xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

“เทือก” ปั่นโพล “แม้ว” ปั่นกระแส ปชป.-เพื่อไทย ใคร “เรยา” กว่ากัน !?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - หลังจากที่ทำเป็น “ชิลล์ๆ” กับผลโพลของหลายสำนักที่ออกมาตรงกันในช่วงแรกๆ ว่า “พรรคเพื่อไทย” ชนะ “พรรคประชาธิปัตย์” ในศึกเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันที่ 3 ก.ค. นี้ แม้กระทั่งตอนลงพื้นที่หาเสียง “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” และ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” ก็ดูจะไม่อนาทรร้อนใจไปกับผลโพลที่ออกมาในทำนองเดียวกันอยู่เป็นระยะๆ โดยนายสุเทพบอกว่า “อย่าไปตื่นเต้นกับโพล คอยดูผลการเลือกตั้งก็แล้วกัน”

รวมถึงคำให้สัมภาษณ์แบบ “สบายๆ” ของนายอภิสิทธิ์ ที่บอกกับนักข่าวอย่างอารมณ์ดีว่า “ไม่เป็นไร ตามอยู่นิดๆ หน่อยๆ ไปแซงตอนท้ายได้” หรือ “โพลตามหลังเป็นเรื่องดี ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ขยันลงพื้นที่รณรงค์หาเสียงกันมากขึ้น”

ผลโพลในช่วงที่ผ่านมาจึงไม่ต่างกับ “เสียงนกเสียงกา” ที่เข้าหูซ้ายทะลุหูขวาหัวเรือใหญ่แห่งพรรคพระแม่ธรณีบีบมวยผม นั่นเป็นเพราะพวกเขามั่นใจ และคิดว่า “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” เหนือกว่า “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” แทบทุกด้าน !

การหาเสียง “อภิสิทธิ์” จึงเน้นไปที่เรื่องนโยบาย รวมถึงการท้าทายฝ่ายตรงข้ามคือ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ให้มา “ดีเบต” ประชันวิสัยทัศน์มากกว่า รวมไปถึงขณะเดินหาเสียงเมื่อเจอกับ “แก๊งแดง” ที่จัดตั้งมา “ป่วน” ก็จะใช้วิธีเดินเข้าไปชี้แจงกันแบบถึงตัว โดยหวังสร้างภาพลักษณ์ “ปรองดอง” แบบ “เห็นต่าง แต่ไม่แตกแยก” แต่เป้าหมายก็คือหวังว่าเมื่อออกสื่อไปแล้วภาพของตัวเองจะดูดีทำให้เรียก “คะแนนสงสาร” จากบรรดาแม่ยกพ่อยกได้เป็นกอบเป็นกำ

แต่กลายเป็นว่า ทำไปทำมากลับไม่ได้ผล และนับวันยิ่งมีการป่วนมากขึ้น และระบาดไปทุกพื้นที่หาเสียง เพราะเป็นการ “จัดตั้ง” สร้างกระแสชี้นำทางการเมืองที่ลงทุนน้อย แต่สามารถ “ชิงพื้นที่ข่าว” ออกสื่อประจาน “อภิสิทธิ์” ในฐานะนายกรัฐมนตรีที่ล้มเหลวในการบริหารประเทศตลอดสองปีหกเดือนที่ผ่านมา แค่ชูป้ายด่าซ้ำๆ ทุกวันว่า “ฆาตกร 91 ศพ” “ดีแต่พูด” “ของแพง” “ไข่ชั่งกิโล” และ ฯลฯ ก็ทำเอาพลพรรคประชาธิปัตย์หัวเสียกันไปหมด !

