xs
xsm
sm
md
lg

จวกรัฐ-กองทัพบ้อท่า บี้เลิกMOU-ปิดด่าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน- พันธมิตรฯ จวก "รัฐบาล- กองทัพ" บ้อท่า ต่างโยนกลองกันไปมา ปล่อยเขมรฉีกข้อตกลง รุกล้ำแดนไทย เตือนกองทัพระวังโดนข้อหาละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ส่วนรัฐบาลลอยตัว จี้ ผบ.ทบ.ไล่เขมร พ้นพื้นที่ 4.6 ตร.กม.ด่วน อย่าปล่อยให้ยืดเยื้อ "จำลอง" ย้ำต้องเลิกเอ็มโอยู 43 ปิดด่านกดดัน

นายประพันธ์ คูณมี โฆษกคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย เปิดเผยถึงเหตุการณ์ปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งเกิดขึ้นเป็นวันที่ 4 ติดต่อกันว่า ฝ่ายกัมพูชาจงใจยั่วยุ และต้องการให้เกิดการปะทะ เพื่อประกาศให้ชาวโลกรู้ว่าพื้นที่ปราสาทต่างๆ เหล่านั้น เป็นของกัมพูชา ตามแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 2 แสน

อย่างไรก็ตาม ยังมีความน่าแปลกใจว่า เหตุใดจึงเกิดการปะทะขึ้น ทั้งที่ฝ่ายทหารไทย และกัมพูชา ที่ประจำการอยู่บริเวณนั้นมีความสัมพันธ์อันดี และชาวบ้านก็มีการไปมาหาสู่กันตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝ่ายทหารไทย และกัมพูชาได้มีข้อตกลงร่วมกัน จากเมื่อครั้งเหตุการณ์ปะทะที่ อ.กันทรลักษ์ จ. ศรีสะเกษ ช่วงเดือนก.พ.ที่ผ่านมา รวมไปถึง เอ็มโอยู 2543 ที่ระบุให้ทั้งสองฝ่าย มีการประสานงานกันหากมีความขัดแย้งขึ้น โดยใช้สันติวิธี
"กลายเป็นว่าทั้งเอ็มโอยู 2543 และข้อตกลงที่ไปเจรจากันมานั้น กัมพูชาก็ฉีกทิ้งโดยไม่เคารพ และจงใจใช้กำลังมารุกรานประเทศไทย"

นายประพันธ์กล่าวอีกว่า รัฐบาลไทยก็ทราบดีว่ากัมพูชาต้องการให้เกิดเหตุปะทะ เพื่อดึงประเทศที่ 3 เข้ามาเกี่ยวข้อง เป็นกลยุทธ์ในการยึดครองแผ่นดินไทย แต่รัฐบาลกลับปล่อยให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นโดยไม่ได้มีมาตรการตอบโต้ในชิงรุก ทำให้กัมพูชาเหิมเกริม ใช้กำลังทหารเข้ามาโจมตี และทำร้ายราษฎรไทย

ส่วนกองทัพก็ออกมาบอกเพียงว่า ต้องรอฟังคำสั่งจากรัฐบาล ทั้งที่มีหน้าที่โดยตรงในการปกป้องอธิปไตยของชาติ ตามรัฐธรรมนูญ และมีศักยภาพที่เหนือกว่ากัมพูชา โดยเฉพาะบริเวณดังกล่าวอยู่ระหว่างการประกาศกฎอัยการศึก และทหารมีอำนาจสูงสุดในพื้นที่ตรงนั้น ทำให้กองทัพอาจต้องตกเป็นจำเลยในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ได้ เพราะเมื่อถึงเวลานั้นรัฐบาลก็จะปัดความรับผิดชอบ โดยบอกว่ารัฐบาลมีนโยบายที่ชัดเจนในการปกป้องอธิปไตยของชาติ ดังนั้น ทหารไม่จำเป็นต้องมารอคำสั่ง สามารถทำหน้าที่ปกป้อง และรุกไล่ข้าศึกออกไปได้ทันที

"รัฐบาลและกองทัพ พยายามโยนความผิด ปัดความรับผิดชอบให้กัน สร้างความสับสนให้กับประชาชน เพราะฝ่ายรัฐบาล ก็ต้องมีความชัดเจนในเรื่องนโยบาย ส่วนฝ่ายทหารในฐานะฝ่ายปฏิบัติการ ก็มีหน้าที่ปกป้องดินแดนอธิปไตยของชาติ โดยไม่ต้องรอคำสั่งจากรัฐบาล ซึ่งเป็นฝ่ายนโยบาย"นายประพันธ์กล่าว

