ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ในช่วงที่จังหวะการเมืองกำลังเร่าร้อน พรรคเพื่อไทยของ “น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” กำลังมาแรงจากผลโพลของทุกสำนักที่ออกมาตรงกันว่าจะได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งนี้เหนือพรรคประชาธิปัตย์ของ “นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ”
“หมอผีเขมรแห่งเมืองบุรีรัมย์” ที่ชื่อ “เนวิน ชิดชอบ” ก็ออกมาสร้างความฮือฮาจนกลายเป็นข่าวใหญ่ข่าวโตไปทั้งประเทศ เมื่อเจ้าของสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ พีอีเอ และเจ้าของ “พรรคภูมิใจไทย” ตัวจริง สวมวิญญาณ “หมอผี” ด้วยการออกมาทำนายทายทักผลการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง รวมทั้งสถานการณ์การเมืองหลังการเลือกตั้ง 3 กรกฎาคม
แน่นอน เมื่อคนระดับนายเนวินเปิดหน้าออกมาเล่นเกมนี้ด้วยตัวเอง จึงย่อมไม่ใช่เรื่องที่สังคมจะนิ่งเฉยเลยผ่านได้ เพราะทุกถ้อยคำ ทุกคำพยากรณ์ที่นายเนวินจงใจสื่อสารต่อสังคมนั้น ล้วนแล้วแต่เป็น “รหัส” และมี “นัยทางการเมือง” ที่ไม่อาจกระพริบตาได้เลยทีเดียว
เพราะต้องไม่ลืมว่า คนคนนี้นั้นคือคีย์แมนทางการเมืองที่สำคัญยิ่งทั้งในอดีตและปัจจุบัน ซึ่งเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า ทั้ง “นช.ทักษิณ ชินวัตร” และนายอภิสิทธิ์ ตลอดรวมถึงจรกาหน้าดำอย่าง “นายสุเทพ เทือกสุบรรณ” เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ย่อมรู้ดี เพราะล้วนแล้วแต่เคยใช้บริการมาแล้วทั้งสิ้น
ทั้งนี้ นอกเหนือจากการช่วงชิงพื้นที่ข่าวแล้ว ถ้าหากถอดรหัสคำพูดของพ่อหมอเนวินจะเห็นได้ว่า มีนัยที่สำคัญใน 4ประเด็นใหญ่ๆ ด้วยกันคือ
ประเด็นแรก “ส่วนตัวเชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์จะได้จำนวน ส.ส.160 คน ส่วนพรรคเพื่อไทยจะได้ 210 ที่นั่ง เชื่อว่าพรรคเพื่อไทยจะได้เสียงไม่ถึงครึ่ง เพราะยังมีกลุ่มพลังเงียบที่ยังไม่ตัดสินใจว่าจะเลือกใครมากถึง 50% ถือเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ หากย้อนกลับไปดูในการเลือกตั้งทุกครั้งที่ผ่านมา ดังนั้น ก่อนที่จะถึงวันเลือกตั้ง ทั้ง 2 พรรคจะต้องหาวิธีการเพื่อช่วงชิงคะแนนเสียงจากกลุ่มนี้มาให้ได้”
ถอดความจากคำพูดในชุดข้อความนี้ สามามารถสะท้อนให้เห็นว่า นายเนวินกำลังทำให้สังคม ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งและพรรคการเมือง ตลอดรวมถึงทุกเครือข่ายของเนวินกรุ๊ปมั่นใจว่า พรรคเพื่อไทยของปูชินวัตรจะไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลเพียงพรรคเดียวได้ และจำเป็นต้องใช้บริการของพรรคอื่นๆ เพื่อทำให้ได้เสียงเกินกึ่งหนึ่ง ซึ่งนั่นเท่ากับเป็นการสร้างราคาให้กับพรรคภูมิใจไทยว่า ยังเป็นพรรคที่มีความสำคัญต่อการเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะสามารถพลิกขั้วการจัดตั้งรัฐบาลได้ตลอดเวลา ดังเช่นที่เขาสามารถทำสำเร็จให้กับรัฐบาลนายอภิสิทธิ์มาแล้ว
