“สนธิ”เผยเบื้องหลังเป็นหัวหน้า กมม.ชั่วคราว แค่ไม่ให้พรรคแตกช่วงเริ่มต้น พร้อมควักส่วนตัวตั้งสำนักงานร่วมล้าน โต้ข้อหาเป็นเถ้าแก่สั่ง “โหวตโน”เป็นมติ 5 แกนนำ และ17 กรรมการปกป้องราชอาณาจักร ย้ำวัตถุประสงค์ตั้งพรรคเพื่อให้ความรู้ประชาชน ไม่ใช่เพื่อเป็น ส.ส. จวกประชุม กมม.จัดตั้งมอบช่อดอกไม้ ห้ามคนเห็นต่างพูด เป็นการเมืองใหม่ตรงไหน ซัดพวกกระสันต์อยากเป็น ส.ส.จนลืมอุดมการณ์
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง "รวมพลัง ปกป้องแผ่นดิน" ปราศรัยโดย "นายสนธิ ลิ้มทองกุล"
เมื่อเวลา 21.20 น. วันที่ 25 เม.ย. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นกล่าวปราศรัยที่เวทีสะพานมัฆวานรังสรรค์ ระหว่างการชุมนุม “รวมพลังปกป้องแผ่นดิน” ว่า เบื้องหลังการตั้งพรรคการเมืองใหม่นั้น หลังจากการชุมนุม 193 วันจบลงแล้ว วันหนึ่งแกนนำพันธมิตรฯ ทั้ง 5 คนได้มาคุยกัน รวมทั้งนายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ ได้ร่วมประชุมด้วย และนายสุริยะใสเป็นคนบอกว่าน่าจะตั้งพรรคการเมือง ตนบอกว่า ไม่มีความปรารถนาที่จะเล่นการเมือง ส่วนนายสมศักดิ์ โกศัยสุข เห็นด้วยที่จะให้ตั้งพรรค ขณะที่นายพิภพ ธงไชย บอกว่าตั้งก็ได้ไม่ตั้งก็ได้ ส่วน พล.ต.จำลอง ศรีเมืองก็เฉยๆ เหมือนกับตน และบอกว่ามีพรรคแล้วคือพรรคเพื่อฟ้าดินของพ่อท่านโพธิรักษ์ แต่ก็ยังไม่ได้เป็นสมาชิกเลย ซึ่งในที่สุดก็สรุปว่า จะตั้งพรรคก็ได้ แต่วัตถุประสงค์การตั้งพรรคนั้นต้องเป็นไปเพื่อดำเนินจุดประสงค์ทางการเมืองที่ไม่จำเป็นต้องเป็นการเลือกตั้ง แต่เป็นการให้ความรู้ทางการเมืองแก่ประชาชน และเอาคนที่มีคุณภาพ เข้ามาเป็นสมาชิกพรรค ซึ่งก็คือพันธมิตรฯ นั่นเอง
นายสนธิกล่าวต่อว่า ที่ประชุมวันนั้นเห็นว่า ถ้าจะตั้งพรรคก็ต้องถามความเห็นพี่น้องพันธมิตรฯ ก่อน เป็นที่มาของการจัดประชุมใหญ่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ขณะนั้นตนเพิ่งฟื้นจากการถูกยิง แต่ก็ไปร่วมประชุมด้วย ซึ่งก็มีข้อสรุปให้ตั้งพรรคการเมือง ขบวนการต่อไปคือการจดทะเบียนพรรค และในวันนั้น นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ได้ทำแบบสำรวจความคิดเห็น ถามพี่น้องพันธมิตรฯ ว่าควรตั้งพรรคหรือไม่ และถามว่าควรให้ใครเป็นหัวหน้าพรรค ซึ่งเกือบร้อยละ 80 เห็นว่าให้นายสนธิเป็น แต่ตนไม่ประสงค์จะเป็น