ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่สำหรับพรรคเพื่อไทย ในแผนหาเสียงภายใต้กรอบ "ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ" เฉกเช่นเดิมที่มี “ทักษิณ ชินวัตร” ได้วีดีโอลิงก์เข้ามายังที่ประชุม สะท้อนให้เห็นว่าการเลือกตั้งที่จะมาถึงในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ทักษิณ เลือกที่จะบัญชาการเองแทบจะทั้งหมดก็ว่าได้
สำหรับในงานนี้เองถือว่าเป็นงานระดับบิ๊ก เพราะเป็นการเปิดแคมเปญหลักของพรรคที่จะต้องนำไปหาเสียงอย่างเป็นทางการ รวมไปถึงการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครส.ส. โดยมีบรรดาแกนนำของพรรคเข้าร่วมอย่างคับคลั่ง อาทิ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล นายยงยุทธ ติยะไพรัช รวมไปถึงแกนนำเสื้อแดงอีกหลายคน
แต่ในงานดังกล่าวกลับไร้เงา ของพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตประธานส.ส.พรรคเพื่อไทย นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช รวมไปถึงเจ๊มิ่ง -นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ซ้ำร้ายเจ๊มิ่ง รวมไปถึงคนใกล้ชิดบิ๊กจิ๋ว อาทิ พล.ต.ศรชัย มนตริวัต นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ก็ยังไม่มีแม้กระทั่งรายชื่อตัวเองติดในส.ส.บัญชีรายชื่อด้วยซ้ำ ท่ามกลางกระแสข่าวก่อนหน้านี้ว่าจะระเห็จออกจากพรรคเพื่อไปรวมกลุ่มตั้งพรรคการเมืองใหม่ ประกอบด้วยส.ส.เพื่อไทย กลุ่มนายมิ่งขวัญ 10-20 คน รวมกับกลุ่มส.ส.คนใกล้ชิดบิ๊กจิ๋วจำนวนหนึ่ง
ขณะเดียวกัน นช.ทักษิณเอง ก็คงมิอยากให้เกิดเหตุการณ์ต่อรองผลประโยชน์ ในช่วงเวลาใกล้เลือกตั้งเช่นนี้ เพราะจะทำให้ภาพลักษณ์ของพรรคแตกแยก คงไม่เป็นการดีต่ออะไรต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ จึงได้ส่งสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ไปนัดหารือกับนายเสนาะถึงทิศทางการเมืองและการทำงานร่วมกัน ปรากฏว่าต้องเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด เพราะการประสานงานไม่ลงตัว เนื่องจากขณะนี้นายเสนาะยังมีท่าทีแบ่งรับแบ่งสู้กับ 2 ฝ่าย ระหว่างพรรคเพื่อไทยกับกลุ่มของนายมิ่งขวัญ
หรือจะเป็นปมร้าวของบิ๊กจิ๋วเอง ที่ประกาศลาออกจากประธานส.ส.เพื่อไทย ด้วยการสบโอกาสที่นายจตุพรบ้าเลือดพูดปราศรัยหมิ่นเหม่ ต่อสถาบันเบื้องสูง โดยบิ๊กจิ๋ว อ้างว่ากระทบต่อสถาบันเบื้องสูง ไม่ต่างกับเล่นบทโหดโดดเรือหนี แล้วยังทิ้งระเบิดเวลาเอาไว้ ขณะเดียวกันฝ่ายทักษิณ เองก็พยายามประสานกับบิ๊กจิ๋ว ความชัดเจนจึงมาหยุดตรงคำพูดของนายนพดล ปัทมะ ทนายหน้าหอนายใหญ่ ที่เคยออกมาระบุว่า ทักษิณ ทราบข่าวการลาออกของพล.อ.ชวลิตแล้ว แต่หลังจากนั้นก็ยังไม่ได้รับสัญญาณใดจากพล.อ.ชวลิต แต่อย่างใด
