ASTVผู้จัดการรายวัน - ที่ประชุม ก.ม.ม.เสียงส่วนใหญ่หนุนไม่ส่งผู้สมัครท่วมท้น รับลูก พธม.เดินหน้า “โหวตโน” เอาเข้าที่ประชุม กก.บห.ก่อนเป็นมติพรรคอีกครั้งภายใน 7 วัน "ปานเทพ"ยัน พธม.เดินหน้า“โหวตโน” ส่วน ปชป.ก้นร้อน ขอพธม.ทบทวนโหวตโน
วานนี้ (24 เม.ย.) ที่สมาคมจีนโผวเล้งแห่งประเทศไทย ถ.สาธุประดิษฐ์ ได้มีการประชุมใหญ่สามัญประจำปีของพรรคการเมืองใหม่ ซึ่งมีวาระการประชุมที่น่าสนใจการลงมติส่งหรือไม่ส่งผ็สมัครลงเลือกตั้งในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น โดยมีผู้บริหารพรรคเข้าประชุมอย่างพร้อมเพรียง นำโดย นายสมศักดิ์ โกศัยสุข หัวหน้าพรรค นายพิเชษฐ พัฒนโชติ รองหัวหน้าพรรค นายนายสำราญ รอดเพชร รองหัวหน้าพรรคและโฆษกพรรค และนายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการพรรค เป็นต้น รวมไปถึงในส่วนของสมาชิกพรรคที่เข้าร่วมการประชุมราว 2,000 คนจนแน่นห้องประชุมที่จัดเตรียมไว้ และมีบางส่วนที่ต้องออกมาคอยที่หน้าประชุม
ช่วงเช้านั้น เป็นวาระการประชุมเพื่อรับรองผลการดำเนินงานตลอดปีของพรรค การลาออกของกรรมการบริหารพรรค การรับรองงบการเงินปี 2553 รวมไปถึงการเปิดโอกาสให้สมาชิกแสดงความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ
สำหรับบรรยากาศการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2554 ของพรรคการเมืองใหม่ ซึ่งมีนายสมศักดิ์ ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ภายหลังจากการประชุมตามระเบียบวาระการประชุมเสร็จสิ้นลง และเข้าสู่การพิจารณาวาระอื่นๆ ซึ่งมีการเสนอให้มีการลงมติเพื่อตัดสินว่าพรรคการเมืองใหม่จะส่งตัวผู้สมัครลงเลือกตั้งหรือไม่ โดยได้เปิดให้สมาชิกร่วมอภิปรายถึงเหตุและผลในการส่งผู้สมัครหรือไม่
โดยเวลาประมาณ 12.00 น. ในระหว่างการเปิดโอกาสให้สมาชิกแสดงความคิดเห็น นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการพรรค ได้ให้เจ้าหน้าที่พรรคเชิญสื่อมวลชนเข้ามาในที่ประชุม แต่เมื่อสื่อมวลชนเข้ามาแล้ว นายสมศักดิ์ซึ่งทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมกลับเชิญสื่อมวลชนออกจากห้องประชุม โดยให้เหตุผลว่ายังเป็นการประชุมภายในอยู่ ทำให้สื่อมวลชนส่วนใหญ่ไม่พอใจและเดินทางกลับทันที
ทั้งนี้การประชุมเป็นไปอย่างตรึงเครียด มีการแสดงความคิดเห็นอย่างดุเดือด โดยสมาชิกส่วนใหญ่เห็นควรให้ไม่ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้ง และร่วมรณรงโหวตโนกับพันธมิตรฯ โดยบางส่วนยังได้มีการโจมตีการทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมของนายสมศักดิ์ ว่าพยายามดึงเกมถ่วงเวลา และพยายามให้มีผู้อภิปรายชี้นำสมาชิกพรรค ด้านนายสมศักดิ์อ้างว่า ตนพยายามให้สมาชิกได้อภิปรายอย่างกว้างขวาง เพื่อขจัดความขัดแย้ง และขอทำความเข้าใจกับสมาชิกว่าวาระการประชุมนั้นเป็นการลงมติเพื่อส่งหรือไม่ส่งผุ้สมัคร มิใช่การลงมติเพื่อร่วมรณรงค์โหวตโนหรือไม่