อย่างไรก็ตาม หลังจากตั้งพรรคเสร็จ ก็มีการวิ่งเต้นของพันธมิตรฯ แต่ละสายเพื่อเป็นหัวหน้าพรรค ทั้งสายใต้ สายอีสาน สายเหนือ พันธมิตรฯ นั้นสั่งไม่ได้ ก็มีการแบ่งสายกันสนับสนุนคนนั้นคนนี้ ไม่มีการยอมกัน แต่ถ้าเป็นนายสนธิ ทุกคนยอม นั่นคือที่มาที่ตนยอมเป็นหัวหน้าพรรคเป็นการชั่วคราว เพื่อไม่ให้พรรคแตกในช่วงเริ่มต้น
นายสนธิ กล่าวอีกว่า ถ้าจำได้ ตนเคยบอกว่าจะเป็นหัวหน้าพรรคแค่ชั่วคราว โดยให้นายสมศักดิ์เป็นหัวหน้ารักษาการในช่วงที่รอให้การจดทะเบียนพรรคเรียบร้อย เมื่อนายสมศักดิ์มาเป็นหัวหน้า ก็มีกรรมการบริหารพรรค ซึ่งก็มีคนของแต่ละสายเข้ามา แต่บางทีก็ไม่ดูตาม้าตาเรือ เห็นใครเคยขึ้นเวทีก็เอามา จึงแบ่งเป็นฝักเป็นฝ่าย เมื่อตนเข้ามาเป็นหัวหน้าพรรค กติกาพรรคมีอยู่ว่า หัวหน้าต้องฟังกรรมการบริหารพรรค แต่ก็ไม่เป็นไร ตนก็ทำงานในฐานะหัวหน้าพรรคไป ซึ่งพรรคการเมืองนั้น ต้องมีอาคารที่ทำการ มีโต๊ะเก้าอี้ มีอุปกรณ์เหมือนการตั้งสำนักงาน มีการสั่งของเข้ามา เงินก้อนแรกที่ต้องจ่ายจะเป็นของใคร เพราะค่าสมาชิกคนละ 200 บาท ก็ยังมีไม่กี่ร้อยคน ตนจึงเอาเงินสะสมที่พี่น้องพันธมิตรฯ ให้มาเพื่อจ่ายเงินเดือนพนักงานเกือบ 2 ล้านบาท กับเงินส่วนตัวอีก 1 ล้านบาท รวมแล้ว 3 ล้านบาทจ่ายให้ไป แล้วเป็นไปได้อย่างไรที่มาบอกว่าตนสร้างหนี้ให้กับพรรคแล้วบาทหนึ่งก็ไม่ช่วยพรรค
นายสนธิ กล่าวต่อว่า หลังจากตนลาออกจากหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ ก็มีการแข่งขันกันเป็นหัวหน้าพรรค ตนก็ยุให้นายประพันธ์ คูณมี ให้สมัครบ้าง นายสุริยะใสก็จะสมัคร นายสมศักดิ์ก็อยากเป็น มีการวิ่งเต้นพูดคุยกับแกนนำ เราจึงมีมติส่งนายสมศักดิ์เข้าไปเป็นหัวหน้าพรรคดีกว่า จะได้ไม่ทะเลาะกัน และนายสมศักดิ์ก็รับปากว่าจะเป็นชั่วคราว โดยจะลาออกก่อนการเลือกตั้ง แล้วอะไรที่บอกว่าเถ้าแก่สั่ง ซึ่งไม่ใช่ ตนไม่เคยสั่ง มติการโหวตโนนั้น แกนนำทั้ง 5 คน ได้นั่งคุยกัน เพื่อหารือกันว่าควรเอาอย่างไร ซึ่งเราเห็นว่าพรรคการเมืองใหม่ไม่ควรส่งลงเลือกตั้งเพื่อเป็นการปฏิเสธการเมืองน้ำเน่า นายสมศักดิ์ก็บอกว่าไม่มีปัญหา แต่ต้องถามมติพรรคก่อน เพราะว่าพรรคการเมืองมีขั้นตอนตามกฎหมาย ปรากฏว่า พอถามไปถามมากลายเป็นมาบอกว่า โหวตโนเกิดขึ้นเพราะเถ้าแก่คนนี้สั่ง
