ASTVผู้จัดการรายวัน- “ดอกส้มสีทอง” ยังป่วน “นิพิฏฐ์” ปรี๊ดลงนามด่วนที่สุด สั่งตรวจสอบเนื้อหาละคร อัด กบว. จัดเรตไม่ตรงเนื้อหา จี้ช่อง3ให้ถอดกบว.ทั้งชุด ชี้ทำหน้าที่บกพร่อง ฉะยับมองแต่ประโยชน์ด้านธุรกิจ
จากการที่ผู้ปกครอง โทรศัพท์มาร้องเรียนผ่าน สายด่วนวัฒนธรรม 1765 เพื่อให้ตรวจสอบละคร “ดอกส้มสีทอง” เนื่องจากมีการแพร่ภาพนำเสนอภาพและเนื้อหาละครที่ไม่เหมาะสม ล่าสุด นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว.วธ.) กล่าวว่า ได้ลงนามในหนังสือด่วนที่สุด เพื่อขอให้ตรวจสอบเนื้อหาละครเรื่องดังกล่าวต่อนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลสื่อแล้ว
“ปรากฏการณ์ทางสังคมที่เกิดขึ้นกับละครดอกส้มสีทองนั้น สะท้อนให้เห็นสังคมเริ่มตื่นตัว ในการปกป้องสาธารณะ เด็กและเยาวชน และศีลธรรมอันดีมากยิ่งขึ้น หากเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแล้ว ทุกคนเงียบกันหมด จะสะท้อนว่า สังคมเริ่มเหลวแหลก ดังนั้น ผู้ผลิตละคร ต้องระวังมากยิ่งขึ้น”
นายนิพิฏฐ์ กล่าวต่อว่า วธ.ได้ทำการสำรวจการรับรู้และทัศนคติที่มีต่อเนื้อหาที่นำเสนอในสื่อมวลชน กรณีศึกษา ในกลุ่มนักเรียน นักศึกษา พ่อแม่ผู้ปกครอง และประชาชนทั่วไป ทั่วประเทศ จำนวน 3.5 หมื่นคน ในปี 2554 พบประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับกระบวนการจัดเรตติ้ง ดังนี้ ประชาชนรับรู้การจัดเรตติ้ง แต่ไม่รับรู้ถึงสาระของสัญลักษณ์ที่ปรากฎทางหน้าจอโทรทัศน์ ขณะที่สาระของสื่อโทรทัศน์มีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องการจัดเรตติ้งที่มีการแสดงสัญลักษณ์ตัวอักษร ไม่ตรงตามสาระของเนื้อหาละครที่นำเสนอ เช่น ขึ้นเรตติ้ง น.13+ แต่เนื้อหาละคร กลับตรงกับเรตติ้ง น.18 +
“จากผลสำรวจที่พบว่าประชาชนมีการรับรู้และเข้าใจกระบวนการจัดเรตติ้งน้อยนั้น ในเรื่องนี้ ผมเห็นว่า เรตติ้งที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอโทรทัศน์ เป็นเพียงแค่สัญลักษณ์ แม้แต่ผู้ปกครองก็ยังไม่รู้ว่าเรตติ้งนั้นคืออะไร แล้วเด็กจะรับรู้ได้ยังไง ดังนั้นจะต้องตำหนิ ทาง กบว. ช่องมากๆ ที่มีความบกพร่อง ไม่มีการพิจารณาเรื่องให้เหมาะสมกับเรตติ้ง และ ขอให้ กบว.ช่อง มีวิจารณญาณในการทำหน้าที่ เพื่อไม่ให้สังคมปั่นป่วน และ ถ้าผมมีอำนาจ ผมจะสั่งปลด กบว.ชุดนี้ให้หมด และ อยากให้ผู้บริหารช่องทบทวนการทำหน้าที่ของ กบว.ชุดนี้ด้วย และขอให้อย่าโยนความผิดให้กระทรวงวัฒนธรรมเพียงอย่างเดียว เพราะเราไม่ใช่จำเลย เรามีหน้าที่มอนิเตอร์สื่อ จับกระแสวัฒนธรรม และสะท้อนออกไปสู่สังคมเท่านั้น ตอนนี้สังคมได้กดดันละครของคุณ แต่ไม่ได้เกิดจากสำนึกของผู้ผลิตละคร หรือ กบว.ที่ทำให้คุณยอมเปลี่ยนเรตติ้ง เป็น น.18+” รมว.วธ. กล่าว
นายนิพิฏฐ์ กล่าวอีกว่า ต่อจากนี้ วธ. จะดำเนินการตรวจสอบเนื้อหาละครทุกช่องให้มากขึ้น โดยเฉพาะละคร ที่มีเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลในการส่งต่อไปยังคณะกรรมการตรวจสอบเนื้อหาโทรทัศน์ ซึ่งจะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ และต่อไปการสร้างละคร ควรจะต้องพิจารณาการให้เรตติ้งอย่างเหมาะสมและถี่ถ้วน
“เมื่อกระทรวงได้ออกมาเตือนแล้ว ขอให้คุณฟังเราหน่อย ที่ผ่านมาดูเหมือนไม่ค่อยฟังเรา ถ้าฟังเราแล้วไปคิด ทำให้สังคมดีขึ้น ถ้าคิดไม่ได้ สังคมจะต่ำลง ในส่วนนักแสดง ที่ออกมาให้ความเห็นว่าละครเรื่องนี้เป็นละครน้ำดี ก็เข้าใจ เพราะทุกอย่างเป็นธุรกิจ ” รมว.วธ.ระบุ