อย่างไรก็ตาม ท่าทีของกองทัพโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.นั้น ชัดเจนว่า ไม่เห็นด้วยกับการส่งผู้สังเกตการณ์จากอินโดนีเซีย เข้ามาบริเวณพื้นที่รอบปราสาทพระวิหาร โดยระบุให้ทหารกัมพูชาถอนกำลังออกไปเสียก่อน เป็นการยืนยันชัดว่า กองทัพยอมรับแล้วว่า พื้นที่ 4.6 ตร.กม.เป็นของไทย ซึ่งตรงกับประกาศของรัฐบาล แต่เวลาผ่านมาถึงขณะนี้ กองทัพกลับปล่อยให้ทหารกัมพูชายึดครองอยู่ โดยไม่พยายามขับไล่ ผลักดัน ให้กัมพูชาออกไป ถือเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ของผบ.ทบ. และ พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาค 2 โดยชัดแจ้ง

นายประพันธ์กล่าวด้วยว่า ตนยังเชื่อว่า การปะทะกันยังจะมีต่อไป เพราะนอกจากกัมพูชาต้องการโปรโมต พล.ท.ฮุน มาเน็ต ลูกของนายฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา แล้วยังต้องการนำพื้นที่ปราสาท และพื้นที่โดยรอบไปผนวกเป็นเขต หรือคอมเพล็กซ์ ที่จะใช้ในการขึ้นทะเบียนมรดกโลก เป็นกระบวนการในการยึดครองดินแดนประเทศไทย โดยดึงประเทศมหาอำนาจที่มีผลประโยชน์กับกัมพูชา เข้ามาเกี่ยงข้อง ประเด็นสำคัญของปัญหาจึงอยู่ที่การทำหน้าที่ของกองทัพ และรัฐบาล

"ขอเรียกร้องไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องว่า ควรแสดงจุดยืนให้ประชาชนสบายใจ และมั่นใจว่า ดินแดนเอกราชของเรา จะไม่ถูกใครรุกราน และแผ่นดินจะไม่เสียให้กัมพูชา ทั้งที่กัมพูชา มีแสนยานุภาพทางการทหาร ต่ำกว่าเรามาก แต่การปล่อยให้สถานการณ์ดำรงอยู่เช่นนี้ ทำให้ประชาชนไม่ไว้วางใจ ทั้งกองทัพ และรัฐบาล"นายประพันธ์กล่าว

** เลิกเอ็มโอยู43-ผลักดันทหารเขมร

พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า รัฐบาลต้องเร่งทำ 2 ประการ พร้อมกัน เพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียชีวิตของทหาร และป้องกันความเดือดร้อนที่มีต่อประชาชน โดยรัฐบาลต้องยกเลิกเอ็มโอยู 2543 และผลักดันทหารกัมพูชาออกจากแผ่ดินไทยทันที โดยใช้เหตุการณ์ที่กัมพูชาโจมตีเราก่อนในครั้งนี้ เป็นเหตุผลในการดำเนินการ เนื่องจากกัมพูชาละเมิดข้อตกลง ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ส่วนในการผลักดันนั้น ควรใช้หลายมาตรการควบคู่กันไป เพื่อลดการสูญเสียให้น้อยลง ทั้งการปิดด่านชายแดน ตัดการส่งพลังงาน หรือเสบียงอาหาร เป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องทำ แต่รัฐบาลกลับบอกว่า การปิดชายแดน จะทำให้ประชาชนเดือดร้อน เนื่องจากขาดรายได้ แต่ต้องถามว่า ความเดือดร้อนของประชาชนเพียงชั่วคราว กับการสูญเสียชีวิตของทหารหาญนั้น รัฐบาลจะเลือกสิ่งใด

ในส่วนมาตรการทางการทหาร ก็ควรมีการฝึกซ้อมรบ หรือฝึกบินเครื่องบินเอฟ 16 บริเวณใกล้แนวชายแดน เพื่อแสดงแสนยานุภาพทางการทหาร แต่รัฐบาลก็ไม่ทำ ปล่อยให้กัมพูชารุกคืบมาตลอด เหมือนเป็นเมืองขึ้นของกัมพูชา ทั้งที่ศักยภาพทางการทหารของเขาไม่สามารถเปรียบเทียบกับเราได้เลย

