโสภณ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัญหากองทุนหมู่บ้านในปัจจุบัน สร้างภาระหนี้ให้กับประชาชน บางหมู่บ้านไม่มีเงินที่จะให้กู้แล้ว ทำให้กลายเป็นหนี้สูญ บางหมู่บ้านแม้จะมีเงินเหลืออยู่ แต่คนที่เป็นหนี้ก็ยังเป็นคนหน้าเดิมๆ นี่คือสภาพความเป็นจริงของกองทุนหมู่บ้านในปัจจุบัน ซึ่งราชการไม่ได้ลงไปตรวจสอบว่ามีกี่หมู่บ้านที่ยังสามารถดำเนินการได้
พรรคภูมิใจไทยจึงเสนอนโยบายดังกล่าว แต่หากล้างหนี้ให้เฉพาะคนที่เป็นหนี้ล้มละลายก็จะไม่เป็นธรรมกับคนที่ชำระหนี้ตามปกติ ดังนั้นเพื่อความเป็นธรรมจะมีการยกหนี้ ล้างหนี้ให้หมดแล้วมาเริ่มนับหนึ่งกันใหม่ ซึ่งปัจจุบันกองทุนดังกล่าวมีอยู่ 80,000 หมู่บ้าน ก็เป็นเงิน 80,000 ล้านบาท
ทั้งนี้พรรคภูมิใจไทยจะนำเงินงบประมาณมาใช้ในนโยบายนี้ และจะเติมเงินลงไปใหม่หมู่บ้านละ 1 ล้านบาท แต่ต้องมีเงื่อนไข และมีกรอบในการมากู้โดยให้ความรู้กับคณะกรรมการประจำหมู่บ้าน ซึ่งควรจะมาจากหลากหลายอาชีพ อาทิ ครู เกษตรกร เพื่อทำให้โปร่งใส ขณะเดียวกันต้องส่งเสริมให้ประชาชนทำเงินไปใช้อย่างเป็นระบบ ไม่ใช่นำเงินไปซื้อมอเตอร์ไซค์ โทรศัพท์มือถืออย่างที่ผ่านๆ มา
"พรรคภูมิใจไทยมั่นใจว่า ถ้าหากหนี้เก่าหมดไปแล้วได้เงินก้อนใหม่เข้ามาประกอบอาชีพ ไม่ใช่เป็นการไปกู้เงินนอกระบบมาใช้หนี้กองทุน ตรงนี้กลายเป็นปัญหางูกินหาง ซึ่งถ้ามีเงินก้อนใหม่มาหมุนเวียนในชีวิตประจำวัน วันนี้เราคิดอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ เป็นระบบ ไม่ได้มุ่งหาเสียงแบบแจกแหลก เพราะถ้าประชาชนอิ่มท้อง ก็จะไม่มีปัญหาความขัดแย้งแน่นอน" นายโสภณ กล่าว
**ยัน"สมศักดิ์"ไม่แปลงร่างเป็นงูเห่า
นายชวรัตน์ ยังกล่าวถึงกระแสข่าวที่กลุ่มมัฌชิมาฯ ของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำพรรคภูมิใจไทย จะแยกออกไปตั้งรัฐบาลร่วมรัฐบาลกับพรรคชาติไทยพัฒนา โดยยืนยันว่า ไม่มีงูเห่าภายในพรรค และตนได้คุยกันแล้ว ซึ่งนายสมศักดิ์ ก็ออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าวแล้วว่าไม่ได้รับการติดต่อจากพรรคชาติไทยพัฒนา พร้อมยืนยันว่ายังปักหลักอยู่กับพรรคภูมิใจไทย ส่วนกระแสข่าวที่เกิดขึ้นนั้นตนคิดว่าเป็นเพียงจิตวิทยา เป็นเพียงอุบายที่สกปรกเท่านั้น เพราะในพรรคภูมิใจไทยมีเอกภาพอยู่แล้ว และจะจับมือไปในทางเดียวกัน
สำหฟรับการจับมือทางการเมือง ระหว่างพรรคภูมิใจไทย กับพรรคชาติไทยพัฒนานั้น นายชวรัตน์ กล่าวว่า ยังคงเป็นเช่นเดิม เพราะตนเชื่อมั่นในสัจจะวาจา เนื่องจากรู้จักกันมานานอีกทั้งตนยังไม่ได้ติดต่อจาก นายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค หรือ นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค สำหรับสถานการณ์การหาเสียงของพรรคนั้นจากการลงพื้นที่ ตนยังมั่นใจถึงกระแสของพรรคว่า จะได้คะแนนเสียงเป็นอันดับ 3 แน่นอน