เพราะต้องไม่ลืมว่า เวลานี้ กระแสของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ที่ส่งเข้าประกวดโดยอดีตนายใหญ่ของเขาเองนั้นกำลังมาแรงในทุกสนามเลือกตั้ง โดยเฉพาะในภาคอีสานที่พรรคภูมิใจไทยของเขากำลังอกสั่นขวัญแขวนกับ “ยิ่งลักษณ์ฟีเวอร์” ที่บุกปูพรมหาเสียงถี่ยิบไม่เว้นแต่ละวัน แถมยังได้รับการตอบรับจากคนอีสานอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง
ดังนั้น ยุทธการเตะตัดขาดอกแรกจึงเกิดขึ้นเพื่อส่งสัญญาณให้กับลูกพรรคของตัวเอง รวมทั้งบรรดาทุกองคาพยพของเนวินกรุ๊ปในทุกภาคส่วน โดยเฉพาะภาคข้าราชการที่กำลังหวั่นไหวกับการฟื้นคืนชีพของบริษัทชินวัตรในสนามการเมือง
และแปลไทยเป็นไทยได้ว่า ขอให้พวกคุณยึดมั่นถือมั่นในเนวินกรุ๊ปว่าจะนำพาไปถึงฝั่งฝัน โปรดอย่าหวั่นไหวกับภาพลวงตาทางการเมืองที่เกิดขึ้น
จากนั้น พ่อหมอเนวินก็ยิงหมัดเด็ดเป็นประเด็นที่สองด้วยการพยากรณ์ว่า “หากพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งจริง น.ส.ยิ่งลักษณ์คงไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะไม่สามารถฝืนกระแสสังคมได้ เพราะจะทำให้เกิดความแตกแยกเหมือนเมื่อครั้งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ชูนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์เป็นนายกฯ ดังนั้น คิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณอาจตัดสินใจเปลี่ยนตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นบุคคลอื่น เพราะการที่ พ.ต.ท.ทักษิณชู น.ส.ยิ่งลักษณ์ขึ้นมาในตอนนี้ เพราะต้องการให้กระแสรวมทั้งคะแนนของพรรคเพิ่มขึ้นเพื่อสร้างอำนาจต่อรอง”
คำพยากรณ์จะเป็นจริงหรือไม่ ไม่มีใครทราบ แต่ทุกคนรับรู้ว่า ในอดีตนั้นนายเนวินคือผู้ที่รู้ใจ นช.ทักษิณมากที่สุดคนหนึ่งในประเทศนี้
และเมื่อมานั่งถอดรหัสจากคำพยากรณ์ก็จะพบคำตอบที่สอดรับและต่อเนื่องจากยุทธการเตะตัดขาข้างต้นคือหลังจากมองว่า พรรคเพื่อไทยจะชนะเลือกตั้ง แต่คะแนนเสียงจะได้ไม่ถึงกึ่งหนึ่งหรือพอที่จะตั้งรัฐบาลพรรคเดียว ก็มากระซวกเข้ากล่องดวงใจคือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ว่าจะไม่ได้เป็นนายกฯ ทั้งนี้ เพื่อทำลายความหวังทั้งหลายทั้งปวงโดยชี้ให้เห็นด้วยประโยคเด็ดที่ว่า “เพราะไม่สามารถฝืนกระแสสังคมได้”
นายเนวินกำลังทำให้เข้าใจว่า สังคมไทยไม่ยอมรับโคลนนิงของ นช.ทักษิณที่ชื่อยิ่งลักษณ์ และถ้า นช.ทักษิณดันทุรังจะนำมาซึ่งเหตุการณ์ที่ย้อนรอยเหมือนเมื่อครั้งนายสมชาย คือจะนั่งในเก้าอี้นายกรัฐมนตรีได้ไม่นานนัก
เรียกว่า ทำลายขวัญและกำลังใจของพรรคเพื่อไทยที่กำลังพุ่งสูงสุดได้อย่างชะงักงันทีเดียว เพราะเล่นยกตัวอย่างเหตุการณ์จริงในยุคนายสมชายมาให้เห็นกันอย่างจะๆ
และต่อด้วยประเด็นที่สามที่พุ่งเป้าโดยตรงไปที่ “นายอภิสิทธิ์” โดยเฉพาะ ประหนึ่งนั่งในหัวใจของใครบางคนว่า “ผมเชื่อว่า นายอภิสิทธิ์ก็ไม่ได้เป็นนายกฯ เช่นกัน เมื่อประชาธิปัตย์แพ้การเลือกตั้ง เชื่อว่านายอภิสิทธิ์ในฐานะผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 จะต้องแสดงความเป็นสปิริตออกซฟอร์ด ด้วยการลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค เพราะนายอภิสิทธิ์ย่อมไม่มีวันยอมนั่งอยู่ในตำแหน่งหัวหน้าพรรคต่อไปอย่างแน่นอน เนื่องจากที่ผ่านมา พรรคประชาธิปัตย์มีบรรทัดฐานเหมือนเหมือนเมื่อครั้งที่นายบัญญัติ บรรทัดฐาน เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ไม่สามารถชนะการเลือกตั้งได้ ก็ลาออกจากตำแหน่ง เมื่อนายอภิสิทธิ์ไม่สามารถนำทัพชนะการเลือกตั้งได้ ก็เชื่อว่า จะต้องทำแบบเดียวกับนายบัญญัติ”