**"สนธิ"ยันยืนหยัดต่อสู้เอาดินแดนคืน

นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวบนเวที "รวมพลังปกป้องแผ่นดิน" เมื่อคืนวานนี้ (26 เม.ย.) ว่า มีผู้สื่อข่าวจากสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสได้มาขอสัมภาษณ์และถามว่า อยากฝากอะไรถึงพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็ได้ตอบไปว่า ผมแก่กว่าปีเดียว เขาเป็นเศรษฐีแสนล้าน เป็นอดีตนายกรัฐมนตรี ไม่มีอะไรจะฝาก แต่ได้ฝากไปข้อเดียว คือ ทุกอย่างเกิดขึ้น คงอยู่ และดับไป ฝากเป็นข้อคิดให้เอาไปคิด

ทั้งนี้ ยังถูกถามต่อว่า รักอะไร เกลียดอะไร ก็ได้ตอบไปว่า ลืมไปหมดแล้ว ลืมรัก ลืมเกลียด จำได้แค่ปัจจุบัน วันนี้ จำได้ว่าต้องยืนหยัดกับพันธมิตรในการช่วงชิงดินแดนไทยกลับคืนมา ต่อสู้เพื่อวีระ (สมความคิด) ราตรี (พิพัฒนาไพบูลย์) ให้กลับคืนมา และต่อสู้ในเรื่องโหวตโน ที่มันกำลังเป็นเรื่องหนักหัวกะบาลของใครบางคน

**เตือนเขมรจ้องฮุบ"ไบแบก-สะด๊อกก๊อกธม"

นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์ กล่าวว่า หลังจากที่กัมพูชาพยายามจะเข้ายึดปราสาทตาเมือน และปราสาทตาควาย อยากให้จับตาดูต่อไป เป้าหมายต่อไปที่กัมพูชาอยากได้ คือ ปราสาทไบแบก อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ รวมไปถึงปราสาทสะด๊อกก๊อกธม เพราะตามแผนที่อัตราส่วน 1 ต่อ 2 แสน ที่กัมพูชายึดถือ ปราสาททั้งสองแห่งนี้อยู่ในเขตของกัมพูชา

ทั้งนี้ ปราสาทไบแบก ตั้งอยู่ในเขตบ้านสายโท 5 ต.จันทบเพชร อ.บ้านกรวด ห่างจากอำเภอบ้านกรวดมาทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 10 กิโลเมตร ห่างจากแหล่งโลหกรรมสายโท 7 ลงมาทางตอนใต้ประมาณ 3 กิโลเมตร นับว่าเป็นปราสาทที่อยู่ใกล้ชายแดนมากที่สุดของจังหวัดบุรีรัมย์ เท่าที่สำรวจพบในขณะนี้ จากการสำรวจพบว่ามีปรางค์อิฐ 3 องค์ เรียงตามแนวเหนือใต้ ปรางค์องค์กลางมีขนาดประมาณ 3.80x3.80 เมตร ทั้ง 3 องค์ ตั้งเป็นแนวระนาบในพื้นที่ 22.80x23.50 เมตร ทางตะวันตกของปรางค์ ห่างมาประมาณ 50 เมตร เป็นสระน้ำ 2 สระ

ปราสาทนี้ถูกทำลายลง มีการเคลื่อนย้ายทับหลังและส่วนประกอบสถาปัตยกรรมอื่นๆ ออกไป (บางชิ้นได้กลับคืนมาจัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติพิมาย) ปัจจุบันมีมูลดินทับถมฐานบางส่วน มีต้นไม้ใหญ่ซึ่งรากรัดหุ้มองค์ปรางค์ไว้ มียอดปรางค์ทำด้วยหินทรายตกอยู่ในบริเวณข้างเคียง จากหลักฐานเท่าที่เหลืออยู่ทำให้ทราบว่าปราสาทไบแบกเป็นปรางค์ก่ออิฐบนฐานศิลาแลง มีเสากรอบประตูทับหลัง ยอดเป็นหินทราย ภาพสลักบนทับหลังชิ้นที่เหลืออยู่เป็นรูปพระนารายณ์ทรงครุฑ ลักษณะศิลปกรรมแบบบาปวน มีอายุประมาณพุทธศตวรรษที่ 16 (กรมศิลปากร. 2532. "แผนที่ทางโบราณคดีจังหวัดบุรีรัมย์". มปท. หน้า 119)
กำลังโหลดความคิดเห็น