“สนธิ”ย้ำมวลชนพันธมิตรฯ คือเจ้าของ “ก.ม.ม.” แนะย้อนดูวันตั้งพรรค พูดชัดเจนต้องเป็นเครื่องมือของพันธมิตรฯ ถ้าไม่อยู่ในร่องรอยที่พี่น้องเห็นชอบมีสิทธิโดนคว่ำ ยันหากส่งคนลงสมัคร ตัดหางปล่อยวัดทันที แนะร่วมรณรงค์โหวตโน ล้างการเมืองชั่ว รอเลือกตั้งในอนาคตดีกว่า เย้ย ปชป.กลัวทำไมโหวตโน อยากได้เสียงเพิ่มต้องเลิกโกหก
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง "รวมพลัง ปกป้องแผ่นดิน" ปราศรัยโดย "นายสนธิ ลิ้มทองกุล"
เวลา 21.05 น. วันที่ 20 เม.ย.นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นกล่าวปราศรัยที่เวทีสะพานมัฆวานรังสรรค์ ระหว่างการชุมนุม “รวมพลังปกป้องแผ่นดิน” ว่า ขณะนี้มีขบวนการทำลายชื่อเสียงของพันธมิตรฯ ด้วยวิธีการต่างๆ นานา โดยวันนี้มีจดหมายของผู้ที่ใช้ชื่อว่า “เตี้ยบางลำพู” ไปลงหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ แต่งนิยายเป็นเรื่องเป็นราวว่า ได้เห็นคำนายของสมณรูปหนึ่งว่า ตนกับ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง จะแตกแยกกัน และในที่สุดคำทำนายนั้นใกล้จะเป็นจริงแล้ว เพราะตนเดินทางไปรับเงินทักษิณ ชินวัตรที่คูเวต และไปพบกับคุณหญิงอ้อบนเครื่องบินระหว่างไปฮ่องกง ซึ่งไม่เป็นเรื่อง แต่หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ก็เอามาลงหมด
หลังจากนั้น นายสนธิได้กล่าวถึงพรรคการเมืองใหม่ว่า มีหลายคนที่เคยเป็นเพื่อนเราบอกว่าการที่แกนนำพันธมิตรฯ ทำตัวเป็นเจ้าของพรรคการเมืองใหม่ก็ไม่ต่างจากพรรคการเมืองอื่นที่มีนายทุนเป็นเจ้าของพรรค ซึ่งคนที่พูดแบบนี้ไม่เข้าใจ ทุกพรรคการเมืองต้องมีเจ้าของอยู่แล้ว แต่พรรคการเมืองใหม่มีเจ้าของคือมวลชนพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยที่พี่น้องได้มอบหมายให้แกนนำพันธมิตรฯ ไปรับผิดชอบดูแลพรรคการเมืองใหม่
“ถ้าความจำยังไม่เสื่อม ใครก็ตามที่พูดเรื่องนี้ ให้ไปดูวันที่เราตั้งพรรค เราพูดชัดเจนว่าพรรคการเมืองใหม่เป็นเครื่องมือของพันธมิตรฯ เราไม่เคยพูดเลยว่าพรรคการเมืองใหม่เป็นอิสระ และเราเคยพูดว่าถ้าพรรคการเมืองใหม่ไม่อยู่ในร่องรอยที่พันธมิตรฯ เห็นชอบ พันธมิตรฯ ก็มีสิทธิคว่ำพรรคการเมืองใหม่ เพราะฉะนั้นอย่าได้เข้าใจผิด จุดยืนตรงนี้ของเราไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลย
“วันแรกที่ผมยอมเป็นหัวหน้าพรรค เบื้องหลังจริงๆ ก็คือ มีแต่คนอยากเป็นหัวหน้าพรรค พากันวิ่งเต้น สายตะวันออกก็วิ่งเต้น สายเหนือก็วิ่งเต้น สายอีสานก็วิ่งเต้น สายใต้ก็วิ่งเต้น ทุกคนวิ่งเต้นไม่มีใครยอมใคร แต่ถ้าเสนอผม ทุกคนยอมหมด ผมเลยเข้าไปเป็นหัวหน้าพรรคให้ แต่ผมได้ประกาศไว้เป็นสัจวาจาแล้วว่าจะเป็นให้แค่ชั่วคราว แล้วเมื่อครบกำหนดเวลาที่ต้องไป ผมก็ลาออก เมื่อผมลาออก็มีคนอยากเป็นหลายคน รวมทั้งพี่สมศักดิ์ โกศัยสุข ผมก็ถามว่า พื่อยากเป็นหรือ พี่สมศักดิ์ก็บอกว่าอยากเป็น ก็เอาหละเมื่อพี่สมศักดิ์อยากเป็น ก็ส่งไปในฐานะแกนนำพันธมิตรฯ แล้วก็มีสัญญาว่าจะเป็นชั่วคราว เมื่อเลือกตั้งเสร็จแล้วก็ลาออก แล้วหาคนอื่นมา พี่สมศักดิ์ก็รับปาก
