xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

“สนธิ ลิ้มทองกุล” ตอบโจทย์ โหวตโน การเมืองใหม่ และเจิมศักดิ์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - อันเนื่องมาจากรายการ "ตอบโจทย์" สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ได้สัมภาษณ์พูดคุยกับ “สนธิ ลิ้มทองกุล” แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในประเด็นที่ว่าด้วยสถานการณ์ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ในสายตาของหลายคนในวันนี้เกิดความ “ขัดแย้ง-แตกแยก” อย่างหนัก ไม่ว่าจะเป็นกรณีของนายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง เจ๊ปอง-อัญชะลี ไพรีรัก และพรรคการเมืองใหม่ โดยนายสนธิได้ “ตอบโจทย์” ชี้แจงความจริงจนสิ้นสงสัย

ดังนั้น ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ จึงได้นำเนื้อหาบางช่วงบางตอนมา “เรียกน้ำย่อย” เพื่อคอยชมสัมภาษณ์ “แบบเต็มๆ” ในวันจันทร์ที่ 2 พ.ค.-วันอังคารที่ 3 พ.ค. เวลา 21.30 น. - 22.30 น. ที่จะถึงนี้

เริ่มจากคำถามที่ “ภิญโญ ไตรสุริยธรรมา” ผู้ดำเนินรายการได้ถาม “สนธิ ลิ้มทองกุล” ว่าช่วงที่ผ่านมา พันธมิตรฯ คนเยอะ คนขึ้นเวทีก็เยอะ แต่ช่วงหลังหายกันไปหลายคน เกี่ยวกับเรื่องนี้นายเจิมศักดิ์ได้พาดพิงในรายการว่า แกนนำพันธมิตรฯ ช่วงหลังก็เลยมักใช้วิธีพูดซ้ำๆ พูดคนเดียว ใส่สีตีไข่ แล้วถ้าใครขัดก็ไม่ได้ ทำให้เกิดมีอีโก้มีอัตตาสูง คิดว่าตัวเองเป็นศูนย์กลางของจักรวาล ไม่ฟังกัลยาณมิตรเลย

เกี่ยวกับประเด็นนี้ นายสนธิได้ให้ความเห็นว่า นายเจิมศักดิ์ชอบใช้วาทกรรม “ใส่สีตีไข่” แต่นายเจิมศักดิ์ไม่เคยพูดยกตัวอย่างว่าใส่สีตีไข่เรื่องอะไร

“ผมคิดว่าอาจารย์เจิมศักดิ์เข้าใจบทบาทท่านผิด เรียก “คุณเจิมศักดิ์” ดีกว่านะครับ เพราะว่าวันนี้ไม่ควรจะเป็นอาจารย์ เพราะว่าคุณเจิมศักดิ์เข้ามาอยู่ในแวดวงของนักวิเคราะห์นักวิจารณ์ และอยู่ในวงการสื่อมวลชน คุณเจิมศักดิ์ก็วิพากษ์วิจารณ์ตามองค์ความรู้เท่าที่คุณเจิมศักดิ์มี และคุณเจิมศักดิ์ไม่ได้สอนอะไรให้ประชาชนเลย

“ถ้าคุณเจิมศักดิ์ยังเป็นนักวิเคราะห์ และเป็นสื่อมวลชนจริง นั่นคือบทบาทที่คุณเจิมศักดิ์ก็จะได้รับการเชิดชู แต่วันนี้สิ่งที่คุณเจิมศักดิ์พูดตลอดจนที่บอกว่า ใส่สีตีไข่ ทักท้วงก็ไม่ได้ เป็นลักษณะภาคสะท้อนของคนซึ่งเปรียบเสมือนหนึ่งเป็นโฆษกของพรรคประชาธิปัตย์”

ทั้งนี้ นายสนธิบอกว่า นายเจิมศักดิ์ไม่มีสิทธิ์ที่จะมาว่าพันธมิตรฯ ใส่สีตีไข่ เพราะว่านายเจิมศักดิ์ไม่เคยเอาเรื่องราวต่างๆ ที่ใส่สีตีไข่มาพูด

“กรณีของไทย-กัมพูชา คนถามคุณเจิมศักดิ์ว่า ทำไมคุณเจิมศักดิ์ไม่แสดงจุดยืนคุณเจิมศักดิ์บ้าง คุณเจิมศักดิ์บอกว่าศึกษามาไม่พอ ปล่อยให้พวก “เทพ” เขาว่ากัน นี่คือลักษณะการประชดประชัน และอีกอย่างหนึ่งถ้าคุณเจิมศักดิ์จะเป็นนักวิเคราะห์เหตุการณ์ จะเป็นคนซึ่งเอาปัญญาให้คน คุณเจิมศักดิ์จะใช้คำพูดว่าศึกษามาไม่พอไม่ได้ คุณปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ (โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย) แกก็ไม่เคยศึกษาเรื่องนี้ แต่แกเริ่มมาสนใจเมื่อปีที่แล้ว หนึ่งปีกว่าคุณปานเทพพัฒนาองค์ความรู้ของแกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งคุณปานเทพรู้ลึกรู้กว้างในเรื่องนี้”

