ASTVผู้จัดการรายวัน - ลุ้นปมพระวิหารบ่าย3 วันนี้ เอเอฟพีรั่วข่าว! ศาลโลกตัดสินให้ไทยถอนทหารจากพื้นที่พิพาท 4.6 ตร.กม. “เครือข่ายฯคนกันทรลักษ์” ขึ้นป้ายใหญ่ รวมพลังไทยรักชาติทวงคืนเขาวิหาร เขมรทะลักซื้อสินค้าที่ช่องสะงำคึกคัก ขณะที่มีการเสริมกำลังทหารและรถถังที่เขาพระวิหาร มทภ.2 ขอรอดูคำตัดสิน ลั่นทหารชายแดนพร้อมรอรับคำสั่งปกป้องอธิปไตย
รายงานข่าวแจ้งว่า จากกรณีที่ทางกัมพูชาได้ยื่นคำร้องให้มีการตีความคำสั่งศาลระหว่างประเทศเกี่ยวกับการครอบครองประสาทพระวิหาร รวมถึงการเรียกร้องให้ผู้พิพากษาอนุมัติมาตรการชั่วคราว หรือสั่งให้ไทยถอนกำลังทหารจากพื้นที่และห้ามทำกิจกรรมทางทหารของไทยทั้งหมดในทันทีในพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร
เบื้องต้นรายงานข่าวของสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายฮิซาชิ โอวาดะ ประธานศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือศาลโลก จะอ่านคำวินิจฉัยคำร้องดังกล่าว ในเวลา 10.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น หรือเวลา 15.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย พร้อมกับการตัดสินร่วมกับคณะผู้พิพากษาศาลโลกอีก 14 นาย และผู้พิพากษาเฉพาะกิจอีก 2 คน
**ตปท.รายงานเรื่องศาลโลกตัดสิน
รายงานข่าวเอเอฟพี แจ้งว่า ศาลสูงสุดของสหประชาชาติจะออกคำสั่งในวันจันทร์ (18 ก.ค.) นี้ ตามคำร้องขอของกัมพูชาให้ไทยถอนทหารจากบริเวณพิพาทชายแดนรอบๆ ปราสาทพระวิหารที่เกิดการปะทะกัน คาดว่า ประธานศาลระหว่างประเทศ นายฮิซาชิ โอวาดะ จะอ่านคำสั่งของศาลในเวลา 10.00 น.ที่พระราชวังแห่งสันติภาพ กรุงเฮก ที่ตั้งของศาลระหว่างประเทศ (International Court of Justice)
“ศาลจะมีคำสั่งในวันจันทร์ตามคำร้องของของกัมพูชาที่ให้ไทยถอนทหารและยุติกิจกรรมทางทหารทุกอย่าง” ผู้สังเกตการณ์ที่ใกล้ชิดกับ ICJ บอกกับเอเอฟพี และยังเปิดเผยอีกว่า นายโอวาดะ จะขึ้นนั่งบัลลังก์พร้อมผู้พิพากษาทั้ง 14 คน กับผู้พิพากษาสมทบอีก 2 คน
กัมพูชาได้นำกรณีทางกฎหมายนี้เข้าสู่ศาลโลกในเดือน เม.ย.โดยเรียกร้องให้ตีความคำพิพากษาเมื่อปี 2505 เกี่ยวกับปราสาทพระวิหารอายุ 900 ปี ขณะเดียวกัน กัมพูชาได้ขอให้ผู้พิพากษาออกมาตรการเฉพาะหน้า รวมทั้งให้ไทยถอนทหารในทันทีและให้ยุติกิจกรรมทางทหารที่นั่น
แม้ว่าไทยจะไม่โต้แย้งการเป็นเจ้าของปราสาทพระวิหารของกัมพูชาตามคำพิพากษาปี 2505 แต่ทั้งกัมพูชาและไทยต่างกล่าวอ้างเป็นเจ้าของพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร รอบๆ บริเวณปราสาท
สองฝ่ายเข้าให้การต่อศาลในสิ้นเดือน พ.ค.รองนายกรัฐมนตรีกัมพูชา นายฮอร์ นัมฮง ได้ขอให้มีการ “ถอนทหารไทยในทันทีและโดยไม่มีเงื่อนไขออกจากดินแดนของกัมพูชาส่วนที่อยู่ในบริเวณปราสาทพระวิหาร”