ต่อมา นายสมบัติ เบญจศิริมงคล กรรมการบริหารพรรค ได้ขอความร่วมมทือให้สมาชิกในที่ประชุมใช้เหตุและผล รวมทั้งให้อยู่ในความสงบ เสนอให้กรรมการบริหารพรรคเป็นผู้ตัดสินใจแทนการลงมติของสมาชิกพรรค ส่งผลทำให้สมาชิกจำนวนมากประท้วงโดยการเดินออกจากห้องประชุม ทำให้นายสุริยะใส ต้องขอร้องให้สมาชิกที่กลับเข้าร่วมการประชุม และแสดงจุดยืนส่วนตัวว่า ไม่มีสิ่งใดสำคัญกว่าเสียงของสมาชิกทั่วประเทศ โดยพรรคการเมืองใหม่กับพันธมิตรฯไม่เป็นศัตรูกัน สมาชิกจึงกลับเข้าร่วมการประชุม และดำเนินต่อไปได้
จนเมื่อเวลาประมาณ 12.50 น. นายสมศักดิ์ ได้นำที่ประชุมเข้าสู่การลงมติว่าจะส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งหรือไม่ โดยใช้วิธีการยกมือ ปรากฎว่าสมาชิกพรรคที่อยู่ในห้องประชุมส่วนใหญ่ยกมือแสดงความเห็นไม่ให้พรรคการเมืองใหม่ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้ง เป็นที่น่าสังเกตว่ามีเพียงสมาชิกบางส่วนที่นั่งอยู่แถวหน้าของที่ประชุมเท่านั้นที่ยกมือเห็นควรให้ส่งผู้สมัคร จากนั้นนายสมศักดิ์ได้สั่งปิดประชุมทันทีในเวลา 13.00 น.
**ส่วนใหญ่หนุนไม่ส่งผู้สมัครท่วมท้น
ภายหลังการประชุม นายสมศักดิ์ แถลงข่าวกับสื่อมวลชนว่า ในการประชุมวันนี้สมาชิกพรรคมีเสียงส่วนใหญ่ไม่ต้องการให้พรรคการเมืองใหม่ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้ง ถือว่าเป็นจุดยืนของพรรคนเบื้องต้น แต่ตาม พ.ร.บ.พรรคการเมือง จำเป็นต้องนำความเห็นของสมาชิกเข้าสู่การหารือของกรรมการบริหารพรรคเพื่อออกมาเป็นมติอีกครั้ง ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนภายใน 7 วัน ก่อนรายงานให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทราบอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามไม่ว่ามติจะออกมาอย่างไรก็ไม่มีผลต่อความเป็นพรรคการเมือง แม้ว่าไม่ส่งผู้สมัครพรรคการเมืองใหม่ก็สามารถดำเนินการในฐานะพรรคการเมืองต่อไปได้ ซึ่ง พ.ร.บ.พรรคการเมือง ได้กำหนดให้ภายใน 8 ปีพรรคการเมืองทุกพรรคยังคงดำรงความเป็นพรรคไว้อยู่ แม้จะไม่ส่งผู้สมัครก็ตาม แต่ต้องมีการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองตามกฎหมาย มีเพียงการไม่ได้รับเงินสนับสนุนพรรคการเมืองจาก กกต.เท่านั้น
**หนุนโหวตโนสร้างบันไดการเมือง
ด้าน นายสุริยะใส กล่าวเพิ่มเติมว่า ความเห็นของสมาชิกพรรคส่วนใหญ่ไม่ต้องการที่จะให้ส่งผู้สมัคร และต้องการให้พรรคการเมืองใหม่ไปร่วมรณรงค์ให้ประชาชนกาในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนนในการเลือกตั้ง หรือโหวตโนกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และไม่ต้องการให้พรรคไปร่วมสังฆกรรมในการเลือกตั้งครั้งนี้ เพื่อให้กระแสโหวตโนมีพลังที่สามารถนำไปสู่การปฏิรูปการเมืองในรอบใหม่ของประเทศไทยได้ หรือเป็นบันไดขั้นแรกสู่การเปลี่ยนแปลง เพราะจะเป็นการเลือกตั้งที่ไม่เกิดประโยชน์กับประเทศไทย และการเมืองไทยที่ต้องวนเวียนจมปลักอยู่กับนักการเมืองในระบบเก่า ซึ่งเป็นแนวทางที่ตรงกับวัตถุประสงค์ในการก่อตั้งพรรคการเมืองใหม่ ซึ่งต้องการนำพาให้การเมืองของไทยหลุดพ้นจากวงจรทุจริตโกงกินซ้ำซากไปให้ได้