**"เจ๊วา"โวยโดนเตะตัดขาข่าวข้าว 7 พัน
นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ ในฐานะเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย เปิดเผยว่า มีการโจมตีจากพรรคคู่แข่งโดยใส่ร้ายตนเองว่า ไปพูดว่าราคาข้าว 6000 – 7000 บาท เกษตรกรก็สามารถอยู่ได้นั้น ตนขอยืนยันว่าไม่เคยพูด และเป็นไปไม่ได้ที่จะพูด ถือเป็นการใส่ร้ายป้ายสีตน เป็นการปล่อยข่าวออกมาเพื่อให้เกิดความเข้าใจผิด เพื่อลดความน่าเชื่อถือทางการเมือง และหวังลดคะแนนนิยมของตน ในพื้นที่จ.ชัยนาท
นอกจากนี้ยังมีความพยายามที่จะสกัดตน โดยมีการร้องเรียนต่อ กกต. 5-6 เรื่อง เพื่อให้ตนโดนใบแดง นอกจากนี้มีการไปกล่าวหากำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ที่จะอยู่ประจำหน่วยเลือกตั้งว่ามีการรับเงิน และร้องให้มีการปรับเปลี่ยน ถือเป็นการดูถูกเขา
**ชพน.ชูแนวทางปรองดอง 8 ข้อ
วานนี้ (16 มิ.ย.) ที่โรงแรมเซนทารา แกรนด์ นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล หัวหน้าพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน ได้แถลงแนวทางในการปัญหาประเทศด้วยนโยบาย “หยุดขั้ว สลายสี สามัคคี พี่น้องไทย” ซึ่งมี 8 ข้อ คือ
1. การเลือกตั้งวันที่ 3 ก.ค. จะเป็นทางออกที่จะนำไปสู่การคลี่คลายปัญหาความขัดแย้ง จึงขอเชิญทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทำหน้าที่ร่วมกัน และยอมรับผลการเลือกตั้ง 2. การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ควรสอดคล้องกับจารีตประเพณี แห่งหลักสากลทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตย
3. พรรคการเมืองที่จะมีส่วนร่วมในการตั้งรัฐบาล ต้องคำนึงถึงภารกิจในการเข้าไปแก้ไขปัญหาของชาติ ต้องหันหน้าเข้าหากัน เสียสละ ลดเงื่อนไข และข้อเรียกร้อง เพื่อให้รัฐบาลที่ดีที่สุด
4. รัฐบาลใหม่ตลอดจนสมาชิกวุฒิสภา ควรมีความร่วมมือกันในการทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาประเทศ สร้างมิติใหม่แก่การทำงานอย่างสร้างสรรค์ รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย 5. รัฐบาลต้องทำงานในลักษณะทีมเวิร์ก ระหว่างรัฐบาล ข้าราชการ และภาคธุรกิจเอกชน
6. รัฐบาลควรนำข้อเสนอของคณะกรรมการสมานฉันท์ และคณะกรรมการชุดต่างๆ มาพิจารณาเพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง 7. ควรพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ และ 8. ขอให้ทุกฝ่ายได้ใช้กลไกของระบอบประชาธิปไตย และกระบวนการแห่งรัฐสภา เป็นวิถีทางลดความขัดแย้ง ลดการเผชิญหน้าสร้างความระเบียบเรียบร้อยของสังคมไทย
นายชวรัตน์ กล่าวว่าขณะนี้พรรคการเมืองอื่นได้เสนอนโยบายเพิ่มหนี้ แต่พรรคภูมิใจไทย จะเสนอนโยบายสร้างรายได้ ลดรายจ่าย ไม่สร้างหนี้ เพราะรู้ว่าประชาชนต้องการรายได้เพิ่มขึ้น ทางพรรคจึงได้หยิบยื่นแนวทางปลดหนี้ให้ประชาชนได้พิจารณาเปรียบเทียบ โดยพรรคจะล้างหนี้กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองทันที หากได้เป็นรัฐบาล