ที่สำคัญ ด้วยอำนาจแห่ง “โพล” ที่ออกมาตอกย้ำความพ่ายแพ้ของพรรคประชาธิปัตย์อย่างต่อเนื่อง และเรื่อยมา จนส่งผลในเชิงจิตวิทยาหมู่ กลายเป็น "อุปาทานกลุ่ม" ทำให้หลายคนรู้สึกราวกับว่า “เพื่อไทย” ชนะเลือกตั้งไปแล้วจริงๆ และ “ยิ่งลักษณ์” ก็เริ่มดูดีในสายตา จนสื่อแดงบางฉบับถึงกับลงภาพ-ข่าวว่า “พระอาทิตย์ทรงกลดเหนือศีรษะยิ่งลักษณ์” ขณะห้อมล้อมไปด้วยคนเสื้อแดงตอนหาเสียง !

บวกกับผลโพลจากสำนักต่างๆ ที่ออกมาตอกย้ำตรงกันอีกว่า อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และพรรคประชาธิปัตย์ มีคะแนนตามหลัง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย ห่างออกไปทุกที ไม่ว่าจะเป็นส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ หรือส.ส.ระบบเขต จนทำให้ประชาธิปัตย์เกิดอาการผวา “ไข้โพล” ขึ้นมาเหมือนกัน

อย่างล่าสุด ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ หรือ กรุงเทพโพลล์ ได้เปิดเผยผลสำรวจคะแนนนิยมของคนกรุงเทพฯ ในช่วงโค้งที่ 2 ของการเลือกตั้ง 54 ความคิดเห็นของผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตกรุงเทพมหานคร จำนวน 3,323 คน โดยเก็บข้อมูลเมื่อวันที่ 2 - 9 มิถุนายน ที่ผ่านมา พบว่า ในการเลือกตั้ง ส.ส ระบบบัญชีรายชื่อ คนกรุงเทพฯ ระบุว่าจะเลือกพรรคเพื่อไทย ร้อยละ 33.6 (เพิ่มขึ้นจากผลการสำรวจครั้งก่อน เมื่อวันที่ 20 - 22 พ.ค. ร้อยละ 7.8) จะเลือกพรรคประชาธิปัตย์ ร้อยละ 17.1 (เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.4)

สำหรับการเลือกตั้ง ส.ส. ในระบบแบ่งเขตพบว่า คนกรุงเทพฯ ระบุว่าจะเลือกผู้สมัครของพรรคเพื่อไทย ร้อยละ 33.8 (เพิ่มขึ้นจากผลการสำรวจครั้งก่อน เมื่อวันที่ 20 - 22 พ.ค. ร้อยละ 7.5) จะเลือกผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ ร้อยละ 17.6 (เพิ่มขึ้น ร้อยละ 2.4)

ทั้งนี้เมื่อแยกพิจารณาเป็นรายเขตพบว่า พรรคเพื่อไทยมีคะแนนนำอยู่ 21 เขต ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์มีคะแนนนำใน 6 เขต ส่วนอีก 6 เขตทั้ง 2 พรรคมีคะแนนสูสีกัน

และเมื่อสอบถามว่าอยากได้ใครมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปมากที่สุด พบว่าอยากได้ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ร้อยละ 42.6 (เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.7) รองลงมาคือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ร้อยละ 23.6 (เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.2) ห่างกันไกลเหลือเกิน !

เมื่อสารพัด"โพลเลือกตั้ง" ออกมาชี้ว่า "ยิ่งลักษณ์" พุ่งแรงแซง "มาร์ค" และ “เพื่อไทย” ทิ้งห่าง “ประชาธิปัตย์” แบบไม่เห็นฝุ่นขนาดนี้ จากที่ทำเป็น “ชิลล์ๆ” ก็เริ่มเห็นพลพรรคประชาธิปัตย์ออกมาแสดงอาการ “ดิ้นพล่าน” แก้เกมกันเป็นพัลวัน โดยมีการออกมาโต้แย้งว่าโพลที่ออกมาเป็นโพลชี้นำ โพลรับจ้าง โพลสร้างกระแส หรือแม้แต่ “โพลปั่น” !