ทางการพนมเปญยังขอให้ไทย “ยุติการกระทำการใดๆ ที่จะแทรกแซงสิทธิของกัมพูชาหรือทำให้ความขัดแย้งในปัจจุบันขยายตัวออกไป”
เอกอัครราชทูตไทยประจำเนเธอร์แลนด์ นายวีรชัย พลาศรัย ได้ตอบโต้โดยขอให้ศาลโลกยกเลิกกรณีของกัมพูชาออกจากการพิจารณาของศาล
**ทูตไทยกรุงเฮกมั่นใจศาลโลกยุติธรรม
นายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเฮก ในฐานะผู้แทนไทยที่ให้ข้อมูลต่อศาลโลกในคดีปัญหาเขาพระวิหาร กล่าวถึงแนวโน้มคำพิพากษาของศาลโลกต่อกรณีปัญหาประเทศกัมพูชา ร้องขอให้ศาลโลกออกมาตรการคุ้มครองชั่วคราวกรณีปราสาทพระวิหาร ว่า เป็นไปได้ใน 3 แนวทาง คือ 1. ศาลโลกยกคำร้องของกัมพูชา และอาจจะจำหน่ายคดีนี้ 2.รับคำร้องของประเทศกัมพูชา และมีคำร้องให้ออกมาตรการคุ้มครองชั่วคราว ที่จะส่งผลให้ฝ่ายไทยต้องถอนทหาร ออกจากพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตร หรือศาลอาจจะมีคำสั่งที่เบาบางกว่านั้น และ 3. มีคำสั่งแต่ไม่ตรงกับที่ฝ่ายกัมพูชาร้องขอ เช่น มีมาตรการให้สองฝ่ายดำเนินการที่ภาระร่วมกัน เพื่อลดการเผชิญหน้าตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ตนเห็นว่าแนวทางที่ดีที่สุด คือ ในแนวทางแรก อย่างไรก็ตามยืนยันว่าการชี้แจงของฝ่ายไทยในศาลโลกที่ผ่านมาได้มีการเตรียมข้อมูลมาหลายปี และทำดีเท่าที่จะทำได้ในกรอบของการรับมรดกคดีเก่าที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยมา และการให้การในศาลโลกในวันที่ 30 - 31 พ.ค. ที่ผ่านมา ทางคณะฝ่ายไทยได้ทำงานอย่างเต็มที่และเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยแล้ว
“ผมมีความเชื่อมั่นในความยุติธรรมของศาลโลก และหวังว่าจะใช้คดีนี้ยืนยันความยุติธรรมของศาลโลกอีกครั้ง” นายวีรชัย กล่าว
**"กษิต"โฟนอินสดหลังศาลโลกตัดสิน
นายเจษฎา กตเวทิน รองอธิบดีฝ่ายสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า ในเวลา 17.00 น. วันที่ 18 ก.ค.ร นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ จะให้สัมภาษณ์ผ่านทางโทรศัพท์ จากกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ภายหลังการตัดสินคำร้องให้มีการตีความคำสั่งศาลโลกระหว่างประเทศเกี่ยวกับการครอบครองปราสาทพระวิหาร รวมถึงการเรียกร้องให้ผู้พิพากษาอนุมัติมาตรการชั่วคราว หรือสั่งให้ไทยถอนกำลังทหารจากพื้นที่และห้ามทำกิจกรรมทางทหารของไทยทั้งหมดในทันทีในพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร
**“เครือข่ายฯคนกันทรลักษ์”ขึ้นป้ายใหญ่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณผามออีแดง อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ชายแดนไทย-กัมพูชา ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ นายกิติศักดิ์ พ้นภัย เครือข่ายประชาชน-คนกันทรลักษ์ พิทักษ์ปราสาทเขาพระวิหาร และคณะ ได้นำเอาเครื่องอุปโภค บริโภค อีกทั้งเครื่องอุปกรณ์ไฟฟ้า ที่จำเป็นมามอบให้กับเจ้าหน้าที่ทหารไทยที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย - กัมพูชา ด้านเขาพระวิหาร เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ ในการปฏิบัติหน้าที่ โดยมี พ.