ทั้งนี้มั่นใจว่าทำได้จริงเพราะที่ผ่านมา ธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่งล้ม มีหนี้เสียเป็นแสนล้านบาท รัฐบาลยังสามารถรับภาระได้ แต่ชาวบ้านเป็นหนี้แค่ไม่กี่หมื่นบาท ทำไมรัฐบาลถึงจะล้างหนี้ให้ไม่ได้
ด้านนายโสภณ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัญหากองทุนหมู่บ้านในปัจจุบัน สร้างภาระหนี้ให้กับประชาชน บางหมู่บ้านไม่มีเงินที่จะให้กู้แล้ว ทำให้กลายเป็นหนี้สูญ บางหมู่บ้านแม้จะมีเงินเหลืออยู่ แต่คนที่เป็นหนี้ก็ยังเป็นคนหน้าเดิมๆ นี่คือสภาพความเป็นจริงของกองทุนหมู่บ้านในปัจจุบัน ซึ่งราชการไม่ได้ลงไปตรวจสอบว่ามีกี่หมู่บ้านที่ยังสามารถดำเนินการได้
พรรคภูมิใจไทยจึงเสนอนโยบายดังกล่าว แต่หากล้างหนี้ให้เฉพาะคนที่เป็นหนี้ล้มละลายก็จะไม่เป็นธรรมกับคนที่ชำระหนี้ตามปกติ ดังนั้นเพื่อความเป็นธรรมจะมีการยกหนี้ ล้างหนี้ให้หมดแล้วมาเริ่มนับหนึ่งกันใหม่ ซึ่งปัจจุบันกองทุนดังกล่าวมีอยู่ 80,000 หมู่บ้าน ก็เป็นเงิน 80,000 ล้านบาท
ทั้งนี้พรรคภูมิใจไทยจะนำเงินงบประมาณมาใช้ในนโยบายนี้ และจะเติมเงินลงไปใหม่หมู่บ้านละ 1 ล้านบาท แต่ต้องมีเงื่อนไข และมีกรอบในการมากู้โดยให้ความรู้กับคณะกรรมการประจำหมู่บ้าน ซึ่งควรจะมาจากหลากหลายอาชีพ อาทิ ครู เกษตรกร เพื่อทำให้โปร่งใส ขณะเดียวกันต้องส่งเสริมให้ประชาชนทำเงินไปใช้อย่างเป็นระบบ ไม่ใช่นำเงินไปซื้อมอเตอร์ไซค์ โทรศัพท์มือถืออย่างที่ผ่านๆ มา
"พรรคภูมิใจไทยมั่นใจว่า ถ้าหากหนี้เก่าหมดไปแล้วได้เงินก้อนใหม่เข้ามาประกอบอาชีพ ไม่ใช่เป็นการไปกู้เงินนอกระบบมาใช้หนี้กองทุน ตรงนี้กลายเป็นปัญหางูกินหาง ซึ่งถ้ามีเงินก้อนใหม่มาหมุนเวียนในชีวิตประจำวัน วันนี้เราคิดอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ เป็นระบบ ไม่ได้มุ่งหาเสียงแบบแจกแหลก เพราะถ้าประชาชนอิ่มท้อง ก็จะไม่มีปัญหาความขัดแย้งแน่นอน" นายโสภณ กล่าว
**ยัน"สมศักดิ์"ไม่แปลงร่างเป็นงูเห่า
นายชวรัตน์ ยังกล่าวถึงกระแสข่าวที่กลุ่มมัฌชิมาฯ ของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำพรรคภูมิใจไทย จะแยกออกไปตั้งรัฐบาลร่วมรัฐบาลกับพรรคชาติไทยพัฒนา โดยยืนยันว่า ไม่มีงูเห่าภายในพรรค และตนได้คุยกันแล้ว ซึ่งนายสมศักดิ์ ก็ออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าวแล้วว่าไม่ได้รับการติดต่อจากพรรคชาติไทยพัฒนา พร้อมยืนยันว่ายังปักหลักอยู่กับพรรคภูมิใจไทย ส่วนกระแสข่าวที่เกิดขึ้นนั้นตนคิดว่าเป็นเพียงจิตวิทยา เป็นเพียงอุบายที่สกปรกเท่านั้น เพราะในพรรคภูมิใจไทยมีเอกภาพอยู่แล้ว และจะจับมือไปในทางเดียวกัน