นายสุริยะใส ยังกล่าวยืนยันด้วยว่า การแสดงความเห็นของสมาชิกนั้นไม่ได้เป็นการชี้นำจากแกนนำพันธมิตรฯแต่อย่างไร เป็นการตัดสินใจของสมาชิกพรรคอย่างแท้จริงที่ต้องการให้การเมืองไทยเดินไปในทางที่ถูกต้องและโปร่งใส หลังจากนี้ต้องเข้ากระบวนการของกรรมการบริหารต่อไป ซึ่งตามหลักของพรรคมวลชนแล้วต้องให้ความสำคัญกับเสียงส่วนใหญ่ของสมาชิกเป็นสำคัญ
ในส่วนกระแสโหวตโนนั้น โดยตนมั่นใจว่าหากเราทำให้เกิดความตื่นตัวจนกลายเป็นกระแสสังคมได้ จะเกิดเป็นพลังที่สำคัญและพรรคการเมืองใหม่จะมีความเข้มแข็งขึ้นกว่าที่ผ่านมา เพราะหากพันธมิตรฯไปทางหนึ่ง และพรรคการเมืองใหม่ไปอีกทาง จะเป็นการเสริมให้อีกฝ่ายแข็งแกร่งมากขึ้น ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อระบอบประชาธิปไตยอันดีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
**ยันกมม.-พธม.ไม่แตกคอ
นายสุริยะใส กล่าวต่อว่า นอกจากนั้นพรรคการเมืองใหม่และพันธมิตรฯถึงเวลาที่ต้องจัดระดับความสัมพันธ์ระหว่างกันใหม่ในทุกด้าน เพราะเมื่อเดินมาถึงจุดนี้ต้องทบทวนข้อบกพร่องที่ผ่านมา และจุดอ่อนของทั้ง 2 ส่วน รวมทั้งที่สำคัญปฏิเสธไม่ได้ว่าพรรคการเมืองใหม่เกิดมาจากพันธมิตรฯ หากใครละทิ้งประวัติศาสตร์ตรงนี้ และไม่พอใจแนวทางของพรรค ก็ควรออกไปตั้งพรรคใหม่ เพราะคงอยู่พรรคนี้ลำบาก เนื่องจากพันธมิตรฯและพรรคการเมืองใหม่จะต้องเดินไปด้วยกันด้วยความเป็นเอกภาพให้มากขึ้นกว่าที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามการเกิดความขัดแย้งครั้งนี้ จนไม่สามารถส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งได้ ตนเห็นว่ากรรมการบริหารพรรคควรแสดงความรับผิดชอบ ซึ่งในการประชุมพรรคภายในสัปดาห์นี้ โดยส่วนตนจะมีการแสดงจุดยืนทางการเมือง เพื่อรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้น ในฐานะที่เป็นผู้ประสานงานพันธมิตรฯ ซึ่งอยู่ตรงกลาง แต่ไม่สามารถประสานความเข้าใจระหว่าง 2 ส่วนได้
ในส่วนบรรยากาศการประชุมวันนี้ที่เต็มไปด้วยความโกลาหลนั้น นายสุริยะใส แสดงความเห็นว่า ถือเป็นเรื่องปกติ และเป็นความงดงามของระบอบประชาธิปไตย ซึ่งมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันได้ และสมาชิกพรรคการเมืองใหม่ก็มีความเป็นประชาธิปไตยสูงและเอาจริงเอาจังในแนวทางการเมือง ไม่สามารถหาได้จากพรรคการเมืองอื่นๆ
