xs
xsm
sm
md
lg

ถกท่อก๊าซฯปตท.รั่ว! กฟผ.รับค่าไฟแพงขึ้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - ท่อก๊าซฯ อ่าวไทยรั่ว ปตท.หยุดส่งก๊าซฯ 600 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน "ณอคุณ"ปลัดกระทรวงพลังงานเรียกถกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด่วนวันนี้ (27 มิ.ย.) ด้าน กฟผ.ปรับการใช้เชื้อเพลิงโรงไฟฟ้าบางปะกงเป็นน้ำมันเตาแทน ชี้มีผลทำให้ค่าไฟแพงขึ้น ด้าน ปตท.เร่งตรวจสอบด่วน คาดรู้ผลใช้เวลาซ่อมท่อฯนานแค่ไหน

นายณอคุณ สิทธิพงศ์ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ในวันนี้( 27 มิ.ย.)ได้เรียกประชุมคณะกรรมการบริหารเชื้อเพลิงเป็นการด่วน เพื่อติดตามและบริหารเชื้อเพลิงหลังจากเกิดปัญหาท่อก๊าซธรรมชาติรั่วในอ่าวไทยของปตท.เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งได้รับรายงานว่าทาง ปตท.ได้ตั้งวอร์รูมติดตามสถานการณ์และดำเนินการแก้ไขอย่างใกล้ชิด โดยประสานงานไปยังการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)ในการจัดส่งเชื้อเพลิงชนิดอื่นๆเพื่อนำไปผลิตไฟฟ้าทดแทนก๊าซฯที่หายไปจากระบบ

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางกระทรวงพลังงานสามารถรับมือได้ โดยมีแผนฉุกเฉินเตรียมพร้อมไว้แล้ว ยืนยันว่าจะไม่มีผลกระทบต่อการผลิตไฟฟ้า หรือทำให้ไฟฟ้าขาดแคลน และจากการรายงานเบื้องต้นพบว่า ปริมาณก๊าซฯที่หายไปจะไม่กระทบต่อการจำหน่ายเอ็นจีวีให้ขาดแคลน ส่วนต้นทุนค่าไฟฟ้าที่จะสูงขึ้นจากการใช้เชื้อเพลิงอื่นแทนก๊าซฯนั้น เป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (เรกกูเลเตอร์)เป็นผู้พิจารณา

นายพิบูลย์ บัวแช่ม ผู้ช่วยผู้ว่าการควบคุมระบบกำลังไฟฟ้า กฟผ. กล่าวว่า . ปตท.ได้แจ้งกับกฟผ.ว่าจะลดปริมาณส่งก๊าซฯที่จะนำมาใช้เพื่อผลิตไฟฟ้าเพียง 200 ล้าน ลบ.ฟุต/วัน เท่านั้น แต่จะมีการจัดสรรก๊าซฯจากภาคอื่นมาทดแทน ซึ่งจะไม่กระทบต่อแผนผลิตไฟฟ้ามากนัก โดยขณะนี้กฟผ.ได้เปลี่ยนมาใช้น้ำมันเตาในการผลิตไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้าบางปะกง แค่ 2 หน่วย และจะมีน้ำมันเตาสำรองในโรงไฟฟ้าประมาณ 5-7 วัน

***กฟผ.ชี้ท่อก๊าซฯรั่วกระทบค่าเอฟที

ด้านนายสุทัศน์ ปัทมสิริวัตน์ ผู้ว่าการ กฟผ. กล่าวว่า ปริมาณก๊าซธรรมชาติที่หายไปจากเหตุท่อส่งก๊าซธรรมชาติของ ปตท.รั่วในช่วงแรงที่เกิดเหตุ พบว่าปริมาณหายไปกว่า 100 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน แต่ล่าสุดปตท.แจ้งว่าจะหยุดส่งก๊าซฯ ในประมาณ 600 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน หากเป็นเช่นนี้ก็จะกระทบต่อกำลังผลิตไฟฟ้ารวม 3,000 เมกะวัตต์ หรือประมาณ 4-5 โรงไฟฟ้า ซึ่งทางกฟผ.คงต้องใช้เชื้อเพลิงอื่น เดินเครื่องผลิตไฟฟ้าแทน เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อปริมาณความต้องการใช้ไฟฟ้า แต่ยอมรับว่าจะกระทบต่อค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) ที่ประชาชนจะต้องจ่ายเพิ่มขึ้น เพราะการผลิตไฟฟ้าจากน้ำมันเตาและดีเซลจะแพงกว่าการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซฯ

ส่วนค่าไฟจะกระทบมากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับปตท.จะใช้เวลาซ่อมท่อก๊าซฯรั่วเสร็จและส่งก๊าซได้ตามปกติได้เมื่อใด

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาได้เกิดเหตุก๊าซฯพม่าหยุดส่ง 200-300 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน กฟผ.ได้นำน้ำมันเตาสำรองมาใช้ผลิตไฟฟ้าแทน ล่าสุดได้เกิดเหตุในอ่าวไทย หากไทยมีการกระจายเชื้อเพลิงไปใช้ประเภทอื่นผลกระทบจะน้อยลง โดยปัจจุบันไทยพึ่งพาก๊าซธรรมชาติเป็นสัดส่วน 70% ในการผลิตไฟฟ้า

*** วันนี้รู้ใช้เวลาซ่อมท่อฯกี่วัน

นายวิชัย พรกีรติวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตามที่เกิดเหตุท่อส่งก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยรั่ว ซึ่งห่างจากจุดท่อฯ ขึ้นที่ชายฝั่งทะเลระยองประมาณ 325 กิโลเมตร เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมานั้น จากการตรวจสอบพบว่าจุดที่ก๊าซฯรั่ว คือบริเวณท่อฯ ต่อเชื่อมระหว่างท่อฯ ประธานในทะเลขนาด 34 นิ้ว (ท่อเส้นที่ 1) กับท่อย่อย (24 นิ้ว) ที่ส่งก๊าซฯ มาจากแหล่งปลาทอง โดยเช้าวันที่ 26 มิ.ย.นี้ ปตท.ได้ได้ส่งอุปกรณ์สำรวจใต้น้ำ ROV (Remotely Operated Vehicle) ลงไปตรวจสอบ เพื่อจะนำข้อมูลมาประเมินและเร่งดำเนินการแก้ไขซ่อมแซม คาดว่าประมาณวันจันทร์ที่ 27 มิ.ย.จะทราบระยะเวลาในการดำเนินการแก้ไขซ่อมแซมว่าจะต้องใช้เวลากี่วัน

โดยในเบื้องต้น ปตท. ต้องหยุดส่งก๊าซฯ ผ่านท่อฯ ประธานดังกล่าวเป็นการชั่วคราวจนกว่าจะสามารถซ่อมแซมแล้วเสร็จ

ทั้งนี้ ผลกระทบจากเหตุดังกล่าวทำให้ความสามารถในการส่งก๊าซธรรมชาติมีปริมาณลดลงประมาณ 600 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ซึ่งกระทบต่อการส่งก๊าซธรรมชาติให้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)ที่จะนำไปผลิตไฟฟ้า และโรงแยกก๊าซธรรมชาติ โดย ปตท. อยู่ระหว่างการจัดหาน้ำมันเตาปริมาณ 30 ล้านลิตร ให้กับโรงไฟฟ้าพร้อมทั้งมีแผนจัดหาก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) รวมทั้งจัดหาก๊าซฯ จากแหล่งอื่นๆ เข้ามาเสริม ซึ่งคาดว่าจะมีปริมาณเพียงพอต่อความต้องการ

นายวิชัย กล่าวว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศในทะเล ทั้งสิ่งมีชีวิต คุณภาพน้ำทะเล และสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ เนื่องจากก๊าซธรรมชาติมีคุณสมบัติเบากว่าอากาศ ไม่ละลายน้ำ และไม่มีสิ่งเจือปนอื่น ๆ ที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม และได้จัดเรือสังเกตการณ์คอยเฝ้าระวัง และเตือนเรือประมงไม่ให้เข้าใกล้บริเวณเกิดเหตุ โดย ปตท. จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเร่งดำเนินการแก้ไขโดยเร็วที่สุด.
กำลังโหลดความคิดเห็น