“ผมเลยอยากให้พี่น้องที่อยู่ที่นี่ ดูทีวีอยู่ที่บ้านและทั่วโลกทราบว่า การประชุมวันนั้น มีมติว่าไม่ให้พรรคการเมืองใหม่ส่งคนลงเลือกตั้ง หลังจากนั้นผมก็ไปรักษาตัว แล้วมีการประชุมคณะกรรมการปกป้องราชอาณาจักร 17 คน ก็มีคนเสนอให้โหวตโน ซึ่งกรรมการทั้งหมดก็เห็นด้วย เมื่อผมกลับมา พี่ลองก็บอกผมว่า เราจะโหวตโนนะ ผมก็บอกว่า เอาไงก็เอากันแล้วแต่ที่ประชุม นายชัยวัฒน์ สุรวิชัย ดันมาบอกว่าผมสั่ง มีการปล่อยข่าวว่าผมรับเงินทักษิณ 10 ล้านมาทำโหวตโน ผมไม่อยากจะพูดไร แต่ผู้บริหารพรรคการเมืองใหม่น่าจะเข้าใจดีว่า พรรคการเมืองใหม่มีสถานภาพทางกฎหมายเป็นพรรคการเมืองก็จริง แต่พรรคการเมืองใหม่เกิดขึ้นมาได้เพราะพันธมิตรฯ เพราะฉะนั้นจึงไม่ควรมีแนวทางที่แตกต่างจากพันธมิตรฯ”
นายสนธิกล่าวต่อว่า การประชุมเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา มีการบอกว่า เถ้าแก่สั่งให้พันธมิตรฯ ไปลงมติโหวตโน แต่สิ่งหนึ่งที่ตนมั่นใจในตัวพ่อแม่พี่น้อง ไม่ต้องเทรนกันหรอก เพราะสามารถเถียงได้เป็นข้อๆ บอกว่าโหวตโนเป็นปรากฏการณ์ใหม่ พี่น้องก็สวนไปว่า แล้วพรรคการเมืองใหม่ก็เพิ่งเกิดขึ้นไม่ใช่หรือ บอกว่าถ้าโหวตโนไม่ประสบความสำเร็จ พันธมิตรฯ จะรับผิดชอบไหม พี่น้องก็สวนทันทีว่าถ้าพรรคการเมืองใหม่ไม่ได้ ส.ส.ใครรับผิดชอบ
“กระบวนการประชุม ผมก็ตกใจ นึกว่าประชุมพรรคภูมิใจไทยเสียอีก แถวหน้า 3-4 แถวจัดตั้งหมด มีการมอบช่อดอกไม้ ตลกมาก เราไม่เคยเล่นการเมืองแบบนี้ แล้วการวางตัวคนพูด ก็ชี้แต่พวกตัวเองให้พูด พวกไม่เห็นด้วยไม่ให้พูด แล้วจะเป็นการเมืองใหม่ยังไง แล้วมาบอกว่าผมเป็นเถ้าแก่เผด็จการ ผมไม่เคยพูดกับพี่น้องที่ไปเลยว่าให้สู้เพื่อโหวตโน ไม่เคยแม้แต่นิดเดียว นายชัยวัฒน์ผมรู้จักแค่ผิวเผิน แกไม่เข้าใจตรงนี้ แกไม่ใช่สมาชิกพรรค แต่แกออกอาการมาก แค่อยากเป็น ส.ส.ถึงกับฆ่าอุดมการณ์ที่ทำมาเป็นสิบๆ ปีเชียวหรือ”
นายสนธิกล่าวว่า มีคนอยากลงปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคการเมืองใหม่ เพราะฝันหวานว่าจะได้สัก 5 คน ถ้าพันธมิตรฯ โหวตให้ คนพวกนี้อยากเป็น ส.ส.จนตัวสั่น อยากได้สายสะพาย เราตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาไม่ใช่เพื่อเป็น ส.ส. อยากได้สายสะพาย รอทำการเมืองให้ดีขึ้นแล้วค่อยลงเลือกตั้งไม่ดีกว่าหรือ นี่ตนแค่รำพัน เพราะน้อยใจ อีก 2-3 วันจะมาให้เล่าให้ฟังอีกว่าน้อยใจอะไรบ้าง