กระทั่งล่าสุด “เทือกโพล” ได้ออกมาฉีกทุกโพลที่ผ่านมาว่า “พรรคประชาธิปัตย์” จะชนะการเลือกครั้งนี้แน่นอน โดยไม่รู้ว่า “พี่เทือก” เมาไข่มาจากปากน้ำหรือเปล่า จึงกล้าออกมาปั่นกระแส ฟันธงว่า พรรคประชาธิปัตย์ชนะพรรคเพื่อไทย 5-6 เสียง แต่ไม่เกิน 10 เสียง ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ได้ 210 เสียง พรรคเพื่อไทยก็ได้ 190 หรือ 200 เสียง คนที่เป็นผู้ชนะจะต้องได้เกิน 200 เสียง

นอกจากนี้ การปรับกลยุทธ์การหาเสียงของพรรคก็เปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญ นั่นคือ ในระยะหลังจะเน้นในเรื่องของ “วาทะข่มขู่” ในทำนองว่า “ไม่เลือกเราเขามาแน่” หรือ “อย่าให้พวกเผาเมืองได้เข้ามา” เป็นต้น

ใช่หรือไม่ว่า อาการดังกล่าวที่เกิดขึ้นเหมือนกับการดิ้นหวังลุ้นในช่วงท้ายๆ เหมือนกับรู้ตัวว่ากำลังตกเป็นรอง

เพราะแม้แต่ท่าทีและการพูดจาของนายอภิสิทธิ์ก็ยังเปลี่ยนไป จากเดิมที่เคยเมินผลโพลต่างๆ ที่ออกมาในช่วงแรกๆ มาคราวนี้ดูเหมือนนายอภิสิทธิ์จะให้ความสำคัญ โดยบอกว่า “โพลตอนนี้ไม่สามารถบอกได้ว่าใครจะเป็นรัฐบาล... โพลต่างๆ ยังออกมาสูสีกัน และจำนวนคนที่ไม่ตัดสินใจก็ยังมีอยู่เป็นจำนวนมาก”

ส่วนนายสุเทพนั้น ระยะหลังก็มักพูดออกมาชัดเจน โดยชี้ให้เห็นว่า ทักษิณ ชินวัตร, ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร, พรรคเพื่อไทย, คนเสื้อแดง รวมไปถึง “ขบวนการล้มเจ้า” มีความเกี่ยวข้องหรือทำให้มองเห็นว่าเป็นพวกเดียวกัน เคลื่อนไหวไปในทางเดียวกัน มีเป้าหมายเพื่อเข้ามายึดอำนาจรัฐ และการนิรโทษกรรมให้ ทักษิณ พ้นความผิดเท่านั้น

ขณะเดียวกัน ทางฝั่ง “เพื่อไทย” ที่กำลังหลงระเริงกับผลโพลที่ออกมา “ชนะ” อย่างถล่มทลาย ล่าสุด คงมีพรายกระซิบนายใหญ่ “นช.ทักษิณ” ให้ออกมากำชับเหล่าสมุนบริวารทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นแกนนำพรรค ทีมหาเสียง รวมถึงทีมโฆษก ให้งดเว้นการพล่ามถึงตัวเลขคะแนนความนิยมของพรรคเพื่อไทย และตัวเลขการคาดการณ์จำนวน ส.ส. ที่จะได้หลังการเลือกตั้ง ในช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง

เพราะเกรงว่าการพูดย้ำถึงตัวเลขและชัยชนะบ่อยครั้งจะทำให้ประชาชนส่วนหนึ่งที่ยังไม่ตัดสินใจ ซึ่งถือเป็นพลังเงียบหันไปเลือกพรรคการเมืองอื่น แต่ถึงแม้จะกำชับสมุนบริวารเป็นมั่นเหมาะ แต่ “นช.แม้ว” ก็อดไม่ได้ที่จะเกทับ “เทพเทือก” ว่าพรรคเพื่อไทยจะได้ ส.ส. 270เสียง !

สุดท้าย คงต้องให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินเองว่าระหว่างประชาธิปัตย์กับเพื่อไทยใคร “เรยา” กว่าใคร และใครจะถูก “ตอกฝาโลง” ในศึกเลือกตั้งครั้งนี้ 3 ก.ค. จะได้รู้กัน !

กำลังโหลดความคิดเห็น