ท.เลอร์พงษ์ สุขสร้อย ผู้บังคับกองร้อยหน่วยเฉพาะกิจกรททหารพรานที่ 23 อ.กันทรลักษ์ ซึ่งปฏิบัติหน้าที่อยู่บริเวณเขาพระวิหารเป็นตัวแทนรับมอบสิ่งของ
นายกิติศักดิ์ พ้นภัย ตัวแทนเครือข่ายประชาชนคนกันทรลักษ์ พิทักษ์ปราสาทเขาพระวิหาร กล่าวว่า ตนและเครือข่ายได้รวบรวมสิ่งของ เพื่อนำมามอบให้กับเจ้าหน้าที่ทหารไทยที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดน เพื่อเป็นกำลังใจในการทำงานของทหาร และได้ติดตั้งป้ายขนาดใหญ่ระบุข้อความว่า “รวมพลังไทยรักชาติ ทวงคืนเขาพระวิหาร และอธิปไตยของชาติ ” ที่บริเวณ 5 แยกกลางเมือง อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการปลุกจิตสำนึกคนไทยทุกคนให้รวมพลังกันเพื่อทวงคืนเขาพระวิหารและช่วยกันรักษาอธิปไตยของชาติไทย ซึ่งในวันที่ 18 ก.ค.นี้ ศาลโลกจะมีคำพิพากษาเกี่ยวกับปราสาทพระวิหารออกมา ซึ่งหากคำพิพากษาของศาลโลกทำให้ประเทศไทยเสียอธิปไตย ตนจะเชิญชวนชาวไทยทั่วประเทศร่วมกันพิทักษ์รักษาอธิปไตยของชาติไทยทันที
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ล่าสุดขณะนี้บรรยากาศโดยรวมตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านเขาพระวิหาร จ.ศรีสะเกษ สถานการณ์ยังคงเป็นปกติดี
**ชาวไทย แนะรัฐบาลค้านคำสั่งศาลโลก
เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 17 ก.ค.54 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณสามแยกบ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ขณะนี้สถานการณ์บริเวณเขาพระวิหารเริ่มตึงเครียด จากกรณีที่รัฐบาลกัมพูชาได้ยื่นหนังสือต่อศาลโลก เพื่อให้มีมาตรการชั่วคราวคุ้มครองสิทธิของกัมพูชา 3 ข้อ และ 1 ในข้อเสนอนั้นมีเรื่องการให้ทหารไทยถอนกำลังออกจากพื้นที่รอบปราสาททันทีโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ
เรื่องนี้ได้สร้างความกังวลใจให้แก่ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาไม่น้อย พร้อมทั้งได้สนับสนุนให้รัฐบาลไทยคัดค้านคำสั่งศาลโลก หากเกิดกรณีมีคำสั่งให้ถอนกำลังทหารตามคำร้องขอของกัมพูชา
ขณะเดียวกัน ชาวบ้านก็ได้จัดเตรียมสิ่งของสัมภาระ และเอกสารสำคัญ เพื่อเตรียมอพยพทันทีเมื่อเกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้น
นายทองคำ กันทรวงศ์ อายุ 74 ปี ชาวบ้านภูมิซรอล ม. 12 ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า ตนรู้สึกกังวลเป็นห่วงว่าศาลโลกจะตัดสินให้ทหารไทยถอนกำลังทหารออกมาจากพื้นที่พิพาท ซึ่งไม่รู้ว่ารัฐบาลใหม่จะจัดการเรื่องนี้อย่างไร ถ้าไทยถอนกำลังทหารออกมาแล้ว เขมรจะรุกเข้ามาอีกหรือไม่ เพราะจากที่ตนได้ติดตามข่าวสาร เขาบอกว่าศาลโลกจะตัดสินให้ไทยถอนกำลังทหารออกมา ซึ่งตนก็รู้สึกไม่พอใจ เพราะแผ่นดินของเรา เราก็ต้องหวงแหน แผ่นดินเขมรเขาก็หวงแหนของเขา
