ASTVผู้จัดการรายวัน-“องอาจ” เปิดทำเนียบถกผู้จัดละคร แย้มอาจขอหั่นบางฉาก “ดอกส้มสีทอง” ด้านโพลล์เผย 61.95% อยากให้ฉายต่อ เพราะอยากรู้ตอนจบ ชี้หยุดฉายก็ไม่ช่วยให้สังคมดีขึ้น ขณะที่ 33.56% อยากให้ตัดต่อบางตอนที่ไม่เหมาะสมออกไป
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลสื่อของรัฐ เปิดเผยว่า จากที่มีการร้องเรียนถึงความไม่เหมาะสมของเนื้อหาละครเรื่อง "ดอกส้มสีทอง" ที่ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 นั้น ในวันนี้ (4 พ.ค.) จะได้หารือร่วมกับสถานีและผู้จัดละครเรื่องดังกล่าว รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ทำเนียบรัฐบาล เกี่ยวกับรายละเอียด เพื่อแก้ปัญหา รวมถึงจะดูในเรื่องของการตัดบทละครบางช่วงที่ไม่เหมาะสมหรือไม่ด้วย ส่วนเรื่องที่มีกลุ่มบุคคลเรียกร้องให้ บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ให้สัมปทานช่อง 3 ถอดสัมปทานนั้น เป็นเรื่องของบอร์ดอสมท. ที่จะไปพิจารณาว่าขัดต่อข้อตกลงหรือไม่
สำหรับการพิจารณาเนื้อหา หรือละคร ก่อนนำเสนอนั้น ขณะนี้ไม่มีคณะกรรมการกบว. ในการดำเนินการเรื่องดังกล่าว จึงเป็นหน้าที่ของแต่ละสถานีที่จะต้องพิจารณา แต่ขณะนี้การพิจารณาของสถานีมีเพียงเนื้อหาโฆษณาเท่านั้น โดยยอมรับว่าเป็นเรื่องช่องว่างทางกฏหมาย แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับความรับผิดชอบด้วย
น.ส. ลัดดา ตั้งสุภาชัย ผู้อำนวยการสำนักเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม กล่าวว่า ผลสำรวจพบว่าประชาชน 3.5หมื่นคน รับรู้การจัดระดับความเหมาะสมของสื่อ หรือเรตติ้ง แต่ไม่รับรู้ถึงสาระของสัญลักษณ์ที่ปรากฎทางหน้าจอ ซึ่งที่ผ่านมากระทรวงวัฒนธรรม ได้จัดทำคู่มือแจกจ่ายไปยังทุกช่องแล้ว เพื่อเป็นบรรทัดฐานให้กบว. กำหนดเรตติ้ง ขณะเดียวกันได้ส่งต่อความรับผิดชอบในระบบการกำกับดูแลกันเองให้กับช่องต่างๆ แล้ว ดังนั้น ทางสถานีโทรทัศน์จำเป็นจะต้องให้ความรู้กับประชาชน และกำหนดเรตติ้งให้ตรงกับเนื้อหาละครด้วย
“ได้มีการกำหนดให้แต่ละช่องแสดงสัญลักษณ์ก่อนการนำเสนอรายการทุกระดับ และมีเสียงอธิบายสัญลักษณ์ รวมทั้งแสดงสัญลักษณ์ระหว่างรายการในทุกระดับที่มุมซ้ายด้านล่างของจอภาพเป็นระยะๆ ตามความเหมาะสม ส่วนการที่จะปรับเรทติ้งครั้งใหม่อีกหรือไม่นั้น คงจะต้องอยู่ที่กสทช.ชุดใหม่ที่จะมีการแต่งตั้งในอนาคต ซึ่งมีภาระหน้าที่เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยตรง”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกระแสการวิพากษ์วิจารณ์ละครดังกล่าว สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ได้สำรวจความคิดเห็นจากประชาชนในกรุงเทพฯ และปริมณฑลที่ติดตามชมละครเรื่อง "ดอกส้มสีทอง" จำนวนทั้งสิ้น 1,251 คน ระหว่างวันที่ 30 เม.ย.-3 พ.ค. จากการสำรวจพบว่า 44.92% เห็นว่าละครเรื่องดังกล่าวเป็นละครสะท้อนสังคมที่ได้รับความสนใจจากผู้ชมอย่างมาก ส่วน 34.72% มองว่า บางตอนมีเนื้อหาไม่เหมาะสม อารมณ์รุนแรง ก้าวร้าว มีฉากเลิฟซีนที่ล่อแหลม ขณะที่ 20.36% มองว่า สนุก ให้แง่คิด แต่อาจมีเยาวชนบางกลุ่มที่ลอกเลียนแบบพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม
