โฆษกพันธมิตรฯ ประณามเขมรอ้างปราสาทตาควาย-ตาเมือนธม เป็นของตน ซัดจงใจขโมยโบราณสถาน ชี้เพื่อนบ้านหวังให้ต่างชาติจุ้นขณะยึดครองดินแดนไทย แนะไล่พ้นพื้นที่ก่อนเจรจา หวั่นซ้ำรอยพระวิหาร หนุนทหารปฏิบัติการปกป้องแผ่นดิน แต่ซัดรัฐ-กองทัพสุดอ่อนแอ จี้ “ประยุทธ์” ทบทวนหน้าที่ “ธวัชชัย” แฉ “ฮุนเซน” ก่อสงครามสร้างเครดิตให้ “ฮุน มาเนต”
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ให้สัมภาษณ์
วันนี้ (25 เม.ย.) ที่สะพานมัฆวานฯ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายกัมพูชาออกแถลงการณ์ระบุว่าปราสาทตาควาย และปราสาทตาเมือนธมเป็นของกัมพูชาว่า ในนามของคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักร และพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขอประณามการกระทำดังกล่าว เพราะถือว่าเป็นเจตนาใช้แถลงการณ์นั้นเพื่อขโมยโบราณสถานของประเทศไทย และต้องการรุกล้ำยึดครองแผ่นดินไทยเพิ่มเติม นอกจากกรณีปราสาทพระวิหาร
ส่วนกรณีที่กัมพูชาได้เปิดฉากโจมตีฝ่ายไทยอย่างต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 ติดต่อกันนั้น นายปานเทพกล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่า เหตุจูงใจของกัมพูชานั้นมาจากความต้องการให้มีผู้สังเกตการณ์จากนานาชาติเข้ามาในพื้นที่ชายแดนเพื่อให้เกิดการหยุดยิงถาวร ในขณะที่กัมพูชายังยึดครองอยู่ ทำให้ฝ่ายไทยไม่สามารถใช้กำลังผลักดันออกไปได้ และส่งผลให้กัมพูชาสามารถครอบครองแผ่นดินไทยได้อย่างไม่มีกำหนดระยะเวลา พร้อมกับการจัดทำแผนบริหารจัดการเพื่อเตรียมขึ้นทะเบียนปราสาทอื่นๆ เป็นมรดกโลก โดยเฉพาะปราสาทตาเมือนธม ที่มีความชัดเจนว่ากัมพูชาเตรียมการไว้แล้ว
“ขอเรียกร้องให้ประเทศไทยหลุดออกจากพันธนาการนี้ โดยการผลักดันกัมพูชาออกจากแผ่นดินไทย โดยเฉพาะบริเวณปราสาทตาควาย ภูมะเขือ และวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ ที่เป็นจุดสูงข่มในการใช้อาวุธทำร้ายราษฎรไทย ก่อนที่จัดให้มีการเจรจาในระดับทวิภาคี หรือในระดับนานาชาติที่กำลังเข้ามาแทรกแซงต่อไป เพราะหากไทยยังยืนยันที่จะไปเจรจาทั้งที่กัมพูชายังยึดครองแผ่นดินไทยอยู่ก็จะเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยกรณีปราสาทเขาพระวิหาร ที่ยูเอ็นเอสซี และอาเซียนเรียกร้องให้ทั้ง 2 ฝ่ายหยุดยิง ทั้งที่กัมพูชายึดครองแผ่นดินไทยอยู่ เนื่องจากฝ่ายไทยไม่ยอมยืนยันเรื่องเส้นเขตแดน” นายปานเทพกล่าว
นายปานเทพกล่าวด้วยว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้เห็นความอ่อนแอของรัฐบาลและฝ่ายทหาร โดยเราขอให้กำลังใจนายทหารระดับปฏิบัติการที่ทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของชาติโดยใช้สามัญสำนึกของตัวเอง ในขณะที่ระดับผู้บังคับบัญชากลับใช้วิธีการเจรจา และอพยพคนไทยออกจากแผ่นดินไทย ทั้งที่หลักการที่แท้จริงควรผลักดันกัมพูชาออกไปอย่างสุดความสามารถ พร้อมส่งกำลังบำรุงให้แก่ผู้ที่ทำหน้าที่อยู่อย่างเต็มที่