ดังนั้น ตนจึงไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งที่จะมีการถอนกำลังทหารออกมา เพราะไทยจะตกหลุมพรางของเขมรเหมือนที่ผ่านๆ มา คือพอไทยถอนกำลังทหารออกมา แต่เขมรไม่ยอมถอน แต่กลับรุกเข้ามาในเขตแดนไทยจนเป็นปัญหาอยู่ในปัจจุบันนี้ ซึ่งตนรู้สึกหนักใจมากว่ารัฐบาลใหม่จะแก้ไขปัญหานี้อย่างไร ตนจึงอยากให้หามาตรการขั้นเด็ดขาด อย่าให้เขมรรุกล้ำเข้ามาในเขตแดนไทย
ส่วนเรื่องปราสาทพระวิหารที่ว่าเป็นของเขา ก็ให้เขาไป แต่แผ่นดินของเราก็ต้องอยู่จุดเดิมตามแนวเขตเดิม ที่แพ้แล้วก็ยอมไป แต่จะต้องไม่ให้รุกล้ำเข้ามาใหม่อีกเด็ดขาด
ทางด้าน นายวีระสิทธิ์ คอกสี อายุ 67 ปี ชาวบ้านภูมิซรอล ม. 12 ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า ในความคิดเห็นของชาวบ้านเรื่องที่ว่าจะถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่พิพาท ชาวบ้านไม่เห็นด้วย เพราะถ้าถอนกำลังทหารออกมาก็เท่ากับว่าไทยได้เสียดินแดนให้เขมรทันที แต่ถ้าศาลโลกมีคำสั่งให้ไทยถอนกำลังทหารจริงๆ รัฐบาลต้องออกมาแก้ไขเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน เพราะได้รับปากแล้วว่าจะเข้ามาแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ แต่ถ้าแก้ไขไม่ได้ชาวบ้านตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาก็ต้องอยู่อย่างลำบาก การทำมาหากินก็จะได้รับผลกระทบอย่างหนัก ซึ่งขณะนี้สถานการณ์น่าเป็นห่วงอย่างมากที่สุด
ในฐานะที่ตนเป็นชาวบ้านคนหนึ่งที่อยู่ตามแนวชายแดนที่มีที่ดินทำกินอยู่ติดกับแนวชายแดน และได้ติดตามข่าวสารบ้านเมืองอย่างใกล้ชิด มีความเห็นว่า ในวันที่ 18 ก.ค.54 นี้ จะรู้ผลว่าจะเป็นอย่างไร ขณะที่ชาวบ้านเองก็มีการเตรียมความพร้อมตลอดเวลา ได้เตรียมเก็บสิ่งของสัมภาระและเอกสารสำคัญต่างๆ ไว้แล้ว เพราะขณะนี้ยังไม่มีมั่นใจในสถานการณ์ว่าเหตุการณ์จะสงบจริงหรือไม่
**เขมรทะลักซื้อสินค้าที่ช่องสะงำ-เสริมกำลัง
เมื่อเวลา 09.30 น.วานนี้ (17 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ศรีสะเกษ ว่า แม้ว่าในวันที่ 18 ก.ค.54 จะเป็นวันที่ศาลโลกจะมีการพิพากษาเกี่ยวกับการที่ประเทศกัมพูชาได้ร้องขอต่อศาลโลกให้มีการคุ้มครองชั่วคราวที่บริเวณเขาพระวิหาร แต่ว่ากรณีดังกล่าวก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการค้าและการท่องเที่ยวที่บริเวณจุดผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชา ช่องสะงำ ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ แต่อย่างใด