เมื่อถามถึงเนื้อหาว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ 53.29% มองว่า เหมาะสม เพราะเป็นเรื่องจริงที่มาจากการสะท้อนชีวิตของคนในสังคม ให้แง่คิดในเรื่องของการมีชีวิตคู่ การมีครอบครัว ใกล้เคียงกันกับความเห็นไม่เหมาะสม คือ 46.71% เพราะมีหลายฉากที่ใช้ความรุนแรง พฤติกรรมชู้สาว ฉากเลิฟซีน อาจเกิดการลอกเลียนแบบได้
ส่วนการแสดงบทบาทของตัวละครชื่อ “เรยา” มีความเหมาะสมหรือไม่ ส่วนใหญ่ 58.33% มองว่าไม่เหมาะสม เพราะการใช้พฤติกรรมที่ก้าวร้าว คำพูดไม่เหมาะสมกับบุพการี เป็นชู้กับสามีคนอื่น ส่วนมองว่า เหมาะสม 41.67% เพราะสะท้อนให้เห็นถึงผู้หญิงที่มีความทะเยอทะยาน อยากได้ใคร่ดี การใช้จริตมารยาของผู้หญิง
เมื่อเปรียบเทียบ “ประโยชน์” และ “โทษ” ที่ผู้ชมได้รับจากละครเรื่องนี้ อันดับหนึ่ง 49.79% มองว่า พอๆ กัน ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณผู้ชม มองว่า มีประโยชน์มากกว่า 26.47% เพราะให้ข้อคิด คติสอนใจ เป็นการสะท้อนความเป็นจริงของสังคมในปัจจุบันไล่เลี่ยกันที่ และ 23.74% มองว่า มีโทษมากกว่า เพราะเนื้อหาล่อแหลม
เมื่อถามว่าจากที่มีการเรียกร้องให้เพิ่มเรตอายุผู้ชมตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป ผู้ชมคิดว่าเหมาะสมหรือไม่ อันดับ 1 ที่ 72.56% มองว่า เหมาะสม เพราะเป็นช่วงอายุที่มีวุฒิภาวะ และที่มองว่า ไม่เหมาะสมมี 27.44% เพราะไม่สามารถควบคุมได้จริง เป็นการแก้ปัญหาปลายเหตุ และควรมีการตรวจสอบก่อนที่จะมีการออกอากาศ
สุดท้ายถามว่า ผู้ชมคิดว่าควรทำอย่างไรกับละครเรื่องนี้ 61.95% เห็นว่า ควรให้ฉายต่อไปตามปกติ เพราะอยากรู้ว่าจุดจบและถึงจะหยุดฉายก็ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาสังคมได้ ส่วนที่เห็นว่า ควรตัดต่อบางตอนที่ไม่เหมาะสมออกไปอยู่ที่ 33.56% เพราะเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ไม่เหมาะกับวัฒนธรรมของสังคมไทย ที่เห็นว่าควรหยุดฉายทันที มีแค่ 4.49% เท่านั้น
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลสื่อของรัฐ เปิดเผยว่า จากที่มีการร้องเรียนถึงความไม่เหมาะสมของเนื้อหาละครเรื่อง "ดอกส้มสีทอง" ที่ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 นั้น ในวันนี้ (4 พ.ค.) จะได้หารือร่วมกับสถานีและผู้จัดละครเรื่องดังกล่าว รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ทำเนียบรัฐบาล เกี่ยวกับรายละเอียด เพื่อแก้ปัญหา รวมถึงจะดูในเรื่องของการตัดบทละครบางช่วงที่ไม่เหมาะสมหรือไม่ด้วย ส่วนเรื่องที่มีกลุ่มบุคคลเรียกร้องให้ บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ให้สัมปทานช่อง 3 ถอดสัมปทานนั้น เป็นเรื่องของบอร์ดอสมท. ที่จะไปพิจารณาว่าขัดต่อข้อตกลงหรือไม่
สำหรับการพิจารณาเนื้อหา หรือละคร ก่อนนำเสนอนั้น ขณะนี้ไม่มีคณะกรรมการกบว. ในการดำเนินการเรื่องดังกล่าว จึงเป็นหน้าที่ของแต่ละสถานีที่จะต้องพิจารณา แต่ขณะนี้การพิจารณาของสถานีมีเพียงเนื้อหาโฆษณาเท่านั้น โดยยอมรับว่าเป็นเรื่องช่องว่างทางกฏหมาย แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับความรับผิดชอบด้วย
น.ส. ลัดดา ตั้งสุภาชัย ผู้อำนวยการสำนักเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม กล่าวว่า ผลสำรวจพบว่าประชาชน 3.5หมื่นคน รับรู้การจัดระดับความเหมาะสมของสื่อ หรือเรตติ้ง แต่ไม่รับรู้ถึงสาระของสัญลักษณ์ที่ปรากฎทางหน้าจอ ซึ่งที่ผ่านมากระทรวงวัฒนธรรม ได้จัดทำคู่มือแจกจ่ายไปยังทุกช่องแล้ว เพื่อเป็นบรรทัดฐานให้กบว. กำหนดเรตติ้ง ขณะเดียวกันได้ส่งต่อความรับผิดชอบในระบบการกำกับดูแลกันเองให้กับช่องต่างๆ แล้ว ดังนั้น ทางสถานีโทรทัศน์จำเป็นจะต้องให้ความรู้กับประชาชน และกำหนดเรตติ้งให้ตรงกับเนื้อหาละครด้วย