**ยะใสแย้มเตรียมไขก๊อกแสดงจุดยืน
เมื่อถามว่าการไม่ส่งตัวผู้สมัคร ส.ส.ครั้งนี้จะเป็นจุดจบของพรรคการเมืองใหม่หรือไม่ นายสุริยะใส กล่าวว่า ไม่เป็นความจริง เพราะในทางกฎหมายพรรคการเมืองสามารถไม่ส่งผู้สมัครได้ แต่ในทางสาธารณะก็ต้องมีการชี้แจงทำความเข้าใน และโดยธรรมชาติของพรรคการเมืองใหม่ก็ไม่เหมือนพรรคการเมืองอื่นๆที่อนาคตแขวนไว้อยู่กับการเลือกตั้ง แต่มีหน้าที่ในการสร้างความตื่นตัว และความรู้ความเข้าใจในทางประชาธิปไตยให้กับประชาชน ทั้งยังมองด้วยว่า การไม่ส่งผู้สมัครครั้งนี้อาจจะทำให้พรรคการเมืองใหม่มีความเข้มแข็งมากขึ้น เนื่องจากจะมีแนวร่วมพันธมิตรฯจำนวนมากที่จะมาสมัครเป็นสมาชิกพรรค ส่วนที่จะออกจากพรรคนั้น ตนคิดว่าคงมีบ้าง แต่เป็นส่วนน้อย
รายงานข่าวแจ้งว่า ที่ผ่านมาภายหลังจากกลุ่มพันธมิตรฯยกระดับการชุมนุมสู่การรณรงค์โหวตโนนั้น นายสุริยะใสได้ปรารภกับคนใกล้ชิดว่า หากไม่สามารถหาจุดร่วมกันของทั้งพันธมิตรฯและพรรคการเมืองใหม่ได้ เห็นควรว่ากรรมการบริหารพรรคทั้งหมดควรแสดงความรับผิดชอบโดยการลาออก ซึ่งตัวเองจะแสดงความรับผิดชอบโดยการลาออกจากตำแหน่งเลขาธิการพรรค อย่างไรก็ตามหากสมาชิกพรรคไว้วางใจมอบหมายให้กลับมาดำรงตำแหน่ง ก็จะกลับมาทำหน้าที่ต่อไป
**ปานเทพยัน“โหวตโน”ไม่สนกมม.
นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า แม้ว่าพันธมิตรฯส่วนใหญ่จะไม่ใช่สมาชิกพรรคการเมืองใหม่ แต่ว่าพันธมิตรฯก็เป็นผู้ออกมติในการตั้งพรรคการเมืองแห่งนี ดังนั้นเมื่อพันธมิตรฯออกมติว่าจะรณรงค์ในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนน จึงเป็นการยื่นข้อเสนอให้กับพรรคกาเมืองใหม่ให้ถอนตัวออกจากการเลือกตั้ง เพื่อไม่ให้อยู่ในระบบการเมืองที่มีอยู่ในขณะนี้ อย่างไรก็ตามขึ้นอยู่กับมติของสมาชิกพรรคการเมืองใหม่ว่าจะพิจารณาอย่างไร ส่วนพันธมิตรฯก็ยืนยันในการเดินหน้ารณรงรงค์โหวตโนอย่างแน่นอน หากพรรคการเมืองใหม่ตัดสินใจไม่ลงเลือกตั้ง เราก็ยินดีด้วยเพราะจะได้มีแนวร่วมในการรณงค์เพิ่มมากขึ้น สามารถใช้เครือข่ายของพรรคการเมืองในการตรวจสอบทุจริตเลือกตั้งได้ด้วย ซึ่งไม่เพียงแต่พรรคการเมืองใหม่เท่านั้น หากพรรคการเมืองอื่นๆสนใจเข้าร่วมขบวนการก็มีความยินดี
“หากพรรคการเมืองใหม่ตัดสินใจ่วมในการเลือกตั้งก็เป็นเรื่องของสิทธิของพรรคการเมืองใหม่ ทางพันธมิตรฯยังยืนยันในการรรณรงค์ให้ประชาชนร่วมกาในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนนเพียงอย่างเดียว” นายปานเทพ กล่าว
**ปชป.ขอพธม.ทบทวนโหวตโน
น.พ.บุรณัชย์ กล่าวถึงกรณีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.)ยืนยันที่จะโนโหวตว่า แม้จะมีการยุบสภา แต่กลุ่มพธม.ก็ยังยืนยันที่จะชุมนุมต่อ การโนโหวตของพธม.ถือเป็นการสูญเสียครั้งสำคัญต่อการปฏิรูปประเทศ ซึ่งแนวคิดนี้เป็นแนวคิดเดิมของกลุ่มพธม.ที่ทำการเคลื่อนไหวให้ได้มา จะเห็นว่าส่วนต่างคะแนนระหว่างสองพรรคใหญ่คือพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทยมีไม่มากนัก ถ้ากลุ่มพธม.ไม่ลงคะแนนการเลือกตั้งให้ใครเลย จะถือเป็นความเสี่ยง ให้กลุ่มการเมืองอื่นที่มีการเคลื่อนไหวติดสินแทน จึงอยากให้พธม.ได้คิดและทบทวนอีกครั้ง