เรียกว่า เล่มเกมการเมืองล้วงเข้ามาในพรรคประชาธิปัตย์ชนิดถึงไส้ถึงพุงทีเดียว แถมมียกตัวอย่างให้เห็นเป็นรูปธรรมจากกรณีนายบัญญัติอีกด้วย
ปริศนาในเรื่องนี้มีอยู่ว่า นายเนวินกำลังโยนหินถามทางเพื่อบีบให้นายอภิสิทธิ์ลงจากเก้าอี้หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ใช่หรือไม่
เพราะต้องไม่ลืมว่า หากนายอภิสิทธิ์ลุกขึ้นจากเก้าอี้ตัวนี้ ผู้ที่มีสิทธิ์นั่งเก้าอี้ใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์คนหนึ่งก็คือ หนึ่งในสมาชิก “กลุ่มอำนาจใหม่” ของเขาที่ชื่อ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” ซึ่งถ้าหากนายเนวินทำสำเร็จ การจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์จะทำให้เขา “ฝันอร่อย” มากยิ่งขึ้น
ประเด็นที่สี่เป็นประเด็นที่สำคัญที่สุดที่จะต้องถอดรหัสกันให้รอบด้าน เพราะการที่นายเนวินจับยามสามตาพยากรณ์ว่า ทั้งนายอภิสิทธิ์และน.ส.ยิ่งลักษณ์จะไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น จบลงด้วยประโยคสำคัญเมื่อถูกผู้สื่อข่าวถามว่า แล้วใครจะมาเป็นนายกฯ
นายเนวินตอบว่า “ไม่ทราบ เพราะเรื่องนี้ใครมีอำนาจก็จัดการไป เป็นเรื่องของคนที่มีอำนาจ”
นายเนวินกำลังทำให้สังคมเข้าใจว่า สิทธิในการเลือกใครเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยเป็นนายกฯ เป็นเรื่องของ “ผู้มีอำนาจ” ใช่หรือไม่ และผู้มีอำนาจในความหมายของนายเนวินย่อมไม่ใช่บุคคลธรรมดาอย่างเราๆ ท่านๆ
คำถามที่เกิดขึ้นตามมาคือ แล้วใครล่ะที่จะมีสิทธิเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยตามคำพยากรณ์ของนายเนวิน แน่นอน ย่อมไม่ใช่ตัวนายเนวินเองในเที่ยวนี้ ซึ่งถ้าหากนั่งทางในเดาความคิดของนายเนวินก็จะเห็นภาพของบุคคลคนหนึ่งโดดเด่นเด้งขึ้นมา
เพราะต้องไม่ลืมว่า เบื้องหลังของนายเนวิน ไม่ได้มีแค่ นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล หรือ เสี่ยวิชัย รักศรีอักษร แห่งคิงพาวเวอร์ที่เป็นถุงเงินถุงทองใหญ่เท่านั้น หากแต่ยังมีขุนทหารอย่าง “ป๋าป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พี่ใหญ่แห่งบูรพาพยัคฆ์ที่แนบแน่นกับ “บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ผู้บัญชาการทหารบกคนปัจจุบันยืนเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กอยู่เบื้องหลัง
นายเนวินกำลังกรุยทางให้ “ป๋าป้อม” ผู้ฝันจะได้ครุฑตัวที่สองมาครอบครองสามารถพุ่ง “ชนทุกรัศมี” ก้าวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีเช่นนั้นหรือ
ผู้มีอำนาจในความหมายของนายเนวินใช่หมายถึงผู้มีอำนาจที่ชื่อว่า “ทหาร” ใช่หรือไม่
หรือว่า นายเนวินผู้มีความใกล้ชิดกับกองทัพจะไปรู้ “ข้อมูลลับ” บางประการจนทำให้มั่นใจถึงขนาดฟันธงว่า ทั้ง น.ส.ยิ่งลักษณ์และนายอภิสิทธิ์จะไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย
นี่เป็นปริศนาธรรมที่นายเนวินทิ้งไว้ให้ขบคิดและติดตามสถนการณ์การเมืองกันต่อไปว่า จะเป็นไปตามที่เขาพยากรณ์เอาไว้หรือไม่