ต้องเรียกได้ว่าเป็นยุทธการแข็งเมืองโดยแท้ สำหรับ นายมิ่งขวัญ พล.อ.ชวลิตและนายเสนาะ เพราะทั้งสามย่อมรู้ดีว่า ช่วงเวลาที่เกิดขึ้น ณ ห้วงเวลานี้ คือการเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง แล้วดันมาเลือกเวลาออกไปจากพรรคช่วงนี้ก็หนีไม่พ้นต้องกระทบกับฐานเสียงของเพื่อไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการหอบ ส.ส.ในกลุ่มออกไปจากพรรคเพื่อไทย เรียกว่าไม่ต่างอะไรกับการกดดันทักษิณ โดยตรงประกอบกับ สส.ก๊วนมิ่งและบิ๊กจิ๋วยังรุกคืบเรียกร้องให้ทักษิณหยุดโฟนอินในการเปิดนโยบายพรรค เมื่อวันที่ 23 เม.ย. โดยอ้างว่า เสี่ยงต่อการทำผิดกฎหมายเลือกตั้งและอาจถูกยุบพรรค
แล้วอย่างนี้มีหรือที่คนอย่าง นช.ทักษิณ จะยอมให้ลูบคม
ดังนั้น จึงอย่าได้แปลกใจ ที่ นช.ทักษิณ จะเล่นไม้แรง ด้วยการขึ้นบัญชีดำเชือด ส.ส.ที่มีข่าวว่าเป็นตัวตั้งตัวตีคอยดูด ส.ส.ในพรรคให้ไปร่วมงานกับพรรคประชาราชที่มีนายมิ่งขวัญเป็นตัวเต็งหัวหน้าพรรค ภายใต้การหนุนหลังของนายเสนาะและ พล.อ.ชวลิต
แต่ที่หนักหน่วงก็คือการที่ นช.ทักษิณ เล่นเกมแรงยุทธการเชือดไก่ให้ลิงดู ด้วยการตัดรายชื่อ ส.ส.กลุ่มแข็งข้อที่จะพากันยกโขยงออกไปตั้งพรรคใหม่จากบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทยจนหลายคนตกสำรวจในงานใหญ่ของพรรคเพื่อไทยที่ผ่านมา
และหากจะถามว่า ร้าวลึกเพียงใด สำหรับปมปัญหาในพรรคเพื่อไทยขณะนี้ ก็คงต้องพิจารณาคำพูดของ นช.ทักษิณ เจ้าของพรรคเพื่อไทยตัวจริง ที่กล่าวว่า "ใครที่อยู่แล้วไม่สบายใจจะถอนตัว ผมไม่โกรธ แต่ขอให้จากกันด้วยดี อย่าทำร้ายพรรค ไปแล้วถีบหัวส่ง ใครไปประชุมกันที่ไหนอย่างไร ผมรู้หมด แต่ที่พูดนี้ไม่ได้กังวล เชื่อว่ามีไม่เกิน 5 คนหรอก ก็ไม่รู้จะบอกอย่างไร นอกจากบอกว่าโชคดี"
หรือจะเป็นของแถมล่าสุดที่บอกว่า "คนที่คิดถึงแต่ประโยชน์ของตัวเอง ไม่คำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติ เวลาชนะก็จะเก็บประโยชน์ทุกเม็ดต่อรองมาก วันนี้ต้องร่วมแรงร่วมใจกัน ยังไม่มีทรัพย์แต่จะแบ่งทรัพย์กันแล้ว ดังนั้นพวกที่มีแต่ปัญหาเยอะตัดออกไปบ้างก็ดี"