วานนี้ (24 เม.ย.) ที่สมาคมจีนโผวเล้งแห่งประเทศไทย ถ.สาธุประดิษฐ์ ได้มีการประชุมใหญ่สามัญประจำปีของพรรคการเมืองใหม่ ซึ่งมีวาระการประชุมที่น่าสนใจการลงมติส่งหรือไม่ส่งผ็สมัครลงเลือกตั้งในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น โดยมีผู้บริหารพรรคเข้าประชุมอย่างพร้อมเพรียง นำโดย นายสมศักดิ์ โกศัยสุข หัวหน้าพรรค นายพิเชษฐ พัฒนโชติ รองหัวหน้าพรรค นายนายสำราญ รอดเพชร รองหัวหน้าพรรคและโฆษกพรรค และนายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการพรรค เป็นต้น รวมไปถึงในส่วนของสมาชิกพรรคที่เข้าร่วมการประชุมราว 2,000 คนจนแน่นห้องประชุมที่จัดเตรียมไว้ และมีบางส่วนที่ต้องออกมาคอยที่หน้าประชุม
ช่วงเช้านั้น เป็นวาระการประชุมเพื่อรับรองผลการดำเนินงานตลอดปีของพรรค การลาออกของกรรมการบริหารพรรค การรับรองงบการเงินปี 2553 รวมไปถึงการเปิดโอกาสให้สมาชิกแสดงความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ
สำหรับบรรยากาศการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2554 ของพรรคการเมืองใหม่ ซึ่งมีนายสมศักดิ์ ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ภายหลังจากการประชุมตามระเบียบวาระการประชุมเสร็จสิ้นลง และเข้าสู่การพิจารณาวาระอื่นๆ ซึ่งมีการเสนอให้มีการลงมติเพื่อตัดสินว่าพรรคการเมืองใหม่จะส่งตัวผู้สมัครลงเลือกตั้งหรือไม่ โดยได้เปิดให้สมาชิกร่วมอภิปรายถึงเหตุและผลในการส่งผู้สมัครหรือไม่
โดยเวลาประมาณ 12.00 น. ในระหว่างการเปิดโอกาสให้สมาชิกแสดงความคิดเห็น นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการพรรค ได้ให้เจ้าหน้าที่พรรคเชิญสื่อมวลชนเข้ามาในที่ประชุม แต่เมื่อสื่อมวลชนเข้ามาแล้ว นายสมศักดิ์ซึ่งทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมกลับเชิญสื่อมวลชนออกจากห้องประชุม โดยให้เหตุผลว่ายังเป็นการประชุมภายในอยู่ ทำให้สื่อมวลชนส่วนใหญ่ไม่พอใจและเดินทางกลับทันที
ทั้งนี้การประชุมเป็นไปอย่างตรึงเครียด มีการแสดงความคิดเห็นอย่างดุเดือด โดยสมาชิกส่วนใหญ่เห็นควรให้ไม่ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้ง และร่วมรณรงโหวตโนกับพันธมิตรฯ โดยบางส่วนยังได้มีการโจมตีการทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมของนายสมศักดิ์ ว่าพยายามดึงเกมถ่วงเวลา และพยายามให้มีผู้อภิปรายชี้นำสมาชิกพรรค ด้านนายสมศักดิ์อ้างว่า ตนพยายามให้สมาชิกได้อภิปรายอย่างกว้างขวาง เพื่อขจัดความขัดแย้ง และขอทำความเข้าใจกับสมาชิกว่าวาระการประชุมนั้นเป็นการลงมติเพื่อส่งหรือไม่ส่งผุ้สมัคร มิใช่การลงมติเพื่อร่วมรณรงค์โหวตโนหรือไม่
