คอลัมน์สุดฟากสนาม เรื่อง นกฟินิกซ์
การคว้าเหรียญทองโอลิมปิกแอตแลนตร้า คือผลงานชิ้นโบว์แดงในช่วงปี 1996 ของอังเดร อากัสซี่ เขากลายเป็นขวัญใจของอเมริกันชน บรรดาผู้สื่อข่าว และ คอลัมนิสต์ กีฬาต่างพากันยกย่องทั้งที่ก่อนหน้านี้ ชื่อของนักเทนนิสหนุ่มถูกโจมตีชนิดวันเว้นวัน
แต่ความสุขความสมหวังจากโอลิมปิก อยู่กับอังเดร ได้ไม่นานเมื่อชีวิตจริงของชายหนุ่มยังคงต้องลงสู่สนามการแข่งขันในฐานะนักเทนนิสอาชีพ และจุดด่างพร้อยในชีวิตของอังเดร ก็เกิดขึ้นอีกครั้งบนสนามการแข่งขันอาร์ซีเอ แชมเปี้ยนชิป ที่อินเดียนาโปลิส ในรอบแรกที่ลงสนามพบกับ ดาเนียล เนสเตอร์ นักเทนนิสจากแคนาดา เป็นเกมการแข่งขันที่ อังเดร ยอมรับว่าตนเองใช้อารมณ์มากเกินไป และยิ่งตีเสียมากเท่าใดก็ยิ่งสบถมากขึ้นเท่านั้น
และสิ่งที่หลายคนในสนามไม่คาดคิดว่า อากัสซี่ จะแสดงออกด้วยพฤติกรรมอันเลวร้ายก็เกิดขึ้น เมื่อนักเทนนิสหนุ่มใช้แร็กเก็ต ตีบอลขึ้นฟ้าจนออกนอกสนามเพื่อระบายอารมณ์ อันเป็นเหตุให้กรรมการในสนาม (Umpire) ดานา ลาคอนโต ต้องกล่าวเตือนอังเดร ผ่านไมโครโฟน ซึ่งอังเดร ตอบโต้ด้วยการสบถคำหยาบ (เอฟเวิร์ด) ออกมาเบาๆ หากแต่ก็ดังพอที่จะทำให้ผู้ชมในสนามบางคนได้ยิน และ ตะโกนฟ้อง “ดานา”
เมื่อ ดานา ลาคอนโต ถามอังเดร ว่าสบถถ้อยคำดังกล่าวจริงหรือไม่ เจ้าตัวยอมรับพร้อมกับรู้ตัวแล้วว่าต้องถูกปรับให้แพ้และออกจากเกมการแข่งขันทันที แน่นอนว่าผู้ชมรอบสนามเริ่มไม่พอใจที่การแข่งขันซึ่งเพิ่งจะเริ่มต้น ต้องจบในเวลาอันรวดเร็ว สุดท้ายอารมณ์เกรี้ยวกราดจากผู้ชมได้แปลงให้คอร์ตเทนนิสเต็มไปด้วยขวดน้ำ และ เศษขยะอันเกิดจากผู้ชมบนอัฒจันทร์
อังเดร บรรยายถึงการรับมือกับเหตุการณ์ดังกล่าวไว้ในหนังสือของตนเองว่า “ผมเดินหยิบกระเป๋าแร็กเก็ต แล้วค่อยๆเดินเข้าไปในล็อกเกอร์รูม ที่ซึ่งแบรด ยืนรออยู่พร้อมกับเจ้าหนู แซค วัย 7 ขวบผู้เป็นลูกชายที่ใบหน้าเต็มไปด้วยคราบน้ำตา เพราะสงสาร ลุงอังเดร ที่ถูกคนดูโห่ไล่ เมื่อแบรดถามว่าเกิดอะไรขึ้น ผมไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร ได้แต่บอกตามความจริงก่อนจะส่งสองพ่อลูก กลับไปยังโรงแรมที่พัก ส่วนผมยังคงนั่งอยู่ในล็อกเกอร์ รูม โดยที่ไม่รู้สึกว่าเหตุการณ์ภายนอกจะกดดันอะไรได้ ถึงเวลานี้ผมรู้สึกเหมือนตนเองไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว”
