โฆษกพันธมิตรฯ ถาม ปชป.ดูแคลนพันธมิตรฯ ไฉนวิตก “โหวตโน” ชี้ส่อโกงไม่ต่างแก๊ง “แม้ว” ยันไม่ว่าขั้วไหนก็ไม่ใช่ทางออกประเทศไทย ลั่นไม่ออกเสียงหวังสงวนสิทธิถูกแอบอ้างใช้เป็นคะแนนเสียงเพื่อโกงชาติ รับตั้ง ส.ส.ร.-ปฏิรูปการเมืองเรื่องดี แต่นักการเมืองกลับไร้ความจริงใจ ยินดีพรรคอื่นร่วมขบวน คาดมติ กก.บห.การเมืองใหม่คงไม่เพี้ยนมติสมาชิกพรรค
วันนี้ (25 เม.ย.) ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงกรณีที่ นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาเรียกร้องให้พันธมิตรฯ ทบทวนการรณรงค์ “โหวตโน” เนื่องจากอาจเป็นการเปิดโอกาสให้พรรคเพื่อไทย และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผู้ต้องหาก่อการร้าย กลับมามีอำนาจอีกครั้ง ว่า ก่อนหน้านี้พรรคประชาธิปัตย์ดูแคลนกลุ่มพันธมิตรฯ มาตลอดว่าเป็นเสียงส่วนน้อย และพยายามสลายการชุมนุมหลายครั้ง ใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ข่มขู่ผู้ชุมนุม ซึ่งหากพรรคประชาธิปัตย์คิดเช่นนี้ เหตุใดจึงต้องมาหวั่นไหวต่อกระแสโหวตโน แต่เมื่ออยากได้คะแนนกลับแสดงความวิตกและเรียกร้องมายังภาคประชาชน อย่างไรก็ตาม เราเห็นว่า พรรคเพื่อไทย หรือพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้มีความแตกต่างกัน เพราะตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งมีพรรคร่วมรัฐบาลที่มีพฤติกรรมส่อไปในทางทุจริตคอร์รัปชัน ไม่สนในปัญหาปากท้องประชาชน และการปกป้องดินแดนอธิปไตยของชาติ รวมทั้งการไม่จัดการขบวนการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และการเผาบ้านเผาเมือง ซึ่งถือเป็นความล้มเหลวของพรรคประชาธิปัตย์ เช่นเดียวกับพรรคเพื่อไทยที่มีมวลชนบางกลุ่มมีเจตนาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครอง และให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของสถาบันพระมหากษัตริย์ รวมทั้งยังมีบางปีกที่ต้องการช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยการสร้างความรุนแรง
“การเมืองไม่ว่าขั้วไหนไม่เป็นทางออกของประเทศแม้แต่น้อย จึงไม่เกิดประโยชน์ที่ประชาชนจะไปเลือกนักการเมืองทั้ง 2 ขั้ว การที่ออกมาบอกว่าหากไม่เลือกพรรคประชาธิปัตย์ พรรคเพื่อไทยมาแน่นั้น ต้องบอกว่าเราไม่ใช่คนที่เลือก เราเป็นเพียงกลุ่มคนที่สงวนสิทธิต่อต้านระบบการเมืองที่มีปัญหาเท่านั้น และถือว่าเสียงที่สงวนสิทธินี้ไม่สามารถที่ฝ่ายใดจะนำไปแอบอ้างเพื่อเป็นคะแนนเสียงของตัวเอง แล้วไปทำร้ายประเทศไทยด้วยการโกงบ้านโกงเมืองได้ แต่เป็นเสียงที่ต้องการให้เกิดการปฏิรูปการเมือง” นายปานเทพกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีพรรคการเมืองใดนำเรื่องการปฏิรูปการเมืองและการจัดตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) มาเป็นนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้ง กลุ่มพันธมิตรฯ จะปรับแนวทางมาให้การสนับสนุนหรือไม่ โฆษกพันธมิตรฯ กล่าวว่า ถือว่าเป็นแนวคิดที่ดี แต่หากย้อนไปเมื่อปี 49 จะพบว่า นักการเมืองทั้ง 2 ขั้วการเมืองใหญ่ โดย พ.ต.ท.ทักษิณ และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ต่างออกมาเรียกร้องในการปฏิรูปการเมืองมาก่อน แต่เวลาผ่านมาผลลัพธ์ไม่มีความจริงใจแม้แต่น้อย มีความพยายามในการแก้ไขและนำรัฐธรรมนูญมาใช้เพื่อผลประโยชน์ของฝ่ายตัวเองเท่านั้น ถือเป็นความล้มเหลวที่ชี้ว่านักการเมืองไม่สามารถปฏิรูปตัวเองได้ ต้องมีกลุ่มบุคคลอื่นที่แสดงพลังให้เกิดการเปลี่ยนแปลง และสั่งสอนให้นักการเมืองได้รับบทเรียน ให้รู้จักปรับปรุงตัวเอง
ในส่วนกรณีที่ลงคะแนนแสดงความคิดเห็นของสมาชิกพรรคการเมืองใหม่ที่ไม่ต้องการให้พรรคส่งผู้สมัครเลือกตั้งนั้น นายปานเทพกล่าวว่า ถือเป็นข่าวดี และมีการแสดงความเห็นอย่างเป็นเอกภาพ เมื่อเสียงส่วนมากเห็นสมควรไม่ให้พรรคส่งผู้สมัคร ซึ่งพวกเราก็มีความยินดีอย่างยิ่งที่จะได้แนวร่วมจากพรรคการเมืองใหม่มาร่วมรณรงค์โหวตโน ซึ่งเราไม่ได้ยินดีเฉพาะพรรคการเมืองใหม่ เพราะหากพรรคการเมืองใดเห็นว่าแนวทางนี้เป็นประโยชน์ต่อประเทศ ขอเชิญออกจากการเลือกตั้ง และมาร่วมรณรงค์กับภาคประชาชน ทั้งนี้ ในส่วนของพรรคการเมืองใหม่นั้นต้องรอให้มีมติของกรรมการบริหารพรรคออกมาอย่างเป็นทางการตามขั้นตอนทางกฎหมายอีกครั้ง ซึ่งคงไม่มีอะไรผิดแผกไปจากเสียงส่วนใหญ่ของมวลสมาชิก และเมื่อมีแนวทางที่ตรงกันแล้ว เราก็จะเปิดให้สมาชิกพรรคการเมืองใหม่มาขึ้นเวทีปราศรัยได้เป็นปกติ เพราะถือเป็นการรณรงค์ที่ไม่ได้ต้องการประโยชน์ส่วนตัว ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนในเรื่องของคะแนนเสียง หรือการเข้าสู่อำนาจรัฐ จึงยินดีต้อนรับ และยินดีที่ไม่มีความขัดแย้ง โดยจะดำเนินการอย่างเป็นเอกภาพต่อไป