ASTV ผู้จัดการรายวัน-กทช.นัดถกข้อเสนอรื้อระบบเรตติ้ง 11 พ.ค.นี้ “รสนา” หนุนแก้ปัญหาจริงจัง ป้องกันเกิดปัญหาซ้ำรอย ด้านมีเดียมอนิเตอร์ เผยเนื้อหาละคร ดอกส้มฯ สะท้อนปัญหาสังคมไทย ระบบเรตติ้งล้มเหลว ผู้จัดใช้บทรุนแรงเรียกเรตติ้ง ไม่เท่าทันสื่อ แฉพบ27วิธีในการฆ่าคนจากละครไทย
นายสุรนันท์ วงศ์วิทยกำจร คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) เปิดเผยถึงกรณีที่เครือข่ายครอบครัวยื่นหนังสือต่อกทช. เพื่อขอให้ดำเนินการและตรวจสอบการจัดระดับความเหมาะสมของสื่อโทรทัศน์อย่างเร่งด่วน ว่า ในวันที่ 11 พ.ค.นี้ กทช. จะมีการประชุมตามปกติ ซึ่งน่าจะมีการแจ้งให้คณะกรรมการกทช. ได้รับทราบถึงข้อเสนอของเครือข่ายครอบครัว ส่วนการจัดเรตติ้งให้ตรงกับช่วงเวลาสอดคล้องกับการออกอากาศนั้น คิดว่าคงต้องวิเคราะห์ ต้องดูภาพรวมทั้งหมด ต้องศึกษาทางวิชาการด้วย ไม่ใช่เอาความรู้สึกหรือนึกเอาเองมาตัดสิน เพราะอำนาจของกทช. คือ การทำหน้าที่แทนกสทช. แต่ขณะนี้ยังทำอะไรไม่ได้มาก เพราะบทเฉพาะกาลของปี 2551 ให้อำนาจกทช. ดูได้แค่วิทยุชุมชน เคเบิลทีวีเท่านั้น ส่วนเรื่องปัจจุบันทันด่วนหรือกรณีที่เรียกร้องเข้ามา เข้าใจว่ายังใช้หลักเกณฑ์เดิมตามที่กรมประชาสัมพันธ์ทำอยู่ โดยอำนาจของกทช.ทำอะไรไม่ได้มาก จะทำได้ก็แค่ทำการศึกษากรณีที่เป็นปัญหา เพื่อเตรียมข้อมูลเบื้องต้นเตรียมไว้ให้กสทช.
นางรสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม. กล่าวว่า แม้ส.ว. จะหน้าที่ในการสรรหากสทช. แต่ขณะนี้อยู่ในช่วงยุบสภา และเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง ดังนั้น จึงต้องรอให้เปิดสภาฯ เสียก่อน ส.ว.ถึงจะทำหน้าที่ในส่วนนี้ได้ คาดว่าอีก 3 ถึง 4 เดือนน่าจะได้กสทช.ชุดใหม่ ซึ่งระหว่างนี้ กทช.ควรหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาศึกษาอย่างจริงจัง เพราะถ้าไม่ทำอะไรเลย จะเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายการโทรทัศน์ผลิตรายการ ละคร ออกมาในลักษณะเช่นที่เป็นประเด็นอยู่ทุกวันนี้ อย่างไรก็ตาม การมีกทช. หรือกสทช. อาจไม่ได้แก้ปัญหาทั้งหมด เพราะปัญหาส่วนหนึ่งมาจากการขาดความรับผิดชอบของผู้ประกอบการโทรทัศน์ ซึ่งถ้ามีการจัดเรตติ้ง หรือการใช้สัญลักษณ์เรตติ้ง ก็ทำแบบขอไปที เพื่อเลี่ยงกฎหมายเท่านั้น แต่เมื่อเกิดปัญหาขึ้น ก็ไม่แสดงความรับผิดชอบต่อสังคม กลับดีใจเสียอีกที่ช่วยให้เรตติ้งรายการ หรือละครของตัวเองดีขึ้นเท่านั้น
