“นิพิฏฐ์” จี้ช่อง 3 ให้ถอด กบว.ทั้งชุด ชี้ทำหน้าที่บกพร่อง มัวไปนั่งหลับในเวลาตรวจ ยึดผลประโยชน์ด้านธุรกิจเป็นหลัก เมินหลักคุณธรรมจริยธรรม เป็นต้นเหตุให้การจัดเรตติ้งไม่ตรงกับเนื้อหาของละคร พร้อมทำหนังสือถึง “องอาจ” ให้ตรวจสอบเนื้อหาละครดอกส้มสีทอง ชมเป็นเรื่องดีที่สังคมมีการตื่นตัวในการปกป้องสิทธิทั้งของเด็ก เยาวชนมากขึ้น เผยผลสำรวจพบประชาชนทั่วประเทศรับรู้ถึงการจัดเรตติ้งแต่ไม่รู้สาระของสัญลักษณ์ที่ปรากฏทางจอทีวี
วันนี้ (2 พ.ค.) นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กล่าวถึงกรณีที่ผู้ปกครอง โทรศัพท์มาร้องเรียนผ่านสายด่วนวัฒนธรรม 1765 ของกระทรวงวัฒนธรรม เพื่อให้ตรวจสอบละคร “ดอกส้มสีทอง” เนื่องจากมีการแพร่ภาพนำเสนอภาพและเนื้อหาละครที่ไม่เหมาะสม จนกลายเป็นกระแสสังคมที่ได้มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงเรื่องดังกล่าวอย่างหนักหน่วงช่วงตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่า ตนได้ลงนามในหนังสือด่วนที่สุด เพื่อขอให้ตรวจสอบเนื้อหาละคร เรื่อง ดอกส้มสีทอง ซึ่งปรากฏภาพ และเนื้อหาไม่เหมาะสม ต่อ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลสื่อแล้ว ซึ่งตนคิดว่า ปรากฏการณ์ทางสังคมที่เกิดขึ้นกับละครดอกส้มสีทองนั้น สะท้อนให้เห็นสังคมเริ่มตื่นตัวในการปกป้องสาธารณะ เด็ก และเยาวชน และศีลธรรมอันดีมากยิ่งขึ้น หากเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแล้วทุกคนเงียบกันหมดก็จะสะท้อนว่าสังคมก็เริ่มเหลวแหลก ดังนั้น ผู้ผลิตละครต้องระวังมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ตนคิดว่า แม้ว่าขณะนี้ ทาง กบว.ช่อง ได้มีการปรับเรตติ้งจาก น.13+ เป็น น.18+ แล้วก็ตาม แต่ตนยังมองว่า ยิ่งเป็นการชี้ชัดว่า กบว.ช่องมีปัญหา หรือมัวไปนั่งหลับอยู่ในเวลาตรวจ ทำให้การพิจารณาละครในช่วงแรก ให้เรตติ้ง ที่ น.13+ และเพิ่งมารู้ตัวในตอนที่สังคมมาปลุก
นายนิพิฏฐ์ กล่าวต่อว่า วธ.ได้ทำการสำรวจการรับรู้และทัศนคติที่มีต่อเนื้อหาที่นำเสนอในสื่อมวลชน กรณีศึกษาในกลุ่มนักเรียน นักศึกษา พ่อแม่ผู้ปกครอง และประชาชนทั่วไป ทั่วประเทศ จำนวน 3.5 หมื่นคน ในปี 2554 พบประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับกระบวนการจัดเรตติ้ง ดังนี้ ประชาชนรับรู้การจัดเรตติ้ง แต่ไม่รับรู้ถึงสาระของสัญลักษณ์ที่ปรากฎทางหน้าจอโทรทัศน์ ขณะที่สาระของสื่อโทรทัศน์มีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องการจัดเรตติ้งที่มีการแสดงสัญลักษณ์ตัวอักษร ไม่ตรงตามสาระของเนื้อหาละครที่นำเสนอ เช่น ขึ้นเรตติ้ง น.13+ แต่เนื้อหาละคร กลับตรงกับเรตติ้ง น.18+ ที่สำคัญ ในปัจจุบันละครหลายเรื่อง ได้มีฉากที่มีเรื่องเพศ ภาษา และความรุนแรงจำนวนมาก ทั้งๆ ที่ผู้ประกอบการได้มีคู่มือเกี่ยวกับการจัดเรตติ้งแล้ว แต่กลับจัดเรตติ้งไม่ให้ตรงกับเนื้อหา ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงต่อการที่เด็กวัยรุ่น ซึ่งเป็นวัยที่มีพฤติกรรมอยากรู้อยากลอง มีการเปลี่ยนแปลง และความอ่อนไหวทางด้านร่างกายและอารมณ์ อาจเลียนแบบพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของตัวอย่างในละคร ทั้งความก้าวร้าว อารมณ์รุนแรง พฤติกรรมทางเพศที่ไม่เหมาะสม จนเกิดปัญหาสังคมตามมา ทั้งการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร ติดโรคร้าย บางรายผันตัวเป็นสาวบริการจนหมดอนาคตในช่วงชีวิตวัยรุ่น
“จากผลสำรวจที่พบว่า ประชาชนมีการรับรู้และเข้าใจกระบวนการจัดเรตติ้งน้อยนั้น ในเรื่องนี้ ผมเห็นว่า เรตติ้งที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอโทรทัศน์ เป็นเพียงแค่สัญลักษณ์ แม้แต่ผู้ปกครองก็ยังไม่รู้ว่าเรตติ้งนั้นคืออะไร แล้วเด็กจะรับรู้ได้ยังไง ดังนั้นจะต้องตำหนิ ทาง กบว.ช่องมากๆ ที่มีความบกพร่อง ไม่มีการพิจารณาเรื่องให้เหมาะสมกับเรตติ้ง และขอให้ กบว.ช่อง มีวิจารณญาณในการทำหน้าที่ เพื่อไม่ให้สังคมปั่นป่วน และถ้าผมมีอำนาจ ผมก็จะสั่งปลด กบว.ชุดนี้ให้หมด เพราะถือว่าทำงานบกพร่องแล้ว และอยากให้ผู้บริหารช่องทบทวนการทำหน้าที่ของ กบว.ชุดนี้ด้วย การที่ กบว.ตาบอดสี ก็เพราะธุรกิจล้วนๆ ไม่คิดถึงความรับผิดชอบต่อสังคม แทนที่จะมองเป็นสีขาว ก็กลับมองเป็นสีม่วง และขอให้อย่าโยนความผิดให้กระทรวงวัฒนธรรมเพียงอย่างเดียว เพราะเราไม่ใช่จำเลย เรามีหน้าที่มอนิเตอร์สื่อ จับกระแสวัฒนธรรม และสะท้อนออกไปสู่สังคมเท่านั้น ตอนนี้สังคมได้กดดันละครของคุณ แต่มันไม่ได้เกิดจากสำนึกของผู้ผลิตละคร หรือ กบว.ที่ทำให้คุณยอมเปลี่ยนเรตติ้ง เป็น น.18+” รมว.วธ.กล่าว
นายนิพิฏฐ์ กล่าวอีกว่า ต่อจากนี้ วธ.จะดำเนินการตรวจสอบเนื้อหาละครทุกช่องให้มากขึ้น โดยเฉพาะละครที่มีเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลในการส่งต่อไปยังคณะกรรมการตรวจสอบเนื้อหาโทรทัศน์ ซึ่งจะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ ขณะเดียวกัน ตนเห็นว่า ต่อไปการสร้างละคร ควรจะต้องมีการพิจารณาการให้เรตติ้งอย่างเหมาะสมและถี่ถ้วน อย่าสร้างละคร หรือทำอะไรด้วยความอยากของคน และอย่าสนองความอยากของคน เพราะจะทำให้สังคมก็จะเละเทะอยู่ไม่ได้ สิ่งที่ตนหนักใจอย่างเดียว คือ เมื่อ วธ.ได้ออกมาเตือนแล้ว ขอให้คุณฟังเราหน่อย แต่ที่ผ่านมา ดูเหมือนคุณไม่ค่อยฟังเรา ถ้าคุณฟังเราแล้วไปคิด ก็เป็นทำให้สังคมดีขึ้น ถ้าคุณคิดไม่ได้สังคมก็จะต่ำลง ในส่วนนักแสดงที่ออกมาให้ความเห็นว่าละครเรื่องนี้เป็นละครน้ำดี ก็เข้าใจ เพราะทุกอย่างเป็นธุรกิจ และผู้แสดงก็อยากได้กระแสตอบรับที่ดีจากประชาชน ขณะเดียวกัน ที่นักแสดงออกมาพูดว่าทุกฉากที่ได้แสดงทุ่มเท เป็นหยาดเหงื่อและต้องใช้พลังสูงนั้น ตนเห็นว่า ถ้าต้องเหนื่อยขนาดนั้นเพื่อเล่นบทที่รุนแรงขนาดนี้ ก็น่าสงสาร แต่อย่าให้เขาต้องลำบากอีกเลย