เหตุการณ์ที่อินเดียนาโปลิส จบลงด้วยดีและอังเดร ยังคงมุ่งหน้าต่อไปกับแกรนด์สแลมสุดท้ายของปี รายการ ยูเอส โอเพ่น แน่นอนว่ารอยด่างที่ อินเดียนาโปลิส ยังคงติดตัวเขาไปตลอด บรรดาผู้ชมยังคงส่งเสียงโห่ ในขณะที่เพื่อนนักเทนนิสด้วยกันรู้สึกว่า ทางฝ่ายจัดการแข่งขันยังคงเอาใจ อังเดร มากกว่าใคร แต่ดูเหมือนบรรยากาศอันแสนจะกดดันจากสภาวะรอบข้างไม่สามารถทำร้าย นักเทนนิสหนุ่มได้ เขามุ่งมั่นที่จะเข้ารอบลึกในสแลมสุดท้ายของปี และคว้าแชมป์มาครองให้ได้
แต่ดูเหมือนฝันจะมีอุปสรรคเมื่อคู่แข่งในรอบรองชนะเลิศของ อากัสซี่ คือ ไมเคิล ชาง นักเทนนิสที่เขาเคยปรามาสฝีมือมาแล้วอย่างน้อยสองครั้งและเป็นสองครั้งที่เจ้าตัวต้องพ่ายแพ้ สำหรับครั้งนี้ อากัสซี่ กระหายในชัยชนะเหนือ อเมริกันชนเชื้อสายจีน รายนี้เป็นอย่างยิ่ง เพราะต้องการไปพบกับ พีท แซมพราส ในรอบชิงชนะเลิศ
หากแต่สิ่งที่หวังกับผลการแข่งขัน กลับเดินกันคนละทาง คู่ชิง ยูเอส โอเพ่นปี 1996 กลายเป็น ชาง ที่ต้องพบกับ แซมพราส ขณะที่อังเดร อากัสซี่ ถูกโค้ชคู่ใจ แบรด กิลเบิร์ก สั่งให้พักทันทีพร้อมถอนตัวจากออสเตรเลียน โอเพ่น 1997
การคว้าเหรียญทองโอลิมปิกแอตแลนตร้า คือผลงานชิ้นโบว์แดงในช่วงปี 1996 ของอังเดร อากัสซี่ เขากลายเป็นขวัญใจของอเมริกันชน บรรดาผู้สื่อข่าว และ คอลัมนิสต์ กีฬาต่างพากันยกย่องทั้งที่ก่อนหน้านี้ ชื่อของนักเทนนิสหนุ่มถูกโจมตีชนิดวันเว้นวัน
แต่ความสุขความสมหวังจากโอลิมปิก อยู่กับอังเดร ได้ไม่นานเมื่อชีวิตจริงของชายหนุ่มยังคงต้องลงสู่สนามการแข่งขันในฐานะนักเทนนิสอาชีพ และจุดด่างพร้อยในชีวิตของอังเดร ก็เกิดขึ้นอีกครั้งบนสนามการแข่งขันอาร์ซีเอ แชมเปี้ยนชิป ที่อินเดียนาโปลิส ในรอบแรกที่ลงสนามพบกับ ดาเนียล เนสเตอร์ นักเทนนิสจากแคนาดา เป็นเกมการแข่งขันที่ อังเดร ยอมรับว่าตนเองใช้อารมณ์มากเกินไป และยิ่งตีเสียมากเท่าใดก็ยิ่งสบถมากขึ้นเท่านั้น
และสิ่งที่หลายคนในสนามไม่คาดคิดว่า อากัสซี่ จะแสดงออกด้วยพฤติกรรมอันเลวร้ายก็เกิดขึ้น เมื่อนักเทนนิสหนุ่มใช้แร็กเก็ต ตีบอลขึ้นฟ้าจนออกนอกสนามเพื่อระบายอารมณ์ อันเป็นเหตุให้กรรมการในสนาม (Umpire) ดานา ลาคอนโต ต้องกล่าวเตือนอังเดร ผ่านไมโครโฟน ซึ่งอังเดร ตอบโต้ด้วยการสบถคำหยาบ (เอฟเวิร์ด) ออกมาเบาๆ หากแต่ก็ดังพอที่จะทำให้ผู้ชมในสนามบางคนได้ยิน และ ตะโกนฟ้อง “ดานา”