วันเดียวกัน นายธาม เชื้อสถาปนศิริ ผู้จัดการกลุ่มงานวิชาการ มีเดียมอนิเตอร์ กล่าวว่า เนื้อหาละครเรื่องดอกส้มสีทอง สามารถสะท้อนปัญหาโดยสรุป ดังนี้ 1.สังคมยังขาดความรู้ความเข้าใจอำนาจในการควบคุมดูแลตรวจสอบรายการโทรทัศน์ 2.ระบบเรตติ้งที่เริ่มใช้มาตั้งแต่ปลายปี 2549 ยังไม่สมบูรณ์และมีความผิดพลาด มีการใช้สัญลักษณ์ต่างๆ แต่ไม่มีเส้นแบ่งขั้นเวลากันแน่นอน ดังนั้น ดอกส้มสีทอง น.18+ ออกอากาศช่วง 20.30 น. หรือละครเกือบทุกช่อง ละครซิทคอม น.13+ น.18+ ออกอากาศในช่วงเวลาบ่าย หรือช่วงเย็นก็มี 3.กรณีเนื้อหาความรุนแรงเรื่องเพศ ภาษา ความรุนแรงในละครดอกส้มสีทองถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก สะท้อนให้เห็นว่า ผู้จัดละคร ผู้กำกับในปัจจุบันนิยมใช้ฉากเรื่องเพศ ภาษา ความรุนแรงดึงเรตติ้งจากผู้ชมเป็นจุดขายอยู่ ส่วนผู้ชมทำได้แต่นั่งวิพากษ์วิจารย์เรื่องเพศ ภาษา ความรุนแรงอยู่ แต่ยังไปไม่ถึงความรู้เท่าทันสื่อ
“ระบบเรตติ้งที่เราใช้ในปัจจุบันเป็นระบบความสมัครใจ เมื่อเป็นความสมัครใจ เขาจะใช้ตรงหรือไม่ตรงกับเนื้อหาก็ได้ ไม่มีการกำกับดูแล ซึ่งการจัดเรตติ้งละครนั้นขึ้นอยู่กับคน 2 กลุ่ม คือ 1.ผู้จัด ผู้กำกับละครเป็นผู้กำหนดเอง 2.หากผู้จัด ผู้กำกับละครไม่กำหนดเอง กบว.ช่องจะเป็นผู้กำหนด แต่ในความเป็นจริงแล้วการผลิตละครนั้น ผู้จัดจะไม่ส่งเทปมาให้ กบว.ช่องเซ็นเซอร์ กบว.จะเป็นผู้พิจารณาเนื้อหารายการโทรทัศน์เท่านั้น ดังนั้น ส่วนใหญ่ผู้จัดซึ่งเป็นบริษัทเอกชนข้างนอกจะเป็นผู้พิจารณาเรตติ้งเอง จึงจะไปโทษ กบว. ช่องอย่างเดียวไม่ได้ ที่น่าห่วง คือ ผู้ชมสามารถเปิดชมละครจากอินเทอร์เน็ตในช่วงเวลาใหนก็ได้ มีเคเบิ้ลทีวีอีกนับ 100 ช่อง จะยิ่งทำให้เกิดปัญหา ทางที่ดีที่สุดคือการให้ความรู้เท่าทันสื่อ ”นายธามกล่าว
นายธามกล่าวว่า ได้ศึกษาความรุนแรงในละครไทย ศึกษาโครงสร้าง หรือ พ๊อตเรื่อง ผลสรุปพอสังเขป จากการสำรวจละครกว่า 120 เรื่อง พบว่า 95% ละครมีความรุนแรง ระดับหนัก เบาแตกต่างกัน ในจำนวนนี้ 80% ติดเรต น.13+ และ น.18+ ที่เหลือ 20% ติดเรต ท โดยละครทั้งหมดโครงเรื่องเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ฉากความรุนแรงปรากฎอยู่ได้บ่อยมาก จะมีวิธีผูกปมขัดแย้งปัญหาตัวละคร การคลี่คลายปมทุกอย่างจะใช้ความรุนแรงหมด โดยการศึกษาครั้งนี้ค้นพบ 27 วิธีในการฆ่าใครคนใดคนหนึ่งในละคร เช่น บางค่ายชอบเขียนบทฆ่าคนพิสดารค่อยๆ วางยาพิษ ยาเบื่อหนู บางค่ายชอบวิธีเก่าๆ ตัดสายเบรกรถให้ขาด ส่วนวิธีแบบคลาสสิค คือ เอาปืนยิง ซึ่งสังเกตตอนจบโดยตัวร้ายเอาปืนจ่อยิง