ต่อมา นายสมบัติ เบญจศิริมงคล กรรมการบริหารพรรค ได้ขอความร่วมมทือให้สมาชิกในที่ประชุมใช้เหตุและผล รวมทั้งให้อยู่ในความสงบ เสนอให้กรรมการบริหารพรรคเป็นผู้ตัดสินใจแทนการลงมติของสมาชิกพรรค ส่งผลทำให้สมาชิกจำนวนมากประท้วงโดยการเดินออกจากห้องประชุม ทำให้นายสุริยะใส ต้องขอร้องให้สมาชิกที่กลับเข้าร่วมการประชุม และแสดงจุดยืนส่วนตัวว่า ไม่มีสิ่งใดสำคัญกว่าเสียงของสมาชิกทั่วประเทศ โดยพรรคการเมืองใหม่กับพันธมิตรฯไม่เป็นศัตรูกัน สมาชิกจึงกลับเข้าร่วมการประชุม และดำเนินต่อไปได้
จนเมื่อเวลาประมาณ 12.50 น. นายสมศักดิ์ ได้นำที่ประชุมเข้าสู่การลงมติว่าจะส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งหรือไม่ โดยใช้วิธีการยกมือ ปรากฎว่าสมาชิกพรรคที่อยู่ในห้องประชุมส่วนใหญ่ยกมือแสดงความเห็นไม่ให้พรรคการเมืองใหม่ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้ง เป็นที่น่าสังเกตว่ามีเพียงสมาชิกบางส่วนที่นั่งอยู่แถวหน้าของที่ประชุมเท่านั้นที่ยกมือเห็นควรให้ส่งผู้สมัคร จากนั้นนายสมศักดิ์ได้สั่งปิดประชุมทันทีในเวลา 13.00 น.
**ส่วนใหญ่หนุนไม่ส่งผู้สมัครท่วมท้น
ภายหลังการประชุม นายสมศักดิ์ แถลงข่าวกับสื่อมวลชนว่า ในการประชุมวันนี้สมาชิกพรรคมีเสียงส่วนใหญ่ไม่ต้องการให้พรรคการเมืองใหม่ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้ง ถือว่าเป็นจุดยืนของพรรคนเบื้องต้น แต่ตาม พ.ร.บ.พรรคการเมือง จำเป็นต้องนำความเห็นของสมาชิกเข้าสู่การหารือของกรรมการบริหารพรรคเพื่อออกมาเป็นมติอีกครั้ง ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนภายใน 7 วัน ก่อนรายงานให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทราบอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามไม่ว่ามติจะออกมาอย่างไรก็ไม่มีผลต่อความเป็นพรรคการเมือง แม้ว่าไม่ส่งผู้สมัครพรรคการเมืองใหม่ก็สามารถดำเนินการในฐานะพรรคการเมืองต่อไปได้ ซึ่ง พ.ร.บ.พรรคการเมือง ได้กำหนดให้ภายใน 8 ปีพรรคการเมืองทุกพรรคยังคงดำรงความเป็นพรรคไว้อยู่ แม้จะไม่ส่งผู้สมัครก็ตาม แต่ต้องมีการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองตามกฎหมาย มีเพียงการไม่ได้รับเงินสนับสนุนพรรคการเมืองจาก กกต.เท่านั้น
**หนุนโหวตโนสร้างบันไดการเมือง
ด้าน นายสุริยะใส กล่าวเพิ่มเติมว่า ความเห็นของสมาชิกพรรคส่วนใหญ่ไม่ต้องการที่จะให้ส่งผู้สมัคร และต้องการให้พรรคการเมืองใหม่ไปร่วมรณรงค์ให้ประชาชนกาในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนนในการเลือกตั้ง หรือโหวตโนกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และไม่ต้องการให้พรรคไปร่วมสังฆกรรมในการเลือกตั้งครั้งนี้ เพื่อให้กระแสโหวตโนมีพลังที่สามารถนำไปสู่การปฏิรูปการเมืองในรอบใหม่ของประเทศไทยได้ หรือเป็นบันไดขั้นแรกสู่การเปลี่ยนแปลง เพราะจะเป็นการเลือกตั้งที่ไม่เกิดประโยชน์กับประเทศไทย และการเมืองไทยที่ต้องวนเวียนจมปลักอยู่กับนักการเมืองในระบบเก่า ซึ่งเป็นแนวทางที่ตรงกับวัตถุประสงค์ในการก่อตั้งพรรคการเมืองใหม่ ซึ่งต้องการนำพาให้การเมืองของไทยหลุดพ้นจากวงจรทุจริตโกงกินซ้ำซากไปให้ได้