ทั้งนี้ เมื่อมีการเปิดด่านตั้งแต่เวลา 07.00 น.ของวันนี้ ปรากฏว่า มีบรรดาประชาชนชาวกัมพูชาพากันแห่ทะลักเข้ามาหาซื้อสินค้าในเขตแดนไทยกันอย่างคึกคัก และชาวกัมพูชาจะพากันนำเอาของป่าและผลิตผลทางการเกษตรเข้ามาขายในเขตแดนไทยจำนวนมาก ส่วนพ่อค้าแม่ค้าชาวกัมพูชาก็จะเข้ามาหาซื้อสินค้าในเขตแดนไทยเข้าไปขายในเขตกัมพูชา ทำให้พ่อค้าแม่ค้าชาวไทยขายสินค้าได้เป็นอย่างดีมากทีเดียว ขณะที่เจ้าหน้าที่ ตร.สภ.ภูสิงห์ และทหารไทย ได้เฝ้าตรวจดูแลความสงบเรียบร้อยอย่างเต็มที่
ขณะที่บริเวณด่านทหารที่บริเวณด่านเก็บเงินค่าธรรมเนียมอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ทหารไทยก็ยังคงตั้งด่านตรวจเข้มเพื่อป้องกันเหตุร้ายอย่างเต็มที่
ส่วนที่บริเวณเขาพระวิหาร ทหารกัมพูชาได้มีการทยอยเสริมกำลังทหารเข้ามาอย่างต่อเนื่องและนำรถถังจำนวนประมาณ 5 คันขึ้นไปประจำที่บริเวณใกล้ปราสาทโคปุระชั้นที่ 3 และหันปากประบอกปืนรถถังเข้ามาทางเขตแดนไทย ขณะนี้ฝ่ายกัมพูชาได้ทำการก่อสร้างถนนขึ้นอีก 1 สายแยกจากด้านหลังวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ ขึ้นไปยังบริเวณเป้ยตาดีของเขาพระวิหารเรียบร้อยแล้ว และสามารถที่จะเคลื่อนย้ายกำลังทหารและรถถังขึ้นไปประจำบนเขาพระวิหารได้อย่างสะดวก ซึ่งทหารไทยได้เฝ้าจับตาดูความเคลื่อนไหวของฝ่ายกัมพูชาอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา
ส่วนชาวบ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ก็ยังคงทำมาหากินกันตามปกติ และมีการจับกลุ่มพูดคุยกันเกี่ยวกับการที่จะมีการพิพากษาของศาลโลกกรณีปราสาทพระวิหาร ซึ่งชาวบ้านต่างพากันหวาดกลัวว่า หากคำพิพากษาของศาลโลกออกมาแล้วทำให้ทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชาไม่พอใจและทำให้ประเทศชาติเสียอธิปไตยก็อาจจะเกิดสงครามขึ้นมาได้ตลอดเวลา
นายประสิทธิ์ กลิ่นอ้ม อายุ 45 ปี ชาวบ้านภูมิซรอลคนหนึ่ง กล่าวว่า พวกตนหวาดกลัวว่า หากคำพิพากษาของศาลโลกออกมาแล้ว ฝ่ายกัมพูชาไม่พอใจก็อาจจะเกิดการสู้รบกันขึ้นมาอีกก็ได้ เพราะว่าทหารกัมพูชาพร้อมที่จะรุกรานไทยตลอดเวลา และจะทำให้ประชาชนชาวไทยและชาวกัมพูชาได้รับผลกระทบจากการสู้รบขึ้นมาอีก หลังจากที่มีการสู้รบกันอย่างรุนแรงเมื่อห้วงระหว่างวันที่ 4-7 ก.พ.54 ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้พวกตนได้เตรียมเก็บทรัพย์สินข้าวของมีค่าเสื้อผ้าไว้พร้อมแล้ว และพร้อมที่จะทำการอพยพหนีภัยสงคราม หากมีการสู้รบกันขึ้นมาอีกที่บริเวณเขาพระวิหาร
**ชายแดนสุรินทร์ยังปกติ-ทหารไทยตรึง
เวลา 10.30 น. ที่บริไหล่ถนนลูกรัง ทางเข้าไปยังปราสาทตาควาย บ้านไทยนิยมพัฒนา ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ คณะพระสงฆ์จากอำเภอพนมดงรัก นำโดยพระครูพนมศีลาจารย์ เจ้าคณะอำเภอพนมดงรัก จ.สุรินทร์ ได้นำญาติโยม ประชาชน ในเขตอำเภอพนมดงรัก และเจ้าหน้าที่ทหารชุดเฉพาะกิจที่ 2 กองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ ปฎิบัติงานบริเวณใกล้กับปราสาทตาควาย ได้นำต้น พริก ต้นมะละกอ ต้นกล้วย ต้นกระเพา ต้นมะพร้าว ต้นข่า และเมล็ดพันธุ์ผักต่างๆ ไปปลูก ตามไหล่ถนนลูกรังที่มุ่งหน้าเข้าไปยังปราสาทตาควาย ระยะทางกว่า 2 กิโลเมตร
