xs
xsm
sm
md
lg

“โทรโข่งมาร์ค” โต้แทนนาย ซัด “ฮุนเซน” หมาจนตรอก ถามใครกันแน่กระหายสงคราม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายเทพไท เสนพงษ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (แฟ้มภาพ)
“เทพไท” ปัด “มาร์ค” กระหายสงคราม ไล่ไปย้อนดูใครกันแน่ยั่วยุให้เกิดปะทะ ชี้นายกฯ ไม่มีผลประโยชน์ร่วมทำ “ฮุนเซน” อ้างคุยไม่รู้เรื่อง ซัดพวก “จะแกเจียบปร๊อบ” - เชื่อ ส.ส.เขตไม่อยากลงบัญชีรายชื่อ เหตุไม่อยากทิ้งพื้นที่ ไม่เกี่ยวกลัวสอบตก โว ได้ปาร์ตี้ลิสต์มากกว่า 60 ชู “เจ๊มิ่ง” ตั้งพรรคใหม่โอกาสดี ฟันธง “ยงยุทธ” นั่งเบอร์ 1 ปาร์ตี้ลิสต์ พท.

วันนี้ (28 เม.ย.) ที่รัฐสภา นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะโฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่สมเด็จฯ ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา กล่าวพาดพิง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นผู้กระหายสงคราม ว่า ที่ผ่านมา นายกฯ และทุกคนในรัฐบาลพยายามระมัดระวังและอดทนต่อการพูดถึงเหตุการณ์การปะทะตามแนวชายแดน จ.สุรินทร์ เนื่องจากไม่ต้องการให้เป็นเหตุที่นำไปสู่ความขัดแย้งซึ่งกันและกันเพิ่มขึ้น โดยถือว่าเป็นหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะผู้ปฏิบัติหน้าที่เจรจา แต่เมื่อสมเด็จฯ ฮุน เซน ใส่ร้ายโจมตีนายกฯอภิสิทธิ์ ตนจึงมีความจำเป็นต้องชี้แจงว่า นายอภิสิทธิ์ ไม่ได้เป็นคนกระหายสงครามอย่างที่ถูกกล่าวหา โดยพยายามหลีกเลี่ยงการพูดถึงเหตุการณ์ หรือลงพื้นที่ที่มีการปะทะ ทั้งที่ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ หรือที่ อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ในครั้งนี้ เพราะเกรงว่าจะถูกมองว่า นายกฯไทยลงไปแทรกแซงการทำงานของเจ้าหน้าที่ แต่เมื่อได้รับแรงกดดันจากประชาชนที่ต้องการให้ลงพื้นที่ จึงจำเป็นต้องเดินทางไปเยี่ยมเยือนพี่น้องประชาชนเมื่อวันที่ 27 เม.ย.ที่ผ่านมา

“ต้องย้อนดูว่า ใครกันแน่ที่เป็นผู้กระหายสงคราม และยั่วยุให้เกิดการปะทะตามแนวชายแดน โดยเฉพาะท่าทีของทหารกัมพูชาที่ต้องรุกรานประเทศไทย ทำให้ทหารไทยต้องตอบโต้ตามหน้าที่” นายเทพไท กล่าว

ส่วนกรณีที่สมเด็จฯ ฮุนเซน นายกฯกัมพูชา ระบุว่า นายอภิสิทธิ์ เป็นนายกฯคนเดียวที่คุยด้วยไม่รู้เรื่องนั้น นายเทพไท กล่าวว่า ตนเชื่อว่า อาจเป็นเพราะนายอภิสิทธิ์ ไม่ได้มีผลประโยชน์ส่วนตัว หรือธุรกิจร่วมกับสมเด็จฯ ฮุนเซน ที่ผ่านมา ก็เป็นการทำหน้าที่เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติเท่านั้น ทำให้สมเด็จฯ ฮุนเซน กล่าวโจมตีเช่นนี้ ส่วนการที่รัฐบาลกัมพูชาเรียกร้องให้มีการเจรจาหย่าศึกนั้น ตนยืนยันว่า รัฐบาลไทยมีความพร้อมตลอดเวลา แต่ไม่ทราบว่าฝ่ายกัมพูชามีความจริงใจหรือไม่ เพราะยังทำตัวเหมือน “จะแกเจียบปร๊อบ” ซึ่งเป็นภาษากัมพูชาที่แปลว่า สุนัขจนตรอก

ในส่วนกรณีความขัดแย้งในการวางตัวผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีกระแสข่าว ส.ส.เขตไม่ต้องการถูกย้ายมาลงในแบบบัญชีรายชื่อ เนื่องจากกลัวสอบตก เพราะคาดว่าพรรคประชาธิปัตย์ จะได้ ส.ส.ในระบบนี้ไม่เกิน 45 คนนั้น นายเทพไท กล่าวว่า ถือเป็นธรรมดาของ ส.ส.เขต ที่มีความใกล้ชิดกับประชาชน และมีพื้นที่ฐานเสียงเป็นของตัวเอง จึงไม่อยากละทิ้งพื้นที่ และมาลงในแบบบัญชีรายชื่อ เพราะทำให้กลายเป็น ส.ส.ขาลอย และคิดว่าการเป็น ส.ส.เขตทำประโยชน์ให้กับพื้นที่ได้มากกว่า จึงเป็นเรื่องไม่จริง หากจะบอกว่าไม่อยากลงปาร์ตี้ลิสต์ เพราะกลัวสอบตก และเมื่อเปรียบเทียบคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ที่พรรคประชาธิปัตย์ได้เมื่อการเลือกตั้งปี 50 ก็พบว่า พรรคประชาธิปัตย์จะได้ ส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อถึง 51 คน ยิ่งหากประเมินคะแนนนิยมของรัฐบาลและพรรคประชาธิปัตย์ในขณะนี้ ตนเชื่อว่า จะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อไม่ต่ำกว่า 60 คนอย่างแน่นอน

นายเทพไท ยังได้กล่าวถึงกระแสข่าวที่ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย เตรียมแยกตัวออกมาตั้งพรรคการเมือง ว่า หากดูจากความเคลื่อนไหวภายในพรรคเพื่อไทยตอนนี้ ทำให้ตนเชื่อว่า นายมิ่งขวัญ ไม่สามารถอยู่ที่พรรคเพื่อไทยได้ต่อไป เพราะหากลงสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อก็อาจไม่อยู่ในอันดับ 1-10 การออกมาตั้งพรรคใหม่จึงถือเป็นโอกาสที่ดี ว่า อาจจะเป็นพรรคขนาดกลางได้ ส.ส.20-30 คน เพราะคาดว่า จะมี ส.ส.จากพรรคเพื่อไทยลาออกมาร่วมงานกับนายมิ่งขวัญ บางส่วน ส่วนกระแสข่าวที่ว่า พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก จะเป็นผู้สมัครระบบบัญชีรายชื่อ อันดับ 1 ของพรรคเพื่อไทยนั้น ตนคิดว่า ยังไม่แน่นอน เพราะขณะนี้ยังมีความเคลื่อนไหวตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม หากให้ฟันธง ตนเชื่อว่า นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย จะเป็นอันดับ 1 ในบัญชีรายชื่อของพรรค เพราะสามารถเคลียร์กันได้ง่าย เพื่อให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผู้ต้องหาก่อการร้าย ชี้ตัวผู้ที่จะมาเป็นนายกฯของพรรคเพื่อไทยหลังการเลือกตั้ง
กำลังโหลดความคิดเห็น