นายสุรนันท์ วงศ์วิทยกำจร คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) เปิดเผยถึงกรณีที่เครือข่ายครอบครัวยื่นหนังสือต่อกทช. เพื่อขอให้ดำเนินการและตรวจสอบการจัดระดับความเหมาะสมของสื่อโทรทัศน์อย่างเร่งด่วน ว่า ในวันที่ 11 พ.ค.นี้ กทช. จะมีการประชุมตามปกติ ซึ่งน่าจะมีการแจ้งให้คณะกรรมการกทช. ได้รับทราบถึงข้อเสนอของเครือข่ายครอบครัว ส่วนการจัดเรตติ้งให้ตรงกับช่วงเวลาสอดคล้องกับการออกอากาศนั้น คิดว่าคงต้องวิเคราะห์ ต้องดูภาพรวมทั้งหมด ต้องศึกษาทางวิชาการด้วย ไม่ใช่เอาความรู้สึกหรือนึกเอาเองมาตัดสิน เพราะอำนาจของกทช. คือ การทำหน้าที่แทนกสทช. แต่ขณะนี้ยังทำอะไรไม่ได้มาก เพราะบทเฉพาะกาลของปี 2551 ให้อำนาจกทช. ดูได้แค่วิทยุชุมชน เคเบิลทีวีเท่านั้น ส่วนเรื่องปัจจุบันทันด่วนหรือกรณีที่เรียกร้องเข้ามา เข้าใจว่ายังใช้หลักเกณฑ์เดิมตามที่กรมประชาสัมพันธ์ทำอยู่ โดยอำนาจของกทช.ทำอะไรไม่ได้มาก จะทำได้ก็แค่ทำการศึกษากรณีที่เป็นปัญหา เพื่อเตรียมข้อมูลเบื้องต้นเตรียมไว้ให้กสทช.
นางรสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม. กล่าวว่า แม้ส.ว. จะหน้าที่ในการสรรหากสทช. แต่ขณะนี้อยู่ในช่วงยุบสภา และเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง ดังนั้น จึงต้องรอให้เปิดสภาฯ เสียก่อน ส.ว.ถึงจะทำหน้าที่ในส่วนนี้ได้ คาดว่าอีก 3 ถึง 4 เดือนน่าจะได้กสทช.ชุดใหม่ ซึ่งระหว่างนี้ กทช.ควรหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาศึกษาอย่างจริงจัง เพราะถ้าไม่ทำอะไรเลย จะเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายการโทรทัศน์ผลิตรายการ ละคร ออกมาในลักษณะเช่นที่เป็นประเด็นอยู่ทุกวันนี้ อย่างไรก็ตาม การมีกทช. หรือกสทช. อาจไม่ได้แก้ปัญหาทั้งหมด เพราะปัญหาส่วนหนึ่งมาจากการขาดความรับผิดชอบของผู้ประกอบการโทรทัศน์ ซึ่งถ้ามีการจัดเรตติ้ง หรือการใช้สัญลักษณ์เรตติ้ง ก็ทำแบบขอไปที เพื่อเลี่ยงกฎหมายเท่านั้น แต่เมื่อเกิดปัญหาขึ้น ก็ไม่แสดงความรับผิดชอบต่อสังคม กลับดีใจเสียอีกที่ช่วยให้เรตติ้งรายการ หรือละครของตัวเองดีขึ้นเท่านั้น