จากการที่ผู้ปกครอง โทรศัพท์มาร้องเรียนผ่าน สายด่วนวัฒนธรรม 1765 เพื่อให้ตรวจสอบละคร “ดอกส้มสีทอง” เนื่องจากมีการแพร่ภาพนำเสนอภาพและเนื้อหาละครที่ไม่เหมาะสม ล่าสุด นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว.วธ.) กล่าวว่า ได้ลงนามในหนังสือด่วนที่สุด เพื่อขอให้ตรวจสอบเนื้อหาละครเรื่องดังกล่าวต่อนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลสื่อแล้ว
“ปรากฏการณ์ทางสังคมที่เกิดขึ้นกับละครดอกส้มสีทองนั้น สะท้อนให้เห็นสังคมเริ่มตื่นตัว ในการปกป้องสาธารณะ เด็กและเยาวชน และศีลธรรมอันดีมากยิ่งขึ้น หากเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแล้ว ทุกคนเงียบกันหมด จะสะท้อนว่า สังคมเริ่มเหลวแหลก ดังนั้น ผู้ผลิตละคร ต้องระวังมากยิ่งขึ้น”
นายนิพิฏฐ์ กล่าวต่อว่า วธ.ได้ทำการสำรวจการรับรู้และทัศนคติที่มีต่อเนื้อหาที่นำเสนอในสื่อมวลชน กรณีศึกษา ในกลุ่มนักเรียน นักศึกษา พ่อแม่ผู้ปกครอง และประชาชนทั่วไป ทั่วประเทศ จำนวน 3.5 หมื่นคน ในปี 2554 พบประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับกระบวนการจัดเรตติ้ง ดังนี้ ประชาชนรับรู้การจัดเรตติ้ง แต่ไม่รับรู้ถึงสาระของสัญลักษณ์ที่ปรากฎทางหน้าจอโทรทัศน์ ขณะที่สาระของสื่อโทรทัศน์มีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องการจัดเรตติ้งที่มีการแสดงสัญลักษณ์ตัวอักษร ไม่ตรงตามสาระของเนื้อหาละครที่นำเสนอ เช่น ขึ้นเรตติ้ง น.13+ แต่เนื้อหาละคร กลับตรงกับเรตติ้ง น.18 +
“จากผลสำรวจที่พบว่าประชาชนมีการรับรู้และเข้าใจกระบวนการจัดเรตติ้งน้อยนั้น ในเรื่องนี้ ผมเห็นว่า เรตติ้งที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอโทรทัศน์ เป็นเพียงแค่สัญลักษณ์ แม้แต่ผู้ปกครองก็ยังไม่รู้ว่าเรตติ้งนั้นคืออะไร แล้วเด็กจะรับรู้ได้ยังไง ดังนั้นจะต้องตำหนิ ทาง กบว. ช่องมากๆ ที่มีความบกพร่อง ไม่มีการพิจารณาเรื่องให้เหมาะสมกับเรตติ้ง และ ขอให้ กบว.ช่อง มีวิจารณญาณในการทำหน้าที่ เพื่อไม่ให้สังคมปั่นป่วน และ ถ้าผมมีอำนาจ ผมจะสั่งปลด กบว.ชุดนี้ให้หมด และ อยากให้ผู้บริหารช่องทบทวนการทำหน้าที่ของ กบว.ชุดนี้ด้วย และขอให้อย่าโยนความผิดให้กระทรวงวัฒนธรรมเพียงอย่างเดียว เพราะเราไม่ใช่จำเลย เรามีหน้าที่มอนิเตอร์สื่อ จับกระแสวัฒนธรรม และสะท้อนออกไปสู่สังคมเท่านั้น ตอนนี้สังคมได้กดดันละครของคุณ แต่ไม่ได้เกิดจากสำนึกของผู้ผลิตละคร หรือ กบว.ที่ทำให้คุณยอมเปลี่ยนเรตติ้ง เป็น น.18+” รมว.วธ. กล่าว
นายนิพิฏฐ์ กล่าวอีกว่า ต่อจากนี้ วธ. จะดำเนินการตรวจสอบเนื้อหาละครทุกช่องให้มากขึ้น โดยเฉพาะละคร ที่มีเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลในการส่งต่อไปยังคณะกรรมการตรวจสอบเนื้อหาโทรทัศน์ ซึ่งจะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ และต่อไปการสร้างละคร ควรจะต้องพิจารณาการให้เรตติ้งอย่างเหมาะสมและถี่ถ้วน
“เมื่อกระทรวงได้ออกมาเตือนแล้ว ขอให้คุณฟังเราหน่อย ที่ผ่านมาดูเหมือนไม่ค่อยฟังเรา ถ้าฟังเราแล้วไปคิด ทำให้สังคมดีขึ้น ถ้าคิดไม่ได้ สังคมจะต่ำลง ในส่วนนักแสดง ที่ออกมาให้ความเห็นว่าละครเรื่องนี้เป็นละครน้ำดี ก็เข้าใจ เพราะทุกอย่างเป็นธุรกิจ ” รมว.วธ.ระบุ