รวมถึงสายตรงนายใหญ่ อย่างนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ ที่กระหน่ำซ้ำเฉกเช่นขุนพลอยพยักว่า "ก่อนหน้านี้ก็มีกระแสข่าวส.ส.พรรคเพื่อไทยไปหารือกับนายเสนาะ จึงขอฝากไปถึงนายมิ่งขวัญและ ส.ส.กลุ่มดังกล่าวว่า หากอยากไปตั้งพรรคใหม่ก็ขอจากกันด้วยดี อย่าเล่นเกมสกปรกใช้วิธีย้ายกันออกไปในวันสุดท้ายของวันสมัครรับเลือกตั้ง และขอให้นายมิ่งขวัญประสบความสำเร็จ แล้วอย่าได้ลอกนโยบายของพรรคเพื่อไทยไปทั้งดุ้น ขอให้คิดนโยบายเอง อยากเรียกร้องให้นายมิ่งขวัญ แสดงความชัดเจนว่าจะอยู่กับพรรคหรือจะไปตั้งพรรคใหม่ เพราะถ้ายังกั๊กอยู่จนวินาทีสุดท้ายก่อนยุบสภา นายมิ่งขวัญจะเสียคน ควรเลิกทำตัวอึมครึม "
อย่างไรก็ตาม กระแสข่าวนายมิ่งขวัญ จะกลับเข้าชายคาพรรคเพื่อไทยก็ยังถูกหยิบยกมาเป็นประเด็นทางการเมืองอยู่ตลอด และดูเหมือนจะชัดเจนขึ้นระดับหนึ่งเมื่อ นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ระบุว่า “ขณะนี้ ส.ส.ของพรรคที่ถูกมองว่าเตรียมย้ายสังกัดออกจากพรรค ได้กลับมารายงานตัวทุกคนแล้ว เว้นแต่นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.สัดส่วน ที่ยังไม่พบการปรากฏตัวแต่อย่างใด ขณะที่ผมได้โทรศัพท์ไปหา แต่นายมิ่งขวัญปิดเครื่อง จึงไม่ทราบว่าต้องติดต่อในวิธีใด”
แน่นอน นักเลือกตั้งระดับเขี้ยวลากดินย่อมรู้ดีและอ่านเกมทะลุว่า กระแสในอีสาน นช.ทักษิณยังเหนือกว่า"จิ๋ว-เหนาะ-มิ่ง" หลายเข่ง ที่สำคัญยิ่ง วันแถลงนโยบายพรรค"เสี่ยแม้ว" ยังใบ้หวยว่า ตั้งแต่ไปทำธุรกิจในต่างแดน ทำเงินถุงเงินถัง รวยอู้ฟู่นับหมื่นล้าน ทำให้ส.ส.เพื่อไทย พากันหูผึ่ง ตาวาว กระโดดค้ำถ่อหนี มิ่งขวัญ ซมซานกลับพรรคเพื่อไทย นี่จึงเป็นสัญญาณอีกนัยยะหนึ่งจากเสี่ยทักษิณ ในการเหนี่ยวรั้ง ส.ส.ที่ยังออกอาการแทงกั๊กอยู่ในขณะนี้
สำหรับ พล.อ.ชวลิต เอง ดูแล้วน่าจะมีความเป็นไปได้น้อยเช่นกัน แม้มีข่าวว่าได้แหล่งทุนโยนมาให้เป็นหลักพันล้าน แต่ด้วยชื่อเสียง ฐานกำลัง ส.ส. ณ ชั่วโมงนี้คงขยับตัวทำอะไรลำบาก ยิ่งใกล้เลือกตั้งจะตั้งพรรคใหม่คงไม่ทันการณ์ หากจะลากจูง ส.ส.ลูกน้องเก่าออกมาจากพรรคเพื่อไทย ก็คงมาได้อย่างเก่งก็ 10-20 คน ลูกทีม “บิ๊กจิ๋ว” ส่วนใหญ่ก็ล้วนอยู่ในภาคอีสาน ซึ่งเป็นฐานที่มั่นของพรรคเพื่อไทย และผลการสำรวจโพลทุกสำนักตอนนี้ก็ฟันธงตรงกันว่า เพื่อไทยกระแสแรงสูงในภาคอีสาน พรรคอื่นเบียดแทรกยาก
ขณะเดียวกันก็เห็นได้ชัดแล้วว่า นช.ทักษิณต้องเล่นแรงอย่างเดียวเพื่อสร้างให้ตัวเองเป็นจุดศูนย์รวมของทุกสิ่งทุกอย่างในพรรคเพื่อไทย ด้วยก่อนหน้านี้ก็ได้ไล่โฟนอินหรือวีดีโอลิงก์ชนิดถี่ยิบ เมื่อเข็มทิศของการเลือกตั้งใกล้เข้ามาเรื่อยๆ สถานการณ์ ณ วันนี้ นช.ทักษิณจึงเร่งจัดการกับปัญหาภายในพรรคก่อนจะมีการยุบสภา ด้วยการส่งสัญญาณถึงนายมิ่งขวัญโดยตรง และบรรดาคนข้างกายบิ๊กจิ๋วทีละคน ซึ่งหากขืนปล่อยไว้ก็รังแต่จะเป็นปัญหากวนใจในเป้าหมายหลักคือการเลือกตั้งที่จะมาถึง