วันเดียวกัน นายธาม เชื้อสถาปนศิริ ผู้จัดการกลุ่มงานวิชาการ มีเดียมอนิเตอร์ กล่าวว่า เนื้อหาละครเรื่องดอกส้มสีทอง สามารถสะท้อนปัญหาโดยสรุป ดังนี้ 1.สังคมยังขาดความรู้ความเข้าใจอำนาจในการควบคุมดูแลตรวจสอบรายการโทรทัศน์ 2.ระบบเรตติ้งที่เริ่มใช้มาตั้งแต่ปลายปี 2549 ยังไม่สมบูรณ์และมีความผิดพลาด มีการใช้สัญลักษณ์ต่างๆ แต่ไม่มีเส้นแบ่งขั้นเวลากันแน่นอน ดังนั้น ดอกส้มสีทอง น.18+ ออกอากาศช่วง 20.30 น. หรือละครเกือบทุกช่อง ละครซิทคอม น.13+ น.18+ ออกอากาศในช่วงเวลาบ่าย หรือช่วงเย็นก็มี 3.กรณีเนื้อหาความรุนแรงเรื่องเพศ ภาษา ความรุนแรงในละครดอกส้มสีทองถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก สะท้อนให้เห็นว่า ผู้จัดละคร ผู้กำกับในปัจจุบันนิยมใช้ฉากเรื่องเพศ ภาษา ความรุนแรงดึงเรตติ้งจากผู้ชมเป็นจุดขายอยู่ ส่วนผู้ชมทำได้แต่นั่งวิพากษ์วิจารย์เรื่องเพศ ภาษา ความรุนแรงอยู่ แต่ยังไปไม่ถึงความรู้เท่าทันสื่อ
“ระบบเรตติ้งที่เราใช้ในปัจจุบันเป็นระบบความสมัครใจ เมื่อเป็นความสมัครใจ เขาจะใช้ตรงหรือไม่ตรงกับเนื้อหาก็ได้ ไม่มีการกำกับดูแล ซึ่งการจัดเรตติ้งละครนั้นขึ้นอยู่กับคน 2 กลุ่ม คือ 1.ผู้จัด ผู้กำกับละครเป็นผู้กำหนดเอง 2.หากผู้จัด ผู้กำกับละครไม่กำหนดเอง กบว.ช่องจะเป็นผู้กำหนด แต่ในความเป็นจริงแล้วการผลิตละครนั้น ผู้จัดจะไม่ส่งเทปมาให้ กบว.ช่องเซ็นเซอร์ กบว.จะเป็นผู้พิจารณาเนื้อหารายการโทรทัศน์เท่านั้น ดังนั้น ส่วนใหญ่ผู้จัดซึ่งเป็นบริษัทเอกชนข้างนอกจะเป็นผู้พิจารณาเรตติ้งเอง จึงจะไปโทษ กบว. ช่องอย่างเดียวไม่ได้ ที่น่าห่วง คือ ผู้ชมสามารถเปิดชมละครจากอินเทอร์เน็ตในช่วงเวลาใหนก็ได้ มีเคเบิ้ลทีวีอีกนับ 100 ช่อง จะยิ่งทำให้เกิดปัญหา ทางที่ดีที่สุดคือการให้ความรู้เท่าทันสื่อ ”นายธามกล่าว
นายธามกล่าวว่า ได้ศึกษาความรุนแรงในละครไทย ศึกษาโครงสร้าง หรือ พ๊อตเรื่อง ผลสรุปพอสังเขป จากการสำรวจละครกว่า 120 เรื่อง พบว่า 95% ละครมีความรุนแรง ระดับหนัก เบาแตกต่างกัน ในจำนวนนี้ 80% ติดเรต น.13+ และ น.18+ ที่เหลือ 20% ติดเรต ท โดยละครทั้งหมดโครงเรื่องเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ฉากความรุนแรงปรากฎอยู่ได้บ่อยมาก จะมีวิธีผูกปมขัดแย้งปัญหาตัวละคร การคลี่คลายปมทุกอย่างจะใช้ความรุนแรงหมด โดยการศึกษาครั้งนี้ค้นพบ 27 วิธีในการฆ่าใครคนใดคนหนึ่งในละคร เช่น บางค่ายชอบเขียนบทฆ่าคนพิสดารค่อยๆ วางยาพิษ ยาเบื่อหนู บางค่ายชอบวิธีเก่าๆ ตัดสายเบรกรถให้ขาด ส่วนวิธีแบบคลาสสิค คือ เอาปืนยิง ซึ่งสังเกตตอนจบโดยตัวร้ายเอาปืนจ่อยิง