นายสนธิให้ความเห็นว่า นายปานเทพกับนายเจิมศักดิ์ จริงๆ แล้วก็เป็นสื่อมวลชนด้วยกันทั้งคู่ แต่นายปานเทพกลับมีความลึกมีปัญญามากกว่านายเจิมศักดิ์ “เพราะคุณปานเทพเดินหน้าเผชิญความจริง แต่คุณเจิมศักดิ์รู้ว่าความจริงอันนี้จะทำให้คนที่คุณเจิมศักดิ์ปกป้องอยู่ก็คือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะต้องสูญเสีย คุณเจิมศักดิ์ก็เลยตอบเลี่ยงไปบอกว่า ผมไม่รู้เรื่อง รู้ไม่มากพอ ก็ปล่อยให้เทพเขาพูดกัน”
นอกจากนี้ นายเจิมศักดิ์ยังให้สัมภาษณ์ในรายการตอบโจย์ว่า ถ้าพูดภาษาชาวบ้านง่ายๆ คือ ประเด็นไทย-กัมพูชา มันหน่อมแน้มไป พันธมิตรฯ เรียกร้องเว่อร์ไป เกี่ยวกับประเด็นนี้ นายสนธิได้ให้ความเห็นตอบนายเจิมศักดิ์ไปว่า ถ้ามันหน่อมแน้ม หลายเรื่องทำไมนายเจิมศักดิ์ไม่เอามาพูดบ้าง อย่างเช่น กรณีของน้ำมันปาล์ม หรือกรณีของการทุจริตคอร์รัปชั่นสนามบินสุวรรณภูมิ

“คุณเจิมศักดิ์ไม่พูด ทำไมคุณเจิมศักดิ์ไม่พูด คุณเจิมศักดิ์จะมีชุดวาทกรรมบอกว่า ผมดูแล้วคุณอภิสิทธิ์ก็ยังดีกว่าคุณทักษิณ ประเด็นไม่ใช่คุณอภิสิทธิ์ดีกว่าคุณทักษิณ หรือไม่ดีกว่าคุณทักษิณ ประเด็นก็คือว่าถ้าคุณอภิสิทธิ์เป็นคนที่ใช้ไม่ได้ ทำไมคุณเจิมศักดิ์ถึงไม่วิพากษ์วิจารณ์คุณอภิสิทธิ์เหมือนที่คุณเจิมศักดิ์วิพากษ์วิจารณ์คุณทักษิณ...”

อย่างไรก็ตาม นอกจากกรณีของนายเจิมศักดิ์แล้ว นายภิญโญได้ตั้งคำถามถึงอดีตพันธมิตรฯ หลายคน อาทิ นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก ที่ไม่ได้ขึ้นเวที ซึ่งคำถามก็คือ ตกลงพันธมิตรฯ แตกกันหรือเปล่า ?
“อย่างคุณอัญชะลี ไพรีรักนี่ก็อยู่, จู่ๆ คุณอัญชะลีไม่มาขึ้นเวที ประชาชนเขาก็ถามสิว่าเกิดอะไรขึ้นคุณอัญชะลีถึงไม่มาขึ้นเวที คุณอัญชะลีต้องตอบประชาชน ไม่ใช่หน้าที่ผมตอบ คุณอัญชะลีก็เลยตอบไปว่าเนื่องจากแกเป็นสื่อมวลชน แกยุ่ง แกไม่มีเวลา ประชาชนก็โห่เอา เหตุผลที่โห่ก็เพราะว่า หนึ่ง, คุณแอน-จินดารัตน์ (เจริญชัยชนะ) คุณเก๋-กมลพร (วรกุล) คุณเก๋- อุษณีย์ (เอกอุษณีย์) เขาก็ทำงาน ASTV เขาก็ขึ้นเวที เขาก็เป็นสื่อมวลชน ทำไมเขาขึ้นได้

“คือสรุปง่ายๆ ว่าประชาชนต้องการคำตอบคุณอัญชะลี แต่คุณอัญชะลีให้คำตอบไม่ได้ เหตุผลที่คุณอัญชะลีให้คำตอบไม่ได้เพราะว่า หนึ่ง, คุณอัญชะลีสนิทสนมกับคุณจุติ ไกรฤกษ์ คุณอัญชะลีชอบพูดตลอดเวลาว่าเป็นญาติ อยู่บ้านคุณจุติ ไกรฤกษ์มาตั้งแต่เด็ก แล้วพอคุณจุติเป็นรัฐมนตรีกระทรวงไอซีที คุณอัญชะลีก็ไปนั่งหน้าห้อง”