เมื่อ ดานา ลาคอนโต ถามอังเดร ว่าสบถถ้อยคำดังกล่าวจริงหรือไม่ เจ้าตัวยอมรับพร้อมกับรู้ตัวแล้วว่าต้องถูกปรับให้แพ้และออกจากเกมการแข่งขันทันที แน่นอนว่าผู้ชมรอบสนามเริ่มไม่พอใจที่การแข่งขันซึ่งเพิ่งจะเริ่มต้น ต้องจบในเวลาอันรวดเร็ว สุดท้ายอารมณ์เกรี้ยวกราดจากผู้ชมได้แปลงให้คอร์ตเทนนิสเต็มไปด้วยขวดน้ำ และ เศษขยะอันเกิดจากผู้ชมบนอัฒจันทร์
อังเดร บรรยายถึงการรับมือกับเหตุการณ์ดังกล่าวไว้ในหนังสือของตนเองว่า “ผมเดินหยิบกระเป๋าแร็กเก็ต แล้วค่อยๆเดินเข้าไปในล็อกเกอร์รูม ที่ซึ่งแบรด ยืนรออยู่พร้อมกับเจ้าหนู แซค วัย 7 ขวบผู้เป็นลูกชายที่ใบหน้าเต็มไปด้วยคราบน้ำตา เพราะสงสาร ลุงอังเดร ที่ถูกคนดูโห่ไล่ เมื่อแบรดถามว่าเกิดอะไรขึ้น ผมไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร ได้แต่บอกตามความจริงก่อนจะส่งสองพ่อลูก กลับไปยังโรงแรมที่พัก ส่วนผมยังคงนั่งอยู่ในล็อกเกอร์ รูม โดยที่ไม่รู้สึกว่าเหตุการณ์ภายนอกจะกดดันอะไรได้ ถึงเวลานี้ผมรู้สึกเหมือนตนเองไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว”
เหตุการณ์ที่อินเดียนาโปลิส จบลงด้วยดีและอังเดร ยังคงมุ่งหน้าต่อไปกับแกรนด์สแลมสุดท้ายของปี รายการ ยูเอส โอเพ่น แน่นอนว่ารอยด่างที่ อินเดียนาโปลิส ยังคงติดตัวเขาไปตลอด บรรดาผู้ชมยังคงส่งเสียงโห่ ในขณะที่เพื่อนนักเทนนิสด้วยกันรู้สึกว่า ทางฝ่ายจัดการแข่งขันยังคงเอาใจ อังเดร มากกว่าใคร แต่ดูเหมือนบรรยากาศอันแสนจะกดดันจากสภาวะรอบข้างไม่สามารถทำร้าย นักเทนนิสหนุ่มได้ เขามุ่งมั่นที่จะเข้ารอบลึกในสแลมสุดท้ายของปี และคว้าแชมป์มาครองให้ได้
แต่ดูเหมือนฝันจะมีอุปสรรคเมื่อคู่แข่งในรอบรองชนะเลิศของ อากัสซี่ คือ ไมเคิล ชาง นักเทนนิสที่เขาเคยปรามาสฝีมือมาแล้วอย่างน้อยสองครั้งและเป็นสองครั้งที่เจ้าตัวต้องพ่ายแพ้ สำหรับครั้งนี้ อากัสซี่ กระหายในชัยชนะเหนือ อเมริกันชนเชื้อสายจีน รายนี้เป็นอย่างยิ่ง เพราะต้องการไปพบกับ พีท แซมพราส ในรอบชิงชนะเลิศ
หากแต่สิ่งที่หวังกับผลการแข่งขัน กลับเดินกันคนละทาง คู่ชิง ยูเอส โอเพ่นปี 1996 กลายเป็น ชาง ที่ต้องพบกับ แซมพราส ขณะที่อังเดร อากัสซี่ ถูกโค้ชคู่ใจ แบรด กิลเบิร์ก สั่งให้พักทันทีพร้อมถอนตัวจากออสเตรเลียน โอเพ่น 1997