สำหฟรับการจับมือทางการเมือง ระหว่างพรรคภูมิใจไทย กับพรรคชาติไทยพัฒนานั้น นายชวรัตน์ กล่าวว่า ยังคงเป็นเช่นเดิม เพราะตนเชื่อมั่นในสัจจะวาจา เนื่องจากรู้จักกันมานานอีกทั้งตนยังไม่ได้ติดต่อจาก นายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค หรือ นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค สำหรับสถานการณ์การหาเสียงของพรรคนั้นจากการลงพื้นที่ ตนยังมั่นใจถึงกระแสของพรรคว่า จะได้คะแนนเสียงเป็นอันดับ 3 แน่นอน
**"เจ๊วา"โวยโดนเตะตัดขาข่าวข้าว 7 พัน
นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ ในฐานะเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย เปิดเผยว่า มีการโจมตีจากพรรคคู่แข่งโดยใส่ร้ายตนเองว่า ไปพูดว่าราคาข้าว 6000 – 7000 บาท เกษตรกรก็สามารถอยู่ได้นั้น ตนขอยืนยันว่าไม่เคยพูด และเป็นไปไม่ได้ที่จะพูด ถือเป็นการใส่ร้ายป้ายสีตน เป็นการปล่อยข่าวออกมาเพื่อให้เกิดความเข้าใจผิด เพื่อลดความน่าเชื่อถือทางการเมือง และหวังลดคะแนนนิยมของตน ในพื้นที่จ.ชัยนาท
นอกจากนี้ยังมีความพยายามที่จะสกัดตน โดยมีการร้องเรียนต่อ กกต. 5-6 เรื่อง เพื่อให้ตนโดนใบแดง นอกจากนี้มีการไปกล่าวหากำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ที่จะอยู่ประจำหน่วยเลือกตั้งว่ามีการรับเงิน และร้องให้มีการปรับเปลี่ยน ถือเป็นการดูถูกเขา
**ชพน.ชูแนวทางปรองดอง 8 ข้อ
วานนี้ (16 มิ.ย.) ที่โรงแรมเซนทารา แกรนด์ นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล หัวหน้าพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน ได้แถลงแนวทางในการปัญหาประเทศด้วยนโยบาย “หยุดขั้ว สลายสี สามัคคี พี่น้องไทย” ซึ่งมี 8 ข้อ คือ
1. การเลือกตั้งวันที่ 3 ก.ค. จะเป็นทางออกที่จะนำไปสู่การคลี่คลายปัญหาความขัดแย้ง จึงขอเชิญทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทำหน้าที่ร่วมกัน และยอมรับผลการเลือกตั้ง 2. การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ควรสอดคล้องกับจารีตประเพณี แห่งหลักสากลทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตย
3. พรรคการเมืองที่จะมีส่วนร่วมในการตั้งรัฐบาล ต้องคำนึงถึงภารกิจในการเข้าไปแก้ไขปัญหาของชาติ ต้องหันหน้าเข้าหากัน เสียสละ ลดเงื่อนไข และข้อเรียกร้อง เพื่อให้รัฐบาลที่ดีที่สุด
4. รัฐบาลใหม่ตลอดจนสมาชิกวุฒิสภา ควรมีความร่วมมือกันในการทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาประเทศ สร้างมิติใหม่แก่การทำงานอย่างสร้างสรรค์ รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย 5. รัฐบาลต้องทำงานในลักษณะทีมเวิร์ก ระหว่างรัฐบาล ข้าราชการ และภาคธุรกิจเอกชน
6. รัฐบาลควรนำข้อเสนอของคณะกรรมการสมานฉันท์ และคณะกรรมการชุดต่างๆ มาพิจารณาเพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง 7. ควรพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ และ 8. ขอให้ทุกฝ่ายได้ใช้กลไกของระบอบประชาธิปไตย และกระบวนการแห่งรัฐสภา เป็นวิถีทางลดความขัดแย้ง ลดการเผชิญหน้าสร้างความระเบียบเรียบร้อยของสังคมไทย