ทั้งนี้ ทหารช่าง กองพลทหารราบที่ 6 กองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 ได้สร้างถนนลูกรัง มายังปราสาทตาควาย ทำให้มีไหล่ถนน ซึ่งเป็นดินและดินผสมลูกรังที่มีความอุดมสมบูรณ์ เหมาะแก่การปลูกพืช ผัก เพื่อเป็นอาหารแก่ทหารและผู้ปฎิบัติงานตมแนวชายแดนได้เป็นอย่างดี
จากนั้นประชาชนที่มาปลูกพืชผักก็ได้เดินทางไปชม ปราสาทตาควาย ซึ่งใช้เวลาเดินทางเท้าจากถนนลูกรัง เพียง 150 เมตร เพื่อชมปราสาทตาควาย ที่ยังคงความสมบูรณ์ของตัวปราสาท อย่างครบถ้วน โดยมีเจ้าหน้าที่ทหารไทยคอยดูแลความปลอดภัยอย่างใกล้ชิด
ขณะที่ทหารกัมพูชา ซึ่งตั้งฐาน หลุมบังเกอร์ ห่างจากตัวปราสาทตาควาย เพียง 70 เมตร เมื่อเห็นชาวไทยมาชมปราสาทตาควาย กันเป็นจำนวนมาก ทหารกัมพูชา ก็พากันออกมานั่งสังเกตการณ์ตามโขดหิน ทหารกัมพูชา ที่สามารถพูดไทยได้ก็จะคอยฟัง ว่าคนไทยมีการพูดคุยถึงปราสาทตาควายอย่างไร แล้วก็จะรายงานให้ผู้บังคับบัญชาในฐานได้รับทราบเป็นระยะๆ
ขณะที่ลูก เมีย ทหารกัมพูชา ที่มีฐานใกล้กับปราสาทตาวายยังคงนำบุหรี่ สุรา มาวางจำหน่ายเพื่อหารายได้เสริม
ส่วนความเคลื่อนไหว ด้านทหาร ทั้งทหารไทย และทหารกัมพูชา ทั้งที่บริเวณปราสาทตาควาย ต.บักได และปราสาทตาเมือนธม ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ แม้ว่า ในวันพรุ่งนี้ (18 ก.ค.54) จะเป็นวันที่ศาลโลก จะตัดสินคำร้องของประเทศกัมพูชา เพื่อขอคุ้มครองชั่วคราวและให้ไทยถอนทหารออกจากพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร
สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ตลอดแนว ในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ ทหารไทยและกัมพูชา ยังคงมีการตรึงกำลัง และอาวุธในที่ตั้ง ตลอดแนวชายแดน ด้านความสัมพันธ์ของทั้ง ในแนวชายแดน ทหารทั้ง 2 ประเทศ ยังสามารถพูดคุยกันได้เป็นปรกติ
อย่างไรก็ตาม ในเวลา 11.30 น.ขณะที่คณะของพระสงฆ์ และประชาชน พร้อมด้วยทหาร กำลังจะลงจากทางขึ้นปราสาทตาควาย เพื่อมารวมตัวกันถวายภัตราหารเพล แก่พระสงฆ์ ก็ปรากฏว่า มีเสียงระเบิด ดังขึ้น 1 ครั้ง บริเวณ ทิศตะวันตกปราสาทตาควาย เจ้าหน้าที่ทหาร ได้ทำการตรวจสอบเสียงระเบิดที่ดังขึ้น พบว่า เกิดจากลิงกระโดดไปชนกับระเบิดที่มีการฝังไว้ในป่า ทำสลักระเบิดทำงานและเกิดระเบิดขึ้น แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระสงฆ์ พร้อมด้วยประชาชน และทหาร ก็ไม่ได้ตกใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด
** ทหารยันฟังคำสั่งรัฐบาลไทยเท่านั้น
พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงกรณีที่ศาลโลกจะตัดสินคำร้องขอของกัมพูชาให้คุ้มครองชั่วคราวปราสาทพระวิหารในวันที่ 18 ก.ค.ว่า เป็นเรื่องของผู้บังคับบัญชาระดับข้างบนจะเป็นผู้สั่งการลงมา ขณะนี้เราต้องรอว่าพรุ่งนี้ศาลโลกจะตัดสินออกมาอย่างไร ส่วนกระแสข่าวว่า ศาลโลกจะตัดสินคุ้มครองปราสาทเขาพระวิหารนั้น ก็เป็นแค่เพียงกระแสข่าวเท่านั้น ให้รอฟังคำตัดสินในวันพรุ่งนี้ดีกว่า ว่าจะออกมาในรูปแบบไหน แล้วผู้บังคับบัญชาคงจะต้องมีการหารือกันตั้งแต่ ระดับของรัฐบาล ที่จะกำหนดแนวทางปฎิบัติลงมาผ่านทางกระทรวงกลาโหมและกองทัพบก อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ไม่ได้เน้นย้ำอะไรเป็นพิเศษ เพียงแต่ให้ดูแลอธิปไตยตามแนวชายแดนของเราให้ดี สำหรับสถานการณ์ตามแนวชายแดนขณะนี้ทุกอย่างยังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงและกำลังมีเตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา รอแค่เพียงคำสั่งของผู้บังคับบัญชาว่าจะออกมาอย่างไร เราก็พร้อมที่จะปฎิบัติตามเพื่อดูแลอธิปไตยของเรา
ด้านพ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า กองทัพบกไม่มีภาระผูกพันธ์กับศาลโลก เราปฎิบัติตคามคำสั่งของรัฐบาล ศาลโลกเป็นเรื่องของระดับประเทศ ระดับรัฐบาล รัฐบาลจะเป็นผู้ตกลงใจ ส่วนกองทัพปฎิบัติตามคำสั่งของรัฐบาล เราไม่ได้ปฎิบัติตามคำสั่งของศาลโลก โดยจะต้องมีรัฐบาลมากรองชั้นหนึ่ง ซึ่งขณะนี้ไม่ว่า จะเป็นรัฐบาลรักษาการหรืออะไรก็แล้วแต่ เขามีอำนาจที่จะตกลงใจตามแนวทางที่เห็นเหมาะสม กองทัพเป็นหน่วยงานของรัฐ ศาลโลกตัดสินอย่างไรก็เป็นเรื่องของศาลโลก ในส่วนของรัฐบาลก็ต้องพินิจพิเคราะห์เอาเองว่าจะตกลงอย่างไร ในส่วนกองทัพมีหน้าที่ปฎิบัติตามคำสั่งของรัฐบาล
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีกระแสข่าวออกมาว่า ศาลโลกมีแน้วโน้มจะตัดสินให้คุ้มครอง พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ก็แล้วแต่เขา เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องพิจารณาตกลงใจ ส่วนเรื่องการถอนกำลังเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องเป็นผู้พิจารณา และกองทัพจะปฎิบัติตามนโยบายนั้น
เมื่อถามว่า เรื่องดังกล่าวจะทำให้เกิดการปะทะกันตามแนวชายแดนหรือไม่ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ต้องรอดูคำตัดสินในวันพรุ่งนี้ว่าจะออกมาอย่างไร แต่ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของรัฐบาล กองทัพคงไม่สามารถไปตกลงใจหรือปฎิบัติตามคำสั่งของใครได้นอกจากรัฐบาล
“กองทัพไม่ได้มีหน้าที่และภาระผูกพันธ์ที่จะต้องปฎิบัติตามคำสั่งของศาลโลก แต่เราปฎิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลไทยเท่านั้น ศาลโลกจะตัดสินออกมาอย่างไร รัฐบาลไทยก็ต้องเป็นผู้พิจารณาว่าจะปฎิบัติตามคำตัดสินนั้นหรือไม่ หรือต้องดำเนินการทำอะไรต่อไป ต้องสั่งการมา” พ.อ.สรรเสริญ กล่าว.