นายสุริยะใส ยังกล่าวยืนยันด้วยว่า การแสดงความเห็นของสมาชิกนั้นไม่ได้เป็นการชี้นำจากแกนนำพันธมิตรฯแต่อย่างไร เป็นการตัดสินใจของสมาชิกพรรคอย่างแท้จริงที่ต้องการให้การเมืองไทยเดินไปในทางที่ถูกต้องและโปร่งใส หลังจากนี้ต้องเข้ากระบวนการของกรรมการบริหารต่อไป ซึ่งตามหลักของพรรคมวลชนแล้วต้องให้ความสำคัญกับเสียงส่วนใหญ่ของสมาชิกเป็นสำคัญ
ในส่วนกระแสโหวตโนนั้น โดยตนมั่นใจว่าหากเราทำให้เกิดความตื่นตัวจนกลายเป็นกระแสสังคมได้ จะเกิดเป็นพลังที่สำคัญและพรรคการเมืองใหม่จะมีความเข้มแข็งขึ้นกว่าที่ผ่านมา เพราะหากพันธมิตรฯไปทางหนึ่ง และพรรคการเมืองใหม่ไปอีกทาง จะเป็นการเสริมให้อีกฝ่ายแข็งแกร่งมากขึ้น ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อระบอบประชาธิปไตยอันดีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
**ยันกมม.-พธม.ไม่แตกคอ
นายสุริยะใส กล่าวต่อว่า นอกจากนั้นพรรคการเมืองใหม่และพันธมิตรฯถึงเวลาที่ต้องจัดระดับความสัมพันธ์ระหว่างกันใหม่ในทุกด้าน เพราะเมื่อเดินมาถึงจุดนี้ต้องทบทวนข้อบกพร่องที่ผ่านมา และจุดอ่อนของทั้ง 2 ส่วน รวมทั้งที่สำคัญปฏิเสธไม่ได้ว่าพรรคการเมืองใหม่เกิดมาจากพันธมิตรฯ หากใครละทิ้งประวัติศาสตร์ตรงนี้ และไม่พอใจแนวทางของพรรค ก็ควรออกไปตั้งพรรคใหม่ เพราะคงอยู่พรรคนี้ลำบาก เนื่องจากพันธมิตรฯและพรรคการเมืองใหม่จะต้องเดินไปด้วยกันด้วยความเป็นเอกภาพให้มากขึ้นกว่าที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามการเกิดความขัดแย้งครั้งนี้ จนไม่สามารถส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งได้ ตนเห็นว่ากรรมการบริหารพรรคควรแสดงความรับผิดชอบ ซึ่งในการประชุมพรรคภายในสัปดาห์นี้ โดยส่วนตนจะมีการแสดงจุดยืนทางการเมือง เพื่อรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้น ในฐานะที่เป็นผู้ประสานงานพันธมิตรฯ ซึ่งอยู่ตรงกลาง แต่ไม่สามารถประสานความเข้าใจระหว่าง 2 ส่วนได้
ในส่วนบรรยากาศการประชุมวันนี้ที่เต็มไปด้วยความโกลาหลนั้น นายสุริยะใส แสดงความเห็นว่า ถือเป็นเรื่องปกติ และเป็นความงดงามของระบอบประชาธิปไตย ซึ่งมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันได้ และสมาชิกพรรคการเมืองใหม่ก็มีความเป็นประชาธิปไตยสูงและเอาจริงเอาจังในแนวทางการเมือง ไม่สามารถหาได้จากพรรคการเมืองอื่นๆ