นอกจากนี้ นายสนธิยังบอกว่านางสาวอัญชะลีก็เป็นคนที่สนิทกับนายวัฒนา อัศวเหม จนเรียกนายวัฒนาว่า “ลุงวัฒ” ตลอดเวลา

“คุณพ่อของคุณอัญชะลีก็สนิทกับคุณวัฒนา อัศวเหม ทีนี้ผมก็พอจะเข้าใจส่วนตัวว่าความที่คุณอัญชะลีสนิทกับคุณจุติ ไกรฤกษ์ แล้วคุณอัญชะลีจะมาขึ้นเวทีแล้ววิพากษ์วิจารณ์พรรคประชาธิปัตย์ หรือนายกฯ อภิสิทธิ์ ก็ไม่น่าจะถูกต้อง เพราะว่าคุณจุติคงไม่พอใจ ในขณะเดียวกันถ้าคุณอัญชะลีมาขึ้นเวที แล้วมาร่วมกับทางพวกเรา แล้วอาจารย์ปานเทพและอาจารย์เทพมนตรีก็วิพากษ์วิจารณ์ฮุนเซน ก็จะมีผลกระทบต่อ 'ลุงวัฒ' ของคุณอัญชะลี”

นายสนธิให้ความเห็นว่า เพราะว่านายวัฒนาหนีคดีไปอยู่ที่เขมร แล้วได้พาสสปอร์ตเขมร ฮุนเซนดูแลอยู่

“แล้วคุณอัญชะลีก็สนิทสนมกับคุณวัฒนามาก ด้วยเหตุนี้ผมก็เลยเข้าใจ แต่ว่าประชาชนเขาไม่เข้าใจ เพราะฉะนั้นคุณอัญชะลีต้องตอบประชาชน เมื่อคุณอัญชะลีตอบประชาชนไม่ได้ คุณอัญชะลีก็เข้าไปใช้เฟซบุ๊กของตัวเอง เข้าไปกระทบกระทั่งคนโน้นคนนี้ ก็เลยมีคนหลายคนบนเวที ไม่ว่าจะเป็นคุณชัชวาลย์ (ชาติสุทธิชัย) คุณประพันธ์ (คูณมี) เขาถูกกระทบกระทั่งเรื่องนี้ เขาก็เลยตอบโต้ มันก็เลยกลายเป็นภาพวันนี้”

ในส่วนของ “พรรคการเมืองใหม่” ในกรณีของ “โหวตโน” นายสนธิบอกว่า “คนซึ่งมีมติว่า 'โหวตโน' ไม่ใช่ผม, ผมนี่ไม่รู้เรื่องเลย ผมมีมติอยู่อย่างเดียวว่า พรรคการเมืองใหม่ไม่ควรที่จะส่งนักการเมืองลง แต่โหวตโนนี่เป็นการประชุมอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งประกอบด้วยพันธมิตรฯ รุ่น 1 รุ่น 2 และประกอบด้วยคณะกรรมการปกป้องแผ่นดิน 17 คน ซึ่งผมไม่ได้อยู่ ผมไปรักษาตัว แล้วก็มีการเสนอว่าถ้าอย่างนั้นใช้ 'โหวตโน' ก็แล้วกัน เป็นการแสดงความรู้สึกว่าเราไม่เห็นด้วยกับระบบการเมืองปัจจุบัน”

ด้วยเหตุนี้ก็เลยเกิดกระบวนการต่อไปว่า แล้วพรรคการเมืองใหม่จะเอาอย่างไร “คุณสมศักดิ์เขาก็เห็นด้วยนะกับการไม่ส่งลง แกยังบอกเลยว่า แต่ผมจำเป็นต้องไปพูดกับสมาชิกพรรค และกรรมการบริหารพรรค ก็เลยพัฒนาต่อมาจนกระทั่งถึงการลงคะแนนเสียงเมื่อสองสามวันที่ผ่านมานี้ เมื่อการลงคะแนนเสียงแล้ว คนประมาณพันกว่าคน เกือบสองพันคน 90 เปอร์เซ็นต์บอกว่าให้ 'โหวตโน'