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่า นช.ทักษิณ ก็ไม่ได้ให้ราคาถึงอาการงอแงของ "จิ๋ว-เหนาะ-มิ่ง" เท่าใดนัก เพราะหลังจาก เปิดแคมเปญใหญ่ ไปไม่นาน นช.ทักษิณก็ได้กดปุ่มให้บรรดาลิวล้อพรรคเพื่อไทย ส.ส.ภาคเหนือ และภาคอีสาน เตรียมจัดปราศรัยใหญ่ในวันที่ 30 เมษายน โดยจะแยกเป็น 2เวทีใหญ่ โดยที่จังหวัดเชียงใหม่ จะมี ส.ส.ภาคเหนือ ร่วมกับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อดีตประธานส.ส.พรรค และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำนปช. นำทัพปราศรัย ส่วนที่จังหวัดขอนแก่น จะมีส.ส.ภาคอีสาน ซึ่งมี พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย ส.ส.นนทบุรีและนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำนปช. โดยจะเชื่อมการถ่ายสดไปยังทั้ง 2 เวที และที่ขาดเสียมิได้ก็คือ นช.ทักษิณ ชินวัตร จะวีดีโอลิงก์เข้ามากล่อมนโยบายที่เพิ่งเปิดตัวไปชัดๆ อีกครั้งหนึ่ง
ทั้งนี้ การให้นายณัฐวุฒิ และนายจตุพร 2 ขุนพลพร้อมด้วยแกนนำเสื้อแดงรายอื่น นำทัพเดินสายปราศรัยในเวทีหาเสียงทั่วประเทศ ชี้ว่า นช.ทักษิณเชื่อมั่นเครือข่ายเสื้อแดงที่จะช่วยเติมคะแนนให้กับพรรคเพื่อไทย ไม่ได้ให้ราคากับคำของบิ๊กจิ๋ว ที่ว่าต้องแยกเสื้อแดงออกจากพรรคเพื่อไทยให้เด็ดขาด
เมื่อ นช.ทักษิณ ก็รู้ดีว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้พรรคไทยรักไทย และพลังประชาชน ชนะการเลือกตั้ง ก็คือการชวนเชื่อโน้มน้าว นโยบายขายฝันให้ย้ำติดแน่นในหัวของคนเสื้อแดงเข้าไปอีก ซึ่งก็เชื่อได้ว่าหลังจากนี้ ยุทธวิธีแบบนี้จะเกิดขึ้นอีกในหลายจังหวัดนอกจากนี้ ขณะเดียวกันเกมนี้อีกด้านหนึ่งก็ยังหวังผลเช็คกระแส เสื้อแดงในฐานแข็ง ภาคอีสาน และภาคเหนือ ได้เป็นอย่างดี เพื่อสยบกลุ่มก๊วนที่จะแห่ออกนอกพรรคเพื่อไทยได้อีกด้วย
กระนั้น จากการที่ยังไม่มีสัญญาณชัดว่า "จิ๋ว-เหนาะ-มิ่ง" จะกลับมาพรรคเพื่อไทยหรือไม่ มาถึงขณะนี้ก็ต้องบอกว่าการจากไปของนายมิ่งขวัญ การลาออกของ พล.อ.ชวลิต และไม่กลับมาของนายเสนาะ เทียนทองจึงถือเป็นพวกคนนอกที่ นช.ทักษิณ อาจไม่ได้ใส่ใจจำด้วยซ้ำ ในช่วงเวลาที่พรรคเพื่อไทยต้องเร่งทำคะแนนอย่างหนักก่อนการเลือกตั้งที่จะมาถึง แต่ดันปรากฏอาการแข็งเมืองอย่างที่เป็นอยู่ขณะนี้ ซึ่งไม่พ้นต้องเจอไม้แข็งจากเจ้าของพรรคตัวจริง กำหราบให้รู้เสียบ้าง
เชื่อว่า ณ เวลานี้ในหัวของ นช.ทักษิณ ชินวัตร มีเพียงเป้าหมายเดียว คือ พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล และตัวเขาเองได้รับการนิรโทษกรรม เพียงเท่านั้น