“ไปๆ มาๆ วันนี้ กลายเป็นมาหาว่าเราไปบีบพรรคการเมืองใหม่ ทำให้พรรคการเมืองใหม่ตัดสินใจไม่ได้ด้วยตัวเอง ลืมไปเลยว่าพรรคการเมืองใหม่เกิดขึ้นเพราะใคร ถึงเราไม่บอกว่าพรรคการเมืองใหม่เป็นของพันธมิตร แต่ในข้อเท็จจริงมันเป็นเช่นนั้นจริงๆ เพราะฉะนั้น เพื่อความเข้าใจทุกประการ เราต้องอธิบายเสียก่อน”
นายสนธิ กล่าวต่อว่า หลายคนไปใช้ทฤษฎีการเมืองบ้าบอ บอกว่า “โหวตโน” ไม่เป็นประชาธิปไตย ทำลายพรรคการเมือง จะทำลายได้อย่างไร มันเป็นสิทธิของผู้เลือกตั้งที่เขาไม่พอใจจะเลือกใคร จะเป็นเผด็จการได้อย่างไร เหมือนในวงกินข้าวที่เราได้รับเชิญไป เราไม่ชอบเจ้าภาพก็เป็นสิทธิของเราที่จะไม่กิน แต่เราไปนั่งตามคำเชิญแค่นั้น การโหวตโนไม่เป็นประชาธิปไตตรงไหนก็ในเมื่อมันคือการแสดงความไม่พอใจต่อการเมืองแบบเก่า ถ้าเราไม่โหวตโน จะให้โหวตให้พรรคการเมืองใหม่หรือพรรคประชาธิปัตย์หรือ เพราะวัตถุประสงค์ของพันธมิตรฯ และประชาชนผู้รักชาติวันนี้ คือให้ปฏิรูปการเมืองเสียใหม่ ไม่ต้องการอัปรีย์ไปจัญไรมา มันเป็นช่องทางเดียวที่จะแสดงออก
นายสนธิ กล่าวถึงการประชุมพรรคการเมืองใหม่ในวันที่ 24 เม.ย.นี้ว่า ที่ประชุมมีมากมายหลายที่ ทำไมเลือกประชุมในที่ที่ไปยาก แต่ไม่เป็นไร ตนอยากเตือนสติผู้บริหารพรรคและประธานสาขาพรรคที่กระสันต์จะลงเลือกตั้ง จริงอยู่คุณมีสิทธิตามกฎหมายที่จะส่งคนลงเลือกตั้ง แต่เมื่อถึงวันนั้นจะมาว่าพวกเราไม่ได้ ถ้าเราจะตัดหางปล่อยวัดให้เด็ดขาด แล้วให้มันรู้ไปว่าจะมีพันธมิตรฯ กี่คนที่ลงคะแนนให้ ต้องขอบคุณนายสำราญ รอดเพชร นายสุริยะใส กตะศิลา ที่บอกว่าเจ็บปวดทั้งสองอย่าง แต่จริงๆ แล้ว ไม่มีอะไรต้องเจ็บปวด จะเสียหายตรงไหนถ้าไม่ลงเลือกตั้ง แล้วมารณรงค์โหวตโน เพื่อให้มีการปฏิรูปการเมือง ให้พรรคการเมืองใหม่มีอนาคตที่ดีกว่าในการเลือกตั้งครั้งต่อไปไม่ดีกว่าหรือ
“กระสันต์อยากเป็น ส.ส.นักเหรอ ลาภยศมันไม่เข้าใครออกใครจริงๆ แม้แต่ตำแหน่ง ส.ส.ระยำก็ยังอยากเป็น จนลืมอุดมการณ์ทุกอย่าง เป็นไปได้ยังไง ไม่น่าจะเป็นไปได้สำหรับคนที่เคยยืนอยู่บนเวทีพันธมิตรฯ”
นายสนธิ กล่าวต่อว่า ทำไมถึงเดือดร้อนเรื่องโหวตโนกันนัก พรรคประชาธิปัตย์ถึงกับให้สุนัขรับใช้ออกรายการวิทยุ เขียนลงหนังสือพิมพ์ ต่อต้านโหวตโน ถ้าคุณมีคนรักพรรคคุณมากมายจริงๆ จะเดือดร้อนอะไรกับโหวตโน แสดงว่าคุณห้อยโหนเรามาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ตอนที่พรรคประชาธิปัตย์สู้กับไทยรักไทย จะเห็นว่าประชาธิปัตย์มีคนลงคะแนนให้ 5 ล้านกว่าคน แต่พอหลังจากพันธมิตรฯ ออกมาต่อสู้ การเลือกตั้งครั้งต่อมา ประชาธิปัตย์ได้ 10 กว่าล้านคน เพราะฉะนั้นถ้าตัด 5 ล้านเสียงที่ประชาธิปัตย์เคยได้ออกไป 6-7 ล้านคนที่เพิ่มขึ้นมาก็คือเสียงของพวกเรานั่นเอง
“เพราะฉะนั้นถ้าพรรคประชาธิปัตย์อยากได้เสียงของพวกเราก็ไม่ยาก ให้เลิกโกหก เลิกทำตัวลงต่ำเสียที รักษาชาติรักษาแผ่นดินอย่างจริงจังเสียที เลิกตอแหลรายวัน ขจัดคอร์รัปชั่น จัดการพวกล้มเจ้าเสียที ไม่เห็นจะยากตรงไหน สิ่งที่เราขอมันเป็นเรื่องที่ต้องทำอยู่แล้ว ไม่ต้องจับคนยิงผมก็ไม่เป็นไร แต่ขอให้เอาแผ่นดินไทยคืนมา แล้วจะมาเดือดร้อนอะไรกับโหวตโน”นายสนธิกล่าว