**ยะใสแย้มเตรียมไขก๊อกแสดงจุดยืน
เมื่อถามว่าการไม่ส่งตัวผู้สมัคร ส.ส.ครั้งนี้จะเป็นจุดจบของพรรคการเมืองใหม่หรือไม่ นายสุริยะใส กล่าวว่า ไม่เป็นความจริง เพราะในทางกฎหมายพรรคการเมืองสามารถไม่ส่งผู้สมัครได้ แต่ในทางสาธารณะก็ต้องมีการชี้แจงทำความเข้าใน และโดยธรรมชาติของพรรคการเมืองใหม่ก็ไม่เหมือนพรรคการเมืองอื่นๆที่อนาคตแขวนไว้อยู่กับการเลือกตั้ง แต่มีหน้าที่ในการสร้างความตื่นตัว และความรู้ความเข้าใจในทางประชาธิปไตยให้กับประชาชน ทั้งยังมองด้วยว่า การไม่ส่งผู้สมัครครั้งนี้อาจจะทำให้พรรคการเมืองใหม่มีความเข้มแข็งมากขึ้น เนื่องจากจะมีแนวร่วมพันธมิตรฯจำนวนมากที่จะมาสมัครเป็นสมาชิกพรรค ส่วนที่จะออกจากพรรคนั้น ตนคิดว่าคงมีบ้าง แต่เป็นส่วนน้อย
รายงานข่าวแจ้งว่า ที่ผ่านมาภายหลังจากกลุ่มพันธมิตรฯยกระดับการชุมนุมสู่การรณรงค์โหวตโนนั้น นายสุริยะใสได้ปรารภกับคนใกล้ชิดว่า หากไม่สามารถหาจุดร่วมกันของทั้งพันธมิตรฯและพรรคการเมืองใหม่ได้ เห็นควรว่ากรรมการบริหารพรรคทั้งหมดควรแสดงความรับผิดชอบโดยการลาออก ซึ่งตัวเองจะแสดงความรับผิดชอบโดยการลาออกจากตำแหน่งเลขาธิการพรรค อย่างไรก็ตามหากสมาชิกพรรคไว้วางใจมอบหมายให้กลับมาดำรงตำแหน่ง ก็จะกลับมาทำหน้าที่ต่อไป
**ปานเทพยัน“โหวตโน”ไม่สนกมม.
นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า แม้ว่าพันธมิตรฯส่วนใหญ่จะไม่ใช่สมาชิกพรรคการเมืองใหม่ แต่ว่าพันธมิตรฯก็เป็นผู้ออกมติในการตั้งพรรคการเมืองแห่งนี ดังนั้นเมื่อพันธมิตรฯออกมติว่าจะรณรงค์ในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนน จึงเป็นการยื่นข้อเสนอให้กับพรรคกาเมืองใหม่ให้ถอนตัวออกจากการเลือกตั้ง เพื่อไม่ให้อยู่ในระบบการเมืองที่มีอยู่ในขณะนี้ อย่างไรก็ตามขึ้นอยู่กับมติของสมาชิกพรรคการเมืองใหม่ว่าจะพิจารณาอย่างไร ส่วนพันธมิตรฯก็ยืนยันในการเดินหน้ารณรงรงค์โหวตโนอย่างแน่นอน หากพรรคการเมืองใหม่ตัดสินใจไม่ลงเลือกตั้ง เราก็ยินดีด้วยเพราะจะได้มีแนวร่วมในการรณงค์เพิ่มมากขึ้น สามารถใช้เครือข่ายของพรรคการเมืองในการตรวจสอบทุจริตเลือกตั้งได้ด้วย ซึ่งไม่เพียงแต่พรรคการเมืองใหม่เท่านั้น หากพรรคการเมืองอื่นๆสนใจเข้าร่วมขบวนการก็มีความยินดี
“หากพรรคการเมืองใหม่ตัดสินใจ่วมในการเลือกตั้งก็เป็นเรื่องของสิทธิของพรรคการเมืองใหม่ ทางพันธมิตรฯยังยืนยันในการรรณรงค์ให้ประชาชนร่วมกาในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนนเพียงอย่างเดียว” นายปานเทพ กล่าว
**ปชป.ขอพธม.ทบทวนโหวตโน
น.พ.บุรณัชย์ กล่าวถึงกรณีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.)ยืนยันที่จะโนโหวตว่า แม้จะมีการยุบสภา แต่กลุ่มพธม.ก็ยังยืนยันที่จะชุมนุมต่อ การโนโหวตของพธม.ถือเป็นการสูญเสียครั้งสำคัญต่อการปฏิรูปประเทศ ซึ่งแนวคิดนี้เป็นแนวคิดเดิมของกลุ่มพธม.ที่ทำการเคลื่อนไหวให้ได้มา จะเห็นว่าส่วนต่างคะแนนระหว่างสองพรรคใหญ่คือพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทยมีไม่มากนัก ถ้ากลุ่มพธม.ไม่ลงคะแนนการเลือกตั้งให้ใครเลย จะถือเป็นความเสี่ยง ให้กลุ่มการเมืองอื่นที่มีการเคลื่อนไหวติดสินแทน จึงอยากให้พธม.ได้คิดและทบทวนอีกครั้ง