ล่าสุด นายเทพมนตรี ลิมปพยอม กรรมการป้องกันราชอาณาจักร ได้เดินทางไปบริเวณใกล้เคียงกับจุดปะทะที่ชายแดน จ.สุรินทร์แล้ว พบว่าทหารยังทำหน้าที่ปกป้องปราสาทตาเมือนธมอยู่ได้ แต่ที่ปราสาทตาควายนั้น ทหารกัมพูชาขึ้นมายึดพื้นที่ประจันหน้ากับทหารไทยแบบครึ่งๆ ของตัวปราสาท โดยการส่งกำลังบำรุงและเสบียงนั้นอ่อนแอมาก ไม่สามารถบริหารจัดการให้ทหารหาญมีอาหารการกินและความเป็นอยู่ที่ดีพอ สะท้อนถึงปัญหาในการจัดการสวัสดิการและเอาใจใส่ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บังคับบัญชาทหารบก ต้องเร่งทบทวนบทบาทของ พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 ซึ่งรับผิดชอบในพื้นที่ที่ปล่อยให้กัมพูชาเข้ามายึดพื้นที่ที่ไม่เคยยึดได้มาก่อน
“ความรับผิดชอบนี้ต้องโยงมาถึงฝ่ายการเมืองด้วย เพราะการยืนยันใช้เอ็มโอยู 2543 ได้ทำให้กัมพูชาเข้ามายึดดินแดนไทยเพิ่มเติมนอกจากพื้นที่เขาพระวิหาร แสดงให้เห็นว่า เอ็มโอยู 2543 ไม่สามารถรใช้ทวงคืนแผ่นดินไทยได้แล้ว ยังไม่สามารถป้องกันการรุกล้ำดินแดนเพิ่มเติมจากฝ่ายกัมพูชา จึงขอเรียกร้องให้นายกฯ และรัฐบาลทบทวนบทบาทตัวเองเสียใหม่ในการปกป้องอธิปไตยของชาติ และปรับขบวนครั้งใหญ่ในส่วนของฝ่ายความมั่นคง” นายปานเทพกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ได้ออกชี้แจงถึงสถานการณ์ปะทะกันตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมระบุว่าจะไม่ปล่อยให้บริเวณปราสาทตาควาย-ตาเมือนธม ซ้ำรอยของปราสาทพระวิหารที่ถูกกัมพูชายึดครองอยู่ในขณะนี้ นายปานเทพกล่าวว่า กองทัพบกต้องตัดสินใจในช่วงที่เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อของประเทศ เพราะกรณีปราสาทเขาพระวิหาร สะท้อนว่า ฝ่ายบริหารและกองทัพอ่อนแอที่ปล่อยให้กัมพูชาสร้างถนนขึ้นมาบนยอดเขาแล้วทำร้ายราษฎรไทย และนำเรื่องเข้าที่ประชุมยูเอ็นเอสซี ซึ่งขณะนี้ได้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยไปแล้วในกรณีปราสาทตาควาย ที่เป็นโมเดลเดียวกันที่ลอกเลียนมาจากการยึดปราสาทพระวิหาร และเตรียมนำปราสาทตาเมือนธมไปเป็นมรดกโลก เป็นการวางแผนยึดแผ่นดินไทยโดยผ่านคณะกรรมการมรดกโลก และเอ็มโอยู 2543 เพื่อมัดตราสังทหารฝั่งไทยให้ทำหน้าที่ไม่ได้
นายปานเทพกล่าวด้วยว่า การเปิดฉากให้มีการปะทะบริเวณปราสาทตาควาย และปราสาทตาเมือนธมที่ จ.สุรินทร์ ยังเป็นขบวนการขยายผลของนายฮุนเซน นายกฯ กัมพูชา ที่ได้ตระเตรียมเอกสารในการยื่นให้ยูเอ็นเอสซีไว้ล่วงหน้าแล้ว โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการหาเสียงทางการเมืองภายในประเทศให้มากที่สุด เนื่องจากขณะนี้ทราบมาว่านายฮุนเซนมีอาการป่วยจากโรคร้ายที่มีโอกาสถึงแก่ชีวิต จึงต้องการสืบทอดอำนาจให้แก่ พล.ท.ฮุน มาเนต ลูกชายของตัวเองให้มากที่สุด ดังนั้น การขยายผลเปิดฉากปะทะตลอดแนวชายแดนไทยเป็นหนทางในการสร้างความนิยมจากการยึดครองพื้นที่ไทยให้มากที่สุด
“หมากเกมนี้แก้ได้โดยการผลักดันกัมพูชาออกจากแผ่นดินไทย เพื่อปิดโอกาสไม่ให้นานาชาติเข้ามาแทรกแซงในขณะที่กัมพูชายึดครองดินแดนไทยอยู่ เมื่อกัมพูชาหมดแรงจูงใจตรงนี้ และไม่สามารถดึงประเทศที่ 3 เข้ามาได้แล้ว ฝ่ายไทยจะสามารถรุกกลับโดยการเชิญประเทศที่ 3 เข้ามาสังเกตการณ์บ้าง เมื่อถึงตอนนั้นเชื่อว่าฝ่ายกัมพูชาจะพยายามต่อต้านอย่างแน่นอน” นายปานเทพกล่าว