“ได้มีการกำหนดให้แต่ละช่องแสดงสัญลักษณ์ก่อนการนำเสนอรายการทุกระดับ และมีเสียงอธิบายสัญลักษณ์ รวมทั้งแสดงสัญลักษณ์ระหว่างรายการในทุกระดับที่มุมซ้ายด้านล่างของจอภาพเป็นระยะๆ ตามความเหมาะสม ส่วนการที่จะปรับเรทติ้งครั้งใหม่อีกหรือไม่นั้น คงจะต้องอยู่ที่กสทช.ชุดใหม่ที่จะมีการแต่งตั้งในอนาคต ซึ่งมีภาระหน้าที่เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยตรง”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกระแสการวิพากษ์วิจารณ์ละครดังกล่าว สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ได้สำรวจความคิดเห็นจากประชาชนในกรุงเทพฯ และปริมณฑลที่ติดตามชมละครเรื่อง "ดอกส้มสีทอง" จำนวนทั้งสิ้น 1,251 คน ระหว่างวันที่ 30 เม.ย.-3 พ.ค. จากการสำรวจพบว่า 44.92% เห็นว่าละครเรื่องดังกล่าวเป็นละครสะท้อนสังคมที่ได้รับความสนใจจากผู้ชมอย่างมาก ส่วน 34.72% มองว่า บางตอนมีเนื้อหาไม่เหมาะสม อารมณ์รุนแรง ก้าวร้าว มีฉากเลิฟซีนที่ล่อแหลม ขณะที่ 20.36% มองว่า สนุก ให้แง่คิด แต่อาจมีเยาวชนบางกลุ่มที่ลอกเลียนแบบพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม
เมื่อถามถึงเนื้อหาว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ 53.29% มองว่า เหมาะสม เพราะเป็นเรื่องจริงที่มาจากการสะท้อนชีวิตของคนในสังคม ให้แง่คิดในเรื่องของการมีชีวิตคู่ การมีครอบครัว ใกล้เคียงกันกับความเห็นไม่เหมาะสม คือ 46.71% เพราะมีหลายฉากที่ใช้ความรุนแรง พฤติกรรมชู้สาว ฉากเลิฟซีน อาจเกิดการลอกเลียนแบบได้
ส่วนการแสดงบทบาทของตัวละครชื่อ “เรยา” มีความเหมาะสมหรือไม่ ส่วนใหญ่ 58.33% มองว่าไม่เหมาะสม เพราะการใช้พฤติกรรมที่ก้าวร้าว คำพูดไม่เหมาะสมกับบุพการี เป็นชู้กับสามีคนอื่น ส่วนมองว่า เหมาะสม 41.67% เพราะสะท้อนให้เห็นถึงผู้หญิงที่มีความทะเยอทะยาน อยากได้ใคร่ดี การใช้จริตมารยาของผู้หญิง
เมื่อเปรียบเทียบ “ประโยชน์” และ “โทษ” ที่ผู้ชมได้รับจากละครเรื่องนี้ อันดับหนึ่ง 49.79% มองว่า พอๆ กัน ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณผู้ชม มองว่า มีประโยชน์มากกว่า 26.47% เพราะให้ข้อคิด คติสอนใจ เป็นการสะท้อนความเป็นจริงของสังคมในปัจจุบันไล่เลี่ยกันที่ และ 23.74% มองว่า มีโทษมากกว่า เพราะเนื้อหาล่อแหลม
เมื่อถามว่าจากที่มีการเรียกร้องให้เพิ่มเรตอายุผู้ชมตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป ผู้ชมคิดว่าเหมาะสมหรือไม่ อันดับ 1 ที่ 72.56% มองว่า เหมาะสม เพราะเป็นช่วงอายุที่มีวุฒิภาวะ และที่มองว่า ไม่เหมาะสมมี 27.44% เพราะไม่สามารถควบคุมได้จริง เป็นการแก้ปัญหาปลายเหตุ และควรมีการตรวจสอบก่อนที่จะมีการออกอากาศ
สุดท้ายถามว่า ผู้ชมคิดว่าควรทำอย่างไรกับละครเรื่องนี้ 61.95% เห็นว่า ควรให้ฉายต่อไปตามปกติ เพราะอยากรู้ว่าจุดจบและถึงจะหยุดฉายก็ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาสังคมได้ ส่วนที่เห็นว่า ควรตัดต่อบางตอนที่ไม่เหมาะสมออกไปอยู่ที่ 33.56% เพราะเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ไม่เหมาะกับวัฒนธรรมของสังคมไทย ที่เห็นว่าควรหยุดฉายทันที มีแค่ 4.49% เท่านั้น