“คุณสมศักดิ์ในฐานะเป็นหัวหน้าพรรค คุณสมศักดิ์สามารถใช้มติในการลงคะแนนเสียงนั้นเป็นมติไปได้เลย แต่คุณสมศักดิ์ไม่ใช้ คุณสมศักดิ์กลับไปใช้ว่า ถือว่าเป็นการรับฟังความคิดเห็น เมื่อรับฟังความคิดเห็นแล้วคุณสมศักดิ์ก็จะเอาความคิดเห็นนี้ไปประชุมกรรมการบริหารพรรคอีก เพราะตามกฎหมายแล้วกรรมการบริหารมีสิทธิตัดสินใจ ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร ผมไม่ได้ยุ่งเลย สุดแล้วแต่ทางพรรคการเมืองใหม่ ถ้าพรรคการเมืองใหม่ตัดสินใจเดินทางสวนทางกับพันธมิตรฯ ก็ไม่เป็นไร ก็เป็นสิทธิของพรรคการเมืองใหม่ ทำได้ แต่พันธมิตรฯ ก็จะเดินหน้าโหวตโนอย่างเดียว ซึ่งเมื่อโหวตโนแล้วเราก็จะโหวตโนทุกพรรค รวมไปจนถึงพรรคการเมืองใหม่ด้วย”

“คุณสนธิก็เลยปราศรัยบนเวทีบอกว่า กระสันกันนักอยากจะเป็น ส.ส. หลงลาภหลงยศ” นายภิญโญถาม

“ถูกต้อง!” นายสนธิตอบทันที “คือโดยเบื้องหลังแล้วมันมีคนที่อยากจะลงปาร์ตี้ลิสต์ คนคิดง่ายๆ ว่าเฉพาะกรุงเทพฯ อย่างเดียว คราวที่แล้วลง ส.ก. - ส.ข. ถึงพรรคการเมืองใหม่ไม่ได้ แต่ก็มีเสียงบริสุทธิ์แสนกว่าเสียง เขาก็มองว่าเสียงบริสุทธิ์ของพรรคการเมืองใหม่ทั่วประเทศไทยน่าจะมีสักล้านสองล้านเสียง เพราะฉะนั้นปาร์ตี้ลิสต์ 1 2 3 4 5 น่าจะได้กัน ก็เลยขยันกันหาเสียง ขยันกันมาโจมตีทางพันธมิตรฯ แกนนำพันธมิตรฯ โจมตีผม

“คือตัวเองนี่อยากลง ส่วนตัวเองจะเป็นใครผมไม่รู้ มีประธานสาขาพรรคบางคนซึ่งเป็นนักการเมืองท้องถิ่นอยากจะลง ส.ส. ก็เลยพลิกประเด็น คือเรามองภาพใหญ่มากกว่า เรามองการปฏิรูปทางการเมือง มากกว่าการที่ส่งปาร์ตี้ลิสต์ลงไป 4-5 คน แล้วได้ 4-5 คน แล้วก็ไปนั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋อในสภา แล้วก็ไปอยู่ในวังวนของน้ำเน่าเหมือนเดิม เรากลับมองว่าอย่าเพิ่งลงตอนนี้ได้ไหม ลงงวดหน้า แต่ออกมาทำงานร่วมกัน ทำโหวตโนร่วมกันเพื่อให้ประชาชนเห็นว่าระบบการเมืองปัจจุบันมันไปไม่รอดแล้ว, แล้วรอจังหวะที่ดีแล้วค่อยลงงวดหน้า เขาไม่รอกัน ก็เรื่องของเขา”

คำถามก็คือโหวตโนแล้วจะไปยังไงต่อ ?

นายสนธิบอกว่า “โหวตโนมันไม่เหมือนการปฏิรูปการเมืองที่คุณอานันท์เขาทำ หรือคุณหมอประเวศทำ โหวตโนคือการออกไปแสดงสิทธิ์ คุณไม่จำเป็นต้องเป็นพันธมิตรฯ คุณไม่จำเป็นต้องไม่ชอบผม แต่ถ้าคุณโหวตโนแสดงว่าคุณไม่ชอบพรรคทุกพรรค เมื่อคุณไม่ชอบพรรคทุกพรรค เราก็ไม่ชอบพรรคทุกพรรค เราถึงโหวตโน แต่ว่านัยยะเบื้องหลังของการไม่ชอบพรรคทุกพรรคนั้นก็คือ เราไม่ชอบระบบการเมืองปัจจุบัน เพราะระบบการเมืองปัจจุบันเป็นระบบบริษัทพรรคการเมืองจำกัด !”

(ติดตามชมสัมภาษณ์ "สนธิ ลิ้มทองกุล" แบบเต็มๆ ได้ในรายการ "ตอบโจทย์" วันจันทร์ที่ 2 พ.ค.-วันอังคารที่ 3 พ.ค. เวลา 21.30 น. - 22.30 น. ทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ดำเนินรายการโดย ภิญโญ ไตรสุริยธรรมา)
กำลังโหลดความคิดเห็น